เบียงก้าโทรหาฌองอย่างไรก็ตาม เธอได้รับข้อความแบบเดียวกันจากระบบ “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”ทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกไม่สบายใจเธอหวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นจากนั้น เธอก็โทรหานีน่านีน่ารับสายทันทีและถามว่า “มีอะไรเหรอ เพื่อนรัก?”เบียงก้าจึงอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังจากนั้นนีน่าก็กล่าวว่า “ฉันเดาว่าอาจจะมีใครบางคนเรียกแม่ไปเล่นไพ่นกกระจอกก็ได้นะ? เธอคงจะไม่รู้ แต่ตอนเล่นไพ่นกกระจอก แม่ชอบเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋า แม่ก็เลยอาจไม่ได้ยิน ส่วนพี่ชาย ก็คงกำลังจะยุ่งอยู่แหละ”เมื่อนีน่าพูดเช่นนั้น เบียงก้าจึงไม่คิดมากอีกเบียงก้าวางโทรศัพท์ลงและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ มันช่วยให้เธอสดชื่นมากขึ้น ในขณะที่เธอกำลังเป่าผม เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟภายในห้องนั่งเล่นดังขึ้นฌองเป็นคนที่โทรเข้ามา"สวัสดีค่ะพี่" เบียงก้ารับสายทันทีฌองเงียบไปครู่หนึ่ง จนผ่านไปนาน ดูเหมือนว่าเขาจะกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อนที่เขาจะถามออกมาอย่างเย็นชาว่า “เบียงก้า เรย์น เธอมีผู้ชายซ่อนเอาไว้ลับหลังพี่กี่คน?”“อะไรนะ…พี่หมายความว่ายังไง? ฉันซ่อนผู้ชายเอาไว้
หญิงวัยกลางคนมองไปที่เบียงก้า ท่าทางของเธอไม่เปลี่ยนแปลงเลย เธอครุ่นคิดอยู่ภายในใจอย่างดูถูกเหยียดหยาม ‘อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเธอเป็นพวกมั่วไปทั่ว เธอช่างเลือดเย็นและไร้หัวใจ! พี่สาวของเธอถูกดูหมิ่นอยู่แท้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเลย!”เดซี่รู้สึกผิดหวังจริง ๆ ในตอนนี้ ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอน่าจะดูถูกเรื่องของนางตัวแสบนั่นแทน!รถไฟใต้ดินเพิ่งจะเคลื่อนที่ผ่านสถานีอีสต์เกทไป เดซี่รู้สึกหมดความอดทน เธอจ้องมองไปที่เบียงก้าและพูดว่า “ทำไมเธอถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ สาวน้อย?"เบียงก้ามองไปที่เธอเธอเป็นคนใจร้ายอย่างไร?ในเวลาเดียวกัน เธอก็อยากรู้ว่า เดซี่ หญิงวัยกลางคนผู้นี้พูดจาไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร?เดซี่จ้องมองไปที่เธอ “ตอนที่เราขึ้นรถไฟมา เธอพยายามที่จะแย่งที่นั่งกับฉันใช่ไหม? มองฉันสิ! ฉันอายุเกินห้าสิบแล้วนะ แต่ทำไมเธอถึงพยายามแย่งที่นั่งกับฉัน? อายุอานามก็ยังน้อยแต่กลับไม่มีปัญญาหาเงินซื้อรถยนต์เอง ก็เลยต้องมาขึ้นรถไฟและแย่งที่นั่งจากพวกเราผู้สูงวัยที่แทบจะเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ!“เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกชายของฉันมีความสามารถมากพอ และก็ยังมีปัญญาซื้อรถยนต์ขับเองไ
ฌองหรี่ตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย เขากวาดตาดูเบียงก้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “เมื่อตอนที่คุณอายุสิบหกสิบเจ็ด เนื้อตัวของเธอนุ่มนิ่มและน่ากอด แต่ในตอนนี้เนื้อตัวเธอราวกับมีหนาบแหลมปกคลุมเต็มไปหมด หนามแหลมพวกนั้นโผล่ขึ้นมาเพื่อป้องกันพร้อม ๆ กับตอนที่ธาตุแท้ของเธอปรากฏขึ้นมาอย่างชัดสินะ”เบียงก้าฟังคำดูถูกของฌอง เธอตระหนักถึงข้อกล่าวหาที่ไร้สาระทั้งหมดที่เขาเหวี่ยงใส่เธอเมื่อวานน้ำเสียงของเขาฟังดูแหลมคมตอนเวลาต้องการพูดจาถากถางคนอื่นมันทิ่มแทงเข้าไปภายในหัวใจของเบียงก้าหลายพันรูจนเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดในตอนนี้ เธอยอมจำนนทุกอย่างแล้ว“ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว” เบียงก้ากล่าวอย่างใจเย็นในขณะที่เธอเดินผ่านเขาไปอย่างไรก็ตาม ฌองคว้าข้อมือของเธอไว้แน่นและดึงเธอกลับอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาแดงก่ำในขณะที่เขาคร่ำครวญ “เรายังไม่ได้เคลียร์กันเรื่องนี้เลย แล้วเราจะไปทำงานได้ยังไง!?”ทันใดนั้น นีน่าก็รีบวิ่งเข้ามา “พี่ฌอง พี่กำลังทำอะไร? ปล่อยบีเดี๋ยวนี้!”เบียงก้าสวมใส่รองเท้าส้นสูงมาทำงาน แม้ว่าส้นรองเท้าของเธอจะไม่สูงมากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมั่นคง การฉุดยื้อของฌองทำให้ข้อเท้าซ้ายของเธ
เบียงก้ากลับไปยังแผนกออกแบบเธอทิ้งฌองเอาไว้ที่ด้านล่าง แต่เธอก็ยังได้เห็นใบหน้าของเขาที่แผนกของพวกเขาโชคดีที่ที่นั่งของพวกเขาห่างกันซู คาร์เตอร์มองดูเบียงก้าที่กำลังนั่งลง จากนั้นเธอก็มองดูตัวเองในกระจก เธอรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย “เบียงก้า เราทั้งคู่ต่างก็ออกไปทำงานข้างนอกหามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน แต่ทำไมขอบตาฉันดำอย่างกับหมีแพนด้าแต่เธอกลับไม่เลยอ่ะ?”“เบียงก้า เธอใช้ครีมยี่ห้ออะไรลบรอยคล้ำใต้ดวงตาอ่ะ?” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเบียงก้าเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ใช้อะไรเลย…”“ไม่เลยเหรอ?!” เพื่อนร่วมงานคนนั้นตกใจ “นางฟ้ามาเกิดรึเนี้ย? อดหลับอดนอนทั้งคืนโดยที่ตาไม่เป็นหมีแพนด้าได้ไงอ่ะ! เห้อ…เราควรโยนงานกะดึกให้เธอดีกว่าล่ะมั้ง…”ซูวางกระจกของเธอไว้ข้างตัว จากนั้นเธอก็แซวว่า “อย่ารังแกเบียงก้าสิ ฌอง แฟนของเธอก็อยู่ตรงนั้นคอยปกป้องเธออยู่นะ!”ทุกคนต่างก็รู้สึกอิจฉาเบียงก้าอีกครั้ง!หลังจากการแซวนั้น ซูก็ตื่นตัวมากพอที่จะสังเกตเห็นว่าเบียงก้าและฌองดูไม่ค่อยดีเมื่อเบียงก้ารู้สึกอ่อนล้า เธอจึงไปชงกาแฟมาดื่ม ซูเดินตามเธอเข้าไป เม
พวกเขามาถึงในเมืองแล้วเจสันเอ่ยถามชาร์ล็อตในขณะที่เขาจับพวงมาลัยไปด้วย “คุณชอว์ครับ ให้ผมไปส่งคุณที่โรงแรมหรือว่าคุณอยากจะไปเดินศูนย์การค้าดีครับ?”"ไม่เอาทั้งคู่นั่นแหละ ฉันชวนเพื่อนออกมาทานหารกลางวันแล้ว” ชาร์ล็อตกล่าวขณะที่เก็บลิปสติกเข้ากระเป๋าถือหลังจากแต่งหน้าเสร็จเจสันเข้าใจและถามว่า “ถ้าเช่นนั้น คุณจองร้านอาหารเอาไว้รึยังครับ? ถ้าคุณยังไม่ได้ทำการจองร้านไหนเอาไว้ ทางเราสามารถทำการจองให้กับคุณได้ทุกเมื่อนะครับ”หากเปรียบว่า ที คอร์ปอเรชั่น เป็นจักรวรรดิในโลกของธุรกิจ ลุคก็คงเป็นองค์ราชาแห่งจักรวรรดิและในฐานะผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ เจสันก็คงจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียกระมั้ง เจสันมีหน้าที่เชื่อฟังนายท่านของเขาแต่เพียงผู้เดียวและคอยควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือทั้งหมดแน่นอนว่าชาร์ล็อตจะรู้สึกเย่อหยิ่งเมื่อผู้ชายที่มีตำแหน่งเช่นนั้นปฏิบัติต่อเธอด้วยความยำเกรง “อื้ม จองไว้แล้ว” ชาร์ล็อตบอกเขาว่าเธอจะไปรับประทานอาหารที่ไหนจากนั้น รถก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของเธอสิบนาทีต่อมา เจสันก็มาหยุดรถที่ทางเข้า “ถึงแล้วครับ คุณชอว์”"ขอบใจ!" ชาร์ล็อตคว้ากระเป๋าแล้วสะบัดผมสีน้ำตาลหยั
มาลีตกตะลึง “แต่…เธอเป็นน้องสาวของฉัน…”เจนนิเฟอร์อาบน้ำร้อนมาก่อนและก็เธอได้เห็นสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่ผู้หญิงทำต่อกันมานักต่อนักแล้ว ทันทีที่ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้น เธอก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังวางแผนอะไรชาร์ล็อตพึมพำกับมาลีอย่างเย็นชาว่า “หยุดปกป้องนางนั่นเถอะ! มันเป็นเหมือนเนื้องอกที่ควรกำจัดโดยเร็วที่สุด เธอกับแม่ก็พยายามฉุดกระชากมันขึ้นมาแล้ว คุณหญิงให้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศและใช้เงินมากมายไปกับเธอและเธอก็ให้มันมามากเกินพอแล้ว เป็นความผิดของมันเองที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการยั่วยวนผู้ชายไม่เลือกหน้า!“ฉันบอกเลยนะ มันไม่มีค่าอะไรในสายตาฉันเลย และฉันจะต้องทำแบบนี้เพื่อปกป้องความรักของฉันเอง!” จากนั้น ชาร์ล็อตก็เดินกลับไปยังที่นั่งของเธอมาลีแสร้งทำเป็นขัดแย้งกับเธออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งชาร์ล็อตขมวดคิ้วและเริ่มจะหมดความอดทน จึงทำให้มาลีตกลงที่จะทำตามแผนของเธอ …หลังจากที่มาลีออกจากห้องมา เธอก็เหลือบมองไปทางห้องน้ำเมื่อเธอแน่ใจว่าทางปลอดโปร่งแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปในมุมที่ลับตาคนและกดโทรออกเสียงการโทรดังอยู่นานก่อนที่จะมีใครบางคนรับสาย มาลีพูดอย่างรำคาญใจ “ทำไมนายถึงรับสายช้าขนาดนี
“ร้อน ร้อนจริง ๆ...“ทำไมถึงรู้สึกแย่แบบนี้? ฮึม…"เบียงก้าพยายามควบคุมสติพลางกระแทกปุ่มลิฟต์ และในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออก จากนั้นเธอก็เข้าไปด้านในโชคดีที่มีเพียงเธอคนเดียวที่นี่!เบียงก้าซ่อนตัวอยู่ในลิฟต์ที่กำลังเลื่อนลงมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่สามารถหยุดเสียงคร่ำครวญซึ่งผ่านออกมาทางริมฝีปากของเธอได้ ลิฟต์ค่อย ๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นเจ็ดและหยุดอยู่ที่นั่นเบียงก้าเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ เขาดูเหมือนเพิ่งจะอายุ 18 หรือ 19 ปี เขาสูงมากกว่า 170 เซนติเมตร เขาแต่งกายสบาย ๆเขาอาจจะกำลังเป็นนักศึกษา“คุณ…คุณไหวไหมครับ?” เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเบียงก้า จึงทำให้เขาตกใจและพูดตะกุกตะกัก“ฉัน… ฉันสบายดี” เบียงก้าขมวดคิ้ว “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”ความรู้สึกนั้นยากเกินกว่าจะระงับได้ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังลอยอยู่ในทะเลและแกว่งไปมาบนคลื่นอย่างไม่มั่นคง ซึ่งตอนนี้เธอต้องการสมอเรือเป็นอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเธอมองดูเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าของเธอ เธอจึงคิดว่าเขาเป็นสมอเรือนั้น…สายตาที่เร่าร้อนของผู้หญิงคนนี้ทำให้ใบหน้าของเ
ทั้งร่างกายและจิตใจของลุคสั่นสะท้าน สัมผัสแห่งความคุ้นเคยบริเวณหว่างขาของเขาแผ่ซ่านทั่วร่างกาย และความรู้สึกนี้ก็ทำให้จังหวะใจของชายหนุ่มระรัวยิ่งขึ้นความงามอันแสนอ่อนหวานของเธอดึงดูดสายตาของเขามาโดยตลอด“อ่า!”วินาทีถัดมา เขาอุ้มเธอในทันที เท้าของเบียงก้าลอยขึ้นจากพื้นอีกครั้งเขาอุ้มเธอขึ้นชิงช้าสวรรค์ ลุคต้องอดทนต่อการยั่วยวนจากมือเล็ก ๆ ที่ซุกซนไปมารวมถึงความรู้สึกของริมฝีปากนิ่ม ๆ ที่ซักไซร้อยู่ที่คอ…. และยังจูบไปที่บริเวณไหปลาร้าของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเบียงก้าไม่รู้ว่าชายผู้นี้เป็นใคร เธอลืมแม้กระทั่งว่าตัวเธอเป็นใคร สัญชาตญาณความกระหายของร่างกายกำลังครอบงำเธอให้ทำเช่นนี้ เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ร่างกายเธอรู้สึกดีขึ้น มิฉะนั้น ความกระหายอันเร่าร้อนนี้จะแผดเผาทรมานเธอจนทำให้เธอปรารถนาที่จะหมดไหม้ไปพร้อมกับมันเธอรู้สึกทรมานแสนสาหัสได้โปรด ใครก็ได้ช่วยเธอทีมือของเธอกำลังเสาะแสวงหาสิ่งที่เธอต้องการ เธอปลดกระดุมเม็ดที่สามบนเสื้อเชิ้ตของชายคนนั้นอย่างง่ายดาย…กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อลุคถูกปลดออกตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้เม็ดที่สามก็ถูกปลดเช่นกัน ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าเธอปลด
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ