(ต้นกล้า!) “เจ๊ช่วยผมเถอะ ไม่อยากได้กาแฟเป็นน้องสะใภ้รึไง?” เจ๊ปลายฟ้าเงียบอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดออกมาเสียงดัง (เฮ้อ... โอเคจะพูดให้ ถ้าเลี่ยงได้เลี่ยงนะ อยู่เป็นผู้อาศัยรูมเมทกันก็พอ) “ขอบคุณครับเจ๊ ว่าแต่ผมจะได้คำตอบเมื่อไหร่? ตอนนี้ผมจอดรถริมถนน ยังไม่มีที่ตั้งหลักปักฐานเลยครับ” (กดดันจริง ๆ งั้นรอแป๊บ เบบี๋ ๆ เค้ามีอะไรจะคุยด้วย) แล้วเสียงเจ๊ปลายฟ้าก็เบาลง ๆ สงสัยยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วเอามือปิดไมค์ไว้ และผมก็ได้ยินเสียงพี่เขยไกล ๆ คุยกับเจ๊ปลายฟ้าอยู่พักใหญ่ จน... (ต้นกล้า พี่นาวาบอกได้ คีย์การ์ดอีกอันอยู่ที่บ้านหลังใหม่ มาเอาสิ) ผมตบพวงมาลัยรถดัง ‘ปึก’ ด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบขอโลเคชั่นบ้านเจ๊ปลายฟ้าหลังใหม่ และขับรถไปทันที ไปถึงผมก็ลากไอ้สองตัวไปสวัสดีพี่ ๆ ซึ่งพวกมันรู้ดีว่าผมมีแผนอะไร จึงเงียบกริบไม่มีใครปริปากสักคน จนผมได้คีย์การ์ดมาและไปที่คอนโด ย้ายข้าวของตัวเองที่มีนิดหน่อยไปห้องพี่นาวา “มึงย้ายไปแบบนี้ แฟนเก่ามึงรู้ไหมเนี่ย” ไอ้เคถามผ
“สงสัยตอนเด็ก ๆ โดนแย่งของเล่นบ่อย” ไอ้เคบ่นลอย ๆ และหันมองทางอื่น ส่วนไอ้เจฟดูเซ็งมาก ก็แหงมันบินข้ามทวีปมาง้อ คิดว่าเมียจะฆ่าตัวตายเพราะตัวเอง ที่ไหนได้เรียกร้องความสนใจ เสียเวลาและวุ่นวายคนอื่นฉิบหาย “มึงจะเอาไงไอ้เจฟ” ผมถามคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ “มึงควรเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตมึงได้แล้ว” ไอ้เคเสริมขึ้นมาทันที ส่วนกาแฟเงียบไม่ออกความเห็น เธอหันไปรับจานกับข้าวที่มาเสิร์ฟและดันไว้กลางโต๊ะ เพื่อไม่ให้ตัวเอง ดูใจจดใจจ่อฟังเรื่องคนอื่นเกินไป “ยากมากเค ไอคลั่งไคล้พลอย แพ้ทุกครั้งที่พลอยกลับมา” “แต่พลอยไม่คลั่งมึงอ่ะ กั๊กมึงมากกว่า ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ไป ๆ มา ๆ ไม่แปลกที่หางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งไม่ได้ มัวแต่ตามกั๊กผู้ชายอยู่” ไอ้เคพูดแรง แต่ตรงและใช่ทุกอย่าง “เค ยูปากหมาตลอดเลยนะ” ไอ้เจฟด่าไอ้เคหน้านิ่งจนผมอดขำไม่ได้ รีบเอามือปิดปากหันไปขำกับยัยแว่นจนเธอจิ๊ปากใส่ “กูปากหมาตรงไหน? ความจริงทั้งนั้น” “เฮ้อ...” พอถอนหายใจเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเรียบร้อย ไอ้เจฟก
หัวใจฉันพองโตขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นแววตาเบิกกว้างและริมฝีปากคู่สวยค่อย ๆ เผยยิ้มออกมา ภาพนี้มันเหมือนวันนั้นที่ฉันบอกชอบเขา ต่างแค่เรายืนที่สนามบาสสวมชุดนักเรียนมอปลาย และวันนั้นบ่ายสามแดดอ่อน ๆ ทุกอย่างวุ่นวายทุกคนกำลังสะพายกระเป๋ากลับบ้าน มีแค่ฉัน ที่สวมแว่นตาหนาเตอะมองเขาข้าง ๆ สนามบาส เพื่อที่จะรอกลับพร้อมเขา และตีเนียนไปยืนรอรถด้วยทุกวัน แต่วันนั้นมันต่างไป ไม่ใช่แค่ฉันทำเนียนไปยืนใกล้ ฉันแพ้คานะเรื่องคะแนนสอบกลางภาควิชาภาษาไทยจนยัยเพื่อนตัวดีก็ปิ๊งไอเดียขายขี้หน้าขึ้นมา คือ! ใครคะแนนน้อยกว่า คนนั้นต้องสารภาพรักกับคนที่ชอบ คานะเสนอและยิ้มกว้าง หึ ยังไง ๆ ฉันก็แพ้อยู่แล้ว ฉันโง่ภาษาไทยกว่าคานะ แถมฉันยังมีผู้ชายที่ชอบคือต้นกล้า ต่างจากคนที่คิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา เธอเก่งทั้งภาษาไทยและไม่คิดจะชอบใครเลยด้วยซ้ำ! ตัดมาที่ฉัน ที่ชอบต้นกล้ามาตั้งแต่มอสอง เห็นเขาออกมายืนรอพ่อรอแม่หน้าโรงเรียนทุกวัน และบ่อยครั้งที่ฉันเห็นเขาซื้อขนมช่วยยายแก่ ๆ ให้เงินขอทาน บ้างก็เลี้ยงขนมเด็ก ๆ แถวนั้น ที่มายืนรอรถและซื้อของกินหน้าโรงเรียน
ยัยแว่นนั่งนิ่งและก้มมองผมตาปรือ จนผมโอบเอวบาง ๆ ยกขึ้น แล้วเป็นฝ่ายส่งความสุขให้เธอเอง ‘ปึก ปึก ปึก ปึก’ “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ~” แรงสั่นทำให้มือเล็กวางแมะกลางอก เธอค้ำร่างเล็กที่สั่นกระเพื่อมขึ้นลง เพราะผมดันและรั้งเอวเธอเข้าหา เสียงดัง ‘ปึก ปึก’ ดังนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ผมเริ่มได้เหงื่อและเห็นน้ำหวาน ๆ ของเธอเปียกเพื่อไปตามหว่างขา จนสักพักร่างเล็กล้มลงมา พ่นลมหายใจอุ่น ๆ และครางอู้อี้ตามซอกคอ “อ่ะ อ๊า คุณชายขา~” ใจจะขาดแล้วเว้ย! ครางได้อารมณ์ฉิบ! ผมขบฟันกรามแน่น และพลิกตัวคนอู้งานลงไปนอนโก้งโค้งแทน ก่อนจะก้าวลงจากเตียงรวบเอวบางดึงเข้าใกล้ ให้ความสูงมันพอเหมาะกับลำรักกลางกายตัวเอง และจากนั้น ก็จับมันดันเข้าไป ‘ปึก’ “อ๊าส์” ผมมองปลายมนที่กดเข้า และข่มใจตัวเองให้ทนไหว เพราะเวลามันแทรกกลีบชมพูหวานและถูกหนีบเข้าไป มันเร้าใจผมเหลือเกิน ผมคลึงบั้นท้ายกลมที่ขยับเขยื้อน สัมผัสความอุ่นที่ผมฝังเข้าลึก จนมันทำผมหยุดรวบรวมสติพักนึงและไล่สายตาลงมอง แต่เจ้าของบั้นท้ายก็ยัง
“รับอะไรเพิ่มบอกอิมได้นะคะ” ไอ้เจฟค่อย ๆ หยุดหัวเราะและมองหน้าไอ้เค ที่ตอนนี้นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ก่อนมันจะก้มหน้าลงค้างไว้และยกมือบัง ไม่หันไม่สนใครทั้งนั้น จนผมหันไปบอกอิม “ขอบคุณครับ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ไปทำงานเถอะ” อิมพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะแว๊บมองที่ไอ้เคที่แทบจะมุดดิน แล้วลุกขึ้นเดินออกไป จนไอ้เคมันค่อย ๆ เงยขึ้นมองตามหลัง มองสะโพกผาย ๆ มองบั้นท้ายที่ใส่กระโปรงทรงเอแน่น ๆ และกลืนน้ำลายดังอึกเสียงดัง จนผมได้โอกาส ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีอีกครั้ง รีบหันขวับไปหาอิม ที่กำลังจะเปิดประตูออกไปทันที “เอ้ออิม คุณมีแฟนรึยัง” ไอ้เคมองผมตกใจมาก ก่อนจะทั้งจิกตาและขยิบตาใส่ผม แต่เรื่องอะไรผมจะหยุด เพื่อนอยากเสียบริสุทธิ์นี่หว่า อีกอย่างอิมก็หน้าตาน่ารักไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และแล้ว อิมก็เดินกลับมาหาพวกผมอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ของเธอ “เอ่อ... ยังไม่มีค่ะ คุณต้นกล้ามีอะไรรึเปล่าคะ?” “ผมไม่มี แต่เพื่อนผมมี” ไอ้เคหันขวับเบิกตากว้างมองผมสลับกับอิม ก่อนที่มันจะเลิ่กลั่กเหมือนคนสติหลุด รีบหย
ฉันกลับมาห้องตรวจ พร้อมเรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัว ก่อนหน้าที่พี่พีมพาพลอยมาล้างแผล ฉันเห็นพลอยแอบพิมพ์ยุกยิกกับใครบางคนช่วงพี่พีมเผลอ ตอนนั้นพลอยดูกังวลมาก ๆ เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องก่อนจะรีบกดแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์ มันเร็วมาก ๆ เร็วจนฉันแอบคิดตามที่ต้นกล้าพูด ว่าเร็วขนาดนี้ เธอไม่น่าจะคุยเรื่องทำงานยาวเหยียดกับเจฟได้ ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์และกะเวลาดู ถึงจะพิมพ์เร็วแค่ไหนก็ได้ไม่กี่คำ หรือว่าสองคนนั้นจะคุยก่อนหน้าอีก ทำไมฉันรู้สึกตงิดใจและเป็นห่วงอิคุณชายแบบนี้นะ พลอยอยากไปทำงานกับเขามาก จะสัมภาษณ์อยู่แล้ว แต่ก็ยอมหยุดรอเป็นเดือนเพื่อรอเขากลับมาบริหาร คนอยากทำงานจริง ๆ เขาทำแบบนี้ที่ไหน? และฉันรู้ว่าผู้ชายอย่างต้นกล้าเขาใจดี เพื่อนเขากล้าขอเขาก็กล้าให้ ฉันถึงบอกเขาไปแบบนั้นเพื่อให้เขาตามน้ำไป ให้พลอยติดกับไปไหนไม่ได้ แล้วฉันจะใช้โอกาสนี้แกล้งมัน ทำให้มันไม่กล้าวุ่นวายกับต้นกล้าอีก! วัฏจักรของนังพลอยมันต้องจบแค่นี้! ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ “คุณหมอคะ หมอน้ำแข็งให้มาตามไปแผนกสูตินรีเวชค่ะ” ฉันดีด
“เอ่อ... ใจเย็น ๆ นะแก เดี๋ยวฉันไปหาแกที่ร้านนะ” (อือ รีบมาก่อนที่ฉันจะประสาทกิน) พอคานะพูดจบฉันก็รีบวางสายทันที ก่อนที่จะหันไปเร่งอิคุณชายให้เขารีบกินรีบเสร็จ แต่เมื่อรีบขับรถบึ่งมาร้านคานะ ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด นางอยู่กับสามีและจ่ายยาปกติ แถมยังหยอกล้อคิกคักจิ้มกันเล่นหลังเคาน์เตอร์ยา ประหนึ่งว่าที่นั่นมีแค่เธอกับสามี จนผู้ช่วยต้องระเห็จหนีไปหลบมุมร้าน “อ้าวสวัสดีกาแฟ” หมอฮาวายทักฉันทันที เมื่อฉันเปิดประตูเดิน ดุ่ม ๆ เข้าไป และเขาก็หันไปยิ้มให้ต้นกล้าที่เดินตามหลังเข้ามาด้วย ฉันจึงใช้โอกาสนี้ที่พวกผู้ชายทักทายกัน กวักมือเรียกคานะไปคุยหน้าห้องน้ำ “ยังไงคานะ? เมื่อกี้แกยังร้องไห้อยู่เลย ทำไมตอนนี้ยิ้มหน้าระรื่นแล้วล่ะ” “ดีกันแล้ว” ดีกันแล้ว? อิหยังวะ? ฉันยกนาฬิกาข้อมือดูทันที ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำที่ต้นกล้าเหยียบมาที่นี่ ทำไมมันด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าแบบนี้ เรื่องที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ มันเป็นเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เป็นปัญหาโลกแตกก็ว่าได้ “ไหนว่า... เรื่องแม่
ถ้าคิดว่าคนนี้ไม่ใช่ก็ตามใจลูกเถอะ คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อฉันขึ้นรถต้นกล้าและออกมาจากบ้านตัวเอง วันนี้ฉันตัดสินใจไม่นอนบ้าน เพราะพรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปเที่ยวเขาใหญ่กัน แน่นอนว่าพวกท่านไม่ชวนฉัน ฉันจึงไม่อยากตื่นมาคนเดียวให้แม่บ้านทำกับข้าวเสียของ เอาเถอะตัดมาที่เรื่องพ่อพูดก่อน เรื่องนั้นฉันคิดเยอะจริง ๆ ฉันสะดวกใจที่จะอยู่กับเขาแบบนี้จริงเหรอ? ฉันทำอะไรอยู่? ฉันต้องให้เวลาตัวเองนานแค่ไหนถึงจะพอ “ถอนหายใจครั้งที่ยี่สิบแล้วนะแว่น มีอะไรไม่สบายใจเหรอ?” ฉันหันไปมองคนถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของอิคุณชายฉันยิ่งอึดอัดขึ้นไปอีก เขาคงไม่สบายใจที่พ่อฉันพูดและสรุปแบบนั้น แต่จะให้ทำยังไง? นั่นพ่อฉันนะ พ่อต้องแคร์และเป็นห่วงฉันที่สุดสิ พ่อจะเททั้งใจให้ผู้ชายที่เคยทิ้งฉันหกปีได้ยังไง “นายนั่นแหละ เครียดอะไรรึเปล่า?” ฉันถามกลับ แต่คนขับรถก็ยังมองตรงไปถนนไม่ตอบฉัน จนเราเงียบไปสักพักและนั่งหันไปคนละทิศทาง เขาถึงตอบกลับมา “แอบกลัวว่ะ ว่าพ่อแว่นจะไม่อยู่ทีมเค้า” สรุปก็เรื่องนี้นี่เอง “ถ้าพ่อไม
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ