ผ่านไปร่วมสิบนาที อาหารเริ่มทะยอยออกมา อนวินท์ชะเง้อไปทางห้องน้ำ ก่อนตัดสินใจเดินไปตาม หญิงสาว นายแพทย์หนุ่มยืนอยู่หน้าห้องน้ำ อย่างใจเย็นต้นน้ำเดินออกจากห้องน้ำ หลังจากหายเข้ามาร่วมยี่สิบนาที หญิงสาวเดินออกมา พร้อมกับเปิดกระเป๋าถือ เกือบชนเข้ากับ คนๆหนึ่ง หญิงสาวเงยหน้า พร้อมตกใจ “อ้าว คุณหมอมายืน
กริชชัยหอมแก้มแรงๆ ก่อนจะจูบไล่ไปที่ริมฝีปากบางกริชชัยหยุดนิ่ง เหมือนอยากประทับริมฝีปากนานๆ ก่อนจะใช้ลิ้น และริมฝีปากจูบซับความหวาน มือก็ดึงผ้าเช็ดตัวออกอย่างง่ายดาย กริชชัยหมุนตัวขณะที่ริมฝีปากยังจูบหญิงสาว อย่างเร่าร้อน เรียกร้อง โหยหามือควานหาสวิซไฟ ก่อนจะกดปิดไฟ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวแล้วเดินตรงไปท
กริชชัยหอมแก้มแรงๆ ก่อนจะจูบไล่ไปที่ริมฝีปากบางกริชชัยหยุดนิ่ง เหมือนอยากประทับริมฝีปากนานๆ ก่อนจะใช้ลิ้น และริมฝีปากจูบซับความหวาน มือก็ดึงผ้าเช็ดตัวออกอย่างง่ายดาย กริชชัยหมุนตัวขณะที่ริมฝีปากยังจูบหญิงสาว อย่างเร่าร้อน เรียกร้อง โหยหามือควานหาสวิซไฟ ก่อนจะกดปิดไฟ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวแล้วเดินตรงไปท
“หยุดยั่วผมสักที ถ้าไม่หยุดเกิดไรขึ้นห้ามว่าผมรังแกคนเมานะจะบอกก่อน” “กลัวที่ไหน...” ต้นน้ำพูดพลางยิ้มหวาน อนวินท์ตะลึงกับรอยยิ้มตรงหน้า ชายหนุ่มไม่นึกว่าพยาบาลสาว ที่รู้จักกันมา สิบกว่าปี ทั้งเรียนที่เดียวกัน ต่างคณะ ทั้งมาฝีกงานร่วมกัน จนกระทั่งทำงานด้วยกันมาหลายปี ไม่เคยสังเกตจริงจังว่าหญิงสาวตร
กรุงเทพฯ ตีสาม กอหญ้าสะดุ้งตื่น ก่อนจะมองไปข้างๆ เห็นชายหนุ่มนอนกอดตนเอง หญิงสาวจับแขนเขย่าเบาๆ “คุณกริชค่ะ กลับบ้านได้แล้ว อีกเดี๋ยวคุณย่าตื่นจะพากันลำบาก” “อื้อ อีกนิดเถอะนะ” “ไม่ได้ค่ะ ตีสามแล้ว เดี๋ยวตีห้าคุณย่าก็ตื่น ญ่าไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจ” “อื้อ...”เสียงกริชชัยบ่งบอกว่าหงุดหงิด ไม
โรงแรมแม่น้ำ ชายหนุ่มสี่คน กริชชัย ณัฐพงค์ เอกชัย และสมเจตน์ เป็นเพื่อนนักเรียนอังกฤษมา ทุกปีก่อนมีงานสังสรรค์นักเรียนเก่า ทั้งสี่มักจะนัดพบกันเสมอ “ว่าไงกริช กลับมาตั้งนาน ไม่ได้นัดเจอกันเลย” สมเจตน์เอ่ยทักทาย “เห้ย กริชนั่นกิ๊กเก่านายไม่ใช่เหรอ ยัยลิลลี่มากับใครโน่น” “อ๋อ ยัยน้ำฟ้าคู่กัดแกไงณ
รถของคุณหญิงมณีจันทร์ ขับไปจนเกือบถึงเป้าหมาย หญิงชราเปิดกระเป๋าเพื่อเช็คความเรียบร้อย ก่อนตกใจ เมื่อซองผ้าป่า ที่สมาคมฝากมาด้วย ไม่อยู่ในกระเป๋า “แดง เลี้ยวรถกลับบ้าน ฉันลืมซองผ้าป่าไว้ที่บ้าน กลับไปเอาก่อน ไม่งั้นคงเสียคำพูด บอกท่านเจ้า อาวาสว่าจะเอามาให้ท่านวันนี้ เรายังพอมีเวลา ดีนะวันนี้ยัยกอ
เสียงเคาะประตู เสียงดังก่อนประตูจะเปิด สาวใช้คนสนิทมองสภาพห้อง ที่กระจัดกระจายกระเป๋าเดินทางกลิ้งไปทางหนึ่ง เสื้อผ้าอีกทางหนึ่ง ใบหน้าของสองเจ้านายก็หงิกงอ บึ้งตึง เหมือนกับทะเลาะกัน เสียงดังที่ได้ยินแว่วๆ เมื่อสักครู่บ่งบอก สถานการณ์ที่อึมครึมเป็นอย่างดี “มีอะไรหวาน บอกแล้วไงไม่ให้กวน” “เออ คือ..
“ขอเวลา สี่ห้าวันให้พ่อกับแม่ฮันนีมูนกันหน่อยนะ แล้วจะกลับไปรบกับลูกต่อ” อดิศวรหันกลับมาจับที่ไหล่ภรรยาสาวให้มาเผชิญหน้า ส่งสายตาหวานฉ่ำ “อะไรคะเนี่ย ลูกห้าแล้วนะ ยังจะหวานอีก” ยาริกายิ้มเขิน “หวานแบบนี้ตลอดไปครับ จะรักยิ่งๆ ขึ้นไปเชื่อไหมแยม แต่ตอนนี้ผมขอเบรคสักห้าวัน ฝากลูกไว้กับปู่ยา และทวดๆ ก่
ภายในห้องรับประทานอาหาร อดิศวรกำลังสอนให้ อ้น อัคราวัฒน์ ตักอาหารกินเอง ในขณะที่ยาริกากำลังป้อนข้าวให้อั๋น อัคราวุธยาริกาหันไปมองสามีที่กำลังสอนแฝดพี่อย่างใจเย็น “อ้น หัดทานข้าวเองครับ ตักแบบนี้พ่อตักให้ดู” อดิศวรสอนอย่างใจเย็น “โถ คุณศวร ลูกยังเล็กอยู่เลย แยมอยากป้อนข้าวลูก” “ผมอยากให้ลูกช่วยต
สามปีต่อมา ยาริกามองภาพพ่อและลูกๆ ที่วิ่งเล่นกันที่สนามอย่างมีความสุข นึกย้อนไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา งานแต่งงานของเธอกับอดิศวรจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีลูกแฝด ทั้งสอง อ้น และ อั๋น อัคราวัฒน์ และ อัคราวุธ กรณ์วิภาคและตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อีกหกสัปดาห์ จำได้ว่าหลังจากอดิศวรรู้ก็รีบจัดงานแต่งงาน แบ
“แยมแน่ใจนะว่าจะไม่อันตรายกับลูก ศวรกลัวว่า..” อดิศวรจ้องมองตาภรรยาสาว ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ยาริกาพยักหน้าเบาๆ ยิ้มเขิน พร้อมกับกอดชายหนุ่มกระชับ “ก็อย่ารุนแรงสิคะคุณพ่อ ทำเบาๆ หมอก็ไม่ห้ามหรอกค่ะ นอกจากจะหกอาทิตย์ก่อนคลอดหรือเปล่า แยมไม่แน่ใจ” ยาริกาใช้เล็บกรีดเบาๆ ที่หน้าอก “คุณเรียกผมว่า “คุณพ่อ
ยาริกาน้ำตาไหลตลอด ด้วยความตกใจ ซึ้งใจ ตื่นเต้น มีความสุข ไม่รู้ความรู้สึกไหนมาก่อนแต่มันผสมปนเปกันไปหมด หญิงสาวพยักหน้าๆ ยกมือปิดปาก รับดอกไม้แล้วสวมกอด ท่ามกลางเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ ร่วมรุ่น และอีกหลายชั่วโมงต่อจากนั้น มิตติ้งร่วมรุ่นท่ามกลางทะเลแสนสวย และเพื่อนสนิท ทำให้ปาร์ตี้เต็มไปด้วยความสนุกส
สามวันผ่านไป หลังจากประชุมผู้แทนประกอบการโรงแรมที่มิลานสามวัน ยาริกาเพิ่งเห็นมาดบอสของอดิศวรเป็นครั้งแรกเวลาเค้าจริงจังกับการทำงานทำให้เค้าดูมีเสน่ห์ หญิงสาวมองสามีอย่างภาคภูมิใจ ตลอดสามวันที่มีนัดตลอดทั้งวัน ตารางแน่นมากๆ ทำให้แทบจะไม่มีส่วนตัวกันเลย วันนี้ยาริกามีความหวังว่าคงได้ไปเดินเล่นในเมือง
ยาริกาตกใจแทบสิ้นสติ เมื่ออดิศวรทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น แถมจับมือเธอไว้แน่น ยาริกาพยายามบิดมือหนีพร้อมหันไปซ้ายขวาว่ามีใครมองอยู่ไหม มีคนมองอยู่สองสามคน หญิงสาวใบหน้าร้อนด้วยความอายรีบกระตุกมือหนี แต่ชายหนุ่มจับไว้จนแน่น “นี่ คุณศวร ทำบ้าอะไร คุกเข่าทำไม...บ้าหรือเปล่า” ยาริกากัดฟันพูดเบาๆ “แยม ..
ระหว่างขับรถกลับบ้าน ยาริกาเงียบมาตลอดทาง พอๆ กับอดิศวร ก็เงียบเช่นเดียวกัน ตั้งแต่รถออกจากโรงพยาบาล เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่บ้าน เมื่อรถจอดนิ่งสนิทที่โรงจอดรถ อดิศวรนั่งรวบรวมสมาธิก่อนพูดกับภรรยาสาวอย่างใจเย็น “สรุป ยังไงคุณก็จะไปประชุมกับคุณกริชที่อิตาลีแน่ๆ ไม่เปลี่ยนใจ รู้ไหมการเดินทางไกลอาจเป็นอัน
ท่านผู้หญิงแพรวมองดูหลานสะใภ้กับหลานชาย สายตาเต็มไปด้วยความสุข คิดวาดฝันว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลานคนเล็กของตระกูลจะลืมตาดูโลก แค่นี้ท่านก็ยิ้มออกแล้ว ถึงแม้จะมีอาการเจ็บไข้อย่างผู้ป่วยสูงอายุ พอนึกถึงหลานที่จะเกิดขึ้นมาทำให้ท่านผู้หญิงไม่ยอมแพ้กับโรคภัย หมั่นไปหาหมอและกินยาตามที่หมอสั่งทุกประการ