เมื่อเห็นหลิ่วเซิงเซิงหยิบขนม รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนทันที เมื่อเห็นว่าหลิ่วเซิงเซิงใส่ขนมกลับเข้าไปในกล่องอีกครั้ง รอยยิ้มหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนก็หยุดนิ่งทันทีเกิดอะไรขึ้น?เธอชอบกินขนมพวกนี้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ?ปกติแล้วเธอจะเอามันเข้าปากโดยตรงเมื่อหยิบมันขึ้นมา วันนี้เกิดอะไรขึ้น...เป็นไปได้ไหมที่เธอค้นพบบางสิ่งบางอย่าง?"ท่านพี่ ขนมวันนี้ทํามาไม่สวยเหรอ? ทําไมท่านไม่กินล่ะ?"หลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนถามเธออย่างทนไม่ไหวหลิ่วเซิงเซิงยิ้มและพูดว่า "ข้าเพิ่งแก้พิษบนใบหน้าได้ไม่ใช่ง่าย ๆ นี่เพิ่งสวยขึ้น ตอนนี้ก็จะเอาพิษที่เจ้าป้อนกินลงไปอีก งั้นก็จะกลายเป็นขี้เหร่อีกแล้วล่ะสิ?"จู่ ๆ สีหน้าของหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนก็เปลี่ยนไป "ท่านพี่ ท่านอะไร?""ข้านึกว่าน้องสาวจะเลิกวางยาแล้วหลังจากที่เห็นว่าข้าแก้พิษไปแล้ว ไม่คิดว่าน้องสาวจะยังกล้า น้องสาวกลัวข้ากลับมามีหน้าตาดีขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่ข้าก็แต่งงานแล้ว จะสวยหรือขี้เหร่ก็เป็นภัยต่อน้องสาวไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?"คำพูดกะทันหันของหลิ่วเซิงเซิง ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ฟังดูสับสนจู่ ๆ หลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนก็ใจเต้นแรง "ท่านพี่ ทำไมข้าไม่เ
หนานมู่เจ๋อหรี่ตาและมองไปที่หลิ่วเซิงเซิง บางทีเขาอาจจะเมาหรือบางทีร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาดูคุ้นเคยกับเขามากดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองดูอีกสองสามครั้งหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างเสียใจ: "ท่านพี่ ช่วงนี้มีใครมาพูดจาไม่ดีเรื่องข้ากับท่านหรือเปล่า? ท่านไม่เคยสงสัยข้ามาก่อน และยิ่งจะไม่ใส่ร้ายข้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้..."หลิ่วเซิงเซิงตะคอกอย่างเย็นชา "ใส่ร้ายหรือเปล่าเจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจเหรอ? เจ้าคิดว่าเจ้ากินขนมหนึ่งชิ้นแบบนั้นจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้แล้วเหรอ? คนอื่นโง่ ข้าไม่ได้โง่ เจ้าวางยาพิษเรื้อรัง กินแค่ชิ้นเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอยากพิสูจน์ตัวเองจริง ๆ เก่งจริงก็กินให้หมดกล่องนั้นเลยสิ?"หลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนถูกด่าจนตกตะลึง ตั้งแต่เด็กจนโตหลิ่วเซิงเซิงก็ไม่เคยด่าตัวเองแบบนี้ คนตรงหน้าคือหลิ่วเซิงเซิงจริง ๆ เหรอ?แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นพิษเรื้อรัง..."หลิ่วเซิงเซิง ข้าว่าพอได้แล้ว เมื่อก่อนขี้เหร่นานเกินไปหรือเปล่า ทําให้จิตใจเจ้าบิดเบี้ยวไปหรือเปล่า? เจ้าคิดว่าตอนนี้ตัวเองสวยกว่าเฉี่ยนเฉี่ยน เลยสามารถใส่ร้ายเธอได้ตามใจชอบเหรอ?"หนานลั่วเฉินอดไม่ได้ที่จ
ความสนใจของทุกคนในขณะนี้เปลี่ยนมาอยู่ที่โม่เล่าหนานลั่วเฉินเป็นคนแรกที่เยาะเย้ย "แล้วไง? ผลลัพธ์สุดท้ายพวกข้าเดาได้หมดแล้ว ต้องให้เองอ้อมค้อมมาบอกพวกข้าด้วยเหรอ?"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เหลือบมองหลิ่วเซิงเซิงอีกครั้งแล้วพูดว่า "น่าเสียดาย ใบหน้าที่สวยงามเช่นนี้ กลับอยู่บนคนแบบนี้ เสด็จพี่ ไปกันเถอะ"หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าหนานเทียนจะตัดสินใจเกี่ยวกับผลลัพธ์แล้ว และกำลังจะจากไปโดยไม่รอให้โม่เล่าพูดต่อโม่เล่าปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก "นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าน้อยได้สัมผัสกับระดับสูงเช่นนี้..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนก็พูดด้วยน้ำมูกไหลและน้ำตา: "โม่เล่า ไม่มีอะไรผิดปกติกับขนมนี้ใช่ไหม? ข้ารู้ว่าเองจะพูดอะไร อันที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของเอง ที่เองตรวจสอบมันไม่ออก แต่ขนมนี้ไม่มีอะไรผิดปกติจริง ๆ"หลิ่วเซิงเซิงที่อยู่ด้านข้างก็ปวดหัวมาก " โม่เล่า ท่านช่วยพูดตรง ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหม? ถ้ายังชักช้าคนจะไปกันหมดแล้ว!"เธอยังต้องการให้ทุกคนเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยน!โม่เล่าไม่เร่งไม่รีบ ซึ่งทำให้ผู้คนวิตกกังวลจริง ๆหลิ่วเฉี่ยนเฉ
ขณะที่พูด หลิ่วเซิงเซิงมองไปที่หนานมู่เจ๋อแล้วพูดว่า: "ยังมีท่านอ๋อง กลางวันแสก ๆ ท่านยังดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านมีสติหรือเปล่า และได้เห็นความจริงหรือยัง ยังไงข้าก็พูดในสิ่งที่ควรพูดแล้ว และตอนนี้ก็ต้องบอกท่านทีละอย่าง""ท่านพี่ นี่เป็นความเข้าใจผิด ข้าไม่ได้วางยาพิษท่าน..."หลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ในขณะนี้เธอตื่นตระหนกจริง ๆ และวิ่งไปหาแม่ทัพหลิ่ว"ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อข้า ทุกคนเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้วางยาพี่สาวเลย ยังมีองค์ชายสอง ข้าเปล่า ฮือฮือ ท่านพี่เจ๋อ พวกท่านเชื่อข้าได้ไหม..."แม่ทัพหลิ่วสีหน้าละอาย ขณะที่หนานลั่วเฉินหน้าแดงอย่างรุนแรง ราวกับว่าเขาถูกตบหลายครั้ง...หลิ่วเซิงเซิงเพิกเฉยต่อหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนโดยสิ้นเชิง มองหนานมู่เจ๋อเท่านั้นและพูดว่า:"ข้ายอมรับว่า ปีนั้นข้าชอบท่านมากจริง ๆ หลายปีมานี้ข้าก็ชอบท่านมาตลอด แต่สิ่งที่ทํากับท่านไม่ใช่ความตั้งใจของข้าเลย ทุกครั้งที่ข้าฆ่าตัวตาย จริง ๆ แล้วหลิ่วเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนออกความคิดให้ข้า ทุกครั้งที่ข้าแกล้งทําเป็นบาดเจ็บ เธอก็ยุยงอยู่ข้างหลัง!เธอสอนข้าถึงวิธีทาแป้งหนา ๆ บนใบหน้าเพื
หลังจากพูดอย่างนั้น หลิ่วเซิงเซิงก็พูดต่อด้วยการเยาะเย้ย:"มีคนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ มีทั้งพ่อแท้ ๆ ของข้า มีพระสวามีของข้า มีองค์รัชทายาท มีองค์ชาย และแม้กระทั่งคนใช้มากมาย มีคนไหนเชื่อข้าบ้าง? และมีใครช่วยข้าพูดสักประโยคหนึ่ง? ท่านก็ช่วยข้าอยู่ แต่ทุกคําพูดของท่านก็เข้าข้างเธอเหมือนกัน!""ท่านกลัวว่าชื่อเสียงของเธอจะถูกทำลาย แต่ทำไมท่านไม่ลองคิดดูว่า ข้าใช้ชีวิตด้วยใบหน้าที่ขี้เหร่เช่นนี้มาหลายปี แม้แต่ขอทานตามถนนก็ยังหัวเราะเยาะข้าที่ขี้เหร่ ทำไมท่านไม่รู้สึกสงสารข้าบ้าง? ทำไมไม่กลัวว่าชื่อเสียงของข้าจะเสียหายบ้าง?"แม่ทัพหลิ่วถูกกล่าวว่าจนหน้าแดงไปหมด "เซิงเซิง เจ้าต้องการอะไรพ่อจะให้เจ้าทุกอย่าง!""ข้าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ ข้าก็ไม่ได้บอกว่าท่านไม่ได้ให้อะไรข้าเลย ท่านดีกับข้า ในใจข้ารู้ดี แต่ท่านพ่อ ท่านไม่ใช่พ่อของข้าคนเดียว ท่านก็เป็นพ่อของเฉี่ยนเฉี่ยน อย่างน้อยระหว่างเราสองคน ท่านทําให้ข้ารู้สึกว่าลําเอียงไปหน่อย""ไม่ใช่ พ่อ...""ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะท่านอ๋องดื่มเยอะเกินไป และถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาแค่คิดจะนอนและขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเรา บางทีข้าอาจจะโดนโบยสามสิบทีไปแล้ว"
เสี่ยวถังถอนหายใจอุทานว่า "อาหลินเป็นคนดีมาก เขามักจะไม่ยอมให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ นี่ถึงทําให้ตัวเองบาดเจ็บอยู่เสมอ..."หลิ่วเซิงเซิงกล่าวว่า: "แล้วไงต่อ? เขาได้รับบาดเจ็บเพราะเพื่อปกป้องท่านอ๋อง และเขาก็ขวางมีดให้เสี่ยวเจียง ท่านอ๋องได้ส่งคนมาดูแลเขาอย่างดีหรือเปล่า?""เป็นเช่นนั้นจริง แต่อาหลินได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป ตอนแรกเขายังสามารถกินอะไรได้บ้าง บางครั้งก็จะมีสติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ บาดแผลบนร่างกายก็ไม่หาย กลับมีอาการอักเสบและเน่าเปื่อย ทั้ง ๆ ที่เราดูแลอย่างระมัดระวังแล้ว ข้าน้อยกลัวว่าเขาจะถูกวางยาพิษ ท่านอ๋องก็ส่งโม่เล่ามาให้เขา แต่ แต่..."เมื่อมาถึงจุดนี้ ป้าหวังก็น้ำตาไหล "แต่โม่เล่าพูดในวันนี้ว่า อาการบาดเจ็บของอาหลินไม่ดีแล้ว เขาให้เราเตรียมงานศพให้อาหลิน..."น้ำตาของป้าหวังไหลรินทีละหยด ดูน่าสงสารอย่างยิ่งเสี่ยวถังพูดด้วยความเห็นใจว่า: "น่าสงสารมาก แต่เรื่องที่โม่เล่ายังไม่มีวิธี พระชายาของข้าก็อาจจะไม่มีวิธี..."ป้าหวังพูดทั้งน้ำตา: "ข้ารู้ว่าพระชายา รู้ทักษะทางการแพทย์อยู่บ้าง โม่เล่า บอกเราแล้วว่า พระชายาเป็นคนแก้พิษงูไม่ใช่เขา พระชายาไม
หลังจากที่ป้าหวังจากไปแล้ว หลิ่วเซิงเซิงก็นั่งข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมันปล่อยไว้นานเกินไป จริง ๆ แล้วตอนนี้ใช้ยาอะไรก็เหมือนจะไม่ได้ผลมากนักโม่เล่าพูดถูก จากสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ทางที่ดีควรเตรียมงานศพของเขาแต่หากให้เลือดเขาได้ทันเวลาก็จะไม่...หลิ่วเซิงเซิงก็ไม่รู้จะคิดยังไง หยิบเครื่องเล็ก ๆ ที่ตรวจกรุ๊ปเลือดออกจากห้องเก็บยา ตรวจกรุ๊ปเลือดในร่างนี้ของตัวเอง แล้วเอาสิ่งเล็ก ๆ นั้นมาจ่อที่นิ้วของอาหลินอีกครั้งบังเอิญกรุ๊ปเลือดเหมือนกันยังไงศตวรรษที่ 22 ก็ยังสะดวกกว่า ถ้าเราอยู่ในยุคปัจจุบันก็แค่เข็นอาหลินเข้าโรงพยาบาล ให้เลือด กินยาปฏิชีวนะแล้วเขาก็จะฟื้นตัวหลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่แต่ตอนนี้เธอจะหาเลือดให้เขาได้ที่ไหน?ยิ่งกว่านั้นหากคนโบราณคนใดได้ยินเรื่องการให้เลือด ตัวเองก็จะถูกมองว่าเป็นปีศาจใช่ไหมกล่าวอีกนัยหนึ่งมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่สามารถให้เลือดเขาได้ในตอนนี้ช่วยหรือไม่ช่วย?ถ้าช่วย ตัวเองบริจาคเลือดมากขนาดนั้น ร่างเล็ก ๆ นี้ทนไม่ได้แน่นอนถ้าไม่ช่วย ก็ได้แต่เก็บศพให้อาหลินเท่านั้น..."พระชายา ได้ยากลับมาแล้ว"เมื่อได้ยินเสียงของป้าหวัง หลิ่วเซิงเซ
"เองไม่จำเป็นต้องรู้มากนัก เองแค่ต้องร่วมมือกับข้า และช่วยข้าเก็บเป็นความลับ"หลิ่วเซิงเซิงค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ต่อหน้าป้าหวัง "ไม่ว่าเองจะเห็นอะไร เองก็ไม่ต้องกลัว และอย่าออกไปพูดข้างนอก ถ้าเองรับประกันได้ ข้าก็สามารถช่วยชีวิตลูกชายเองได้"แม้ว่าป้าหวังจะไม่เข้าใจคำพูดของหลิ่วเซิงเซิง แต่ป้าหวังก็ยังคงตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าเธอสามารถช่วยลูกชายของตนได้"ตราบใดที่พระชายาสามารถช่วยลูกชายของข้าน้อยได้ ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตาม ข้าน้อยจะถือว่าไม่เคยเห็น พระชายาก็คิดซะว่าข้าน้อยตาบอด!"นี่เป็นปฏิกิริยาที่แท้จริงของการเป็นแม่!หลิ่วเซิงเซิงถือเครื่องมือขนาดเล็กและแทงข้อมือของป้าหวังด้วยเข็มบนตัวเครื่อง หลังจากดูเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืน"กรุ๊ปเลือดของเองก็ได้ ไม่มีโรคเลือดอะไร ถ้าเองบริจาคเลือดด้วย ลูกชายของเองคาดว่าจะตื่นขึ้นมาในวันมะรืน""บริ บริจาคเลือดอะไร...""ข้าพูดแบบนี้ไม่รู้ว่าเองจะเข้าใจไหม สรุปก็คือลูกชายเองเสียเลือดมากและจะตายในไม่ช้า สถานการณ์ตอนนี้ก็สายเกินไปที่จะค่อย ๆ บำรุงเลือดให้เขา ทางที่ดีควรมีคนใช้เลือดของตัวเองให้เขาบ้าง ข้าตรวจแล้ว ของข้าและของเองก็ใช้ได้หมด ถ้าเองยอ
"ชีวิตและความตายของคนคนหนึ่งไม่สำคัญเท่ากับชาวบ้าน ถ้าวันนั้นเป็นเจ้าและข้าสองคนไปช่วยที่ประตูเมือง ชาวบ้านทั้งเมืองมองด้วยสายตาเย็นชา งั้นวันนี้ข้าก็จะมองด้วยตาเย็นชา แต่วันนั้นชาวบ้านทั้งเมืองมาช่วยเหลือ พวกเขาเห็นแก่หน้าข้ามาก แม้ว่าพวกเขาจะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พวกเขาก็ไปแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งไม่ได้ นี่จึงเป็นการไปมาหาสู่กันตามมารยาท"สายตาของหลิ่วเซิงเซิงแน่วแน่มาก "ถ้าไม่ใช่โรคระบาด การมาของเราก็แค่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเป็นโรคระบาดจริง ๆ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ อย่างที่หมอเหอพูด นี่เป็นพื้นฐานที่สุดในฐานะหมอ"อี้โจวถอนหายใจ "ท่านเป็นแบบนี้มาตลอด คนที่ทำดีแก่ท่านก็จำได้ ก็เหมือนคนที่ทำไม่ดีแก่ท่าน ท่านก็จำได้ ท่านพูดมีเหตุผลอย่างนี้ ข้าจะได้ไม่กล้าพูดว่าท่านเป็นห่วงอ๋องชางแล้ว""แคกแคกแคก..."หลิ่วเซิงเซิงไอสองสามครั้งแล้วพูดว่า "อย่าเดาไปทั่ว"ขณะที่อี้โจวกำลังจะพูด หมอทุกคนที่อยู่ข้างหน้าก็เข้าไปแล้ว และในไม่ช้าพวกเขาก็ส่ายหัวออกมาหมอเหอกลับมาหาหลิ่วเซิงเซิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "แม่นาง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย มันเป็นโรคระบาดจริง ๆ"เมื่อเห็นสีหน
หนานมู่เจ๋อเพียงมองไปรอบ ๆ อย่างสงบ ร้านขายยาแห่งนี้ไม่ใหญ่นักและไม่ต่างจากร้านขายยาอื่น เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาที่นี่โดยบังเอิญ เขาเหลือบมองบันไดข้าง ๆ แล้วถามว่า "ชั้นสองเป็นที่พักผ่อนของพวกเจ้าเหรอ ?"หมอเหอยิ้มและกล่าวว่า "ตอบฝ่าบาท ชั้นบนเป็นห้องผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยหนักบางคนได้พักผ่อน"เฉินเหลียงเฟิงพยักหน้าอย่างชื่นชม "มีห้องผู้ป่วยในร้านขายยา ค่อนข้างหายาก"หมอเหอกล่าวว่า "นี่คือความคิดของหมอเทวดาหลิ่วทั้งหมด เธอบอกว่าผู้ป่วยบางคนมีไข้สูงไม่ลด ถ้าอยู่บ้านตลอดเวลา ไข้นาน ๆ จะเผาสมอง ถ้ารุนแรงหน่อยก็ควรอยู่ที่ร้านขายยา มีอะไรก็แก้ไขได้ทันที""หมอเทวดาหลิ่วของพวกเจ้าอยู่ชั้นบนหรือเปล่า?"หนานมู่เจ๋อจู่ ๆ ก็ถามขึ้นหมอเหอพยักหน้า "ให้ข้าน้อยไปเชิญเธอลงมามั๊ย?""อ๋องชาง ท่านเจ้าเมือง มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"ได้ยินแต่เสียงตื่นตระหนกจากนอกประตู จากนั้นองครักษ์ก็รีบเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ก็คุกเข่าลงบนพื้น "มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"หนานมู่เจ๋อหงุดหงิดเล็กน้อย "พูดมา""โรคระบาด โรคระบาดเข้ามาในเมืองแล้ว หลายคนในเมืองมีอาการอาเจียนด้วยกัน ริมฝีปากของพวกเขาเป็นสีม่วง กินอะไรก็
ราวกับว่าศรัทธาทั้งหมดของเขาพังทลายลงในขณะนี้ หรงหรงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวและเกือบจะล้มลงกับพื้นเธอมองไปที่หลิ่วเซิงเซิงด้วยความหวาดกลัว "เจ้า เจ้าวางแผนข้า?"หลิ่วเซิงเซิงพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ "จะพูดได้ยังไงว่าเป็นแผนการ? ทุกคำที่เจ้าพูดนั้นเจ้าเป็นคนพูดเอง และทุกการกระทำที่เจ้าทำนั้นถูกวางแผนอย่างรอบคอบด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าเองที่มาที่นี่เพื่อข่มขู่ข้า ข้าไม่ใช่พยาธิในท้องของเจ้า จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามาที่นี่แล้วจะทำเรื่องแบบนี้?"ขณะพูด เธอก็เอามือแตะหน้าตัวเองอีกครั้ง "ตบนั้นเจ็บใช่ไหม? เห้อ ครั้งที่แล้วเจ้าก็ทำแบบนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดยังไง บางทีคนหน้าหนาตบยังไงก็ไม่เจ็บใช่ไหมล่ะ?"หรงหรงสั่นไปหมด "มันมากเกินไปแล้ว! พวกเจ้าทำมากเกินไปแล้ว...""พอแล้ว!"จู่ ๆ เฉินโย่วก็ขัดจังหวะเธอ แล้วพูดอย่างเย็นชา "ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? แล้วใครกันแน่ที่หลอกลวง? หรงหรง เจ้าไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยเหรอ?"หรงหรงตื่นตระหนก "สามี ท่านอย่าถูกหลอก นี่เป็นแผนการของพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจงใจนัดข้ามา จงใจนำข้าให้พูดคำที่ไม่ดีเหล่านั้น แล้วจงใจพาท่านไปที่ประตู ทุกอย่างเป็นไปโดยเจตนา พวกเขาแค่คิดจะ
อี้โจวโกรธมาก ขณะที่กำลังจะพูด หลิ่วเซิงเซิงก็เดินออกไปอย่างเย็นชา "เดิมทีพวกเรากำลังจะไป ในเมื่อฮูหยินน้อยกระตือรือร้นมาก ข้าคิดว่าเราอยู่ต่อดีกว่า"สีหน้าสาวใช้เปลี่ยนไป "เจ้ารู้ตัวเองมั๊ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่?""ในเมื่อเจ้านำคำพูดมาด้วยความกระตือรือร้นขนาดนี้ งั้นข้าก็ต้องกระตือรือร้นหน่อย เจ้าก็ช่วยข้าบอกฮูหยินน้อยด้วย นัดเธอไปพบที่หย่งชุนถังพรุ่งนี้เถอะ ถ้าเธอไม่มา เรื่องราวความเจ้าชู้ของเธอในเมืองหลวงในอดีตก็จะสะเทือนในเจียงเฉิง"เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลิ่วเซิงเซิง สาวใช้ก็โกรธมาก "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ฮูหยินน้อยของเจ้าเข้าใจก็พอ"หลังจากพูดจบ หลิ่วเซิงเซิงก็ปิดประตูอย่างไม่เกรงใจและกลอกตา "อะไรวะเนี่ย"อี้โจวยังเยาะเย้ยว่า "ไม่ดูตัวเองเลยว่าตัวเองเป็นยังไงยังกล้ามาขู่ ผู้หญิงคนนั้นช่างปัญญาอ่อนไม่รู้เรื่อง!""กลัวว่าสมองจะใช้ในการหลอกลวงผู้ชายอย่างเดียว"หลิ่วเซิงเซิงดูถูกเหยียดหยามและกระซิบคำพูดสองสามคำกับอี้โจว ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหลิ่วเซิงเซิงมาถึงหย่งชุนถัง หรงหรงก็รออยู่ที่ประตูมาน
ดวงตาหนานมู่เจ๋อกระตือรือร้น และหลังจากพูดแล้ว เขาก็เดินไปยังทิศทางที่หลิ่วเซิงเซิงจากไปหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว ท่านเจ้าเมืองก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา"ฝ่าบาท ฝั่งหยุนตูมีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว!"หนานมู่เจ๋อหายใจเข้าลึกและต้องหยุด "เกิดอะไรขึ้น?""ตอบฝ่าบาท รายงานจากแนวหน้า หยุนตูไม่ได้ถอนกำลัง แต่ตั้งค่ายอยู่บนทุ่งหญ้าไม่ไกลจากประตูเมืองของเรา เกรงว่าเขาจะต้องทำสงครามที่ยืดเยื้อกับเรา!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสี่ยวเจียงก็รีบถามว่า "ยืนอยู่บนกำแพงเมือง สามารถเห็นค่ายของพวกเขาไหม?""อยู่ค่อนข้างไกล แต่ถ้ายืนสูง ๆ ก็จะมองเห็นได้นิดหน่อย"เจ้าเมืองพูดอย่างจริงจัง "ฝ่าบาทจะเสด็จไปดูหรือไม่?"หนานมู่เจ๋อดูเหมือนจะฟุ้งซ่านเล็กน้อย จนกระทั่งเขาได้ยินคำเตือนของเสี่ยวเจียง เขาก็พยักหน้า"ไปกันเถอะ""..."ในไม่ช้าพวกเขาก็ออกจากจวนเจ้าเมือง ขี่ม้าและรีบไปที่ประตูเมืองด้วยเหตุผลบางอย่าง นับตั้งแต่เขาเห็นรอยแผลเป็นบนหลัง หัวใจของหนานมู่เจ๋อก็สับสน รู้สึกเสมอว่าร่างด้านหลังนั้นคุ้นเคยมาก...เสี่ยวเจียงที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างและพูดอย่างจริงจัง "ท่านอ๋อง พระชายาไม่อยู่
เมื่อระยะทางใกล้เข้ามา หัวใจของหลิ่วเซิงเซิงก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าหนานมู่เจ๋อ จะจำตัวเองได้หรือไม่เมื่อเขาเห็นตัวเอง...โชคดีที่หนานมู่เจ๋อไม่ได้มาทางพวกเขา แต่เลี้ยวไปทางแยกถนนข้างหน้า คนรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ ก็ก้มหน้าลงและทำความเคารพ หลิ่วเซิงเซิงและอี้โจวก็ก้มศีรษะลงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาจนกระทั่งร่างของพวกเขาค่อย ๆ จางหายไป อี้โจวก็เงยหน้าขึ้น "ข้าไม่เคยเห็นท่านกลัวอะไรเลย ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะกลัวการพบกับอ๋องชาง…""ม่ใช่ว่ากลัว แค่ไม่อยาก""ได้ยินมาว่าอ๋องชางรักท่านมาก ดูออกว่าท่านก็มีเขาอยู่ในใจ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมต้องหลบหน้าไม่ไปพบ?"หลิ่วเซิงเซิงเงียบ "บอกไม่ถูก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าข้าไม่เคยคิดที่จะอยู่ในจวนลึกไปตลอดชีวิต พอคิดว่าอนาคตอาจจะต้องแบ่งปันสามีของตัวเองกับผู้หญิงคนอื่น ก็ยากที่จะยอมรับ แทนที่จะอยู่ที่นั่นและรอให้ตัวเองจมลึก สู้ใจร้ายหน่อย ไม่ต้องเจอกันอีก""แต่ข้าได้ยินมาว่า อ๋องชางขัดพระราชโองการ และไม่ได้แต่งงานกับนางสนมใด ๆ เลย…"อี้โจวกระซิบ "เป็นไปได้ไหมที่ระหว่างท่านสองคนมีความเข้าใจผิดมากมาย?""อาจจะ
มีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ ทุกคนพูดคุยและหัวเราะ ดื่มเฉลิมฉลอง หลิ่วเซิงเซิงไม่ต้องการคุยกับพวกเขา แต่เธอกลัวที่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไป เธอจึงพยักหน้า ยกแก้วขึ้นแล้วชนกับหรงหรงหรงหรงยิ้มแล้วจิบชา "ข้าคิดมาตลอดว่าคุณชายคือหมอเทวดาหลิ่ว แต่หลังจากได้ยินพวกเขาพูดในวันนี้ข้าจึงรู้ว่าที่แท้เป็นแม่นาง พูดตามตรง ข้าตกใจมาก ข้าไม่ไม่คิดว่าแม่นางจะเป็นวีรสตรี เคยทำไม่ดีมาก่อน หวังว่าแม่นางจะไม่ใส่ใจ"หลิ่วเซิงเซิงไม่ต้องการสุภาพกับเธอ แค่อยากดื่มให้เสร็จและจากไปโดยเร็วแต่แก้วเหล้าสัมผัสริมฝีปาก ทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นยา เป็นยาระบาย...เธอเยาะเย้ย เหลือบมองสาวใช้ที่กำลังรินเหล้าอยู่ข้าง ๆ จากนั้นมองดูรอยยิ้มอันน่ายินดีของหรงหรง แล้วเธอก็เข้าใจทุกอย่างในทันทีแต่ยังคงยกแก้วเหล้าและดื่มจนหมดคิดว่าครั้งนี้หรงหรงคือสำนึกผิดจากใจจริง ไม่คิดว่าจะอยากให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าคนอื่นเมื่อเห็นเธอดื่ม หรงหรงก็ดูมีความสุขมาก พูดจาสุภาพสองสามคำแล้วเดินไปที่ห้องโถงบางทีเธออาจตื่นเต้นเกินไป แม้ว่าจู่ ๆ จะรู้สึกเจ็บแปลบที่น่อง แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังกับมันและปฏิบัติต่อมันเหมือนกับยุงกัดหลิ่วเซิงเซิงสะบั
สีหน้าของเฉินโย่วเปลี่ยนไป "อะไรนะ? ใครกล้าดีขนาดนั้น กล้ามัดเธอบนถนน?"คนใช้เหลือบมองหลิ่วเซิงเซิงอย่างลังเล จากนั้นจึงมองไปที่อี้โจวข้าง ๆ หลิ่วเซิงเซิง และสุดท้ายก็หันกลับมามองที่เฉินโย่วเฉินโย่วไม่ใช่คนโง่ เข้าใจความหมายของการมองนั้นอย่างรวดเร็วเขาหันกลับไปมองหลิ่วเซิงเซิง ในขณะที่กำลังจะถามอะไรบางอย่าง ก็เห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้ นำโดยท่านเจ้าเมืองเฉินเหลียงเฟิงเห็นแต่เฉินเหลียงเฟิงมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า "นี่คือหมอเทวดาหลิ่วใช่ไหม? ชื่อเสียงโด่งดังมานาน และวันนี้มันยิ่งโด่งดังมากขึ้น เชิญเข้ามาก่อน"หลิ่วเซิงเซิงพยักหน้าอย่างสุภาพ จากนั้นมองไปที่เฉินโย่วและพูดว่า "ท่านเจ้าเมืองน้อยลองไปถามฮูหยินของท่านก่อน ตอนพวกท่านรักษาประตูเมือง เธอทำอะไรอยู่ หรือถามชาวบ้านในเมืองก็ได้"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เดินตามท่านเจ้าเมืองเข้าไปในสถานการณ์แบบนี้เฉินโย่วก็ไม่สามารถพูดอะไรได้แค่พูดว่า "ไปตรวจสอบ ตรวจสอบดีแล้วค่อยว่ากัน""ได้ ขอรับ...""..."จวนเจ้าเมืองในวันนี้สนุกสนานและมีชีวิตชีวามาก ถนนด้านนอกจวนเจ้าเมืองยังเต็มไปด้วยผู้คนที่ส่งเสียงเชียร์และเฉลิมฉลอง
เชียงไชโย เสียงตะโกน ตะโกนออกมาทีละคน!นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น แม้ว่าในเมืองจะมีทหารไม่ถึงสองหมื่นนาย แต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าทหารแต่ละคนจะมีทหารหลายพันนายอยู่ข้างหลังพวกเขา!เมื่อมีชาวบ้านเข้าร่วม สงครามก็พลิกกลับอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่รักษาประตูเมืองได้เท่านั้น แต่กองทัพศัตรูที่หลงผิดปีนขึ้นไปบนกำแพงก็ถูกโค่นล้มทีละคนและพ่ายแพ้เหมือนภูเขา!แม้แต่หนานมู่เจ๋อที่อยู่ในสนามรบมาหลายปีก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ มีเพียงทหารเท่านั้นที่ปกป้องชาวบ้านมาตลอด เคยเห็นชาวบ้านช่วยเหลือทหารที่ไหน?ใครกันที่มีแรงดึงดูดอันทรงพลังเช่นนี้?บนกำแพงเมือง ขวัญกำลังใจของทหารอยู่ในระดับสูง และชาวบ้านต่างเคลื่อนย้ายอาวุธและช่วยเหลือ เกือบทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านศัตรู!ใต้กำแพงเมืองชาวบ้านตะโกนเสียงดัง"ออกแรงหน่อย! ทุกคนอดทนไว้!""แม่งเอ๊ย ถ้าไม่กลัวว่าพวกเขามีโรคระบาด คงจะเปิดประตูเมืองและฆ่าเต่าพวกนี้!""ทุกคนสู้ ๆ!""..."สงครามยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีใครสังเกตเห็นร่างทั้งสองยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ บนหลังคาในระยะไกล"ฉากนี้ ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ"เสี่ยวกงถอนหายใจและกล่าวเ