“แม่นาง ข้ารู้ว่าวิชาแพทย์ของเจ้าสูงส่ง แต่ถ้าผ่าท้องลูกสะใภ้ข้า นางก็ต้องตายน่ะสิ”ท่านยายหลินพูดแล้ว ขอบตาก็พลันแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเข้าใจความกังวลของท่านยายหลินอย่างไรเสียนั่นก็คือลูกสะใภ้ของอีกฝ่าย หากระหว่างการผ่าตัดเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็อาจเป็นอันตรายได้เจี่ยนอันอันถาม “ท่านยายแซ่อะไรหรือเจ้าคะ?”ท่านยายหลินไม่เข้าใจ จนป่านนี้แล้ว ทำไมฝ่ายตรงข้ามต้องถามถึงแซ่ของนางด้วย?แต่นางยังคงตอบว่า “ข้าแซ่หลิน”เจี่ยนอันอันถามอีกครั้ง “ท่านยายหลิน หลายวันมานี้ลูกสะใภ้ของท่านมักบ่นว่าปวดท้องและอาเจียนแห้งๆ อยู่บ่อยครั้งใช่ไหมเจ้าคะ?”ท่านยายหลินพยักหน้า ที่เจี่ยนอันอันพูดมาไม่ผิดไปเลยสักนิดช่วงหลายวันนี้ลูกสะใภ้ของนางมักพูดว่าปวดท้อง แม้แต่ข้าวปลาก็ยังกินไม่ลงท่านยายหลินอยากให้ลูกสะใภ้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปทำนาแล้วแต่ลูกสะใภ้เป็นคนขยันขันแข็งมาแต่ไหนแต่ไร นางเป็นห่วงข้าวในนาจึงยืนกรานตามไปด้วยแต่พอกลับมาก็ดูเหมือนว่าลูกสะใภ้เป็นต้องล้มป่วยหนักไปเสียทุกคราเสื้อผ้าบนร่างล้วนเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็นลูกชายของท่านยายหลินก็สงสารภรรยามากเหมือนกัน เกลี้ยกล่อมนางว่าไม
ท่านยายหลินเดินเข้ามาในเวลานั้นเองนางเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ร้องว่าปวดท้องอีกก็ทราบว่าพวกเขาได้รับการรักษาแล้วนางรีบเข้ามาพูดกับคนทั้งสองว่า “พวกเจ้าเชื่อคำพูดของแม่นางคนนี้เถอะ”“นางสามารถรักษาเสี่ยวโต้วจื่อได้ก็ต้องรักษาอาการป่วยของอาหรงได้เหมือนกัน”หลินเซิงลูกชายของท่านยายหลินเหลือบมองเจี่ยนอันอันเล็กน้อย สุดท้ายก็ตอบตกลง“เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางช่วยรักษาอาหรงด้วย” หลินเซิงกล่าวพลางลุกขึ้นลงจากเตียงอุ่นสตรีที่ถูกเรียกว่าอาหรงเห็นพวกเขาล้วนยินยอมให้ผ่าเปิดท้องนางแล้วแม้นางจะหวาดกลัวมาก แต่กลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเจี่ยนอันอันบอกให้คนอื่นๆ ออกไปก่อน แล้วบอกให้ท่านยายหลินยกน้ำร้อนที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามาท่านยายหลินและหลินเซิงรออยู่ข้างนอกด้วยความร้อนใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปดูเสี่ยวโต้วจื่อกระตุกมือหลินเซิงเบาๆ ถามอย่างกลัวๆ “ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงยังไม่ออกมาอีก?”หลินเซิงเห็นใบหน้าเสี่ยวโต้วจื่อยังเปื้อนน้ำตาอยู่ก็รีบใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้าให้ลูกชาย“แม่เจ้ากำลังรับการรักษาอยู่ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”เสี่ยวโต้วจื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในห้อง เจี่ยนอันอันบอกใ
เจี่ยนอันอันหยิบขวดยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาอาการอักเสบออกมาส่งให้หลินเซิง“รอจนภรรยาของท่านฟื้นแล้วก็ให้นางกินยานี้”หลินเซิงมองดูขวดยาในมือ เขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย“นี่สำหรับรักษาอะไรหรือ?” หลินเซิงถามด้วยสีหน้าสงสัย“ยานี้ใช้รักษาอาการอักเสบให้นาง ให้นางกินวันละสามเวลา ครั้งละสองเม็ดก็พอแล้ว”หลินเซิงรีบยัดยานั้นไว้ในอกเสื้อ ด้วยกลัวว่าจะทำหายเจี่ยนอันอันเห็นว่าตรงนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจึงจะจากไปท่านยายหลินและหลินเซิงรีบกล่าวขอบคุณเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “งั้นพวกข้าไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้ง”ตอนกลับไป ฉู่จวินสิงนึกสงสัยใคร่รู้อยู่บ้างเจี่ยนอันอันรักษาอาหรงผู้นั้นอย่างไรกันนะ?เจี่ยนอันอันยิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิง “เรื่องนี้เป็นความลับ”ฉู่จวินสิงส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เจี่ยนอันอันก็ไปที่บ้านของท่านยายหลินอีกครั้งเวลานั้นอาหรงนอนอยู่บนเตียงอุ่น ความเจ็บแปลบแล่นมาจากบาดแผลบนท้องนางอยากแกะแผ่นปิดแผลบนท้องออกมาดูเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าจะกระทบบาดแผลเห็นว่าเจี่ยนอันอันมาแล้ว ท่านยายหลินก็รีบมาต้อนรับ“แม่นาง
ฉู่จวินสิงชอบท่าทางกินข้าวของเจี่ยนอันอันมากนางกินข้าวอย่างมูมมามเหมือนหิวโหยมาหลายวันในปากของนางเต็มไปด้วยอาหาร สองแก้มกลมป่องท่าทางเหมือนหนูตัวน้อยๆ อย่างไรอย่างนั้นเห็นข้างริมฝีปากของเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ไม่มีเค้าของคุณหนูตระกูลใหญ่เลยสักนิดแววตาฉู่จวินสิงก็ฉายรอยยิ้มออกมาเขาชอบนิสัยที่ไม่เสแสร้งแกล้งทำเช่นนี้ของเจี่ยนอันอันไม่เหมือนสตรีอื่นที่ชอบแสร้งทำเป็นอ่อนโยนอ่อนแอกินข้าวก็ต้องกินทีละคำเล็กๆ เสแสร้งจนชวนให้เขารำคาญใจหลังเจี่ยนอันอันกินข้าวเสร็จ ฉู่จวินสิงก็หยิบผ้าแพรเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำมันตรงมุมปากให้เจี่ยนอันอัน“ดูเจ้ากินข้าวเข้าสิ มุมปากมีแต่น้ำมัน”เจี่ยนอันอันยิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วแย่งผ้าแพรเช็ดหน้ามาเช็ดริมฝีปากอย่างส่งเดชฉู่จวินสิงถูกการกระทำของเจี่ยนอันอันทำให้นึกขันจนหัวเราะออกมาเบาๆเจี่ยนอันอันยัดผ้าแพรเช็ดหน้าเปื้อนน้ำมันใส่มือฉู่จวินสิงแล้วก้าวยาวๆ จากไปฉู่จวินสิงมองดูผ้าเช็ดหน้าเปื้อนคราบน้ำมันผืนนั้นแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆซ่างตงเยว่เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาหานางกล่าวอย่างเกรงใจ “นายน้อยรอง ส่งผ้าแพรเช็ดหน้ามาให้ข้าเถอะเจ้าค่
เจี่ยนอันอันโบกพัดไปมาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง“อากาศที่นี่ร้อนเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าตอนไหนฝนจะตก”เพิ่งสิ้นเสียงของเจี่ยนอันอัน ท้องฟ้าที่เดิมทียังแจ่มใสก็พลันมีเมฆครึ้มเข้าปกคลุมเจี่ยนอันอันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางคว้าแขนของฉู่จวินสิงแล้วออกแรงเขย่า“ฉู่จวินสิง ท่านว่าข้าเป็นเทพธิดามาจุติไหมนะ”“ข้าเพิ่งพูดว่าอยากให้ฝนตก ท่านดูข้างนอกนั่นสิ จู่ๆ ก็มีเมฆครึ้มเต็มไปหมด”ฉู่จวินสิงปล่อยให้เจี่ยนอันอันแกว่งแขนเขาไปมาตามใจชอบเขาไม่ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่จ้องมองเจี่ยนอันอันตาไม่กะพริบเห็นเจี่ยนอันอันมีท่าทางตื่นเต้น มุมปากของเขาก็พลันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชวนมองในชั่วขณะนั้นเอง ท้องฟ้านอกหน้าต่างพลันสว่างวาบตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังครืนครันเจี่ยนอันอันยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมนางคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองยังมีความสามารถ ‘เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน’ อีกด้วยนางกล่าวออกมาทันทีว่า “ฝนตกหนักๆ หน่อยนะ ดีที่สุดคือตกติดต่อกันสามวันสามคืน”เมื่อเป็นเช่นนี้ งานแต่งงานของนางกับฉู่จวินสิงก็สามารถเลื่อนออกไปได้อีกสองวันเจี่ยนอันอันดีดลูกคิดรางแก้วในใจ ฝนด้านนอกตกหนักกว่าเดิมดังคาดสายฝนกระหน
เจี่ยนอันอันยิ้มตาหยีเล็กน้อย พลางพูดว่า “ฮูหยินรองก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโคมแดงก็ดีหรือผ้าแดงก็ดี ข้าล้วนเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อฮูหยินรองได้ยิน ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นมาทันที “แม้แต่ของพวกนี้อันอันก็เตรียมไว้แล้วหรือ?” ราวกับใช้เวทมนตร์ ในมือของเจี่ยนอันอันพลันมีโคมแดงสองดวงเพิ่มขึ้นมา ฮูหยินรองเห็นเช่นนั้น ก็รีบตะโกนเข้าไปในห้องทันทีว่า “พี่หญิง ท่านรีบออกมาดูสิเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเสียง ก็เดินออกมาจากห้องทันที เมื่อนางเห็นในมือของเจี่ยนอันอัน กำลังถือโคมแดงอยู่สองดวง นางรีบถามทันทีว่า “อันอัน โคมแดงสองดวงนี้นำมาจากที่ใดกัน?” เจี่ยนอันอันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ของพวกนี้ข้าล้วนนำมาจากบ้านเดิมเจ้าค่ะ” เมื่อนางกล่าวจบ ในมือก็มีผ้าไหมแดงเพิ่มขึ้นมาอีกผืน ในใจของฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองพลันเกิดความยินดีขึ้นมา เมื่อมีของเหล่านี้ พวกนางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะจัดห้องหอได้ไม่ดีแล้ว คนทั้งสองเลิกสงสัยในตัวเจี่ยนอันอันไปนานแล้ว เวลานี้ ต่อให้เจี่ยนอันอันเสกคนมีชีวิตออกมา พวกนางก็จะนึกเพียงว่านั่นเป็นคนที่เจี่ยนอันอันเก็บไว้ในถุงเฉียนคุนเท่านั้น ที่พวกนางไ
ฉู่จวินหลุนก็บังคับเก้าอี้รถเข็นออกมาเช่นกัน “จวินสิงกลัวแมลงมาตั้งแต่เด็ก จุดอ่อนนี้ไม่อาจให้ผู้มีจิตคิดร้ายรู้เด็ดขาด” เหยียนเซ่าหันไปมองฉู่จวินหลุน ดวงตาของเขาเฉียบเย็น “ที่จิ้นอ๋องกล่าวคือ หากให้ฝ่าบาทรู้เข้า จะต้องทรงใช้วิธีนี้มาลงมือกับท่านอ๋องของกระหม่อมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินว่าเหยียนเซ่ายังคงเรียกเขาว่าจิ้นอ๋อง ก็โบกมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยามนี้ข้ามิใช่จิ้นอ๋องอีกแล้ว เจ้าติดตามจวินสิงมานานหลายปี จงรักภักดีมาโดยตลอด” “เช่นนั้นวันหลังเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เถอะ” เหยียนเซ่าประสานคำนับทันที “พ่ะย่ะค่ะจิ้นอ๋อง! โอ้ไม่ใช่ ขอรับพี่ใหญ่!” ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็วิ่งจนเหนื่อยแล้ว และก็ขำจนพอแล้วเช่นกัน นางหยุดลง ยิ้มพลางพูดว่า “ฉู่จวินสิง นี่เป็นเพียงแมงมุมปลอมตัวหนึ่งเท่านั้น ดูสิ ทำท่านกลัวซะ” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ยกมือปิดปากแอบหัวเราะอีกครั้ง เมื่อฉู่จวินสิงเห็นชัดเจนว่าในมือของเจี่ยนอันอันถึงกับเป็นแมงมุมปลอมจริงๆ เขาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา คว้ามือของเจี่ยนอันอันดึงนางเข้าไปในห้อง “ฉู่จวินสิง ท่านคงไม่ได้โมโหจริงๆ ใช่ไหม ข้าแค่ล้อท
เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่ามันเทศแตกหน่ออ่อนแล้ว นางก็รีบจูงมือเล็กๆ ของฉู่จื่อซี สาวเท้ายาวจากไปทันที ในตอนที่นางเดินไปถึงหน้าประตู ก็หันไปถลึงตาใส่ฉู่จวินสิงอีกครั้ง “ท่านรอก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการท่าน” ฉู่จวินสิงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็ตามออกมาเช่นกัน คนทั้งสามมาถึงบริเวณที่ปลูกมันเทศ ฉู่จื่อซีนั่งยองลง มือน้อยๆ ชี้ไปที่ต้นอ่อนที่อยู่ในดิน เจี่ยนอันอันนั่งยองลงไปอย่างมีความสุข “โอ้ เร็วขนาดนี้ก็งอกต้นอ่อนแล้ว” “ดูท่าอีกไม่นาน พวกเราก็จะได้กินมันเทศแล้ว” “จื่อซีอยากกินมันเทศหรือไม่?” เมื่อฉู่จื่อซีได้ยินคำพูดของเจี่ยนอันอัน ก็พยักหน้าหนักๆ อย่างมีความสุข เจี่ยนอันอันลูบหัวน้อยๆ ของฉู่จื่อซี “รอจนมันเทศได้ที่แล้ว ข้าก็จะทำมันเทศเผาให้เจ้ากิน” ฉู่จื่อซีชอบกินมันเทศมาก ครั้งก่อนที่กินมันเทศในศาลเจ้าร้าง เขายังกินไม่เต็มอิ่มเลย ยามนี้เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า ในอนาคตจะมีมันเทศเผาให้กิน ใบหน้าน้อยๆ ของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเบิกบานทันที ตลอดบ่ายนี้ไม่มีฝนตก เจี่ยนอันอันต้มยาให้ฉู่จื่อซีชุด ให้เขาดื่มลงไป ตอนกลางคืนช่วงที่กำลังนอน เจี่ยนอ
เขามองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พูดพึมพำออกมา “พี่ใหญ่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมท่านถึงได้หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่?”ต่อให้พี่ใหญ่จะจำพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำเช่นนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าอีก เขาทำหน้าเย็นชาแล้วพูดออกมา “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นให้พูดแล้ว ก็ออกไปเสียเถอะ”เสิ่นจืออวี้กัดฟัน สายตาที่มองไปยังเจี่ยนอันอันมีความโกรธเกลียดมากขึ้นเขารู้มาจากปากของเจียงหว่านเอ๋อร์ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจี่ยนอันอันที่ทำขึ้นตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี่ยนอันอันช่วยชีวิตเอาไว้ ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้เขามีความไม่พอใจเจี่ยนอันอันมากขึ้นเจี่ยนอันอันมองความโกรธเกลียดในดวงตาของเสิ่นจืออวี้ออก นางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ทุกวันนี้ช่วยชีวิตคนยังมาถูกขุ่นเคืองเข้า ช่างเป็นเหมือนหมาป่าตาขาวเสียจริง”เสิ่นจืออวี้รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล เขาไม่ควรจะขุ่นเคืองเจี่ยนอันอันทว่าเรื่องนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเสิ่นจือเจิ้งต้องเขียนหนังสือหย่านั่นด้วยเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ย
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วนำจานส่งไปเบื้องหน้าของกวนซิน “คุณหนูกวนรีบชิมเข้า แมลงนี้หลังจากที่ทอดไปแล้วหอมอร่อยมาก” กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว นางหลับตาลงโบกมือติดต่อกัน“เจ้ารีบเอามันออกไปเถอะ ของเช่นนี้จะไปกินได้อย่างไรกัน น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”เจี่ยนอันอันนำจานจานหนึ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้ชิวเหลียนรับไปชิมชิวเหลียนเองก็ตกใจไม่น้อย นางส่ายหัวอย่างแรง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่กล้าแตะตั๊กแตนในจานและก็เป็นในตอนนี้ ฉู่ตั๋วตั่วก็วิ่งเข้ามานางดมกลิ่นหอมจึงตามมานางมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในจาน ก็ยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวใส่เข้าไปในปากกวนซินไม่ทันได้ห้ามเอาไว้ ก็เห็นฉู่ตั๋วตั่วเริ่มเคี้ยวขึ้นมา“ตั๋วตั่ว รีบคายออกมา เจ้ากินไม่ได้”กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าไม่น่ามอง นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วกินแมลงไปแล้วจะปวดท้องขึ้นมา“ท่านแม่ แมลงนี้อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินแมลงที่อร่อยมากถึงขนาดนี้”หลังจากที่กวนซินได้ยินแล้ว ก็ตกใจเสียจนหลับตาลงชิวเหลียนเมื่อเห็นว่าฉู่ตั๋วตั่วกินอร่อยถึงเพียงนั้น นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปากไม่นานนักชิวเหลียนก็รู้ว่า ตนเองเมื่อคร
เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ บวกกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทันใดนั้นก็เติมเต็มอยู่ในปากทันทีฉู่จวินสิงลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกายแสงวาบขึ้นมาเมื่อครู่นี้ที่กินตั๊กแตนทอดไป ก็ทำให้ความกลัวแมลงของฉู่จวินสิง ลดน้อยลงมากคนอื่นๆ ล้วนแต่จ้องมองไปยังฉู่จวินสิงโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด ใบหน้าของแต่ละคน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความกังวลฉู่จวินสิงกลืนตั๊กแตนในปากลงไป แล้วเริ่มยื่นมือออกไปหยิบอีกตัวหนึ่งใส่ปากฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นฉู่จวินสิงเริ่มหยิบตั๊กแตนมากิน นางก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้เรื่องที่ฉู่จวินสิงกลัวแมลงนั้น ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งครอบครัว แล้วมาตอนนี้เขาจะหยิบมากินเองได้อย่างไรเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันพลางพูด “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”ฉู่จวินสิงพยักหน้า “รสชาติไม่เลวเลย”คนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำของฉู่จวินสิง ต่างก็อดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้พวกเขาเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าตั๊กแตนสามารถนำมาทอดกินได้เจี่ยนอันอันที่อดทนไม่ไหวนานแล้ว ก็หยิบตั๊กแตนที่ทอดจนเสร็จแล้วขึ้นมา ใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวเสียงกรุบกรอบ ลอยดังเข้าหูของทุกคนพวกเขาเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างก็คิดอยากจะหยิบ
ชาวบ้านหยิบถุงตั๊กแตน มายังเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง“แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนเหล่านี้จะจัดการอย่างไรดี?” อวี๋ว่านพูดออกมาก่อนเมื่อเห็นตั๊กแตนที่มีชีวิตอยู่ในถุงตาข่าย มุมปากของเจี่ยนอันอันก็ยกยิ้มขึ้นนางแทบทนรอไม่ไหวที่จะกินตั๊กแตนทอดแล้วนางพูดกับทุกคน “ที่เรือนของพวกเจ้าใครที่มีหม้อใหญ่บ้าง เอาไปที่ประตูเรือนข้าให้หมด”ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะเอาหม้อไปทำอะไร แต่พวกเขาต่างก็ให้ความร่วมมือมีชาวบ้านหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เพื่อแสดงว่าเรือนของตนนั้นมีหม้อค่อนข้างใหญ่แม้แต่จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพวกเขานำถุงตาข่ายมอบให้ชาวบ้านคนอื่นๆ แล้วรีบวิ่งไปทางเรือนของตนเอง เจี่ยนอันอันเมื่อหาแม่ไก่สองตัวนั้นของท่านยายหลินพบ ก็อุ้มพวกมันเอาไว้ “พวกเรากลับกันเถอะ รออีกเดี๋ยวข้าจะเชิญพวกเจ้ามากินตั๊กแตนทอดกัน” หญิงชาวบ้านหลายคนเองก็พากันอุ้มไก่ของตัวเองกลับไป เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจะกินตั๊กแตนทอด พวกนางก็อดจะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ระหว่างทางกลับไป อวี๋ว่านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนพวกนี้กินได้อย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค