“มะ ไม่บอก” มือที่เขี่ยยุกยิกหยุดนิ่งทันที จนฉันค่อยเปิดตาขึ้นและมองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงหน้า เขาหยุดทำไม ฉันเปียกไปหมดแล้วนะ “อยากต่อมั้ยคะ ถ้าอยากต่อบอกรักเค้าก่อน” ฉันก้มมองมือที่ลดจากสาปเสื้อล้วงเข้ากางเกงนอน ก่อนจะค่อย ๆ แยกขาออกรอเขาอัตโนมัติ จนเขาลูบเบา ๆ ตามเนินสาวและเลื่อนต่ำ กดนิ้วกลางแทรกร่องรัก..สัมผัสน้ำหวานเปียก ๆ ที่ฉันหลั่งออกมา “อื้อ~” “เปียกหมดแล้ว จะทนอีกนานแค่ไหนคะ?” ฉันหลับตาพริ้มซี้ดปากเบา ๆ ก่อนจะจับข้อมือแกร่งเขา ที่ขยับนิ้วถูช้า ๆ ช้า ๆ ล้อเล่นกับหลีบกุหลาบ จนปลายนิ้วยาวกดลงเข้ากลาง และดึงออกมาพร้อมน้ำหวาน ที่ฉันพรั่งพร้อม “จะทำก็ทำเถอะ ดึกแล้ว อื้อ~” ฉันเริ่มไม่ไหว จับมือใหญ่เขาเคลื่อนใส่ตัวเอง จนเขาค่อย ๆ ขบติ่งหูขบลำคอฉันทีละนิด ทีละนิด และกรีดกรายนิ้วแหวกสองกลีบดันมันเข้าไป “อื้อ~ อย่างงั้น” “จุ๊ ๆ ถ้าไม่บอกรัก ไม่ทำต่อนะ” คนบ้า ทำไมต้องทรมานกันแบบนี้ด้วย ฉันส่ายหน้าไปมาพร้อมร่อนเอวขยับเร่า ๆ ให้สองนิ้วเขาสอดใส่ลึกขึ้นอีก แต่ทว่าเจ้าของมือกล
เมื่อพลอยถามฉัน ฉันก็เงยขึ้นมองทุกคนในห้องทันที คนไข้เพศชายอายุห้าสิบปีคนนี้คงเป็นพ่อของพลอยสินะ “พอดีฉันรับเคสต่อเพื่อนมา และฉันแค่มาราวด์ดูอาการเบื้องต้น สักพักหมอเฉพาะทางจะมาตรวจค่ะ” “พลอยรู้จักคุณหมอเขาเหรอลูก” คุณป้าที่ยืนตรงข้ามพลอยถามขึ้นอย่างนุ่มนวล และนั่นก็ทำให้ฉันยกมือไหว้ท่านทันที “สวัสดีค่ะคุณแม่ของพลอยใช่ไหมคะ” “ใช่จ้ะ สวัสดีจ้ะ” และพลอยก็กลอกตามองบนใส่ฉัน ก่อนจะหันไปตอบแม่ตัวเองว่า “ก็พอรู้จักค่ะ นี่หมอกาแฟ หมอเขาเคยเป็นคนที่พี่พีมคุย ๆ ด้วยน่ะค่ะ” ฉันยิ้มยืนยันกับคุณป้าทันที ก่อนที่จะบ่ายเบี่ยงตอบคำถาม และเดินไปตรวจคนไข้ที่นอนบนเตียงแทน จนพลอยเธอหันมองฉันเป็นระยะ และถามขึ้นอีก “ทำไมฉันต้องเจอหมออยู่เรื่อย ไม่เข้าใจ?” เมื่อเจอคำถามน่ารำคาญ ฉันก็ยกยิ้มมุมปากและมองชีพจรหัวใจคนไข้แว๊บนึง ก่อนจะเงยขึ้น และ ค่อย ๆ หันไปตอบพลอยว่า “นึกว่าอยากเจอซะอีก ถึงอยากไปทำงานบริษัทต้นกล้านักหนา” ฉันเน้นคำว่านักหนา จนพลอยเบะปากกลอกตามองบน และนั้นก็ทำแม่เธอไม่พอใจมาก ท่านรีบเดินอ้
พูดจบ พลอยก็ดันประตูปิดและยืนพิงไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดอกและมองฉัน สายตาที่เคยยียวนก่อนหน้า ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก เหมือนพลอยกำลังปล่อยตัวเองออกจากพลอยคนเดิมที่ฉันรู้จัก และดึงพลอยที่อ่อนแอคนนั้นออกมา “หมอกาแฟ ฉันถามหน่อย หมอเคยมีเพศสัมพันธ์ เอ่อ ข้างหลังมั้ย?” ทุกอย่างหยุดนิ่ง แม้กระทั่งอารมณ์ฉันที่กำลังคล้อยตามเธอ เพราะคำถามแรก ก็ทำฉันแทบจะอดขำไม่ได้ ทำไมพลอยต้องเปิดประเด็นด้วยเรื่องอย่างว่าด้วย! แม่คุณเอ้ย! ช่วยเปิดเกริ่นนำสักพารากราฟก่อนได้ไหม “หมอ หมอขำอะไรฉันซีเรียส” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ พลางยกมือปาดน้ำตา ที่มันเอ่อออกมาเพราะฉันพยายามกลั้นขำ จะบาปไหมเนี่ย ที่ขำคนกำลังซีเรียสแบบนี้ “ฮ่า ๆ โอเค จริงจัง ๆ ฉันไม่เคยหรอก ทำไมเหรอ” ฉันตอบและพยายามตั้งสติเข้าสู่โหมดจริงจังกับพลอย จนเธอค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเหล่ตามองทางอื่น “เฮ้อ... รสนิยมทางเพศเจฟเป็นแบบนั้น ฉันขอพูดตรง ๆ กับหมอในฐานะผู้หญิงด้วยกันนะ พอเขาวุ่นวายกับข้างหลัง เขาก็ไม่เคยแตะต้องน้องสาวฉันอีกเลย หลังจากนั้นเจฟก็ชอบใช้ความรุนแร
“พลอย ฉันต้องทำแค่นี้จริง ๆ เหรอ?” “ใช่” “คือ... แค่นี้ทุกอย่างก็จบเหรอ?” “ใช่ แต่ตอนนี้เราต้องทำให้เจฟตายใจก่อน พอเจฟกลับอเมริกา หมอก็แต่งงานกับต้นกล้าเลย บางทีเจฟเขาอาจจะเสียใจไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกก็ได้ และอีกอย่างนะ การรู้ข่าวระยะไกลไม่เห็นฉากบาดตา มันน่าจะทำให้เขาทำใจได้” คำพูดพลอยยังก้องอยู่ในหู จนฉันเปิดประตูบันไดหนีไฟและปิดดัง ‘กึก’ เดินเข้ามาในตัวอาคาร ก่อนจะค่อย ๆ หันซ้ายหันขวา มองหาต้นกล้าอีกครั้ง จนเห็นเขานั่งที่เก้าอี้สีเหลืองติดผนัง และห่างจากประตูประมาณสิบเมตร เขาจะได้ยินรึเปล่า ว่าพลอยพูดว่าอะไร เขารู้แล้วใช่ไหม? ว่าเจฟเป็นเกย์และชอบเขาจริง ๆ “เรียบร้อยแล้วเหรอ?” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาทันทีเมื่อหันมาเห็นฉัน ก่อนจะจับฉันหมุนซ้ายทีขวาทีสำรวจรอบ ๆ ตัว จนฉันรีบจับแขนไว้ “นายหาอะไร? พลอยไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก นายนั่งตรงนั้น ได้ยินมั้ยว่าเราคุยอะไรกัน” ต้นกล้าหยุดชะงัก และละสายตาจากตัวฉันขึ้นมาสบตา ก่อนเขาจะส่ายหน้าเบา ๆ ช้า ๆ และตอบมาว่า...
ได้ยินแบบนั้น ยัยแว่นก็ทิ้งตัวนั่งที่โซฟาอึ้ง ๆ จนผมหันกลับและดึงประตูปิดทันที ก่อนที่จะเดินดุ่ม ๆ ไปห้องเจ๊ปลายฟ้า ตอนนี้ผมโมโหมาก ผมชักจะทนไม่ไหวแล้ว ผมรู้ว่าผมหล่อ แต่ทำไมต้องมาชอบผมและกีดกันผมกับยัยแว่นวะ แล้วที่ไอ้เคเสนอหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าห้องเนี่ย มันต้องการอะไร? พวกมันสองตัว ทำผมหมดความอดทนแล้วนะเว้ย ‘กริ้ง กริ้ง กริ้ง’ ผมจิ้มนิ้วชี้กดรัว ๆ ที่กริ่งหน้าห้อง กดย้ำไม่หยุดหย่อน จนสักพักมีคนเดินมาเปิดประตู และทันทีที่ผมเห็นหน้าคนเปิด อารมณ์ผมก็พุ่งปรี๊ดขึ้นหน้า รีบคว้าหมับ!กระชากคอเสื้อมันมาหาทันที!! “ไอ้เจฟ มึงมาคุยกับกูดิ!” “ห๊ะ!” ผมขบฟันกรามแน่น จ้องมองเพื่อนสนิทตัวเองที่เบิกตากว้างตกใจ ก่อนผมจะรีบใช้สองมือที่กำคอเสื้อมันไว้ ดันมันเข้าไปในห้อง และใช้เท้าถีบประตูปิด ‘ปัง’ “ทำไมมึงต้องเสือกมาชอบกู และยุ่งเรื่องกูกับกาแฟวะ?” ผมไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้น จ้องหน้าไอ้เจฟที่หน้าถอดสี และตอนนี้มันก็รีบแกะมือผมออก แต่เมื่อมันสัมผัสมือผมเท่านั้นแห
“ไม่รู้ล่ะไอ้เจฟ ยังไงกูต้องบอกเรื่องนี้กับกาแฟ กูไม่อยากโกหกกาแฟอีกแล้ว” ทุกคนถอนหายใจเอามือกุมขมับ เพราะยังไงผมก็ยืนหยัดที่จะบอกความจริง มันไม่ตลกที่จะโกหกยัยแว่นแบบนี้ เพราะอดีตมันมีให้เห็นและยัยแว่นก็ฝังใจ ผมทั้งโกหกทั้งทิ้งเธอไปหกปีถ้าผมทำแบบนั้นอีกเธอจะรู้สึกยังไงวะ “มาถึงขนาดนี้แล้วนะไอ้กล้า ตามน้ำก่อนดิ มึงก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็จบเรื่อง” ไอ้เคเสนอ แต่ผมส่ายหน้ารัวปฏิเสธทันที “ไม่ ๆ พวกมึงล้มเลิกแผนการนี้ไปซะ กาแฟแต่งกับกูอยู่แล้วล่ะ แต่แผนของพวกมึง จะทำให้กาแฟไม่อยากแต่งกับกู” “ง่ะ ต้นกล้า ต้นกล้าจะบอกหมอกาแฟตอนนี้เลยเหรอ? หมอกาแฟจะเกลียดพวกเรารึเปล่า” พลอยทำเสียงเศร้า จนไอ้เจฟเดินไปกอดคอและตบไหล่เธอเบา ๆ ส่วนไอ้เคที่ขวางทางผมอยู่ มันก็ค่อย ๆ เดินกลับไปนั่งเซ็งที่โซฟา “เออ หลังจากนี้กาแฟต้องไม่ชอบพวกกูแน่เลย มึงจะบอกก็บอกไปเถอะ พวกกูโอเค แค่เมียเพื่อนไม่ชอบ” ไอ้เคบ่นอุบอิบ และนั่งมองนิ้วตัวเองบนตัก นี่กูมีเพื่อนหรือมีเมีย ทำไมต้องทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจขนาดน
วันนี้ฉันราวด์คนไข้เสร็จเร็วกว่าปกติ จึงรีบเดินไปตึกผู้ป่วยนอกเพื่อรับเคสทั่วไป แต่ระหว่างทางเดินก็อดคิดเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ ใช่เรื่องนั้นแหละ เรื่องที่ฉันย่องไปแอบฟังหน้าห้อง และพอต้นกล้ากลับมา ฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทั้งที่ฉันรู้ ฉันได้ยินทุกคำ รู้แม้กระทั่งต้นกล้านอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขากังวล หึ เอาเถอะ ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าอิคุณชายจะปริปากพูดเมื่อไหร่ เพราะที่ฉันเอาหูแนบประตูฟัง ฉันได้ยินเขาเถียงกับเพื่อน ว่ายังไง ๆ ต้องบอกฉันให้ได้ ไม่อยากให้ฉันเสียใจเป็นครั้งที่สอง เพราะคำโกหกปิดบังของเขา “หนูกาแฟใช่ไหมจ๊ะ” ฉันหลุดออกจากภวังค์หันขวับกลับไปมองข้างหลังทันที เมื่อเดินผ่านโต๊ะหน้าห้องที่พยาบาลกำลังซักประวัติคนไข้อยู่ ใครเรียก? ไม่เห็นมี หรือฉันหูแว่ว ขณะที่ฉันขมวดคิ้วสงสัยและหันกลับ ก็มาสะดุดกับป้าคนนึงที่นั่งตรงข้ามพยาบาล ป้าแกหน้าคุ้นมาก ผมสั้น ๆ ตัดทรงเทรน ๆ สีลิปสติกที่ปากก็คล้ายกับสีลิปที่ฉันปาทิ้งในรถต้นกล้า เอ๊ะ แม่อิคุณชายรึเปล่า! และไม่พอแค่
“อะไรนะแว่น” ผมถามทวนด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนั้นจากปากยัยแว่นตอนนี้ เวลานี้ และสรรพนามกับน้ำเสียงที่เรียกผมเมื่อกี้ มันเหมือนยัยแว่นคนเดิมเด๊ะ เพราะแต่ก่อนเธอเรียกผมว่าคุณชาย และแทนตัวเองว่าเค้า “ก็เค้าถามไง ว่าจะกลับมาคบกับเค้ารึเปล่า” โอ้ยเชี่ย ผมไม่ทันตั้งตัว และทำตัวไม่ถูกเลย ใจมันเต้นแรงมาก ๆ แรงจนผมยกมือลูบอกตัวเองซ้ำ ๆ และถามตัวเองในใจ นี่กูไม่ได้คิดเยอะจนเก็บไปฝันใช่มั้ย เป็นไปได้ยังไงวะ? ยัยแว่นขอผมกลับมาคบ? มันต้องผมสิ! เป็นคนพูด ผมหน้าร้อนผ่าว ยิ่งหันไปสบตาสาวสวยข้าง ๆ ยิ่งร้อนวูบขึ้นเบ้าตา ก่อนสักพักจะรู้สึกว่า ทุกอย่างค่อย ๆ พร่ามัว และมีน้ำใสไหลเอ่อในตาตัวเอง ‘เผาะ’ ความเงียบในรถ ทำให้ผมได้ยินเสียงน้ำตาหยดลงบนผ้า ก่อนจะก้มหน้าลงใช้หลังมือเช็ดช้า ๆ แอบไม่ให้คนข้าง ๆ ผมเห็น “ดีใจมากเหรอ?” ยัยแว่นถามเบา ๆ “อืม เค้าดีใจมาก โทษทีนะ” ผมพูดไปเช็ดน้ำตาไป จริง ๆ แล้วผมไม่อยากให้ยัยแว่นเห็น ว่าผมอ่อนแอแบบนี้เลย แต่ผมดีใจมากจริง ๆ มันตื้นอยู่ในอกจนผมอด
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ