สายตาคมเข้มชำเลืองมองสาวร่างบาง ที่นั่งหันหลังให้อย่างเคือง ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากส่งเสียงถอนหายใจออกมาเป็นระยะ ๆ เพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิด และสนใจการจราจรเป็นสำคัญ เมื่อมั่นใจว่าคนที่เขาพาพ่วงมาด้วยคงยังโกธรกับการกระทำของตนเองอยู่บ้าง หรือมากจนไม่อยากมองหน้าชายหนุ่มเลือกห้างที่ดูแล้วน่าจะเป็นห้างเปิดใหม่ และผู้คนคงไม่เยอะจนเกินไป การตกแต่งของตัวห้างโดยรอบเน้นความร่มรื่น ต้นไม้หลายชนิดหลากสีสัน ปลูกเรียงอยู่ในแนวขอบปูนโดยรอบตัวห้าง จนชายหนุ่มเผลอคิดว่าเขาขับรถเข้ามาในสวนสาธารณะเสียอีก โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่ยังมีไม้ค่ำยันเรียงรายเป็นทิวแถวตลอดแนว ชายหนุ่มรู้สึกชอบบรรยากาศห้างนี้เสียแล้ว นี่แหละหนาที่เขาพยายามขับรถลงมาเพื่อไปหาสิ่งนั้น ทิ้งแสงสีที่เคยอยู่มาตลอดหลายสิบปีที่มีความอำนวยสะดวกพร้อม ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากคล้ายหัวเราะเยาะตัวเอง ในความคิดที่คงไม่มีนักธุรกิจคนไหนนึกทำกันชายหนุ่มเลือกจอดรถเบนซ์คันงามคู่ใจใกล้ประตูทางเดินเข้าที่สุด เพราะนึกสงสารสาวร่างบางที่นั่งเงียบมาตลอดเส้นทาง หน้างอง้ำจนตัวเขาเองรู้สึกไม่อยากกวนใจหล่อน และเลือกทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้หล่อนจะไม่เห็นในสิ่งที
เพราะว่ารู้สึกผิดกับลูกตั้งแต่ต้น พอแต่งงานกับเศรษฐีนีม่าย มีเงินทองใช้จ่ายและเริ่มลงทุนทำธุรกิจจนเติบโตและรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้ ความรู้สึกผิดและไม่อาจสู้หน้าลูกได้จึงไม่กล้ากลับไปหาลูกสาวคนเดียวของตัวเอง ความรู้สึกผิด มันติดตัวและหัวใจมาตลอด ไม่เคยได้เอ่ยบอกและระบายความชั่วของตัวเองที่ทำไว้กับลูกให้ใครฟัง แม้กระทั่งภรรยาใหม่ของตัวเอง และที่สำคัญเพราะยังกลัวคนใกล้เคียงจะเสียความรู้สึกมองตัวเขาในแง่ลบ และมันจะทำให้ตัวเขาย่ำแย่ หากต้องถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามจากคนรอบข้าง จึงตัดสินใจอยู่อย่างไร้ร่องรอย ไม่เหยียบกลับไปยังที่แห่งนั้นอีกเลยการสนทนาพูดคุยที่เดินคุยกันมาก่อนหน้านี้เป็นอันจบลง เมื่อหุ้นส่วนรายใหญ่ที่เป็นตัวหลักไม่ได้สนใจเอ่ยต่อ“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปองพล?”สาทิตย์ผู้ร่วมหุ้นเอ่ยถาม เมื่อเห็นถึงความผิดปกติของคู่สนทนาตาจับจ้องเพ่งมองคู่สนทนาอย่างคนตั้งใจฟังคำตอบ แต่สิ่งที่รอและตั้งใจฟัง คือเสียงถอนหายใจเบา ๆ และคำพูดที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจของอีกคนที่ผ่อนออกมาเบา ๆ ไม่มีเสียงตอบจากคนเคียงข้าง จึงสอดส่ายสายตามองตามไปอีกคน“อ๊ะ! นั้นคุณธาดานี่ครับ เป็นไงมายังไงถึงได้มาเดินอ
“คุณปองพลป่วยนะครับ และต่อไปก็ต้องมารับยาตามนัดนะครับ ”เสียงเรียบนิ่งเอ่ยอย่างนิ่มนวล และแนะนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปและตอนนี้ปองพลเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคหัวใจ แต่อยู่ในสภาวะเริ่มแรก ต้องกินยาและทำตัวให้แข็งแรง ส่วนเรื่องทางอารมณ์ หมอแนะนำให้อย่าคิดมากเพราะโรคหัวใจกำเริบได้ง่ายสำหรับคนที่เป็นโรคนี้“เป็นไงบ้างครับคุณปองพล”น้ำเสียงเป็นห่วงเอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เข้ามาหาเพื่อนหุ้นส่วนทันทีที่หมอเดินออกจากห้องฉุกเฉิน“คุณสาทิตย์ คุณยังอยู่อีกหรือครับ ผมนึกว่าผมอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวเสียอีก”เอ่ยสีหน้าแปลกใจ แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย“ก็ผมเป็นคนพาคุณมาส่งนี่ครับ อีกอย่างผมโทรบอกคุณนิพาแล้วด้วย ป่านนี้คงใกล้ถึงแล้วละ”เดินเข้ามาประคองร่างท้วมที่ยังมีใบหน้าซีดเซียวอยู่ และคาดคะเนการเดินทางของอีกคนให้เพื่อนร่วมหุ้นส่วนฟัง“ขอบคุณ คุณสาทิตย์มาก ผมรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก”เสียงแหบแห้งเอ่ย“อีกอย่าง หากไม่ได้คุณผมคงแย่”สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด“โถ ... ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ถึงผมจะไม่เป็นหุ้นส่วนกับคุณหรือเป็นเพื่อนคุณ หากผมเห็
วิรุจหัวหน้าคนงานรีบเรียกคนงานทุกคน เมื่อได้รับเรื่องจากคุณสาทิตย์ผู้ดูแลไร่กาแฟ โดยให้คนงานผู้หญิงส่วนหนึ่งจัดการที่พักให้อย่างรีบเร่ง เพราะทราบข่าวว่ามีผู้หญิงมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เจ้าของไร่พามาอยู่ในฐานะอะไร จึงจัดการให้คนงานผู้หญิงจัดห้องไว้สองห้อง เพราะเท่าที่ทราบมาชายหนุ่มเจ้าของไร่ยังโสดสนิทอยู่การเรียกพบเป็นไปอย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียง เมื่อทุกคนมาพร้อมและฟังคำบอกกล่าวจากปากของชายหนุ่ม ที่คุณสาทิตย์เลือกไว้ให้ดูแลคนงานในไร่ เพราะชอบในความเป็นคนมีมานะ และอดทน ที่สำคัญที่สุดเป็นคนจริงจังและเป็นคนที่ไม่เคยเอาเปรียบคนอื่นที่มีหน้าที่ด้อยกว่า จึงเป็นที่ยอมรับของคนงานในไร่ทุกคน“มากันพร้อมแล้วใช่ไหมครับ”ชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างสันทัด ใบหน้าคมจมูกโด่งเป็นสันพองาม รับกับใบหน้าพอเหมาะพอเจาะ เอ่ยเสียงดังเพื่อให้คนงานที่มีเกือบยี่สิบคนได้ยินอย่างทั่วถึงในคราเดียว“วันนี้เป็นวันพิเศษของพวกเรา ...”ชายหนุ่มผิวเข้มเอ่ย พร้อมแต้มรอยยิ้มบนใบหน้า กวาดสายตามองคนงานในไร่ด้วยกัน แต่ทุกคนเหมือนจะงง ๆ กันอยู่ เพราะถูกเรียกพบแบบไม่ทันตั้งตัว และอยู่ดี ๆ ก็มาบอกว่าเป็นวันพิเศษ ถึงกับทำให้คนงา
อาการง่วงของหญิงสาวที่แสดงออกโดยธรรมชาติอย่างลืมตัวและไม่ได้เสแสร้ง มันเป็นภาพที่น่าดูชมของใครหลายคนที่ยืนมองเป็นตาเดียวกันอย่างตะลึง อึ้งยิ่งกว่าเจอดารานางเอกบางคนเสียอีกความรู้สึกไม่ชอบใจกับอาการของหญิงสาวที่ดูจะเป็นที่สนใจของสายตาหลายคู่โดยเฉพาะคนงานหนุ่ม ๆ ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่ถึงกับกระแอมดัง ๆ เพื่อเรียกสติของใครหลายคน ชายหนุ่มก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าที่ส่งเสียงไปนั้นเพื่อให้หญิงสาวได้รู้ตัวหรือทำเสียงดังเพื่อให้คนงานเลิกสนใจผู้หญิงและหันมาสนใจตนเองแทนได้ผล เสียงที่ดังออกมาอย่างคุ้นเคย ทำให้สาวสวยถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นสายตาหลายคู่ที่เหมือนจะนัดกันไว้ เพ่งมองมายังตน ถึงกับเรียกเลือดฝาดบนใบหน้าของสาวสวยได้เป็นอย่างดี แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นซีดลง เมื่อสายตาปะทะกับตาคมเข้มที่มองอย่างตำหนิ ที่เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่ลากหล่อนมา ...ใบหน้าตกใจของคนงานหลายคน เมื่อนึกได้ว่ามองจนเกินความเหมาะสม ถึงกับหลุบสายตาลงอย่างรวดเร็ว เพราะไม่แน่ใจว่าสาวสวยที่กำลังยืนอยู่นั้นเป็นใครกันแน่ หากเป็นภรรยาของเจ้าของไร่ มองแบบนั้นมันไม่เหมาะและเสียมารยาทเป็นที่สุดแต่สำหรับวิรุจถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่า
เมื่อทุกอย่างในไร่กาแฟ ไม่ว่าคนงานที่ต้องปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน และปรับปรุงพื้นที่ในแผนงานให้เข้ารูปเข้ารอยกว่าเดิม ทำให้คนงานรู้สึกพอใจในการทำงานของเจ้าของไร่คนใหม่เป็นอย่างมาก ใช่ว่าที่ผ่านมาการทำงานที่อยู่ภายใต้การคุมงานของวิรุจไม่ดี แต่เมื่อการปรับเปลี่ยนที่รัดกุมและละเอียดขึ้น ทำให้คนงานทำงานง่าย มีเวลาพักผ่อน และเวลาทำงานชัดเจนขึ้นและสิ่งที่ตามมาด้วยคือความเฉยชาที่มนธิราได้รับจากธาดา ทำให้น้ำตาที่คั่งอยู่ในอกเริ่มกลัดหนอง ความห่างเหินก็มีตามมา แม้จะรู้สึกโล่งใจกับการที่ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว แต่หัวใจมันก็ยังคิดทรยศ คิดถึงความอบอุ่นจากอกแกร่งที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ที่ตามหลอกหลอนให้หวนคิดถึงตลอดเกือบสองเดือนที่มาอยู่ในไร่กาแฟช่วงเช้าหล่อนจะออกไปทำงานพร้อมกับคนงานหญิงหลังจากกินข้าวเช้า และกลับมากินข้าวเที่ยงตามเวลาเหมือนกับคนงานในไร่ทั่วไป ความสนิทสนมกับคนงานจึงมีมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าคนงานหญิงหรือชาย เพราะหล่อนต้องทำงานเหมือนกับคนงานทั่วไป ความใกล้ชิดจึงมีตามมา“สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตัวเองถูกชะตาเดินใกล้เข้ามา โดยในมือขอ
‘เธอกล้าทำอย่างนี้กับฉันหรือมนธิรา!’ท่าทางการพูดคุยที่ไม่มีท่าทีสนใจสิ่งรอบข้างทำให้คนที่ยืนมองดูอยู่หัวใจเต้นรัวเร็ว ดวงตาคมกริบมองไม่กะพริบ เหมือนอยากให้สายตาที่มองไปยังหล่อนช่วยสะกิดให้เธอรับรู้ว่าคนที่กำลังมองอยู่ไม่พอใจอย่างแรง แล้วความอดทนก็หมดลง เท้าแกร่งก้าวเดินออกไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังให้โอกาสเธอหันมาสนใจเขาที่กำลังเดินเข้ามา แต่เปล่าเลย ...มือกำลังเก็บเกี่ยวผลกาแฟ สายตาที่หันมองคู่สนทนาไปพลาง ทำให้ไม่ทันดูเท้าของตัวเองที่กำลังขยับ“อุ๊ย!”ร่างบางเสียหลักตะแคงตัวเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย เมื่อเท้าที่เป็นหลักในการทรงตัวตกหลุม“ระวังครับ!”ชายหนุ่มที่มีน้ำใจตั้งแต่ต้นรับร่างบางไว้ด้วยอกแกร่ง และมืออีกข้างที่ว่างอยู่โอบร่างบางเอาไว้ เพื่อไม่ให้หล่อนเซมากไปกว่านี้จี๊ด ... อารมณ์โมโหหึงที่มีอยู่แล้วพุ่งเดือดปุด ๆ‘มันจะมากไปแล้ว ...’กรามแกร่งขบเข้าหากัน หากมีใครยืนอยู่ใกล้คงได้ยิน เสียงที่ดังออกมาเสียงที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้คนสองคนที่กำลังประคับประคองไม่ให้อีกคนเสียหลักไปกว่านี้หันมอง และรู้ว่าเป็นใคร“คุณใหญ่ ...”เสียงเบาคล้ายกระซิบดังออกมา ร่างบางรีบดันตัวเองห่าง
คำพูดเสียดแทงไม่สนใจว่าผู้หญิงที่ตนผลักลงไปจะเจ็บหรือไม่กับการกระทำของตนมือเรียวบางกดช่วงท้องที่รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาแต่เก็บอาการเอาไว้ แต่คำพูดที่เสียดแทงกว่านั้นมันทำเจ็บลึกยิ่งกว่าของมีคมพันเล่มทิ่มแทง ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นแม้จะรู้สึกเจ็บช่วงท้องอยู่ก็ตาม แววตาที่เริ่มเอ่อด้วยน้ำตาเอ่ยอย่างเหลืออด“ในเมื่อคุณใหญ่คิดว่าบีเป็นแค่กากเดน แล้วทำไมไม่ปล่อยบีไปล่ะ มาขัดบีทำไม?”แม้คำพูดที่พูดออกมาจะต่างกับความรักที่เก็บเอาไว้ หากหล่อนเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ หล่อนก็ไม่คิดจะเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนอีก แต่หล่อนก็อยากพูดให้คนตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองบ้างคำพูดที่เอ่ยจากการโต้กลับมาของคนตัวเล็กเรียกอารมณ์ของคนตัวโตจนแตกพล่าน กระชากร่างบางเข้าหาอกแกร่ง“แม้เธอจะเหลือแต่กาก ฉันก็ไม่คิดจะให้ใครหรอก”พูดจบริมฝีปากหนา ก้มลงกดทับปากบางช่างย้อนทันทีด้วยแรงโมโห จูบที่ได้รับจึงรุนแรง บดขยี้อย่างไม่ปรานี โดยไม่คิดว่าหล่อนจะเจ็บและขัดขืนมากแค่ไหนมือหนากดสะโพกกลมกลึงเข้าหาตัว อีกมือจับศีรษะของหล่อนไว้มั่น ปากหนายังทำหน้าที่บดเบียดปากบางได้รูปอย่างสุดแรง ก่อนจะผ่อนเบาลง เมื่อร่างบางเริ่มสิ้
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ