กาแฟมองหน้าฉันมองหน้าแม่ ตอนนี้ถึงแม่ไม่พูดฉันก็ดูออกว่าแม่รู้ เพราะสายตาแม่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ หนำซ้ำแม่ยังหาโอกาสช่วงพ่อเผลอ หันมาป้องปากกระซิบเรา “ปล่อยไปก่อน” ปล่อยยังไง? ฉันไม่เข้าใจ ให้กาแฟโดนตี ให้กาแฟรับผิดแทนแบบนี้เหรอ? “พอ! เลิกซุบซิบกันทั้งแม่ทั้งลูก กาแฟตามพ่อมา” เราสามคนหันขวับไปมองตามเสียง ก่อนกาแฟจะค่อย ๆ แกะมือฉันกับแม่ออกทีละข้าง ทีละข้าง แล้วเดินก้มหน้าก้มตาไปหาพ่อ “พ่อคะ มันเป็นยาหนูนะ ไม่ใช่ของกาแฟ” “เงียบน้ำแข็ง อย่าให้พ่อต้องพูดหลายครั้ง” เมื่อโดนเอ็ด แม่ก็รีบเดินมาจับมือฉัน ส่วนกาแฟเธอหันมาเม้มปากบาง ๆ พยักหน้าให้ ก่อนเธอจะเดินนำพ่อออกไป ทิ้งฉันกับแม่อยู่ในห้องสองคน เมื่อทุกอย่างเงียบสงบ พายุสึนามิที่ถล่มหายไป เราสองแม่ลูกก็เดินไปหย่นก้นที่ปลายเตียง เรานั่งถอนหายใจและนั่งมองหน้ากัน มองโดยที่น้ำตาฉันไหลออกมาไม่หยุด “ยาเม็ดนั้น ของน้ำแข็งเหรอลูก?” ฉันเม้มปากแน่นพยักหน้ารัว จนน้ำตาหยดเพาะลงมาอีกรอบ “ค่ะแม่ ของหนู” เสียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ของแม่ทำฉันรู้สึกผิดมาก แต่สุดท้าย แม่ก็ยกม
ฉันนั่งนิ่ง รู้สึกอึ้งกับความจริงที่น้องสาวฝาแฝดพูดออกมา พ่อรู้ แต่ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ดุฉัน ที่เป็นแบบนั้นพ่อคงอยากให้ฉันคิดเองและแก้ปัญหาเอง แต่จะแก้ปัญหายังไงล่ะ? ฉันแค่มีเซ็กส์! ถึงกฎของบ้านชัดเจนแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากมีแฟนหรือแต่งงานหรอกนะ “ฉันจะทำยังไงดีกาแฟ?” “เฮ้อ... น้ำแข็ง ฉันถามตรง ๆ นะ เธอมีอะไรกับใคร? ผู้ชายที่มานั่งรอเธอวันนั้นใช่ไหม?” ผู้ชายที่นั่งรอวันนั้น? “ผู้ชาย? ที่รอฉัน? วันนั้นเธอไม่ได้พูดเล่นเหรอ?” ฉันรีบทวนถาม เพราะวันนั้นที่กาแฟบอกฉัน ฉันออกไปก็ไม่เห็นมีใครสักคน “พูดเล่นอะไรล่ะ! ผู้ชายหล่อ ใส่สูทเนี้ยบ ๆ ตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าเขารอเธอ รู้ตอนคุยกับพยาบาลนั่นแหละ เพราะฉันพูดชื่อเธอปุ๊บเขาก็หันขวับมามองเลย” หล่อใส่สูทเนี้ยบ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร เพราะหลัง ๆ มีผู้ชายมาป้วนเปี้ยนในชีวิตฉันเยอะ และแน่นอนมีแต่พวกนักธุรกิจไฮโซ ที่ชอบส่งดอกไม้มาอ่อยเหยื่อและมีจุดประสงค์เดียวคืออยากควงฉันเล่น แต่ถ้าถึงขั้นนั่งหน้าห้องรอฉันแบบนั้น ฉันเดาว่าเป็นคุณเต้ เพราะเขาดูเข้าหาฉันทั้งตื้อ
ผมหลงยุคมาเกิดรึไง? ทำไมโลกมันถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ผู้หญิงขอมีเซ็กส์แบบไม่ผูกมัดกับผม แถมยังไม่ให้ผมคิดว่าเธอมีใจให้? ผมเลื่อนอ่านข้อความพวกนั้นอยู่พักใหญ่ อ่านและคิดตามในใจ ว่ามันได้เหรอวะ? มีแบบนี้ด้วยเหรอ? นี่ถึงขั้นตกลงกันจริงจัง บอกเลยว่าผมไม่กล้าปรึกษาใครแม้กระทั่งไอ้พีม ก็ผมกลัวคุณหมอเธอเสียหาย กลัวคนมองว่าเธอเป็นผู้หญิงฟรีเซ็กส์ แล้วผมจะจีบเธอยังไงล่ะ? เธอไม่ให้ผมคิดอะไรด้วยแบบนี้ หรือผมต้องจีบด้วยเซ็กส์วะ? เซ็กส์เด็ด ๆ ให้เธอหลงจนโงหัวไม่ขึ้น? แต่ผมนี่แหละจะโงหัวไม่ขึ้นก่อน ตอนนี้ผมยีหัวตัวเอง ทั้งหัวเสียทั้งงง อยากตะโกนแม่งเอ้ย!ก็กลัวป้าแดงตกใจวิ่งเตลิดกลัวผม ทำไมมันยากเย็นแบบนี้วะ ได้กันแล้วนะเว้ย ช่วยเห็นค่าในตัวเองให้ผมรับผิดชอบ และช่วยเป็นแฟนกับผมให้รู้แล้วรู้รอดเถอะ! เมื่อคุยกับคุณหมอเสร็จปิดแอปไลน์ บอกเลยผมนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นมาทำงานก็เลยมาง่วง ๆ และหาวไม่หยุดแบบนี้ แต่ก็นะง่วงแค่ไหน เมื่อเช้าผมก็ทักไลน์ไปหาเธอ ถามว่าทำอะไร กินข้าวรึยัง? แต่เธอกลับตอบผมมาเย็นชาและสั้น ๆ ว่า... ฉันเข้าเวรแล้ว
ถึงคอนโดไม่ทันถอดรองเท้า ผมก็รีบสวมกอดเอวบาง ๆ เธอทันที ก่อนที่จะทนไม่ไหว กดร่างเล็กเธอเข้ากับผนังห้อง และประคองแก้มขาวนวลขึ้นจูบอย่างเร่าร้อน หมอน้ำแข็งจูบตอบผม จูบแบบไม่เหนียมอาย แถมยังลูบมือเล็ก ๆ ตามตัวและดึงเนคไทผมออก ตอนนี้เราเริ่มหายใจติดขัดกันทั้งสอง เพราะต่างคนต่างจูบและสอดลิ้นใส่กันพัลวันจนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ผมจึงโอบเอวเธอขยับเข้าไปในห้อง ทั้งจูบทั้งเดิน จนไฟเปิดทีละดวง ๆ ตามหลัง ใกล้ถึงห้องนอน เสื้อสูทเนคไทคทุก ๆ อย่างก็เริ่มหลุดออกจากร่าง และเมื่อถึงปิดประตูทุกอย่าง คุณหมอคนสวยก็ถอนจูบออกจากริมฝีปากผม และผลักผมลงไปนอนบนเตียง ‘ฟุบ’ ผมตกใจรีบผงกหัวขึ้นมองหมอในชุดนักศึกษา ที่ตอนนี้เธอกำลังปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ๆ แล้วก้าวขึ้นขึ้นมานั่งควบผม เมื่อกระดุมที่ปลดเผยอกอวบ เธอก็หยุดมือเล็กลง ก่อนจะขยับลงมาลูบไล้ตามแผงอกผมช้า ๆ และถอดเสื้อเชิ้ตออก จากนั้นลิ้นอุ่น ก็บรรจงลงตวัดตามยอดผมทีละข้าง ทีละข้าง เธอขบและดูดราวกับหิวโหยร่างชายมานาน และขบมันเล่นจนผมร้องซี้ดขึ้นมา “อ่าส์ คุณ... คุณนี
“คุณรู้ได้ยังไง?” ผมรีบถามกลับทันที “ฉันแค่ได้ยินมา” หมอน้ำแข็งตอบสั้น ๆ แต่ทำผมหน้าถอดสี ตอนนี้ผมคิดเยอะไปหมดเลยว่ะ อยากรู้ว่าเธอได้ยินมาจากใคร? ที่ไหน? ยังไง? เพราะแม่เพิ่งพูดเรื่องพิงค์กับผมไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง เดี๋ยวนะ ไม่กี่ชั่วโมง นัดแม่? ‘ครืน ครืน’ เสียงโทรศัพท์บนพื้น ทำผมรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนที่จะเดินไปหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ถอดทิ้ง แต่พอเห็นปลายสายที่โทรเข้ามาใจผมแทบหยุดนิ่ง ผมหันมองคุณหมอ และมองโทรศัพท์ในมืออย่างลังเล ตัดสินใจอยู่หลายวิว่าจะรับดีไหม แต่เมื่อเห็นเธอเงียบและไม่สนใจ ผมจึงตัดสินใจกดรับสาย แล้วเดินไปที่มุมห้องทันที MOM | CALLING “ครับแม่” (ลูกอยู่ไหน? แม่นัดหนึ่งชั่วโมง นี่จวนสองชั่วโมงแล้วนะ!) ผมค่อย ๆ หันกลับไปมองคุณหมออีกครั้ง แต่เธอก็ยังนอนคลุมโปงเหมือนเดิม “ครับ วันนี้ผมไม่ว่าง ติดธุระ” (ธุระอะไร? เสียหน้าแม่หมดรู้ไหม? หนูพิงค์รอนานแล้ว พ่อแม่หนูพิงค์ก็มานะลูก!) “แม่ ผมยังไม่ได้รับปากแม่นะครับ ว่าผมจะไป”
นั่นคือสาเหตุที่ฉันจัดการอารมณ์เดือดปุด ๆ ของตัวเองโดยการไปลงกับคุณเต้ แต่พอเสร็จออกจากคอนโดเขา ฉันเดือดกว่าเดิมอีกร้อยเท่า บ้าจริง ฉันโมโห และปวดหัวมาก ใจอยากกลับไปมีเซ็กส์สะใจ ๆ กับเขาให้หายขาด แต่อีกใจก็ไม่อยากเห็นหน้าเขา! เขาไปทำไม? ทำไมต้องไป? ฉันไม่ได้หึงนะ ฉันแค่รู้สึกหมั่นไส้ยัยป้านั่น เหมือนฉันกำลังถูกเบียดเบียนห่าง ๆ มีคนอยากเอาชนะฉัน มีคนตั้งใจกวนประสาทฉัน และวันนี้ก็ไปท้าทายฉันถึงโรงพยาบาล แบบนี้ใครจะอยากแพ้ให้มันสมน้ำหน้าล่ะ? แต่มันก็เหมือนแพ้ พอฉันได้ยินว่าคุณเต้จะไปตามนัด ฉันก็เสียศูนย์จนตั้งหลักไม่ทัน นี่ฉันอุตส่าห์ดึงความสนใจขัดขวางทุกอย่างแล้วนะ ทำไมยังจะไปอีก? ฉันเซ็งมาก เซ็งจนไปค้างที่คอนโดกับกาแฟ พอมาถึงก็ไม่ทำอะไร รีบแตะคีย์การ์ดเข้าไปทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ๆ กับน้อง ไม่รู้นานแค่ไหนที่ฉันนอนคว่ำหน้าถอนหายใจหนัก ๆ แต่มันคงน่ารำคาญจนทำคนบนเตียงลุกขึ้นนั่ง และเขย่าตัวฉันหลายรอบ “น้ำแข็ง ๆ เป็นอะไรของเธอ เหนื่อยเหรอ?” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วขยับขึ้นไปหนุนหมอน พยายามนอนเงียบ ๆ คิดอะไรคนเดียวทั้ง ๆ ที
“คุณ ๆ เป็นอะไร?” ฉันรีบกินน้ำ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ตอบ ถ้าสติสมาธิฉันไม่มีแบบนี้ ฉันจะไปรักษาใครได้ กลับมาน้ำแข็ง กลับมาเป็นคนเดิมเดี๋ยวนี้ “เอ่อ... ไม่ คุณกินเสร็จรึยัง?” ฉันรีบถามแล้วหยิบกระเป๋าสะพายบนโต๊ะทันที จนคุณซีอีโอที่นั่งใส่สูทกินข้าวแกงเต็มยศอยู่ตอนนี้ เขาเงยหน้าขึ้น “ห๊ะ คุณอิ่มแล้วเหรอ? รีบเข้าเวรใช่ไหม?” “เปล่า ฉันร้อน” “โอเค” เขาพูดจบก็รีบวางช้อนทันที ก่อนที่จะเดินไปสตาร์ทรถให้ฉันนั่งรอแล้วกลับไปจ่ายเงิน เมื่อเรียบร้อยจากข้าวริมฟุตบาทข้างถนน คุณเต้ก็ขับรถตรงไป เรื่อย ๆ และมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ใช่คุณซีอีโอ อีกชั่วโมงครึ่งฉันเข้าเวร เรายังมีเวลาเหลือเฟือทำอย่างอื่น แต่จะทำอะไรได้ล่ะ? เขาดันแวะสตาร์บัคส์แล้วลากฉันลงไปด้วย! ชั่วโมงครึ่งเวลาเหลือ ๆ ทำไมไม่แวะโรงแรม ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรค้างคาแล้ว และฉันก็พร้อมมากด้วย ตาซีอีโอโง่แห่งปี! ตัดภาพมาที่ ฉันนั่งเขี่ยน้ำแข็งในแก้วไปมา และแอบมองเขาที่นั่งเล่นโทรศัพท์ข้าง ๆ เป็นระยะ รู้สึกสงสัย ว่าเขาพิมพ์ไลน์ยุกยิกคุยกับใคร
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมคุณเต้ก็มาส่งฉันที่โรงพยาบาล บอกเลยว่ากว่าจะถึงรถติดมาก และคนเครียดสุดคือคนข้าง ๆ ฉัน เขากลัวฉันทำงานไม่ทันกลัวฉันโดนคนอื่นดุ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องนั้นเลย ฉันเดือดร้อนเรื่องคุมกำเนิดให้ตัวเองมากกว่า เพราะเคยบอกกับคนไข้ว่า กินยาคุมฉุกเฉินบ่อยไม่ดี แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะว่ามันจำเป็นมาก ถ้าไม่กินก็ท้อง! ครั้งแรกพ่อไม่พูดเยอะ แต่ถ้าเผลอท้องป่องมีทายาทสายการบินเวลฟายขึ้นมา พ่อฆ่าฉันแน่ ๆ แต่เอาเถอะกลัวตอนนี้มันไม่ทันแล้ว น้ำอสุจิคุณเต้อยู่ในตัวฉันแล้ว ฉันต้องเสี่ยงกินยาคุมฉุกเฉินอีกครั้งและต่อไปนี้ก็พยายามหักห้ามใจตัวเองทุก ๆ วัน ว่าอย่าอยากเสียวจนหน้ามืดตามัว เมื่อคุณเต้จอดรถหน้าโรงพยาบาล ฉันก็รีบปลดเข็มขัดเอี้ยวตัวไปล้วงข้างคอนโซลทันที ก่อนที่จะหยิบต่างหูข้างนั้นขึ้นมาท่ามกลางสายตางง ๆ ของคุณเต้ และเขาก็ชี้มาที่มือฉัน ชี้ไปที่คอนโซลตรงนั้นสลับกัน “ต่างหู? มาจากตรงนั้นเหรอ?” “อืม ขอบคุณที่มาส่ง” ฉันบอกขอบคุณโดยไม่มองหน้าไม่สบตา ก่อนจะกำต่างหูชาเนลบ้า ๆ นั้นลงมา และเดินตรงไปที่ถังขยะหน
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ