ทำให้เขาหน้าบูดบึ้งอยู่ไม่น้อย"ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้ที่แกต่อยฉัน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแกเป็นนักบู๊โบราณ อย่างนั้นเราก็มาใช้วิธีของทางบู๊ลิ้มแก้ปัญหากันเถอะ"อวิ่นเหวินห้าวจึงต้องพยายามใช้มือรีดให้มันเรียบ แล้วโยนไปทางลั่วอู๋ฉางลั่วอู๋ฉางยื่นนิ้วมือสองนิ้วออกไปรับจดหมายท้ารบ!ที่ด้านหน้ามีตัวอักษรตัวใหญ่ๆ สองตัวซึ่งถูกเขียนอย่างโดดเด่นและดุดัน"ไอ้คนแซ่ลั่ว ในเมื่อแกรับจดหมายท้ารบของสำนักเทียนกางเราแล้ว งั้นคืนนี้ เราก็ไปพบกันที่ลานประลองนอกเมืองอัน"ใบหน้าเหี้ยมโหดของอวิ่นเหวินห้าวแฝงไว้ด้วยความยินดีที่แผนการสำเร็จ "ถ้าแกชนะ เรื่องวันนี้ก็จะจบลงแค่นี้""แต่ถ้าแกแพ้ แกไม่เพียงต้องยกหุ้นแถมยังต้องมอบสูตรยาแก้บาดเจ็บให้ด้วย!""แม้แต่ชีวิตของแกก็จะเป็นของฉัน ฉันอยากจะทำยังไงกับแก ก็จะทำอย่างนั้น!"หลิ่วซือหยินเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ "อวิ่นเหวินห้าว คุณโกงหนิ!""ไม่บอกกล่าวกันก่อนซักคำ แถมไม่อธิบายสถานการณ์อะไรเลย จู่ๆ ก็โยนจดหมายท้ารบออกมา นี่มันต่างอะไรกับการบังคับซื้อขายกัน?"อวิ่นเหวินห้าวยิ้มเจ้าเล่ห์ "ฉันไม่ได้บอกก็จริง แต่เขาก็เลือกไม่รับได้หนิ""ในฐานะผู้ใหญ่ เมื่อยื่นมือรับม
"คุณลั่ว คุณไม่ควรตอบตกลงง่ายๆ แบบนี้เลย"หลิ่วซือหยินไม่ได้บ่นการตัดสินใจของลั่วอู๋ฉาง แต่เธอโกรธการกระทำเลวทรามของอวิ่นเหวินห้าวมากกว่า"เดิมอวิ่นเหวินห้าวคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาใจแคบ ขี้ระแวง แถมยังเป็นโรคจิตชอบควบคุมคนอื่น""ก่อนหน้านี้ลูกค้าของฉันหลายรายก็ถูกเขาข่มขู่ ทำให้ธุรกิจที่กำลังจะเซ็นสัญญา พังไม่เป็นท่า""คนอย่างเขามักจะคิดว่าตัวเองถูก และไม่มีเหตุผล"ซูเฉี่ยนเฉี่ยนซึ่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ "ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนแล้ว ทำไมพี่ซือหยินถึงยังหมั้นกับเขาล่ะคะ?""นี่มันเป็นการกระโดดลงไปในกองไฟชัดๆ!"หลิ่วซือหยินยิ้มอย่างจนใจ "เกิดในตระกูลใหญ่ร่ำรวย บางทีก็ไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้หรอก""ตอนนั้นอารองของฉันพูดเชิดชูอวิ่นเหวินห้าวมากพอดี และตระกูลหลิ่วก็กำลังประสบปัญหา ต้องการการสนับสนุนจากภายนอกที่แข็งแกร่งอย่างสำนักเทียนกาง""ฉันไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยตอบตกลงไป จนมารู้ทีหลังว่าอวิ่นเหวินห้าวไม่ใช่คนดี"หากในยกเลิกการหมั้นในตอนนี้ สำนักเทียนกางที่เป็นกำลังสนับสนุนก็จะหันหลังให้ตระกูลหลิ่วทันทีตระกูลหลิ่วไม่อาจรับผลการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ เพื่อ
เถาเต๋อหย่งทำหน้าภูมิใจและพูดแก้ว่า "นั่นมันเรื่องเมื่อปีที่แล้ว สองเดือนก่อน ผมทำลายสถิติตัวเองได้สำเร็จ""ตอนนี้ได้ 13 ป้ายหินแล้ว!"หลิ่วซือหยินดีใจมาก รีบชื่นชมว่า "อาวุโสเถาช่างทรงพลังมาก แข็งแรงแม้อายุเยอะ น่านับถือยิ่งนัก!""เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องใส่ใจ" แม้เถาเต๋อหย่งจะพูดอย่างถ่อมตัว แต่ท่าทางเขากลับแสดงออกว่าภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัดในห้องยังมีชายชราอีกสองคนที่แสดงท่าทีเคารพทั้งสองลุกขึ้นพร้อมกันและแสดงความเคารพต่อเถาเต๋อหย่ง"อาวุโสทั้งสองท่านนี้คือหวังเหล่าและซุนเหล่า พวกเขาก็มาช่วยในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย"หลิ่วซือหยินแนะนำเมื่อเผชิญกับการเคารพของทั้งสอง เถาเต๋อหย่งก็เพียงแต่พยักหน้าตอบกลับเบาๆไม่มีมารยาทเลย!แต่จะทำไงได้ ในบู๊ลิ้มย่อมวัดค่าคนจากความสามารถหวังเหล่าและซุนเหล่าถึงแม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ทั้งสองยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน หวังเหล่าพูดขึ้นว่า "ครั้งนี้มีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่เถา ถือเป็นโชคดีของพวกเราทั้งสอง""หวังว่าเราจะร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้คุณหลิ่วผิดหวัง" ซุนเหล่ากล่าวเสริมเถาเต๋อหย่งพ่นลมหายใจอย่างเยาะเย้ย "อย่า
ยังไม่ทันได้เริ่มการประลอง ฝ่ายเราก็บาดเจ็บไปคนหนึ่งแล้วดูผิวเผิน เถาเต๋อหย่งทำไปเพื่อสร้างชื่อเสียงและแสดงพลังของตนเองแต่ลั่วอู๋ฉางคิดว่า เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นหากเป็นแค่การแสดงพลังธรรมดา ใช้เพียงท่าเดียวเอาชนะอีกฝ่ายก็พอ ทำไมต้องลงแรงมากเกินไปจนทำร้ายคนอื่นด้วยเถาเต๋อหย่งอายุมากแล้ว ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นคนเลือดร้อนขนาดนั้นซุนเหล่ากล่าวด้วยความปากแข็งเพื่อรักษาหน้าตาของตนเอง "วิชาขา 81 ท่าของท่านช่างสมคำร่ำลือ ผมยอมรับความพ่ายแพ้""หึ อย่างน้อยคุณก็ยังพอรู้ความ!" เถาเต๋อหย่งทำท่าทางยโสโอหังหลิ่วซือหยินรีบทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยอีกครั้ง "วีรบุรุษอาวุโสต่างเคารพให้เกียรติกัน ทำให้พวกเรารุ่นเยาว์รู้สึกเคารพยิ่งนัก""เอาล่ะ ทุกท่านพักผ่อนสักครู่ อีกครึ่งชั่วโมงค่อยออกเดินทาง"ลั่วอู๋ฉางลุกขึ้น พาศิษย์น้องที่กำลังทำหน้างุนงงอย่างซูเฉี่ยนเฉี่ยนออกไปก่อนเถาเต๋อหย่งมองไปที่ทั้งสองคนด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร…พลบค่ำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดปกคลุมทั่วพื้นดินชานเมืองด้านใต้ของเมืองอันในที่โล่งแห่งหนึ่ง มีการสร้างเวทีประลองชั่วคราวขึ้นหลังจากอวิ่นเหวิ
"เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน แค่พึ่งพาอำนาจตระกูลหลิ่วจากเมืองหลวง ก็คิดว่าตัวเองเก่งจริงแล้วหรือไง?""เขาคงไม่รู้ว่า การประลองในวันนี้ที่ถูกจัดขึ้นเป็นเพราะหลิ่วซือหยินใกล้ชิดกับผู้ชายคนหนึ่งมากเกินไป ทำให้คู่หมั้นของเธอโกรธ เลยต้องการฆ่าเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง""ฉันจะรอดูว่าไอ้ลั่วจะลอยหน้าลอยตาไปได้อีกกี่วัน ถ้าเขาไม่เจอเรื่องแย่ๆ ฉันก็จะไม่แซ่ซูแล้ว!"ถังเจียเจียรู้สึกรำคาญ จึงจับข้อมือแม่ไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เธอไปก่อเรื่องที่ไหนอีก"ดูเร็ว คนจากสำนักเทียนกางมาแล้ว!"มีคนร้องอุทานขึ้นมา จากนั้นทุกคนก็หันไปมองเห็นคุณชายคนหนึ่งแต่งตัวหรูหรา กำลังเดินมาในวงล้อมของเหล่ายอดฝีมือคนนั้นก็คืออวิ่นเหวินห้าว!แค่รูปลักษณ์ของเขาดูแปลกไปเล็กน้อย ใบหน้าบวมเขียวช้ำ และท่าทางเดินไม่ปกติ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล"ดูสิ นี่แหละคุณชายจากตระกูลใหญ่ตัวจริง!"ซูหมิงหยาพูดด้วยใบหน้าเสียดาย "ทำไมลูกสาวตระกูลหลิ่วถึงได้ตัดหน้าพวกเราไป ลูกสาวบ้านเราก็ไม่แพ้ใคร ถ้าได้เข้าตาของคุณชายอวิ่น ตระกูลถังของเราก็คงเจริญรุ่งเรืองแล้ว!"ถังเจียเจียหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ตอบอะไรอวิ่นเหวินห้าวคนนี้ ไม่ใ
"เมื่อรับเงินจากนายจ้าง ก็ต้องทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์!"หวังเหล่ากลัวว่าความโดดเด่นทั้งหมดจะถูกเถาเต๋อหย่งชิงไปหมดเขาและซุนเหล่าเดินทางมาไกล ถ้าหากไม่ได้แม้แต่โอกาสขึ้นเวที จะรับค่าตอบแทนไปอย่างไร้ความละอายได้ยังไงยิ่งไปกว่านั้น ซุนเหล่ายังได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้อีกด้วยทั้งสองได้ปรึกษากันตั้งแต่แรกว่าจะต้องขึ้นเวทีสู้ให้ได้เถาเต๋อหย่งขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรหลิ่วซือหยินเห็นดังนั้นจึงพยักหน้า "ถ้าเช่นนั้น นัดแรกก็ฝากหวังเหล่าด้วย ซือหยินขออวยพรให้ท่านมีชัยชนะกลับมา"ในตอนนี้เอง ลั่วอู๋ฉางก็เดินมาพร้อมกับซูเฉี่ยนเฉี่ยน"วิชาที่ฝ่ายตรงข้ามฝึกดูไม่ธรรมดา ฝั่งเราต้องระวังหน่อย" ลั่วอู๋ฉางเตือนหวังเหล่าพูดอย่างไม่พอใจ "ไอ้หนู คิดว่ามีแต่เจ้าที่มีตาหรือไง?""ฉันโลดแล่นในวงการนี้มาหลายปี จำนวนครั้งที่ต่อสู้บนเวทีมากกว่าจำนวนก้าวที่นายเดินผ่านมาซะอีก ไม่จำเป็นต้องให้นายมาเตือนหรอก"เขาเห็นว่าลั่วอู๋ฉางยังหนุ่ม จึงไม่ใส่ใจคำพูดของเขานอกจากนี้ เขายังกลัวว่าลั่วอู๋ฉางจะเข้ามาแย่งโอกาสขึ้นเวทีที่เขาได้มาอย่างยากลำบากไปด้วยความจริง หวังเหล่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลั่วอู
ซุนเหล่าและหวังเหล่าก็คิดเหมือนกัน เป็นไปได้ยังไงที่จะฟังเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เสียหน้าแย่สิในความเป็นจริง ครั้งแรกที่ลั่วอู๋ฉางพูดออกมา ฝ่ายตรงข้ามก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วคราวนี้ยิ่งแสดงสีหน้ากังวลออกมาโดยตรงซุนเหล่ากระโดดขึ้นสูง ราวกับร่างกายเป็นนกอินทรีที่กำลังโจมตีลงมา พร้อมเตะเข้าที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้ามฝ่ายตรงข้ามยิ้มเย็นๆ มือทั้งสองสะบัดออกจนเกิดไอสีดำลอยขึ้นมาซุนเหล่ารู้สึกตาพร่า และเมื่อรู้สึกตัวอีกที ข้อเท้าก็ถูกฝ่ายตรงข้ามจับไว้อย่างแน่นหนาในมือแล้ว"พลั่ก!"ซุนเหล่าถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง ทันทีที่ล้มลงก็ตาลายไปหมดแต่ยังไม่จบ ฝ่ายตรงข้ามหมุนตัวเขาขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเขาลงกับพื้นอีกด้านอย่างแรงราวกับตบแมลงวัน"ตึง!""ตึง!"เสียงดังสนั่นจนเวทีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงซุนเหล่าถูกเหวี่ยงลงไปเจ็ดแปดครั้ง จนกระดูกทั่วร่างแทบจะแหลก ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดฝ่ายตรงข้ามจึงค่อยปล่อยมือ ซุนเหล่าล้มลงจากเวทีอย่างน่าสงสาร และกระอักเลือดออกมาไม่หยุดกระดูกทั่วร่าง ไม่รู้หักไปกี่ชิ้นหวังเหล่าอึ้งไปเลย!หลิ่วซือหยินก็อึ้งเช่นกัน!ทั้งสองคนผลัดกันสู้ แต่กลับไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้
"อะไรนะ?!"ไม่สบายแล้วยังยอมแพ้อีก?ล้อเล่นอะไรกัน!ในเมื่อไม่อยากต่อสู้ แล้วขึ้นไปทำไม?"อยู่ๆ ก็บอกไม่สบาย ฟังดู...เหมือนหาข้ออ้างชุ่ยๆ เลยนะ!""ยอดฝีมือชื่อดังแห่งบู๊ลิ้มถึงกับยอมแพ้เองเลยเหรอ?""ตั้งใจแน่ๆ เลย ฉันว่าหมอนี่คงไม่ได้ถูกตระกูลหลิ่วจ้างมา แต่เป็นพวกเดียวกับสำนักเทียนกางแน่"ผู้คนรอบข้างตกตะลึงและเริ่มคาดเดากันไปต่างๆ นาๆหลิ่วซือหยินยิ่งไม่อาจยอมรับได้ เพราะเงินค่าจ้างงวดแรกก็ถูกโอนไปที่บัญชีของเถาเต๋อหย่งแล้วและเมื่อครู่นี้ หลิ่วซือหยินเพิ่งจะเป็นฝ่ายเสนอเพิ่มเงินค่าจ้างให้อีกด้วยเพิ่มอีกหนึ่งเท่าเลยนะ!เรียกได้ว่าจริงใจสุดๆ!ไม่ว่าจะด้วยทางความรู้สึหรือเหตุผล เถาเต๋อหย่งก็ไม่ควรที่จะหักหลังเป็นถึงยอดฝีมือชื่อดังแห่งบู๊ลิ้มขนาดนี้ ไม่อายบ้างหรือ?ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ!การยอมแพ้ของเขา เท่ากับเป็นการหักหลังหลิ่วซือหยิน!"อาวุโสเถา ท่านหมายความว่าอย่างไร?"หลิ่วซือหยินรู้สึกเย็นไปทั้งตัว สายตาเต็มไปด้วยความโกรธและคำถามการต่อสู้บนเวทีประลองในวันนี้ เถาเต๋อหย่งเป็นที่พึ่งพิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ"คุณหนูหลิ่ว ผมรับเงินของคุณแล้ว ตกลงว่าจะช่วยออกหน้าให้
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค