น้ำแข็งหวงลูกมาก ยุงไม่ให้ไตไรไม่ให้ตอม แต่ฉันไม่สนใจหรอกฉันอยากฟัด ระหว่างที่น้ำแข็งแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลฉันแวะไปหาหลานไปอุ้มทุกวัน ต้นกล้าก็มาเยี่ยมนะ รายนั้นชอบติณห์มาก ๆ เขาบอกต้องผูกมิตรไว้ ถ้าติณห์โตและเราขาดเหลืออะไร เขาจะได้ยืมเงินติณห์ “แล้วพี่ ๆ บ้านคุณชายคลอดวันไหน?” ฉันหันไปถามคนขับรถที่นั่งยิ้มอยู่ “ไม่รู้เหมือนกันรออยู่เนี่ย เอ้อแว่นคะ เค้าไปตรวจเชื้ออสุจิดูแล้วนะ แข็งแรงมากเหลือแต่แว่นแล้วค่ะ เป็นอะไรทำไมไม่ท้องสักที” ฉันหัวเราะเบา ๆ แล้วหันมองหน้าคนอยากมีลูกข้าง ๆ เขาพยายามทำฉันท้องมานาน แต่ไม่รู้เลยว่าฉันกินยาคุมอยู่ “หลังแต่งนะ วันเข้าหอปั๊มทั้งคืนเลย” “ถ้าคืนวันเข้าหอแว่นเป็นเมนส์ล่ะ เราแต่งสิบสอง แต่แว่นเป็นเมนส์ทุกวันที่สิบเอ็ดเค้าจำได้ เค้าต้องอดแน่ ๆ” “ก็รอจนเมนส์หมดสิคุณชายเวอร์ไปได้ เค้าก็อยู่นี่ไม่ได้ไปไหน ยังไง ๆ ก็มีลูกให้อยู่แล้ว” “เค้าอยากมีตอนนี้นี่ ของไอ้ไม้กับเจ๊ใบก็จะคลอดแล้ว เหลือแค่เค้า งานก็ยังไม่แต่ง แฟนก็ยังไม่ได้ท้อง” เขาทำเสียงงอแงใส่ฉัน ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้ นอ
“ถ้าเค้าตรวจแล้วไม่ท้องขึ้นมา อย่างอแงนะ” “งอแงสิ งอแงขอปั๊มใหม่ การซั่มมันสุขทั้งกายสุขทั้งใจ ตรวจเลยถ้าท้องก็ลาออกมานอนอยู่ห้อง เค้าเลี้ยงเอง!” เขาบอกฉันหนักแน่น แถมยังดันหลังฉันเข้าไปในห้องน้ำอีก แต่มาส่งแล้วก็ไม่ยอมออกไปนะ ยังยืนมองหน้าฉันสลับกับชักโครก และบอกว่า... “ตรวจสิแว่นน้อย” “ยืนจ้องเค้าแบบนี้เค้าจะฉี่ออกมั้ย? ออกไปเลย ๆ คุณชายเห่อไปแล้วนะ” “ไม่ออกได้มั้ย เดี๋ยวเค้าหันหลังให้ เค้าตื่นเต้นอ่ะแว่น อยากรู้ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย” ฉันจะประสาท อยากฉี่ใส่เขาให้รู้แล้วรู้รอด! “หยุดตื่นเต้นและออกไป กว่าแท่งตรวจครรภ์จะทำปฏิกิริยากับฉี่เราต้องใช้เวลา คุณชายจะหมกในห้องน้ำอยู่กับเค้าทำไมเนี่ย!” “แว่นอ่ะ อยู่ด้วยไม่ได้เหรอ?” “ออกไปค่ะ” ฉันรีบดันหลังเขาออกจากห้องน้ำและล็อคประตูทันที ก่อนที่จะนั่งแหมะลงที่ชักโครก แกะกล่องที่ตรวจครรภ์ทั้งสองอัน จากนั้นฉันก็นั่งแช่อยู่สักพัก แช่จนคนข้างนอกแทบจะพังประตูเข้ามาอีกรอบ ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
(ตอนนั้นแม่เด็กกว่ากาแฟน้ำแข็งตั้งเยอะ แต่แม่ก็เลี้ยงลูกได้สบาย พ่อว่างพ่อก็ช่วย พอเปิดคลีนิคก็พาน้ำแข็งกับกาแฟไปด้วย พี่พนักงานที่นั่นช่วยกันเลี้ยง) “ไหนว่าหนูดื้อไงคะ พ่อพาหนูไปที่คลีนิคด้วยไม่วุ่นวายเหรอ” (ใช่ดื้อ แต่กาแฟจะดื้อเฉพาะตอนอยู่บ้าน ถ้าออกไปไหนกับพ่อ ความกลัวพ่ออ่ะเนอะ เงียบกริบ ให้เล่นอะไรก็เล่น ให้ทำอะไรก็ทำ) “เฮ้อ แล้วแม่คิดว่าลูกหนู จะกลัวพ่อรึเปล่า” (ไม่ คงจะติดแจเลยล่ะ แล้วนี่งานแต่งจะเลื่อนมั้ย? หรือฤกษ์เดิม แม่จะได้สั่งพิมพ์การ์ด) “ฤกษ์เดิมดีกว่าค่ะ ตอนนี้ท้องอ่อนเกินไปหนูคงเดินทั่วงานไม่ไหว” (งั้นดูแลตัวเองนะลูก เดินเหินก็ระวัง ว่าง ๆ แม่จะไปหา) “ค่ะแม่” พอวางสายจากแม่ฉันก็โทรหาคานะต่อ และรีบสั่งยาบำรุงของตัวเองก่อนที่คุณชายเขาจะไปถึง คานะถามฉันร้อยแปด แกรีบเหรอ? ทำไมหลานมาเร็ว? ดูฝั่งพี่ชายพี่สาวต้นกล้าสิ พวกเขายังไม่รู้อะไรเลยนะ แกก็ผลิตหลานให้ซะแล้ว อืมฉันลืมบอกไป พี่ไคล์ของคานะแต่งงานกับพี่ใบไม้พี่สาวต้นกล้า คานะเธอจึงรู้เรื่องของบ้านนั้นแทบจะทุกเรื่อง
“แฝดเหรอ? ต้นไม้ต้นกล้าเวอร์ชั่นสองรึเปล่า” “โอ้ยปู่แบบนั้นปวดหัวตาย ให้เป็นหมอกาแฟหมอน้ำแข็งเวอร์ชั่นสองเถอะ เนอะ ๆ ลูกสะใภ้” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ตอบคุณแม่ ให้เหมือนฉันกับน้ำแข็งจะไม่หนักไปกว่าเดิมเหรอ? อยู่ที่บ้านคุยกันนับคำได้เลยนะ “ว่าแต่... อีกกี่สัปดาห์คะคุณหมอ ถึงรู้เพศได้” คุณแม่ถามหมอสูติที่อ่านผลเลือดของฉันอยู่ “ตอนนี้อายุครรภ์ประมาณสามสัปดาห์ ผมคิดว่าอีกสักสองเดือนน่าจะตรวจเลือดดูได้ บอกตรง ๆ นะครับช่วงนี้ผมอยากให้หมอกาแฟพักงานไปก่อน เด็กในท้องมีโอกาสเป็นแฝด และแฝดก็เสี่ยงมากกว่าครรภ์เดี่ยวปกติ หมอเดินราวด์คนไข้เจอคนป่วยทุกวันมันไม่ดีเลยครับ” ฉันพยักหน้าตามหมอสูติ เพราะที่เขาพูดมันจริงทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เชื้อโรคไวรัสมันเข้าเร็วจะตาย “แล้วเรื่องโรคทางพันธุกรรม ไม่มีปัญหาใช่มั้ยคะ?” “ไม่มีครับ ไม่มีเบาหวานด้วย แต่ผมจะฉีดยากันแท้งให้ และสั่งยาบำรุงให้นะ ช่วงนี้ถุงตั้งครรภ์ยังไม่เกาะกับผนังมดลูกดี หมอกาแฟระวังหน่อยนะครับ ยิ่งท้องแรกด้วย” “ค่ะ ฉันจะระวัง” “ครับ และห
“สวัสดีค่ะพี่ใบไม้” ฉันลงจากตักคุณชายและฉีกยิ้มหวาน ๆ ส่งให้พี่ใบไม้ ทันที ก่อนที่พี่เขาจะมองฉันงง ๆ สลับกับน้องชายตัวเอง และถามว่า... “เธอ กับอิกล้ายังไง?” ฉันยืนนิ่งตอบไม่ถูก หันมองหน้าต้นกล้าแว๊บนึงและขยิบตาให้เขา เอาไงดี? เขาจะให้ฉันบอกตอนนี้เลยมั้ย หรืออุบไว้ก่อน “คือ... ไม่ยังไงค่ะ มาผ่อนคลาย เจอคนไข้เยอะปวดหัว” บ้าจริง! ฉันตอบอะไรไปเนี่ย แต่คำตอบฉันทำพี่ใบไม้ขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะเอามือกอดอกมองหน้าฉัน และหันมองต้นกล้าอีกหน ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ผ่อนคลายอะไร? ต้นกล้า! กาแฟเป็นเพื่อนคานะน้องผัวฉันนะ แกทำอะไรให้เกียรติกาแฟบ้าง” ต้นกล้าหันหน้าหลบและแอบขำ ก่อนจะทำเนียน ๆ หยุดหัวเราะ แล้วบอกพี่ใบไม้ว่า “ผมให้เกียรติตลอดล่ะ แต่ยัยนี่ไม่ให้เกียรติผม” ยัยนี่เลยเรอะ! อิคุณชาย “งั้นหนูไปนะคะพี่ใบไม้ สวัสดีค่ะ” พอเริ่มจนมุมฉันก็ตัดปัญหา รีบยกมือไหว้พี่สาวเขาทันที ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเดินดุ่ม ๆ ออกมาหน้าห้อง ให้พี่น้องเขาคุยธุระกัน
อึ้งไปเลยสิเจ๊ใบ นานแค่ไหนแล้ววะที่ผมไม่ได้เห็นเจ๊แกเบิกตากว้างช็อกแบบนี้ ตั้งแต่สมัยใส่แพมเพิร์สเดินนู่นมั้ง “แกแกล้งฉันรึเปล่า? แกไปทำกาแฟท้องตอนไหน? พ่อแม่รู้รึยัง กาแฟเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่นาวานะ ทำอะไรมีหัวคิดมั้ย!” ผมหัวเราะร่วนสะใจ ก่อนจะรีบโอบแขนกอดคอยัยแว่น และก้มไปหอมเธอฟอดใหญ่ “มีสิ! ทั้งหัวบนหัวล่างเลยฮ่า ๆ เจ๊จะเครียดทำไมวะ เดือนหน้าผมก็แต่งแล้วเนี่ย” เจ๊ใบเบิกตากว้างอีกรอบ ก่อนจะเดินมาหยิกเอวผม จนผมสะดุ้งโหย่ง “โอ้ย! อะไรวะ มีลูกมีเต้าแล้วนะ ยังลงมือกับน้องอีก” “แต่งอะไรทำไมฉันไม่รู้เรื่อง พ่อแม่รู้ยัง? แกคิดเองเออเองไม่ได้นะ พ่อแม่กาแฟล่ะ เห็นหัวผู้ใหญ่บ้าง” “ทุกคนรู้หมดแล้ว เจ๊เป็นคนสุดท้าย เชิญมางานผมด้วยนะ สิบสองเดือนหน้า” เจ๊ใบมองหน้าผมตกใจ และยืนนิ่งจนผมโอบไหล่ยัยแว่นเดินออกมา ชัยชนะของผม สะใจว่ะ ผมแค้นมานานละ ผมโดนแยกไปเรียนอเมริกาคนเดียวทั้งที่ทุกคนก็ดื้อเหมือนกัน ผมมีพี่สาวเป็นนางมารที่เอะอะแยกเขี้ยวใส่ และมีพี่ชายฝาแฝดที่กวนตีนหาเรื่องผมตลอดเวลา
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ