“คุณตา”“ค่ะ” ชนิตาเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะมั่นใจว่าอธิศยังมีสติพอที่จะไม่ล่วงเกินอะไรเธอ หรือต่อให้เขาทำเธอก็จะต่อต้านจนหลุดพ้นได้สำเร็จ “ถ้าคุณอยากหย่า คุณแค่บอกผม ตกลงไหมครับ” คำพูดของอธิศทำให้ชนิตายิ้มออกมา เพราะชายหนุ่มยังคงให้เกียรติเธอเสมอ “ค่ะ” “ผมจะหย่าให้คุณทันที ผมสัญญา”“ฉันรู้ค่ะว่าคุณรักษาสัญญา แต่ตอนนี้คุณเมามากแล้ว พักผ่อนก่อนดีกว่า”“ครับผม” อธิศเอ่ยรับอย่างว่าง่าย เวลานี้เขาช่างดูเหมือนเด็กชายตัวโตไม่ใช่ชายหนุ่มที่แบกภาระความรับผิดชอบไว้เต็มสองบ่า ชนิตาห่มผ้าห่มให้สามีในนามก่อนจะกลับออกไปจากห้อง และเมื่อมาถึงห้องก็เห็นว่าพรฟ้าหลับเสียแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้อย่างเอ็นดู“ที่รีบกลับเพราะง่วงหรอกเหรอ” เมื่อเอ่ยจบชนิตาก็ปิดไฟและเข้านอนเช่นเดียวกัน ทันทีที่ไฟถูกปิดลงพรฟ้าที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้น เธอไม่ได้ง่วงอย่างที่ชนิตาคิด แต่เพราะอายกับภาพที่เห็นแล้วเท้าเจ้ากรรมมันก็พาเธอออกมาจากห้องนอนของอธิศอย่างอัตโนมัติพรฟ้าตบใบหน้าของตัวเองเบาๆ หลายครั้งเพื่อดึงสติ พร้อมกับพยายามสลัดภาพที่เห็นให้ออกไปจากสมองด้วย แต่ยิ่งพยายามภาพเหล่านั้นกลับยิ่งชัดเจน และนั่นคือสาเหตุที่ทำใ
ความสัมพันธ์ของอธิศและชนิตานั้นยังคงเหมือนเดิม ทั้งคู่ต่างห่วงใยกันแบบเพื่อนที่ดีต่อกัน ในขณะที่พรฟ้าที่รู้ใจตัวเองดีก็คอยเอาแต่หลบหน้าหลบตาอธิศ นั่นเพราะกลัวหากเจอชายหนุ่มเขาจะรู้ความในใจเข้า ขืนเป็นแบบนั้นต้องไม่ดีต่อเธอแน่“เบล”“ค่ะ...คุณอธิศ” “จะไปมหาวิทยาลัยเหรอ”“ค่ะ” พรฟ้าที่เวลานี้อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยรับด้วยความเกรงใจ ก่อนจะถอยหลังไปยืนห่างอธิศอีกหลายก้าว “ไปด้วยกันสิ ฉันผ่านทางนั้นพอดี” “เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ คือ...เบลไปรถเมล์เหมือนทุกวันสะดวกกว่า” “ไปด้วยกันนี่แหละ ฝนตั้งเค้ามานู่นแล้ว เดี๋ยวก็เปียกก่อนถึงป้ายรถเมล์พอดี” อธิศมองออกไปนอกบ้าน ที่เวลานี้ฝนตั้งเค้ามาแล้ว และคงตกหนักแน่นอน“เบลติดร่มไปแล้วค่ะ” คำพูดแย้งของพรฟ้าทำให้อธิศถึงกับส่ายหน้า เห็นเรียบร้อยๆ แบบนี้ แต่บทจะดื้อก็ดื้อไม่ฟังคำพูดเขาเหมือนกัน “ไปกับคุณอธิศเถอะจ้ะเบล” เสียงของชนิตาดังขึ้นจากด้านหลัง เพราะคิดว่าทั้งคู่ไปด้วยกันก็ไม่ได้เสียหายอะไร และเมื่อได้ยินแบบนั้นพรฟ้าก็รับคำทันที “ค่ะ”“อะไรกัน ผมพูดตั้งนานเบลก็ตอบไม่ไปท่าเดียว พอคุณตาพูดประโยคเดียว ยอมซะงั้น” อธิศถึงกับหัวเราะออกมา เพราะดูท่าแล้วคนที
เมื่อคิดไปคิดมาก็ยังไม่ได้คำตอบพรฟ้าจึงเลิกคิด จากนั้นก็ก้าวขึ้นตึกเรียนไป ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ในคณะที่มองมายังเธออย่างสนอกสนใจว่าวันนี้ใครมาส่ง แต่พรฟ้าก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบขณะเรียนพรฟ้าได้ตัดเรื่องของอธิศออกไปจากความคิดชั่วคราว แต่บางครั้งเขาก็มีอิทธิพลจนทำให้เธอเสียสมาธิอยู่บ้าง กระทั่งได้เวลาเลิกเรียน เธอก็ลงมาจากตึกพร้อมกับเพื่อนๆ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเวลานี้อธิศนั่งอยู่ใต้ตึก“คุณอธิศ!” พรฟ้าอุทานออกมาอย่างตกใจและแปลกใจ ก่อนจะมองไปยังอธิศที่เวลานี้ยังคงอยู่ในชุดสูทเต็มยศ ยิ่งสวมแว่นกันแดดสีเข้มรับรูปหน้าด้วยแล้วก็ยิ่งส่งให้เขาดูหล่อและสมาร์ท จนทำให้นักศึกษาผู้หญิงหลายคนหันไปมองแล้วมองอีก รวมถึงเพื่อนๆ ของเธอเองก็ดูจะตะลึงกับความหล่อของอธิศไม่น้อย“ใครอะ หล่อมาก” “คุณอธิศ สามีของคุณตา” พรฟ้าเป็นคนเฉลยให้รู้ว่าชายตรงหน้าคือใคร ทำเอาบรรดาสาวๆ อกหักกันไปเป็นแถว และเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีภรรยาแล้วแบบนี้ทุกคนจึงแยกย้ายทันทีพรฟ้าสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพราะไม่คิดจริงๆ ว่าจะได้เจอเขาหลังเลิกเรียนอีก จากนั้นก็ตรงเข้าไปหาอธิศด้วยใจที่เต้นแรง และเมื่อเขาเห็นเธอจึงถอดแว่นกันแดดที่
เมื่อลงจากรถ พรฟ้าก็ถือเค้กไปเซอร์ไพรส์ชนิตาในห้องนั่งเล่น โดยมีอธิศเดินตามมาเช่นกัน เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จากพรฟ้าและอธิศที่ดังขึ้นทำให้เจ้าของวันเกิดอย่าง ชนิตาหันไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะมาเซอร์ไพรส์อะไรแบบนี้“สุขสันต์วันเกิดครับคุณตา”“ขอบคุณค่ะคุณอธิศ”“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณตา ขอให้คุณตาของเบลมีความสุขมากๆ”“จ้ะ...ขอบใจมากนะเบล” ชนิตาแอบน้ำตาคลอนิดหน่อย งานวันเกิดเล็กๆ ถูกจัดขึ้นแต่ทว่ามันกลับอบอุ่น เพราะปกติทุกปีชนิตาไม่ได้จัดงานหรือรู้สึกตื่นเต้นกับวันเกิดของตัวเองสักเท่าไหร่นัก เมื่อเช้ามาเธอแค่ออกไปใส่บาตรกับโทรศัพท์หาแม่และพ่อ รวมถึงโอนเงินจำนวนหนึ่งไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ อย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกปี แต่ที่ตื่นเต้นกว่าทุกปีหน่อยคงหนีไม่พ้นเรื่องที่รู้ว่าพรฟ้ากำลังมีใจให้อธิศนั่นเอง ยิ่งทั้งคู่มาเซอร์ไพรส์เธอด้วยกันแบบนี้ก็ยิ่งคิดไปไกล ของขวัญที่พรฟ้ามอบให้ชนิตาปีนี้เป็นเค้กที่เธอชอบ ในขณะที่อธิศมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้เธอเช่นเดียวกัน “ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะคุณอธิศ”“ครับ” เสียงทุ้มของอธิศเอ่ยรับ แต่ก็รู้สึกละอายใจนิดๆ ที่เขาลืมวันเกิดขอ
“สรุปในนี้มีคนที่หนูตาชอบบ้างไหม” น้ำเสียงของมยุราแฝงความไม่พอใจอยู่มาก นั่นเพราะเธอพยายามหว่านล้อม ชนิตาดีๆ แล้ว แต่ดูเหมือนลูกสะใภ้จะมองไม่เห็นความหวังดีนั้นของเธอแม้แต่น้อย “ไม่ค่ะ”“หนูตา!” มยุราตวาดใส่ชนิตาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบเก็บท่าที ในขณะที่ชนิตาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน “ถ้าคุณอธิศต้องมีผู้หญิงอีกคนจริงๆ ตาขอเป็นคนเลือกได้ไหมคะ”“ได้สิจ๊ะ” ส่งยิ้มให้ชนิตาเสร็จมยุราก็เอ่ยรับปากอย่างไม่ลังเลทันที เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องการคือหลานคนแรก และต้องเกิดมาเป็นผู้ชายเท่านั้น เธอจึงแทบไม่สนใจความรู้สึกของ ชนิตาไปมากกว่ามรดกที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ต่อให้หลานคนนั้นจะมีแม่เป็นใครขอแค่มีดีเอ็นเอของอธิศอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอก็พอใจแล้ว“ขอบคุณค่ะคุณแม่”“แต่แม่ขอเร็วๆ นี้ด้วยนะ” เอ่ยจบมยุราก็ส่งยิ้มให้ชนิตาอีกครั้ง แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความอบอุ่นแฝงอยู่แม้แต่น้อย ชนิตารู้ว่าเวลานี้เธออาจไม่ใช่สะใภ้ที่มยุราต้องการอีกต่อไปแล้ว เหตุผลที่เธอต้องแต่งงานกับอธิศไม่ได้เกิดจากความรัก แต่แต่งเพราะต้องรักษาธุรกิจของครอบครัวเธอที่กำลังล้มละลายให้ฟื้นตัว แต่ทว่าหลังการแต่งงานที่ไม่ยินยอ
“คุณตา!”“เบลตอบมาแค่ใช่หรือไม่ใช่ก็พอ พูดความจริงด้วยนะ ห้ามโกหกฉัน”“ใช่ค่ะ” พรฟ้าก้มหน้าตอบอย่างรู้สึกผิด เพราะเธอไม่ควรคิดอะไรแบบนั้นกับอธิศตั้งแต่แรก ควรหักห้ามใจไม่ใช่ปล่อยให้มันเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้ ตอนที่เธอควบคุมหัวใจไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น พร้อมเอ่ยขอโทษชนิตาออกไป “เบลขอโทษค่ะ เบลไม่ควรคิดอะไรแบบนั้นกับคุณอธิศ”“ฉันไม่โกรธ เพราะฉันจะทำให้เบลสมหวัง”“คุณตา!” พรฟ้าถึงกับเงยหน้าขึ้นมองชนิตาทันที เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอเอ่ยสักเท่าไหร่ “เบลก็รู้ว่าฉันกับคุณอธิศแต่งงานกันเพราะอะไร เราไม่ได้รักกันและคุณอธิศก็ไม่เคยล่วงเกินฉัน เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก จนฉันอยากให้เขาได้เจอคนดีๆ คนที่เขาจะสร้างครอบครัวด้วย” “แต่เบลต้อยต่ำ คงไม่เหมาะสมกับคุณอธิศ”“ใครบอกว่าเบลต้อยต่ำ เบลเป็นน้องสาวของฉันนะ ยายของเบลก็เลี้ยงฉันมาตั้งแต่แบเบาะ เป็นเหมือนแม่คนหนึ่งของฉันก็ว่าได้”“แต่เบล...” “จะช้าหรือเร็วฉันกับคุณอธิศก็ต้องหย่ากัน ถึงเวลานั้นคุณอธิศก็ต้องมีคนรักใหม่ มีลูกด้วยกัน เบลไม่อยากเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือจ๊ะ”“อยากค่ะ แต่มันไกลเกินเอื้อมของเบลจริงๆ เบลไม่กล้าคิด” “งั้นฟังอะไรจากฉันสักหน่อย เผื่อเบ
เพราะคำพูดของชนิตาที่บอกว่าอธิศเองก็มีใจให้เธอ ซึ่งคำพูดเหล่านั้นมันคือสารหล่อเลี้ยงหัวใจของพรฟ้าให้เต้นอย่างมีความสุข เธอเฝ้ารอวันที่ประตูห้องนอนของเธอจะเปิดออกโดยอธิศ แต่ทว่าผ่านไปเกือบอาทิตย์แล้วทุกอย่างกลับยังคงเป็นเหมือนเดิมชนิตารู้ว่าพรฟ้าเฝ้ารออะไร เธอเองก็อยากให้พรฟ้าสมหวัง แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะยังไม่เอื้อสักเท่าไหร่ เธอจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปก่อน กระทั่งศุกร์นั้นนพกรแวะมาหาชายหนุ่มและทั้งคู่ก็นั่งดื่มเหล้ารวมถึงคุยกัน โดยอธิศเล่าความอัดอั้นตันใจให้เพื่อนสนิทฟังอย่างไม่ปิดบัง“แม่นายท่านคงอยากอุ้มหลาน ถึงกดดันทุกทางแบบนั้น”“ก็ไม่ผิดที่แม่คิดแบบนั้น แต่วิธีที่ใช้ต่างหากที่มันไม่ควร” เอ่ยจบอธิศก็หยิบเหล้าในแก้วขึ้นดื่ม ซึ่งวันนี้ชายหนุ่มดื่มหนักกว่าทุกวัน จนนพกรชงเหล้าให้แทบไม่ทันก็ว่าได้สาเหตุที่เป็นแบบนั้นอาจมาจากความกลัดกลุ้มที่เก็บสะสมไว้กับตัวเองมาตลอดหลายวัน เมื่อดื่มหนักความเมาจึงเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นอธิศก็พอรู้ตัวอยู่บ้างแม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม ต่างกับนพกรที่นั่งจิบเหล้าเพลินๆ ไม่รู้สึกว่าเมาแม้แต่น้อย กระทั่งเห็นว่าดึกมาแล้วจึงขอตัวกลับ โดยก่อนกลับยังพาอธิศ
ชายหนุ่มหยัดตัวขึ้นสูงเพื่อให้พรฟ้าได้มองร่างกายของเขาเช่นกัน โดยใช้มือข้างหนึ่งดันกับเตียงนอนไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือของพรฟ้ามาวางบนหน้าอกแล้วเริ่มลูบไล้ไปมาเพื่อนำทาง กระทั่งอธิศปล่อยมือแล้วเอ่ยขึ้น“อยากสัมผัสตรงไหนไหม” พรฟ้าพยักหน้ารับ ก่อนที่เธอจะลูบไล้ร่างกายที่สมบูรณ์แบบของอธิศอย่างพอใจ แต่ยิ่งเธอสัมผัสเขาด้วยความอ่อนโยนมากเท่าไหร่ กลับทำให้ชายหนุ่มเสียวซ่านจนต้องส่งเสียงครางออกมาบ้าง อธิศมองสบตาพรฟ้าด้วยแววตาอันหยาดเยิ้ม แววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาซึ่งไม่ได้ต่างจากของพรฟ้าแม้แต่น้อยก่อนที่ทั้งคู่จะมอบจูบให้กันและกันอีกครั้ง อธิศเล้าโลมพรฟ้าอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มพรมจูบเธอไปทั่วใบหน้าและมาหยุดตรงหน้าอกอย่างหลงไหล ข้างหนึ่งสัมผัสด้วยปากและลิ้นที่ตวัดขึ้นลงอย่างช่ำชอง ในขณะที่อีกข้างสัมผัสด้วยมือ ซึ่งทั้งสองทำหน้าที่ปลุกปั่นและฟอนเฟ้นจนหน้าอกหน้าใจของพรฟ้าตื่นตัวเสียงครางกระเส่าของพรฟ้าดังขึ้นเป็นระยะๆ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ รู้แค่เพียงว่าตอนนี้อยากให้อธิศทำอะไรสักอย่างเพื่อเติมเต็มเธอให้สมบูรณ์ ในขณะที่อธิศก็ละจากหน้าอกของพรฟ้าชั่วคราว ชายหนุ่มจูบต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่ง
“ดีใจที่ทุกคนเอ็นดูลูกของเรานะคะ” “ก็แกน่ารักน่าชังขนาดนั้นนี่ครับจะไม่ให้ทุกคนเอ็นดูได้ยังไง” “คุณตาขอเป็นแม่ทูนหัวของแกด้วยนะคะ” “ครับ” เสียงทุ้มของอธิศเอ่ยรับก่อนจะจุมพิตหน้าผากมนของภรรยาที่เขารักสุดหัวใจอีกครั้ง ตลอดเวลาที่พรฟ้าพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น มยุราแวะมาเยี่ยมพร้อมกับเมนูบำรุงน้ำนม แม้จะไม่ได้คุยอะไรกับพรฟ้ามาก แต่ท่าทีที่อ่อนลงก็ทำให้บรรยากาศที่เคยอึมครึมค่อยๆ จางหาย และหลังจากนี้ความสัมพันธ์ที่เคยติดลบคงดีขึ้นตามลำดับเช่นกัน ก่อนออกจากโรงพยาบาลพรฟ้าได้รับช่อดอกไม้จากกอธิศ ซึ่งมันคือดอกไม้ที่มีลักษณะคล้ายกับช่อเหี่ยวๆ ของเธอช่อหนึ่ง ที่ตอนนี้พรฟ้าก็ยังคงเก็บมันไว้เป็นอย่างดี “ขอบคุณค่ะ” “ผมขอโทษที่พึ่งเอาดอกไม้มาให้” “ใครบอกล่ะคะ คุณอธิศเคยให้ดอกไม้สวยๆ แบบนี้กับเบลมาแล้ว” พรฟ้ายิ้มหวานออกมา เมื่อนึกถึงดอกไม้ช่อแรกช่อนั้น “แบบนั้นไม่เรียกว่าให้ เรียกว่าเบลไปเก็บมาต่างหาก”
“ยินดีจากใจจริงอีกครั้งครับเพื่อน”“ขอบใจนายมากนพ”“เป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่รัก สีหน้าของนายเต็มไปด้วยความสุขจริงๆ” นั่นเพราะนพกรยังจำสีหน้าของอธิศที่เกิดขึ้นตอนงานแต่งงานกับชนิตาได้ดี ว่ามันดูอึมครึมไม่ได้สดใสอย่างในตอนนี้“อื้อ”“เจ้าสาวนายก็สวย”“ใช่ไหม เบลสวย ยิ่งอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบนี้ก็ยิ่งสวย” อธิศยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยชมความสาวของภรรยา ยิ่งตอนนี้พรฟ้าท้องด้วยแล้วเธอก็ยิ่งสวยเปล่งปลั่ง“เบื่อคนอวยเมียว่ะ”“ก็เมียข้าสวยจริงๆ นี่หว่า”“เออๆ สวยก็สวย สรุปนายได้ลูกสาวลูกชาย บอกได้ยัง”“ยัง ไปลุ้นเอาวันที่เบลคลอดนู่น”“บอกหน่อยไม่ได้หรือไง จะได้ซื้อของรับขวัญถูก” นพกรเซ้าซี้ นั่นเพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะซื้ออะไรรับขวัญหลานจริงๆ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไรก็ยิ่งมืดแปดด้าน“จ
ชนิตาย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน และวางแผนให้พ่อและแม่ฟังว่าหลังจากนี้เธอจะใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งโกศลและศจีก็ต่างสนับสนุน เพราะมั่นใจว่านั่นคือความสุขของลูกสาวคนนี้ ส่วนเรื่องคู่ครองพวกเขาคงไม่เข้าไปก้าวก่ายอะไรอีก หาก ชนิตาจะครองตัวเป็นโสดก็คงสบายไปอีกแบบส่วนว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ก็กำลังตระเตรียมห้องสำหรับเด็กอ่อน ที่เวลานี้รู้เพศแล้วว่าคือผู้ชาย แต่ทั้งคู่ยังคงเก็บเป็นความลับ เพื่อให้ทุกคนไปลุ้นเอาวันที่พรฟ้าคลอด ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว“ซื้อพอแล้วมั้งคะคุณอธิศ”“พอแล้วเหรอ” ว่าที่คุณพ่อเอ่ยถามขึ้นเพราะคิดว่าสิ่งของจำเป็นที่เขาซื้อเตรียมไว้ให้ลูกชายคนแรกนั้นยังไม่มากพอ ขณะที่พรฟ้าได้แต่มองจำนวนสิ่งของในรถเข็นที่เยอะจนล้นออกมา“ค่ะ...ถ้าหมดค่อยซื้อเพิ่มก็ได้”“โอเค...พอก็พอครับ” อธิศยิ้มให้ก่อนจะพาพรฟ้าไปทานอาหาร ในขณะที่รถช้อปปิ้งชายหนุ่มส่งให้แม่บ้านเป็นคนจัดการต่อ แต่ระหว่างทางเดินไปร้านอาหารนั้นจู่ๆ เขาก็วกเข้าร้านเพชรที่อยู่ตรงทางผ่านแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ก่อนจะจัดแจงบอกให้พนักงานขึ้น&ldq
“ผมรอคำตอบอยู่” เมื่อมยุราไม่ตอบภาคก็เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้มยุราอึกอักอย่างมีพิรุธ ก่อนจะยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ“เอ่อคือ...ไม่มีอะไรค่ะ”“คุณแม่เป็นคนแนะนำให้คุณตาหาผู้หญิงสักคนให้ผมครับพ่อ โดยพยายามกดดันเรื่องคุณปู่อยากอุ้มหลาน จนทำให้คุณตาไม่มีทางเลือก” หลังจากเงียบมานานอธิศก็ขอเอ่ยขึ้นบ้าง นั่นเพราะอยากให้ผู้เป็นแม่รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องแต่คำพูดของบุตรชายกลับยิ่งทำให้มยุราไม่พอใจ เพราะไม่คิดว่าอธิศจะกล้าหักหน้าเธอแบบนี้ ทั้งๆ ที่เงียบไปก็ได้“นี่คุณกล้าเอาเรื่องหลานไปกดดันหนูตาอย่างนั้นเหรอ คุณทำเกินไปแล้วนะคุณมยุรา” ภาคจ้องมองมาที่มยุราอย่างเอาเรื่อง เขาไม่พอใจที่มยุราทำอะไรเลยเถิดเช่นนี้“ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินไปทั้งนั้น เพราะถ้าเรามีหลานก็จะเป็นเหลนของคุณทวด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของเหลนท่าน ฉันผิดตรงไหน” มยุราแย้งกลับ“ผิดที่คุณห่วงแค่มรดก โดยไม่ห่วงความรู้สึกของคนอื่น” คำพ
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชนิตาและอธิศจึงหย่ากันในวันรุ่งขึ้น และวันนั้นก็ยังเป็นวันที่อธิศกับพรฟ้าได้จดทะเบียนสมรส เป็นสามีและภรรยากันอย่างถูกต้องทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยเช่นเดียวกัน โดยมีชนิตาเป็นสักขีพยานคนสำคัญ จากนั้นก็ปล่อยให้สามีภรรยาตามกฎหมายป้ายแดงได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน“อยากกินอะไรครับ”“ส้มตำค่ะ”“ไม่ได้ หมอบอกมะละกอจะทำให้ท้องอืด”“งั้นก็ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก”“ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกใส่เลือด ไม่ดีเหมือนกัน”“นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ สงสัยเราสองคนต้องหิวไปทั้งวันแน่ๆ เลยลูก” พรฟ้าลูบท้องตัวเองไปมาแล้วเอ่ยกับเจ้าตัวเล็กที่โตวันโตคืนไปด้วย พอได้ยินแบบนั้นอธิศก็รีบออกตัวทันที“โอ๋ๆ อย่าพึ่งงอนพ่อนะครับ เอาเป็นว่าเราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่า วันก่อนเห็นเบลบ่นว่าอยากกิน”“จำได้ด้วยเหรอคะ” รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าของ พรฟ้า นั่นเพราะไม่คิดว่าอธิศจะได้ยินตอนเธอบ่น“จำได้ครับ”“แต่อาหารญี่ปุ่นมีปลาดิบ เบล
“เธอไม่ได้หักหลังฉัน แต่เธอคือคนที่กำลังจะให้อิสระกับฉันต่างหาก”“ค่ะ” พรฟ้าเอ่ยรับ ก่อนจะเข้าไปนั่งคุกเข่าและสวมกอด ชนิตาไว้ด้วยความรักที่มีให้ ในขณะที่ชนิตาก็ลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดูเช่นเดียวกันเมื่อคุยกับชนิตาเสร็จ พรฟ้าก็แอบออกจากบ้านเพื่อไปซื้ออุปกรณ์ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาทันที และเมื่อกลับเข้าบ้านมาก็จัดการตรวจครรภ์ตามวิธีที่ระบุไว้ข้างกล่องพรฟ้าหลับตาแน่นขณะนับเวลาถอยหลัง เธอยกมือขึ้นปิดตาตัวเองแล้วค่อยๆ เปิดออกดูผลด้วยหัวใจที่เต้นแรงและผลที่ได้คือ...รอยขีดแดงๆ จำนวน...สองขีด!โดยคนแรกที่พรฟ้าบอกข่าวดีเรื่องนี้ให้รู้คือ...ชนิตา“จริงใช่ไหมเบล เธอท้องแล้วจริงๆ ใช่ไหม”“เบลก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะพึ่งตรวจครั้งแรก”“ไม่ได้การแล้ว” เอ่ยเพียงเท่านั้นชนิตาก็รีบโทรศัพท์ไปบอกให้อธิสกลับมาที่บ้าน โดยบอกว่าเธอมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับ พรฟ้าจะบอก ชายหนุ่มถามเท่า
เพราะอยากกดดันให้ชนิตายอมบอกว่าส่งผู้หญิงคนไหนไปให้อธิศลูกชาย มยุราจึงตั้งใจเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ศจีมารดาของชนิตาฟัง นั่นทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกสาวของเธอ ไม่คิดว่าชีวิตครอบครัวหลังแต่งงานชนิตาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้รวมถึงไม่พอใจมยุราเป็นอย่างมากที่เอาเรื่องลูกมากดดันชนิตา แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะส่งผู้หญิงไปให้อธิศอีก ต่อให้ชนิตาจะได้สิทธิ์เลือกก็เถอะ แต่นั่นมันคือความสุขอย่างนั้นเหรอ และที่สำคัญชนิตาไม่เคยเอาเรื่องนี้หรือเรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจมาเล่าให้แม่อย่างเธอฟังเลยสักครั้ง“คุณแม่” ชนิตาอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่มาหาที่บ้าน เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่กับอธิศน้อยครั้งมากที่แม่จะแวะมา“ยุ่งอยู่หรือเปล่าตา”“ไม่ค่ะ”“สวัสดีค่ะคุณศจี” พรฟ้าที่นั่งอยู่กับชนิตามาตั้งแต่ต้น ยกมือไหว้ศจีอย่างนอบน้อม ซึ่งศจีก็รับไหว้พร้อมพินิจมองหน้า พรฟ้าที่เวลานี้โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนั่นเอง“สวัสดี
“มีเด็กบางคนกำลังงอนฉันหรือเปล่า” เสียงของอธิศที่ได้ยินภายในห้อง ทำให้พรฟ้าที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงพร้อมกับมองตรงมายังชายหนุ่ม เพราะจำได้ว่าเธอนั้นล็อคประตูห้องแล้วแต่เขากลับเข้ามาได้ ซึ่งพอเห็นกุญแจในมืออธิศพรฟ้าก็ถึงบางอ้อ“เปล่าค่ะ”“อืม...หรือว่าต้องให้ฉันสอบสวนกันนะ” อธิศพุ่งตัวไปรวบพรฟ้าเข้ามากอดทันที ในขณะที่เธอก็ปัดป้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“คุณอธิศ ปล่อยเบลนะ” ยื้อกันอยู่นานสุดท้ายพรฟ้าก็สงบลง“เป็นอะไร...หืม”“หึง” คำตอบของพรฟ้าทำให้คนฟังยิ้ม“หึงฉันเหรอ”“ค่ะ”“ฉันทำอะไรให้หึง”“ก็...”“หรือไปเห็นตอนฉันกับคุณตากอดกัน” พรฟ้าพยักหน้ารับว่าใช่ นั่นทำให้อธิศถึงกับโล่งอกที่รู้สาเหตุ เขาจะได้อธิบายให้เธอเข้าใจ“โธ่เด็ก
เพราะยังไม่รู้ว่าเวลานี้ชนิตาได้ส่งผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะให้แก่อธิศไปแล้ว และดูเหมือนชายหนุ่มจะพอใจไม่น้อย เพราะตั้งแต่คืนนั้นเธอก็มักจะเห็นว่าทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเสมอๆแต่คนที่ไม่รู้อย่างมยุรากับร้อนอกร้อนใจจนนั่งไม่ติดที่ เพราะเธอนั้นอยากจัดการเรื่องที่ยังค้างคาใจให้มันจบๆ เสียที จึงเข้ามาหาชนิตาที่บ้านอีกครั้ง“นี่ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว หนูตาหาผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะสมกับอธิศได้หรือยังจ๊ะ”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่” สีหน้าของมยุราบ่งบอกว่าตกใจ เพราะที่ผ่านมาเธอได้แต่รอแล้วก็รอ แทบไม่รู้รายละเอียดหรือสิ่งที่ชนิตาวางแผนไว้แม้แต่น้อย“หลังจากที่ตาคุยกับคุณแม่ได้ไม่นานค่ะ”“แล้วผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง”“สวยค่ะ”“เคยผ่านมือใครมาหรือเปล่า”“ไม่เคยค่ะ” ชนิตาตอบคำถามนั้นของแม่สามีอย่างมั่นใจ เพราะเธอรู้จักพ