“เอ่อ... ใจเย็น ๆ นะแก เดี๋ยวฉันไปหาแกที่ร้านนะ” (อือ รีบมาก่อนที่ฉันจะประสาทกิน) พอคานะพูดจบฉันก็รีบวางสายทันที ก่อนที่จะหันไปเร่งอิคุณชายให้เขารีบกินรีบเสร็จ แต่เมื่อรีบขับรถบึ่งมาร้านคานะ ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด นางอยู่กับสามีและจ่ายยาปกติ แถมยังหยอกล้อคิกคักจิ้มกันเล่นหลังเคาน์เตอร์ยา ประหนึ่งว่าที่นั่นมีแค่เธอกับสามี จนผู้ช่วยต้องระเห็จหนีไปหลบมุมร้าน “อ้าวสวัสดีกาแฟ” หมอฮาวายทักฉันทันที เมื่อฉันเปิดประตูเดิน ดุ่ม ๆ เข้าไป และเขาก็หันไปยิ้มให้ต้นกล้าที่เดินตามหลังเข้ามาด้วย ฉันจึงใช้โอกาสนี้ที่พวกผู้ชายทักทายกัน กวักมือเรียกคานะไปคุยหน้าห้องน้ำ “ยังไงคานะ? เมื่อกี้แกยังร้องไห้อยู่เลย ทำไมตอนนี้ยิ้มหน้าระรื่นแล้วล่ะ” “ดีกันแล้ว” ดีกันแล้ว? อิหยังวะ? ฉันยกนาฬิกาข้อมือดูทันที ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำที่ต้นกล้าเหยียบมาที่นี่ ทำไมมันด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าแบบนี้ เรื่องที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ มันเป็นเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เป็นปัญหาโลกแตกก็ว่าได้ “ไหนว่า... เรื่องแม่
ถ้าคิดว่าคนนี้ไม่ใช่ก็ตามใจลูกเถอะ คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อฉันขึ้นรถต้นกล้าและออกมาจากบ้านตัวเอง วันนี้ฉันตัดสินใจไม่นอนบ้าน เพราะพรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปเที่ยวเขาใหญ่กัน แน่นอนว่าพวกท่านไม่ชวนฉัน ฉันจึงไม่อยากตื่นมาคนเดียวให้แม่บ้านทำกับข้าวเสียของ เอาเถอะตัดมาที่เรื่องพ่อพูดก่อน เรื่องนั้นฉันคิดเยอะจริง ๆ ฉันสะดวกใจที่จะอยู่กับเขาแบบนี้จริงเหรอ? ฉันทำอะไรอยู่? ฉันต้องให้เวลาตัวเองนานแค่ไหนถึงจะพอ “ถอนหายใจครั้งที่ยี่สิบแล้วนะแว่น มีอะไรไม่สบายใจเหรอ?” ฉันหันไปมองคนถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของอิคุณชายฉันยิ่งอึดอัดขึ้นไปอีก เขาคงไม่สบายใจที่พ่อฉันพูดและสรุปแบบนั้น แต่จะให้ทำยังไง? นั่นพ่อฉันนะ พ่อต้องแคร์และเป็นห่วงฉันที่สุดสิ พ่อจะเททั้งใจให้ผู้ชายที่เคยทิ้งฉันหกปีได้ยังไง “นายนั่นแหละ เครียดอะไรรึเปล่า?” ฉันถามกลับ แต่คนขับรถก็ยังมองตรงไปถนนไม่ตอบฉัน จนเราเงียบไปสักพักและนั่งหันไปคนละทิศทาง เขาถึงตอบกลับมา “แอบกลัวว่ะ ว่าพ่อแว่นจะไม่อยู่ทีมเค้า” สรุปก็เรื่องนี้นี่เอง “ถ้าพ่อไม
“นายว่าเป็นไปได้มั้ย ที่เจฟเคยโมโหพลอยและทำร้ายร่างกายพลอย” ต้นกล้าลุกขึ้นจากตักฉันทันที ก่อนที่จะหันมาขมวดคิ้วใส่ฉัน “บ้าน่าแว่น ไอ้เจฟอ่ะนะ ไม่มีทางแว่น มันแบ๊วจะตาย” พอเขายืนยันหนักแน่น ก็ลุกขึ้นจากโซฟาไปที่ระเบียง ทำไมต้องหัวเสีย? คำถามฉันมันแรงไปเหรอ? “ทำไม? มันเป็นไปไม่ได้เหรอ? ฉันว่ามันแปลก ๆ นะต้นกล้า ทำไมพลอยถึงต้องมาทำงานกับนาย ทำไมเจฟถึงหวังดีกับพลอย” ต้นกล้าหันขวับกลับมาหาฉัน จนฉันชะงักและหยุดพูดทันที “มันไม่มีอะไรแว่น เจฟเป็นเพื่อนเค้า เค้ารู้จักมันดี มันแค่ห่วงพลอย เมื่อกี้ก็คงเอ็ดที่ทำตัวเกินงาม” “แต่มันแปลกนะ” “ไม่แปลก เลิกสนใจเรื่องคนอื่นเถอะ มาสนใจเรื่องของเราดีกว่านะ” แล้วต้นกล้าก็เดินมาหาและโน้มลงเชยคางฉันขึ้น ก่อนเขาจะจรดริมฝีปากอุ่น จุมพิตที่หน้าผากฉันเบา ๆ ฉันอยากคิดเรื่องของเราเหมือนกัน แต่ฉัน ไม่สบายใจเรื่องคนใกล้ตัวเขามากกว่า ฉันห่วงความใจดี ห่วงความเฟรนลี่ และห่วงความไม่คิดร้ายกับใครของเขา “ฉันแค่เป็น เอ่อไม่สิ ฉันไม่อยากให้นายโ
(เจ๊ใบดุนะอย่าคุยเลย เอ้อแว่น แค่นี้ก่อนนะเค้าประชุมก่อน ถ้าเค้าเลทไม่ต้องรอนะกลับก่อนได้เลย) “อืม” ฉันตอบและกดวางทันที แต่แอบหงุดหงิดนิด ๆ ที่เขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ยังไงต่อล่ะ ฉันจะทำยังไงทีนี้ ฉันเฝ้าถามตัวเองในใจ และนั่งกุมขมับอยู่หลายนาที ก่อนที่พยาบาลจะส่งเคสเข้ามาและทำงานต่อ สรุปวันนี้ต้นกล้าไม่ว่างมารับ เขาติดประชุมที่บริษัทและกลับดึก ฉันจึงนั่งแท็กซี่กลับคอนโดเอง แต่กลับมาถึงคอนโดและแท็กซี่กำลังชะลอจอด ฉันกลับเห็นเจฟเขาเปิดประตูขึ้นแท็กซี่คันข้างหน้า ที่แท็กซี่ฉันกำลังรอเข้าไปจอดแทน แต่เดี๋ยวสิ ทำไมในรถ มีหัวผู้หญิง? ใคร? นังพลอยเหรอ? และทำไมท่าทางเจฟมีพิรุธแปลกๆ เขาหันมองรอบๆรนๆ จนฉันรีบหลบหลังเบาะทันที ก่อนที่จะค่อย ๆ โผล่ตาออกไปทีละนิด ๆ ทีละนิด มองตามท้ายรถแท็กซี่คันนั้น เจฟกลับไปคบกับพลอยเหรอ? และที่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ กลัวต้นกล้ากับเคดุรึเปล่า? บ้าน่าเรื่องแค่นี้ ใครจะไปห้ามกันได้ ดูตงิด ๆ นะ “น้องครับถึงแล้ว” ฉันหลุดออกจากภวังค์หันมองมิเตอร์ทั
“มันจะเกิดอะไรขึ้น? โดนฟ้องเหรอ?” ฉันยื่นมือถือในมือให้ต้นกล้าทันที จนเขารีบรับไปและส่งคลิปนั้นเข้าเมล์ตัวเอง แต่เขายังไม่ยอมตอบคำถามฉัน เอาแต่ก้มหน้าจัดการคลิปและลบมันออกจากโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ “ยังไง ที่นายพูดมันหมายความว่ายังไง?” เขาเงยขึ้นมองฉัน สายตาที่เคยเจ้าเล่ห์กวนประสาทตอนนี้มันหม่นลงมาก ก่อนเขาจะก้มจับมือฉันกลับไปนั่งที่โซฟา นั่งเงียบ ๆ และถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “เฮ้อ...” “ฉันรู้ไม่ได้ใช่มั้ย? ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ฉันพูดประชดและนั่งคอตกดูโทรศัพท์ในมือตัวเองที่เขายื่นให้ เขาลบไม่เหลือแม้กระทั่งในไอคราวน์ “อย่าเพิ่งน้อยใจสิ เค้าไม่รู้ว่าเค้าจะบอกยังไง” “มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นความลับระดับชาติ? ทำไมถึงบอกไม่ได้ ฉันรู้ขนาดนี้แล้วนะ รู้จนมีหลักฐาน โอเคผู้ชายตบแฟนมันเห็นไปทั่ว แต่เหมือนเจฟกำลังสั่งพลอยทำอะไรบางอย่าง มีการบังคับ ข่มขู่ เผลอ ๆ อาจจะผิดกฎหมายด้วยซ้ำ” “ถ้าผิดกฎหมาย ก็ไม่มีใครทำอะไรไอ้เจฟได้ มันเป็นหลานยากูซ่าย่านโทบิตะ ที่มีพวกโคมแดงค้ากาม เรื่องตบผู้หญิ
แล้วฉันก็รู้สึกได้ ว่ามือใหญ่ที่โอบเอว โอบแน่นขึ้น แน่นขึ้น แน่นทั้งที่ต้นกล้ามองไปที่เจฟกับเลขายิ้ม ๆ ด้วยสีหน้าปกติของเขา “อ้าว มีอะไรวะไอ้เจฟ” “ไอมีเรื่องจะปรึกษายู ยูสะดวกคุยรึเปล่า” คำว่าสะดวกคุย เจฟหันมายิ้มให้ฉัน ซึ่งมองจากนอกโลกก็มองออก ว่าเขาต้องการคุยกับต้นกล้าเป็นการส่วนตัว จนต้นกล้าหันมาหอมแก้มฉันฟอดนึง และพูดว่า... “แว่นเค้าคุยกับเพื่อนก่อนนะ แว่นไปเดินเล่นดูบริษัทเรารอ เดี๋ยวเสร็จเค้าจะพาไปหม่ำ ๆ” ฉันยิ้มจนตาหยีและหอมแก้มเขาทันที ไม่รู้ทำไมต้องทำแบบนี้ อยู่ ๆ มันก็ไปเอง หลังจากออกมาจากห้องทำงานต้นกล้า ฉันก็ลงมานั่งที่ห้องรับรองชั้นล่าง นั่งกินขนมนมเนยเล่นโทรศัพท์จนอยู่ ๆ สักพัก ก็มีผู้ชายคนนึงเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้าม กลิ่นน้ำหอมเย็น ๆ แบบนี้ กางเกงกับสูทเนี้ยบ ๆ แบบนี้ พี่พีม “ไงกาแฟ ไม่ค่อยได้คุยกันเลย” ฉันวางขนมลงบนจานและยิ้มหวานให้พี่พีม “ช่วงนี้ยุ่ง ๆ ค่ะพี่พีม ทั้งงานทั้ง...” “เรื่องหัวใจ” ฉันแห้ง ๆ ให้คนรู้ทัน แต่แก้มแดงฉาดไปถึงหู
“ที่ผมมาวันนี้ ผมไม่ได้มาเพื่อคุยเรื่องงานอย่างเดียว” “มีอะไรอีก? ยังไม่ยอมแพ้เรื่องกาแฟอีกรึไง?” “ไม่ใช่เรื่องนั้นแต่เป็นเรื่องเพื่อนคุณ คุณช่วยบอกให้เขากลับไปอเมริกาหรือกลับประเทศเขาสักที ก่อนที่ทุกอย่างจะวุ่นวายกว่านี้” “อะไรวุ่นวาย? คุณรู้อะไรมา?” “ผมรู้มาสักพักแล้ว น้องสาวผมถูกทำร้ายร่างกายบ่อย และท่าทางเพื่อนคุณก็แปลกขึ้นทุกวัน ผมไม่อยากจะพูดเรื่องใต้สะดือนะ แต่ผมว่ารสนิยมทางเพศเพื่อนคุณมันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยเฉพาะน้องสาวผม ถือว่าผมขอ” “เดือดร้อนยังไง? เจฟเป็นเกย์แต่คบพลอยบังหน้าเหรอ?” ยัยแว่นถามผมตกใจ เมื่อผมเล่าว่าไอ้พีมมันพูดอะไรกับผมเมื่อเช้า จนผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความอึดอัด เพราะผมตั้งใจจะปล่อยเรื่องนี้ไปและคิดว่าไอ้เจฟกลับอเมริกาทุกอย่างจะดีขึ้นเอง โดยเฉพาะเรื่องพลอย แต่ไอ้พีมมันดันมาบอกอะไรบางอย่างกับผมก่อน และมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจนผมทนเฉยไม่ได้ จริงอยู่ที่ไอ้เจฟมันไม่เคยทำให้ผมเดือดร้อนเลยสักครั้ง แต่กับคนอื่นหรือพลอยผมไม่เคยรู้จริง ๆ ว่ามันจะทำระยำแบบนี้กับเธอ
“มะ ไม่บอก” มือที่เขี่ยยุกยิกหยุดนิ่งทันที จนฉันค่อยเปิดตาขึ้นและมองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงหน้า เขาหยุดทำไม ฉันเปียกไปหมดแล้วนะ “อยากต่อมั้ยคะ ถ้าอยากต่อบอกรักเค้าก่อน” ฉันก้มมองมือที่ลดจากสาปเสื้อล้วงเข้ากางเกงนอน ก่อนจะค่อย ๆ แยกขาออกรอเขาอัตโนมัติ จนเขาลูบเบา ๆ ตามเนินสาวและเลื่อนต่ำ กดนิ้วกลางแทรกร่องรัก..สัมผัสน้ำหวานเปียก ๆ ที่ฉันหลั่งออกมา “อื้อ~” “เปียกหมดแล้ว จะทนอีกนานแค่ไหนคะ?” ฉันหลับตาพริ้มซี้ดปากเบา ๆ ก่อนจะจับข้อมือแกร่งเขา ที่ขยับนิ้วถูช้า ๆ ช้า ๆ ล้อเล่นกับหลีบกุหลาบ จนปลายนิ้วยาวกดลงเข้ากลาง และดึงออกมาพร้อมน้ำหวาน ที่ฉันพรั่งพร้อม “จะทำก็ทำเถอะ ดึกแล้ว อื้อ~” ฉันเริ่มไม่ไหว จับมือใหญ่เขาเคลื่อนใส่ตัวเอง จนเขาค่อย ๆ ขบติ่งหูขบลำคอฉันทีละนิด ทีละนิด และกรีดกรายนิ้วแหวกสองกลีบดันมันเข้าไป “อื้อ~ อย่างงั้น” “จุ๊ ๆ ถ้าไม่บอกรัก ไม่ทำต่อนะ” คนบ้า ทำไมต้องทรมานกันแบบนี้ด้วย ฉันส่ายหน้าไปมาพร้อมร่อนเอวขยับเร่า ๆ ให้สองนิ้วเขาสอดใส่ลึกขึ้นอีก แต่ทว่าเจ้าของมือกล
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ