“เมียกูเป็นยังไงบ้าง” นำทัพและคาเรนลุกขึ้นพร้อมกัน คำถามพุ่งไปที่หมอไมลส์ทันทีเมื่อก้าวออกมาจากห้องตรวจ ด้านหมอหนุ่มทำเพียงเงียบแล้วจ้องหน้านำทัพกลับไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยถาม“คุณทำอะไรกับเธอ” การเจอกันครั้งนี้ของเขาและหญิงสาวมันไม่เหมือนกับทุกครั้ง แววตาของมิลินมันเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนมิลินคนเดิมที่เคยส่งยิ้มให้กับเขา“เกิดอะไรขึ้น” เพราะคำถามของอีกคนมันทำให้มีลางสังหรณ์ เหมือนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับมิลินอย่างไรอย่างนั้น“ความจำบางส่วนของมิลินหายไป” ว่าไงนะ?“หมายความว่าไง” เป็นคาเรนที่เอ่ยถาม นำทัพหลังจากที่ได้ยินคำพูดที่หลุดออกจากปากผู้เป็นหมอถึงกับนิ่งชะงักไปทันที หมาย ความว่าไงที่บอกว่าความจำของเธอหายไป“สาเหตุเกิดจากภาวะสุขภาพบวกกับยาที่เธอกินอยู่ตอนนี้ มิลินพึ่งยามาสักระยะแล้ว เธอใช้รักษาอาการกังวลและอาการผิดปกติเกี่ยวกับการนอน” มิลินได้ยาเป็นตัวช่วยให้ตัวเองไม่วิตกกังวลและนอนหลับได้ในทุก ๆ คืน หรือหากวันไหนเธอเหนื่อยจากกิจกรรมที่นำทัพมอบให้หรือร้องไห้หนักจนเกินไปวันนั้นเธอไม่ต้องพึ่งยาเลย เพราะมันจะหลับไปเองโดยไม่รู้ตัว ส่วนยาตัวนี้ได้มายังไงน่ะเหรอ.. เพรา
“ไอ้มาร์ติน” ทุกสายตามองไปยังเจ้าของเสียงทันที ก่อนที่หมอไมลส์จะก้าวเข้ามาในห้อง นำทัพมองทั้งสองสลับกันไปมา จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พวกมันเป็นแฝดกัน“มึงกลับมาทำไม”“…” นำทัพยืนฟังทั้งสองคุยกันเงียบ ๆ ก็ว่าวันนั้นเขารู้สึกไม่คุ้นสายตา เขาเหลือบมองหญิงสาวตัวเล็กที่แทบไม่สนใจใครเลย เธอเอาแต่นั่งแกว่งเท้ามองผีเสื้อโบยบินอยู่บนเตียง ขณะที่เขากำลังจ้องไปที่คนตัวเล็ก เสียงมาร์ตินก็ดึงความสนใจให้เขาหันไปมอง“พอดีของกูหาย เลยต้องมาตามกลับคืน” ซึ่งเป็นของที่เขาหวงแหนมาตลอดหลายปีแต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ มันถึงหายไปได้“อะไรของมึง” หมอไมลส์ทำหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่น้องชายกำลังจะสื่อ และใช่..คนที่เขาคุยด้วยตอนนี้คือ มาร์ติน น้องชายฝาแฝดของเขาเอง พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน เนื่องจากมาร์ตินเรียนและอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนเขาเป็นหมออยู่ที่มาเก๊า นานครั้งทั้งสองจะมาเจอกันแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมครั้งนี้น้องชายเขาถึงมาอยู่นี่โดยที่ไม่บอกเขาล่วงหน้า หมอไมลส์เคยขอให้น้องชายมาอยู่กับตัวเองที่มาเก๊า แต่มาร์ตินปฏิเสธที่จะมา บอกแค่ว่าตัวเองไม่ชอบที่นี่ชอบอยู่ญี่ปุ่นมากกว่า ซึ่งหมอไมลส์เองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่น้อง
“สวยจัง” ผมพามิลินออกมาเดินเล่นที่สวน เธอเก็บดอกไม้ขึ้นมาดมแล้วยิ้มให้กับดอกไม้ในมือตัวเอง ทุกอย่างมันปุบปับจนผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้ มิลินในวันนั้นกับวันนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วทุกอย่างก็เกิดจากน้ำมือผมเอง“ชอบเหรอ”“ใช่ มันสวย” ไม่ว่าเปล่า เธอนำดอกไม้มาทัดหูให้ผมก่อนจะเผยยิ้มออกมา เธอเหมาะกับรอยยิ้มจริง ๆ นั่นแหละ พอยิ้มแล้วเหมือนโลกทั้งใบมันสดใสไปหมด“เธอใส่บ้างสิ” “นี่ไง สวยไหม” เธอถามหลังจากที่เอาดอกไม้ไปทัดหูตัวเองเหมือนกับที่ทำกับผม ทำไมเธอถึงน่ารักขนาดนี้โดยเฉพาะเวลายิ้ม“สวยสิ มิลินสวยมากเลยรู้ไหม”“แต่พี่เกลชอบตี” ทุกบทสนทนาเธอแทบไม่เอ่ยถึงผมเลยสักคำ ผมไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเธอจริง ๆ สินะ พอเจอแบบนี้แล้วก็ทำเอาเจ็บอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ยังน้อยกว่าเธอหลายเท่า“คุณใจร้ายไหม” ใบหน้าสวยสงสัยเงยหน้าสบตาพร้อมกับตั้งคำถามที่ผมไม่กล้าตอบกลับไป เพราะผมน่ะ..โคตรใจร้ายเลย“….”“ลินชอบคนใจดี^^”“ยิ้มเยอะ ๆ นะมิลิน”“^^”“ได้เวลาทานข้าวแล้ว” ผมพาเธอออกมานานแล้ว ถึงเวลาอาหารเที่ยงคงต้องกลับเข้าไป ไว้พรุ่งนี้ค่อยพาเธอออกมาใหม่ ถ้าเธอชอบผมจะพามาเดินทุกวัน“นี่ของโปรดเธอ” นำ
"ทำอะไร" พยาบาลที่เพิ่งออกมาจากห้องพักของมิลินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยังเจ้าของเสียงที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเธอ "คะ คุณหมอ" เป็นหมอไมลส์ที่มาเจอ "ผมถามว่าคุณทำอะไร" เวลานี้ไม่ควรมีพยาบาลเข้ามายุ่งกับผู้ป่วย เพราะเป็นเวลาพักผ่อน อีกอย่างมิลินก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติ ถ้ามีก็ต้องเป็นเขาที่รู้ก่อนเพื่อน ทว่าทำไมพยาบาลถึงเข้ามาดูโดยไม่บอกเขาก่อน เขาแจ้งชัดเจนแล้วว่าถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับมิลินให้แจ้งเขาทันทีห้ามทำเองโดยพลการ "ฉะ ฉันมาดูยาที่เอาให้คุณมิลินค่ะว่าใกล้จะหมดหรือยัง" "คุณมาใหม่หรอ" เพราะเขารู้สึกไม่คุ้นหน้าพยาบาลคนนี้ หรือว่าเธอจะเป็นเด็กใหม่ "ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาได้อาทิตย์เดียว" แล้วมันก็จริง ยิ่งเป็นเด็กใหม่ยิ่งน่าสงสัย ว่าแต่เธอเข้ามาในบริเวณนี้ได้ยังไง เขาลืมบอกไปว่าห้องของมิลินจะแยกออกมาจากผู้ป่วยทุกคนอื่น ๆ ทั้งชั้นมีแค่ห้องมิลินคนเดียวเท่านั้น "ผมจะถือว่าเป็นครั้งแรก ไปเถอะ" ถือว่าเธอไม่รู้ก็แล้วกัน พยาบาลสาวรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้ไว หมอไมลส์มองตามอีกคนไปจนลับตาก่อนจะดึงสายตากลับมามองหญิงสาวในห้องอีกครั้ง "....." หมอหนุ่มยืนมองคนที่กำลังหลับใหลอยู่นานก่อน
"นายจะให้ผมไปด้วยเหรอครับ" ไบค์ทวนคำพูดของเจ้านาย วันนี้เขาเข้ามาดูแลกาสิโนแทนนำทัพและคาเรนที่ไปดูแลงานอีกที่ ในขณะที่เขากำลังทำงานนำทัพก็ได้โทรเข้ามาพร้อมกับบอกเรื่องที่จะให้เขาย้ายกลับไปอยู่ไทย ซึ่งตอนแรกเขาก็แทบไม่เชื่อหูตัวเองเพราะประเทศไทยคือบ้านเกิดของเขาแน่นอนว่าเขาต้องอยากกลับ(ใช่) เพราะนอกจากคาเรนก็เป็นไบค์ที่เขาเชื่อใจและไว้ใจที่สุด"แล้วงานที่นี่ล่ะครับใครจะดูแล"(ไอ้คาเรน) คาเรนกลัวว่าถ้ากลับกันหมดจะไม่มีใครอยู่ดูแลกิจการที่นี่เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ ส่วนไบค์ให้กลับประเทศไทยไปกับนำทัพ"รับทราบครับนาย" ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของผู้เป็นนายเขาก็ไม่มีสิทธิ์ค้านอยู่แล้วนอกจากทำตามหน้าที่ หลังจากที่วางสายจากนำทัพไบค์ก็กลับไปทำงานตัวเองต่อณ โรงพยาบาลนำทัพเงยหน้าขึ้นไปสบตากับครูซที่นั่งอยู่โซฟา "เป็นไปได้เหรอวะที่แม่งตำรวจไม่สามารถสาวถึงตัวมันได้" นำทัพแทบไม่อยากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ทั้งที่ครูซก็ไม่ธรรมดายังไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ถ้าเป็นแบบนี้พวกเขาต้องระวังมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาตอนไหน"เป็นไปแล้วนี่ไง" ถ้าในเมื่อหวังพึ่งตำรวจไม่ได้เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวัง ครูซนั่งไข
"อ้าว.." ไบค์ถึงกับอุทานพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตัวเองที่ยืนทำหน้าเหวออยู่ เขาเองก็ตกใจไม่ต่างกับเจ้านายเมื่อชื่อตัวเองหลุดจากปากหญิงสาว งั้นก็แสดงว่าเธอจำเขาได้ยกเว้นนายสินะ"จำพี่ได้ด้วยเหรอ" หรือมันจริงตามที่หมอบอก มิลินจำได้แค่บางเรื่องที่เกี่ยวกับเธอและลืมบางอย่างไป แล้วสิ่งที่เธอลืมก็คือนำทัพ.."พี่ไบค์" มิลินเรียกไบค์อีกครั้ง "มิลิน" ไบค์โบกมือเรียกหญิงสาวที่เหม่อมองอะไรก็ไม่รู้ เขามองตามสายตาของเธอไปก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่ตรงนั้น"พี่ไบค์" "ครับคุณมิลิน""พาลินไปหาหมอหน่อย" วันนี้เธอมีนัดต้องให้ไบค์พาไป บอกว่าไปหาหมอไม่ได้สิ ต้องบอกว่าไปตลาด ใช่..ไปตลาด"ว่าไงนะครับ?" "พาลินไปตลาดหน่อยได้ไหมคะ""เอ่อ.." ไบค์เหลือบมองผู้เป็นนายเล็กน้อย"ได้สิ" ทว่าเป็นนำทัพที่ตอบ เขาจะเป็นคนพาเธอไปเอง ไม่ใช่ตลาดนะ..แต่เป็นประเทศไทยณ ประเทศไทยนี่ก็หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ทั้งสามเดินทางมาถึงไทย ต้องยอมรับว่าทุกอย่างลำบากไปหมดสำหรับนำทัพ เพราะไม่ค่อยคุ้นชินเส้นทางจนครูซต้องให้ลูกน้องตัวเองมาอยู่ดูแลและคอยช่วยเหลือระหว่างอยู่ไทย ส่วนไบค์แม้ว่าบ้านเกิดจะอยู่ประเทศไทยแต่อย่าลืมว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
"สวัสดีครับ" หมอที่ได้รับหน้าที่มาดูแลมิลินยกมือไหว้ทักทายมาเฟียใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะแก่กว่าเขาหลายปี"ไอ้สัสครูซมึงนะมึง" นำทัพพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ก็หมอที่เพื่อนเขาหามาไม่ต่างจากคนเดิมเลย แทนที่มันจะเอาหมอผู้หญิงไม่ก็คนแก่มาก็ได้เสือกหาแต่หนุ่ม ๆ มาให้เขา"ครับ?" "อายุเท่าไหร่""35ครับ" ยังอ่อนกว่าเขาหลายปี นำทัพไล่สายตาสำรวจหมอหนุ่มที่จะมารักษามิลิน หล่อชะมัด.."มีเมียยัง""ครับ?" มันดูเข้าใจอะไรยากจังวะ แค่ตอบว่ามีไม่มีแค่นั้นก็จบ เสือกมาทำหน้าเหมือนคนเอ๋ออยู่นั่นแหละ"มีเมียหรือยัง" เขาถามย้ำอีกครั้ง ถ้ามีจะได้สบายใจ แต่ถึงให้มีมันก็ยังเชื่อใจไม่ได้อยู่ดีเพราะผู้ชายมันเจ้าชู้จะตาย"ยะ ยังครับ" หมอหนุ่มตอบเสียงตะกุกตะกัก อยู่ ๆ มาถามเขาแบบนี้คนตรงหน้าคงไม่ได้ชอบพวกไม้ป่าเดียวกันหรอกใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาคงต้องทำงานอย่างลำบากใจแน่นอน "ไปเถอะ" เหนื่อยจะสัมภาษณ์แล้ว มีไม่มีก็แล้วแต่เถอะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ถึงยังไงซะเขาก็ไม่ปล่อยให้มิลินอยู่กับไอ้หมอหน้าอ่อนนี้ตามลำพังแน่นอน เพราะเขาได้สั่งให้ลูกน้องตามติดเป็นเงาห้ามปล่อยให้คลาดสายตาเด็ดขาด ไม่ว่ามิลินจะทำอะ
หลังจากที่หญิงสาวออกไป นำทัพยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามออกไป ครืน ครืนทว่าในตอนนั้นเอง.. โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็มีเสียงเรียกเข้า ร่างสูงหมุนตัวก้าวไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา#คาเรนติ๊ด!"อืม"(กาสิโนไฟไหม้)"สาเหตุ" เขาไม่รู้สึกตกใจเท่าไหร่เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรก นำทัพถามถึงสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ในครั้งนี้ แต่เหมือนว่าเขานั้นจะรู้อยู่แล้ว(ยังหาตัวการไม่เจอ) คาเรนได้สั่งลูกน้องออกตามล่าหาคนที่มันมาวางเพลิงกาสิโนพี่ชายตัวเอง ไม่คิดว่าการไม่เข้าไปดูงานเพียงวันเดียวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ สงสัยพวกมันคงว่างมากถึงได้มากระตุกหนวดเสือแบบนี้ คงต้องทักทายกันหน่อยแล้วไหม"ลองส่งของขวัญไปให้พวกมันดูสิ" พวกมันคงจะเงียบไปอีกนานถ้าได้รับของขวัญจากเขา เก่งแต่ในที่ลับพอที่สว่างกับหัวหด คงคิดว่าเขาโง่มากมั้งที่ไม่รู้ว่าตัวการนั้นเป็นใคร บางเรื่องก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกไป แค่จัดการเงียบ ๆ แล้วให้มันหายไปอย่างถาวรก็พอแล้ว(ได้)"แค่นี้แหละ" นำทัพกำลังจะวางสายเป็นต้องชะงักเมื่อเสียงน้องชายแทรกขึ้น(มิลิ
“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่
เช้าวันใหม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เรียวแขนเล็กโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง เสียงหวานชวนหลงใหลเอ่ยขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะชะโงกไปมองยังเสี้ยวใบหน้าคนตัวโต"ทำไมอารมณ์ดี หื้ม?" นำทัพถามคนตัวเล็กขณะที่ยืนทำอาหารเช้าให้แม่ของลูกอยู่ในครัว"เมื่อคืนลินฝันว่าเราได้ลูกชาย" เธอฝันว่าตัวเองคลอดลูกชาย ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักจ้ำม่ำทั้งยังเหมือนพ่อราวกับแฝด พอตื่นมาเธอจำเหตุการณ์เรื่องราวในฝันได้หมด มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีและอยากให้ถึงวันคลอดเร็ว ๆ"สงสัยเฮียจะได้ลูกชาย" ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทางเขาเลยสิ นำทัพลอบยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าตนจะได้ลูกชายตามใจหวัง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องเพศอะไร แต่มันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี"ออกมาต้องหล่อเหมือนเฮียแน่เลย""มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเชื้อเฮียมันแรง""ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยหรือไง" จากมาเฟียผู้เย็นชากลายเป็นคนหลงตัวเองไปเสียแล้ว มิลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปยืนมองพ่อของลูกทำอาหารดี ๆ"วันนี้คุณแม่แต่งตัวน่ารักจัง"“ไม่น่ารักได้ไงคุณพ่อเป็นคนเตรียมไว้ให้”“หึหึ”"ว่าแต่วันนี้คุณพ่อทำอะไรให้ทานเอ่ย""มีบางคนบ่นอยากกินโจ๊กฝีมือเฮีย วันนี้เลยตื่นมาทำให้" ใบหน้าหล่อหันไปยิ
บนห้องนอนภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูมากมาย นำทัพนั่งกอดอกมองหญิงสาวขดนอนอยู่ใต้ผ้าน่วมผืนใหญ่บนเตียงคิงไซส์มาเป็นชั่วโมง ในหัวเขาเกิดคำถามมากมายที่ไม่สามารถพูดกับใครได้เลย มาลองคิดเล่น ๆ หากวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้วเขาจะเป็นยังไง จะแตกสลายแค่ไหนหากเราไม่สามารถปกป้องคนรักไว้ได้ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย“....” เขาจะปกป้องเธอกับลูกด้วยชีวิตของเขา ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้เด็ดขาดพูดถึงคาเรน เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ถูกชะตากับน้องชายต่างแม่เป็นอย่างมาก สาเหตุก็มาจากคำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นำทัพเกลียดพ่อตัวเองในตอนนั้นมาก ท่านทำแม่เขาเสียใจจนล้มป่วย หลังจากที่พ่อเขาเปิดตัวเมียน้อยกับลูกติดก็คือคาเรน เขาก็พาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที กระทั่งวันที่พ่อเสีย ท่านยกทุกอย่างให้เขาเพียงผู้เดียว ถามว่าดีใจไหมตอบเลยว่าไม่! แม้ท่านจะให้เขาทั้งหมด แต่มีหนึ่งสิ่งที่พ่อของเขาได้ขอเอาไว้ ขอให้เขาดูแลน้องชายให้ดี ทำไมท่านถึงเอาแต่ห่วงมันทั้งที่เขาก็เป็นลูกเหมือนกันหลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีกระทั่งคาเรนเรียนจบจึงขอมาช่วยงาน เขาเห็นในความพยายามของอีกคนที่อยากมาอยู่ด้วยจึงตอบตก
ช่วงเย็น “เฮีย” คนตัวเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอที่ดังอยู่ด้านหลัง “....” นำทัพคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนส่งภาพนั้นมาให้ ไม่รู้ว่าคนที่ทำต้องการแค่จะปั่นหัวเขาหรือเป็นสัญญาณเตือนในสิ่งที่เขากำลังกลัว ถ้าทุกอย่างมาลงที่เขาคนเดียวแน่นอนว่าเขาไม่คิดกลัวแต่กลับพร้อมพุ่งชน พอเป็นเธอทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายเลย “เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” “....” นำทัพไม่ใช่คนขี้ขลาด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้มันมาขู่อยู่แบบนี้แน่นอน มันอาจตายไปตั้งแต่วันแรกแล้วก็ได้ ทว่าเป้าหมายที่มันต้องการทำลายดันเป็นมิลิน แม่ของลูกคนที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต เขาจะไม่มีทางให้มันแตะต้องเธอได้เด็ดขาด “เฮีย” ขวับ! “มิลิน” น้ำเสียงตกใจแต่ยังคงความนิ่งเอาไว้เอ่ยเรียกแม่ของลูกที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว นำทัพปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรั้งเธอเข้ามาสวมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเฮียดูเหม่อ ๆ” หรือเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเป็นแบบนี้ “เฮียน่าจะนอนน้อย” นั่นไง จริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มิลินผละตัวออกจ