“ผมสอบถามคนในพื้นที่แล้วครับ นายไพบูลย์เพิ่งมาทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างหน้าปากซอยได้ประมาณหนึ่งเดือนครับ เป็นคนขยันทำงาน และเมื่อคืนนายไพบูลย์ก็ออกโอทีมาตอนสี่ทุ่มครึ่ง”
“เมื่อคืน” หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถาม
“ครับ นายไพบูลย์เลิกงานเมื่อคืนสี่ทุ่มครึ่ง แล้วก็ตรงกลับมาที่ห้องพักเลยครับ ไม่ได้ไปแวะเที่ยวที่ไหน เพราะมีคนงานเห็นเขาเดินกลับเข้าซอยมาตั้งแต่งานเลิกน่ะครับ”
“นี่จ่าจะยืนยันว่านายไพบูลย์เพิ่งตายเมื่อคืน แต่ถูกสูบน้ำหล่อเลี้ยงจนตายเป็นซากแห้งแบบนี้น่ะเรอะ”
กฤษณ์มองหน้าจ่าวัยกลางคนอย่างต้องการคำตอบ เพราะเขาชักจะฉุนขึ้นมานิดๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่คิดจะหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ควรจะกระตือรือร้นกันให้มากกว่านี้ แต่ดันเชื่อกันทั้งหมดว่าคดีนี้เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้กองคนเก่าถึงถูกย้ายไป และผู้บังคับบัญชาก็มอบหมายหน้าที่นี้ให้เขามาคลี่คลายคดี
“ครับ พยานและหลักฐานมีพร้อมสรรพ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะผลจากนิติเวชก็ตรวจสอบศพอื่นๆ ออกมาแบบนี้เช่นกัน” จ่านิกรยืนยัน เพราะเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ธรรมดา
“ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าการตายเกิดจากอะไร และคนร้ายทำได้อย่างไรเท่านั้น เรื่องเหนือธรรมชาติผมไม่มีทางเชื่อแน่นอน และผมก็จะพิสูจน์ให้ได้”
กฤษณ์พูดอย่างคาดหมาย เพราะสมัยที่รถไฟวิ่งบนรางลอยฟ้า หรือวิ่งสวนทางกันไปมาใต้ดินได้แล้วนั้น เรื่องผีสางเทวดาไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขาเลย อาชีพตำรวจอย่างเขามีเพียงพยานและหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้เท่านั้นจึงจะเชื่อว่าคดีนั้นสิ้นสุดลง จะให้เชื่อว่าคดีที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ใครจะเชื่อกันเล่า
กฤษณ์เรียกแฟ้มคดีฆาตกรรมในพื้นที่ทั้งหมดขึ้นมาดู เพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประชุมหาแนวทางการป้องกันและหาฆาตกรตัวจริงมาให้ได้ และก็พบว่าไม่เพียงแต่จ่านิกรเท่านั้นที่คิดว่าคดีเหล่านี้เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นตำรวจทั้ง สน. ที่มีความคิดเช่นเดียวกัน
กฤษณ์จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดทีมกันตรวจตราพื้นที่เป้าหมายตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะจากการคาดคะเนทำให้รู้ว่าในเดือนนี้อาจมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นอีก 1 ศพ และมันต้องเป็นฆาตกรที่เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ ‘ผีพราย’ อย่างที่ชาวบ้านและนายตำรวจทั้ง สน. เชื่อกัน
.
.
ในยามดึกสงัดของคืนเดือนหงายที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสิ้นเดือน ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างช่วยกันลาดตะเวนอย่างแข็งขัน เพราะความเชื่อเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดจากสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติกำลังจะหมดไป ด้วยระยะเวลากว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเวนมาตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลยสักอย่างในทั่วลำคลองแห่งนี้ อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าออกมาเดินเพ่นพ่านในยามวิกาลก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านไปผ่านมาก็มีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
เสียงรถมอเตอร์ไซค์และแสงไฟที่สาดส่องมาทางนี้ทำให้จ่านิกรต้องหยีตามอง พลางแสดงความเคารพเมื่อเห็นผู้ที่มาใหม่ชัดเจน
“เป็นยังไงบ้างจ่า มีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
ผู้กองกฤษณ์เอ่ยถาม น้ำเสียงเคร่งขรึมแต่ก็ดูเป็นกันเองมากขึ้น เพราะวิธีของเขาใช้ได้ผล นายตำรวจทั้ง สน. คลายความหวาดกลัวในบางสิ่งและหันมาทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขันมากขึ้น เช่น จ่านิกรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเพราะมีคนทำให้เกิดขึ้น ไม่ใช่จากผีทำ
“ไม่มีครับผู้กอง ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”
“อืม... ดีแล้ว นี่ถ้าถึงสิ้นเดือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็จะขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่ในชุมชนให้จัดอาสาสมัครขึ้นมาดูแลแทนพวกเรา จะได้ไปทำคดีอื่นกันบ้าง”
“ครับ ผมก็ดีใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก”
“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” กฤษณ์ถามเมื่อเห็นจ่านิกรอยู่ประจำ ณ จุดนี้เพียงคนเดียว
“จ่าพลกับจ่าทิวแกไปตรวจที่หน้าวัดครับ อีกสักพักจะกลับมาเจอกันที่นี่” จ่าพลและจ่าทิวคือคู่ตำรวจที่ทำหน้าที่ตรวจตราร่วมกับจ่านิกรในคืนนี้
“อืม... งั้นเดี๋ยวผมจะวนรถดูรอบๆ สักพัก เดี๋ยวก็จะกลับเหมือนกัน”
“ครับผม” จ่านิกรรับครับ ก่อนจะมองตามรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของผู้กองหนุ่มไฟแรงแห่ง สน. ไป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของจ่านิกร ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาราวกับขำขันตัวเอง
เพราะสุดท้ายแล้วผู้กองกฤษณ์ก็พิสูจน์ได้ว่าเหตุการณ์ตายที่เกิดขึ้นตลอดมานั้นเป็นจากฝีมือมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่เกิดจากภูตผีปีศาจอย่างที่ชาวบ้านหรือแม้แต่ตำรวจอย่างพวกเขากลัว จนไม่กล้าที่จะหาเหตุผลที่แท้จริง เพราะเมื่อผู้กองสั่งให้ผลัดเวรกันตรวจตราแต่ละค่ำคืน กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย ดังนั้นฆาตกรมันก็ต้องเป็นคน ไม่ใช่ภูตผีแน่ เพราะผีมันคงไม่กลัวตำรวจหรอก
สองเท้าที่กรำงานหนักมาทั้งวันพาร่างอ่อนล้ามุ่งตรงเข้าไปในตรอกเล็กๆ แยกมาจากถนนเส้นหลักของเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยรถรามากมายวิ่งกันคับคั่ง แม้จะเป็นยามดึกแต่เสียงยวดยานที่ดังอยู่ไม่ขาดสายก็ทำให้รู้ว่าคนที่นี่คงแทบจะไม่หลับไม่นอนกัน เพราะมีทั้งคนที่ทำอาชีพในเวลาแดดออก หรือคนที่ทำอาชีพในเวลาแดดหุบ และก็มีคนอย่างเขา ที่ทำงานตั้งแต่ยามแดดออกจนแดดหุบไปนานแล้วจึงเพิ่งเลิกงานเพราะต้องเก็บงานให้ทันตามที่รับปากกับผู้รับเหมาก่อสร้างเอาไว้ ทำให้วันนี้เขาต้องอยู่ทำงานจนถึง 4 ทุ่มครึ่ง แม้อาจจะเรียกได้ว่าไม่ดึกสำหรับคนกรุง แต่สำหรับคนบ้านนอกคอกนา เวลานี้ก็ทำลูกได้หลายยกแล้ว แค่คิดไอ้ตัวน้อยของเขาก็พลางตื่นตัวกระตุ้นเตือนอย่างเสียไม่ได้ด้วยต้องจากบ้านมาทำงานในเมืองไกล ไอ้ตัวน้อยเลยไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนโพรงฉ่ำน้ำของเมียรักมาเป็นแรมเดือน และจะให้หาซื้อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเอาที่เมืองกรุงนี้ ลำพังเงินเดือนอย่างเขาคงไม่มีหน้าไปเที่ยวซื้อบริการใครได้ จำต้องอาศัยแม่นางทั้ง 5 บริหารไปก่อน และวันนี้ก็คงจะไม้พ้นอีกตามเคยยามดึกคืนเดือนหงายทำให้เส้นทางในตรอกนี้ไม่ได้มืดทึบอย่างที่เกรงเอาไว้ ด้วยแสงสว่างจากดว
เพราะกิจกรรมที่กินเวลาอาจทำให้ล่วงเลยไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าจะออกไปจับจ่ายหาซื้อของเพื่อขายตอนเช้า หากจะเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะกันตรงนี้คงไม่พ้นจะมีคนรู้เห็นให้ได้อาย และหากจะให้ลับตาหน่อยก็คงต้องเป็นคาคบต้นมะกอกด้านหน้า เป็นบุญของเขานักที่จะได้เชยชมนางฟ้าในค่ำคืนนี้ โชคดีที่เก็บงานจนดึกไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวาสนาได้มาพบเจอกับดอกบัวคู่งามที่ลอยปริ่มน้ำอยู่อย่างนี้แน่“น้องจ๋า รอพี่ด้วย น้องจ๋า”เขาร้องเรียก เพราะสาวเจ้าเหมือนจะว่ายน้ำหนีไม่รอเขาเลย และต้นมะกอกริมน้ำที่เห็นอยู่เป็นประจำในยามเย็นที่เดินผ่านคุ้งน้ำแห่งนี้ก็ดูจะไกลกว่าที่คาดคะเนไว้มาก เพราะว่ายมาจนจะเหนื่อยก็ยังไม่ถึง ทว่าจู่ๆ เขาก็ต้องหน้าตื่นเพราะน้องสาวคนงามหายไปจากเวิ้งน้ำข้างหน้าซะแล้วว่ายวนหันซ้ายหันขวามองหาแต่ก็ไม่พบ ทั้งที่คืนเดือนหงายมีพระจันทร์นำทางทำให้มองเห็นผืนน้ำได้ทั่ว แต่ไม่ว่าจะสอดส่ายหรือหันหาไปทางไหนก็ไม่มีวี่แววแต่แล้วสัมผัสบางอย่างจากกึ่งกลางลำตัวก็ทำให้เขาต้องสะดุ้งเฮือก ความเสียวส่งผ่านวูบวาบไปถึงหัวใจ เมื่อไอ้ตัวใหญ่ถูกครอบครองด้วยฝ่ามืออันอ่อนนิ่ม ความซ่านเสียวบังเกิดจนใบหน้าของเขาเหยเกเมื่อรับรู้ได้ว่
“อูย... พี่จ๋า... อา... ฉันเสียวนะ... อูย...”เสียงใส่จริตครางกระเส่าทำให้เขายิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ คาดหมายว่าครั้งนี้จะทำให้สาวงามติดใจให้มากที่สุด จะไม่มีทางที่เขาจะกลายเป็นไก่อ่อนสอนขันเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาอีกแน่หยาดน้ำขุ่นข้นที่พุ่งทะยานไปแล้วครั้งแรก กว่าจะผสมผสานจนก่อเกิดได้อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาต้องส่งสาวงามขึ้นสวรรค์ไปแล้วอย่างน้อยก็ 2 ครั้ง เพราะขนาดเมียที่บ้านนอกก็ชอบให้เขาทำ แถมยังครวญครางไม่ขาดปากเช่นสาวงามคนนี้ เพียงแต่เมียของเขาไม่ได้งดงามปานนางฟ้ามาเดินดินเช่นนี้ก็เท่านั้นคิดพลางกระหน่ำปลายลิ้นเลียไล้ที่ปลายยอดขึ้นลง พลางห่อริมฝีปากดูดดึงปลายเต้าไปมา พร้อมๆ กับฝ่ามือก็เร่งคลึงเคล้นความอวบใหญ่จนสาวงามส่งเสียงซู้ดซี้ดไปมาไม่หยุด“อา... พี่จ๋า... โอว... ซี้ด... ซี้ด... ฉันชอบ... อืม... พี่จ๋า...”ความชอบที่บ่งบอกพร้อมฝ่ามือวางทาบไว้บนศีรษะของเขาพลางกดน้ำหนักมือเล็กน้อยทำให้เขาต้องยิ้มออกมา ทั้งที่ริมฝีปากยังอมปลายยอดสู้ลิ้นไปมาไม่หยุด เมื่อรู้ได้ว่าสิ่งที่สาวงามคนนี้ชอบคืออะไรเคลื่อนใบหน้าลงต่ำ ไล้ปลายลิ้นไปตามสีข้างโค้งเว้างดงามก่อนจะตวัดปลายลิ้นวกมาเลียไล้ที่วงสะด
รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากก่อนที่ร่างอวบอิ่มแต่เปล่าเปลือยจะค่อยๆ พาเรือนร่างของตนเองลุกขึ้น ให้ดอกไม้งามละจากความแข็งแกร่งที่เหี่ยวแห้งไม่ต่างจากซากลูกไม้ที่เหี่ยวเฉาตามเวลา เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงความแข็งแกร่งทั้งหมดนั้นถูกซูบออกมาจนหมดสิ้นแล้ว ร่างที่นอนชิดติดอยู่กับคาคบไม้ก็ไม่ต่างจากซากศพตากแห้งที่ตายมาแล้วเป็นแรมปี ทั้งที่วิญญาณเพิ่งถูกกระชากออกจากร่างเพียงแค่อึดใจสาวงามค่อยๆ พาตัวเองก้าวลงสู่คุ้งน้ำเบื้องหน้า ใบหน้าสวยหวานหันมองสภาพซากศพที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่รากมะกอกจะจมลงพาซากศพสู่ใต้น้ำ พร้อมๆ กับใบหน้างดงามที่อิ่มเอิบไปด้วยเลือดฝาดจะแย้มยิ้มและค่อยๆ จมลงสู่ท้องน้ำหายไปอย่างไร้ร่อยรอย..“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องดังทั่วคุ้งน้ำด้านหน้า เรียกผู้คนทั่วบริเวณให้วิ่งตรงไป และสิ่งที่เห็นก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้า คนงานก่อสร้างที่พักอยู่ในบริเวณแห่งนี้ หญิงสาว คนแก่ และเด็กๆ ที่ต่างวิ่งกรูมาในบริเวณต้องตกตะลึงไปตามๆ กันบ้างก็หันไปอาเจียนเอาอาหารเช้าที่เพิ่งทานออกไปจนหมด บ้างก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่กล้ามองดูตรง และมีบ้างที่ต้องฝืนใจมองดูเพราะอยากรู้อยากเห็น และเพียงไม่นานเจ้าห
“ผมสอบถามคนในพื้นที่แล้วครับ นายไพบูลย์เพิ่งมาทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างหน้าปากซอยได้ประมาณหนึ่งเดือนครับ เป็นคนขยันทำงาน และเมื่อคืนนายไพบูลย์ก็ออกโอทีมาตอนสี่ทุ่มครึ่ง”“เมื่อคืน” หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถาม“ครับ นายไพบูลย์เลิกงานเมื่อคืนสี่ทุ่มครึ่ง แล้วก็ตรงกลับมาที่ห้องพักเลยครับ ไม่ได้ไปแวะเที่ยวที่ไหน เพราะมีคนงานเห็นเขาเดินกลับเข้าซอยมาตั้งแต่งานเลิกน่ะครับ”“นี่จ่าจะยืนยันว่านายไพบูลย์เพิ่งตายเมื่อคืน แต่ถูกสูบน้ำหล่อเลี้ยงจนตายเป็นซากแห้งแบบนี้น่ะเรอะ”กฤษณ์มองหน้าจ่าวัยกลางคนอย่างต้องการคำตอบ เพราะเขาชักจะฉุนขึ้นมานิดๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่คิดจะหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ควรจะกระตือรือร้นกันให้มากกว่านี้ แต่ดันเชื่อกันทั้งหมดว่าคดีนี้เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้กองคนเก่าถึงถูกย้ายไป และผู้บังคับบัญชาก็มอบหมายหน้าที่นี้ให้เขามาคลี่คลายคดี“ครับ พยานและหลักฐานมีพร้อมสรรพ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะผลจากนิติเวชก็ตรวจสอบศพอื่นๆ ออกมาแบบนี้เช่นกัน” จ่านิกรยืนยัน เพราะเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ธรรมดา“ผมจะเชื่อ
รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากก่อนที่ร่างอวบอิ่มแต่เปล่าเปลือยจะค่อยๆ พาเรือนร่างของตนเองลุกขึ้น ให้ดอกไม้งามละจากความแข็งแกร่งที่เหี่ยวแห้งไม่ต่างจากซากลูกไม้ที่เหี่ยวเฉาตามเวลา เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงความแข็งแกร่งทั้งหมดนั้นถูกซูบออกมาจนหมดสิ้นแล้ว ร่างที่นอนชิดติดอยู่กับคาคบไม้ก็ไม่ต่างจากซากศพตากแห้งที่ตายมาแล้วเป็นแรมปี ทั้งที่วิญญาณเพิ่งถูกกระชากออกจากร่างเพียงแค่อึดใจสาวงามค่อยๆ พาตัวเองก้าวลงสู่คุ้งน้ำเบื้องหน้า ใบหน้าสวยหวานหันมองสภาพซากศพที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่รากมะกอกจะจมลงพาซากศพสู่ใต้น้ำ พร้อมๆ กับใบหน้างดงามที่อิ่มเอิบไปด้วยเลือดฝาดจะแย้มยิ้มและค่อยๆ จมลงสู่ท้องน้ำหายไปอย่างไร้ร่อยรอย..“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องดังทั่วคุ้งน้ำด้านหน้า เรียกผู้คนทั่วบริเวณให้วิ่งตรงไป และสิ่งที่เห็นก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้า คนงานก่อสร้างที่พักอยู่ในบริเวณแห่งนี้ หญิงสาว คนแก่ และเด็กๆ ที่ต่างวิ่งกรูมาในบริเวณต้องตกตะลึงไปตามๆ กันบ้างก็หันไปอาเจียนเอาอาหารเช้าที่เพิ่งทานออกไปจนหมด บ้างก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่กล้ามองดูตรง และมีบ้างที่ต้องฝืนใจมองดูเพราะอยากรู้อยากเห็น และเพียงไม่นานเจ้าห
“อูย... พี่จ๋า... อา... ฉันเสียวนะ... อูย...”เสียงใส่จริตครางกระเส่าทำให้เขายิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ คาดหมายว่าครั้งนี้จะทำให้สาวงามติดใจให้มากที่สุด จะไม่มีทางที่เขาจะกลายเป็นไก่อ่อนสอนขันเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาอีกแน่หยาดน้ำขุ่นข้นที่พุ่งทะยานไปแล้วครั้งแรก กว่าจะผสมผสานจนก่อเกิดได้อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาต้องส่งสาวงามขึ้นสวรรค์ไปแล้วอย่างน้อยก็ 2 ครั้ง เพราะขนาดเมียที่บ้านนอกก็ชอบให้เขาทำ แถมยังครวญครางไม่ขาดปากเช่นสาวงามคนนี้ เพียงแต่เมียของเขาไม่ได้งดงามปานนางฟ้ามาเดินดินเช่นนี้ก็เท่านั้นคิดพลางกระหน่ำปลายลิ้นเลียไล้ที่ปลายยอดขึ้นลง พลางห่อริมฝีปากดูดดึงปลายเต้าไปมา พร้อมๆ กับฝ่ามือก็เร่งคลึงเคล้นความอวบใหญ่จนสาวงามส่งเสียงซู้ดซี้ดไปมาไม่หยุด“อา... พี่จ๋า... โอว... ซี้ด... ซี้ด... ฉันชอบ... อืม... พี่จ๋า...”ความชอบที่บ่งบอกพร้อมฝ่ามือวางทาบไว้บนศีรษะของเขาพลางกดน้ำหนักมือเล็กน้อยทำให้เขาต้องยิ้มออกมา ทั้งที่ริมฝีปากยังอมปลายยอดสู้ลิ้นไปมาไม่หยุด เมื่อรู้ได้ว่าสิ่งที่สาวงามคนนี้ชอบคืออะไรเคลื่อนใบหน้าลงต่ำ ไล้ปลายลิ้นไปตามสีข้างโค้งเว้างดงามก่อนจะตวัดปลายลิ้นวกมาเลียไล้ที่วงสะด
เพราะกิจกรรมที่กินเวลาอาจทำให้ล่วงเลยไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าจะออกไปจับจ่ายหาซื้อของเพื่อขายตอนเช้า หากจะเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะกันตรงนี้คงไม่พ้นจะมีคนรู้เห็นให้ได้อาย และหากจะให้ลับตาหน่อยก็คงต้องเป็นคาคบต้นมะกอกด้านหน้า เป็นบุญของเขานักที่จะได้เชยชมนางฟ้าในค่ำคืนนี้ โชคดีที่เก็บงานจนดึกไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวาสนาได้มาพบเจอกับดอกบัวคู่งามที่ลอยปริ่มน้ำอยู่อย่างนี้แน่“น้องจ๋า รอพี่ด้วย น้องจ๋า”เขาร้องเรียก เพราะสาวเจ้าเหมือนจะว่ายน้ำหนีไม่รอเขาเลย และต้นมะกอกริมน้ำที่เห็นอยู่เป็นประจำในยามเย็นที่เดินผ่านคุ้งน้ำแห่งนี้ก็ดูจะไกลกว่าที่คาดคะเนไว้มาก เพราะว่ายมาจนจะเหนื่อยก็ยังไม่ถึง ทว่าจู่ๆ เขาก็ต้องหน้าตื่นเพราะน้องสาวคนงามหายไปจากเวิ้งน้ำข้างหน้าซะแล้วว่ายวนหันซ้ายหันขวามองหาแต่ก็ไม่พบ ทั้งที่คืนเดือนหงายมีพระจันทร์นำทางทำให้มองเห็นผืนน้ำได้ทั่ว แต่ไม่ว่าจะสอดส่ายหรือหันหาไปทางไหนก็ไม่มีวี่แววแต่แล้วสัมผัสบางอย่างจากกึ่งกลางลำตัวก็ทำให้เขาต้องสะดุ้งเฮือก ความเสียวส่งผ่านวูบวาบไปถึงหัวใจ เมื่อไอ้ตัวใหญ่ถูกครอบครองด้วยฝ่ามืออันอ่อนนิ่ม ความซ่านเสียวบังเกิดจนใบหน้าของเขาเหยเกเมื่อรับรู้ได้ว่
สองเท้าที่กรำงานหนักมาทั้งวันพาร่างอ่อนล้ามุ่งตรงเข้าไปในตรอกเล็กๆ แยกมาจากถนนเส้นหลักของเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยรถรามากมายวิ่งกันคับคั่ง แม้จะเป็นยามดึกแต่เสียงยวดยานที่ดังอยู่ไม่ขาดสายก็ทำให้รู้ว่าคนที่นี่คงแทบจะไม่หลับไม่นอนกัน เพราะมีทั้งคนที่ทำอาชีพในเวลาแดดออก หรือคนที่ทำอาชีพในเวลาแดดหุบ และก็มีคนอย่างเขา ที่ทำงานตั้งแต่ยามแดดออกจนแดดหุบไปนานแล้วจึงเพิ่งเลิกงานเพราะต้องเก็บงานให้ทันตามที่รับปากกับผู้รับเหมาก่อสร้างเอาไว้ ทำให้วันนี้เขาต้องอยู่ทำงานจนถึง 4 ทุ่มครึ่ง แม้อาจจะเรียกได้ว่าไม่ดึกสำหรับคนกรุง แต่สำหรับคนบ้านนอกคอกนา เวลานี้ก็ทำลูกได้หลายยกแล้ว แค่คิดไอ้ตัวน้อยของเขาก็พลางตื่นตัวกระตุ้นเตือนอย่างเสียไม่ได้ด้วยต้องจากบ้านมาทำงานในเมืองไกล ไอ้ตัวน้อยเลยไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนโพรงฉ่ำน้ำของเมียรักมาเป็นแรมเดือน และจะให้หาซื้อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเอาที่เมืองกรุงนี้ ลำพังเงินเดือนอย่างเขาคงไม่มีหน้าไปเที่ยวซื้อบริการใครได้ จำต้องอาศัยแม่นางทั้ง 5 บริหารไปก่อน และวันนี้ก็คงจะไม้พ้นอีกตามเคยยามดึกคืนเดือนหงายทำให้เส้นทางในตรอกนี้ไม่ได้มืดทึบอย่างที่เกรงเอาไว้ ด้วยแสงสว่างจากดว