หลังจากที่อันธิยานั่งกระทบยอดบัญชีย้อนหลังเกือบ2ชั่วโมง..ใบหน้าจิ้มลิ้มมุ่ย..คิ้วได้รูปถึงกับขมวดยุ่ง..เนื่องจากค่าใช้จ่ายในคฤหาสน์สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น..ทั้งค่าน้ำค่าไฟ..รวมถึงค่าอาหารประจำเดือนมันจะเป็นไปได้ยังไง..หลังจากที่ถามคุณสามีมา..พี่เขาแทบไม่ได้กินข้าวที่บ้านเลย..แต่ค่าอาหาร และค่าข้าวของที่ซื้อเข้าบ้าน..หมดไปเกือบแสนต่อเดือน!!ดวงตาสีน้ำตาลกระจ่างใสเย็นชา..ถ้าไม่มีการรวมหัวงุบงิบเงินเกิดขึ้น...ไหนเลยรายจ่ายของตึกแค่ตึกเดียวจะสูงขนาดนี้..นี่ไม่รวมเงินเดือนที่จะต้องจ่ายแยกอีกนะ...เธอมั่นใจ..ถ้าเป็นสามีตอนปกติที่ไม่ได้โหมงานนอกบ้าน..พี่เขาคงต้องสงสัยแน่หญิงสาวตัดสินใจละจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค..ช่วงบ่ายค่อยจัดการ..ก่อนร่างบอบบางจะเดินเข้าห้องครัว..เตรียมอาหารกลางวันให้คนเป็นลูกแล้วดังคาดแม่ครัวร่างอวบอายุราวๆ ห้าสิบกว่าใส่ชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านของตระกูลนั่งคุยเฮฮา ..มือหนึ่งถือแก้วน้ำส้มคั้น..บนโต๊ะมีขนมกินเล่นหน้าตาน่าทาน..ตรงข้ามโต๊ะกลางห้องมีหญิงสาววัยยี่สิบกว่าสองคนต่อบทสนทนาอย่างสนุกสนานคนที่เห็นเธอก่อนเป็น..หญิงสาวหน้าตาสะสวย..ดวงตาคมเฉี่ยวขึ้น..จมูกเป็นสันสวย..ริมฝีปากอิ่มเ
คำพูดของภรรยานายน้อยทำผู้สูงวัยสะดุ้ง..เด็กหนุ่มที่ตามมาเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ..ยิ่งเธอเน้นคำว่า 'สมรู้ร่วมคิด' ชวนให้คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่"เดี๋ยวก่อนนะครับ..ผมไม่ใช่คนของตึกเป่ย..ผมจะรู้ได้ยังไง""แต่เฮียหยางให้คุณเป็นคนตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเดือน..เรียบร้อยแล้ว..ถึงตัดเงินค่าใช้จ่ายในบ้านให้..หน้าที่คุณคือตรวจสอบ..แต่มาวันนี้คุณบอกว่าคุณไม่ใช่คนตึกเป่ย..คุณเลยไม่รู้"ร่างบอบบางลุกขึ้นยืน..น้ำเสียงตำหนิดุดัน..สมุดบัญชีเล่มหนาถูกจับขึ้นมาแล้วโยนลงบนโต๊ะเสียงดัง..ทำคนในห้องสะดุ้งโหยง..คนงานในบ้านเริ่มรู้ตัวแล้ว..ว่าเจอของจริง!พ่อบ้านวัยเจ็ดสิบหน้าแดงสลับขาว..อับอายเป็นอย่างมาก..สิ่งที่หญิงสาวพูดคือเรื่องจริง..เขาไม่ได้ตรวจสอบตึกนายน้อย..แต่ถ้าจำไม่ผิดยอดรายจ่ายของตึกนี้ก็พอๆ กับ 'ตึกตง' ของครอบครัวคุณอดิศัย และ 'ตึกซี' ของครอบครัวคุณชาญวิทย์..คนสูงวัยที่ทำงานมานานยังคงเถียงต่อ"ผมก็ไม่เห็นที่ตึกจะมีรายจ่ายอะไรที่ผิดปกตินี่ครับ..ตึกตงกับตึกซีก็รายจ่ายประมาณนี้"คำตอบของพ่อบ้านสูงวัย..ทำให้แม่ครัว และแม่บ้านประจำตึกเป่ยใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย..อย่างน้อยพวกเธอก็ยังมีคนคุ้มหัวละนะ..ยัยเด็
ตอนที่คุณหญิงชญานินเห็น 'คน' ของตัวเองที่วางไว้ที่ตึกเป่ยถูกส่งตัวกลับมาก็ถึงกับปรี๊ด..สภาพแม่ครัว..และแม่บ้านประจำตึก..ที่คร่ำครวญร้องห่มร้องไห้..ชวนให้นางรำคาญใจสายเลือดของผู้หญิงคนนั้นมันอะไรกันหนักหนานะ..คนเป็นลูกชายก็ฉลาดหล่อเหลาผิดพี่ผิดน้องได้แต่ส่วนดีของต้นตระกูลจนน่าอิจฉา..มีลูกสาว..ก็หน้าตาสะสวยไม่แพ้พ่อ..เป็นร่างโคลนตัวน้อย ..ความน่าปวดหัวยิ่งกว่าคือ ยัยเด็กนั้นแทบไม่แคร์คนเป็นปู่ เป็นย่า หรือเรียกร้องความรักจากคนในตระกูลแม้แต่นิด!!!ช่างแตกต่างจากลูกเลี้ยงของเธอในวัยเยาว์นักในวัยเด็กที่ยังเป็นลูกนก..เด็กชายภากรย่อมเหมือนเด็กชายทั่วไป..ยังคงโหยหา 'ความรัก' จากครอบครัว..ยังต้องการ 'ความอบอุ่น' ไม่ผิดจากเด็กคนอื่นๆ'ม๊ะม๊าครับ ฮือออ..ฮึก.ให้หยาง..ไปสวนสนุกด้วยได้มั้ยครับ..หยางยังไม่เคยไป..หยางอยากไปเที่ยวกับน้องๆ'เสียงร้องไห้คร่ำครวญจากเด็กอายุราวหกเจ็บขวบ..เด็กชายพยายามเกาะขากางเกงเธอแน่น..คนที่มีศักดิ์เป็นแม่มองกลับด้วยแววตาสมเพช'แกไม่ใช่ลูกฉัน..อยากไปเที่ยวสวนสนุกก็ไปขอท่านเจ้าสัวนู้น'และร่างเล็กของเด็กน้อยก็ถูกทิ้งขว้างอยู่ด้านหลังอย่างไร้ความเมตตาปรานี'มนุษย์ทุกผู้.
เช้าวันเปิดเทอมแรกร่างผอมบางอยู่ในชุดเสื้อขาวคอปก..กระโปรงสอบลายสก็อตคลุมเข่า..เผยขาเรียวสวย..เธอจูงมือม๊ะม๊ามารอที่หน้าตึกเป่ย..โดยมีคนเป็นพ่อยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเต็มไปด้วยความอ่อนโยน...วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกสาวจะเข้าเรียนที่โรงเรียนอินเตอร์ชื่อดัง "แน่ใจนะลูก..จะไม่ให้ป๊ะป๋าไปส่ง?""ไม่เป็นไรค่ะ..อายไปกลับรถที่บ้านได้""แต่..""อีกอย่างที่ทำงานป๊ะป๋ากับที่โรงเรียนอายอยู่กันคนละทางเลย..เดี๋ยวป๊ะป๋าจะไปทำงานสายเอานะคะ""แค่นี้เอง..ที่สำคัญวันนี้เปิดเทอมวันแรกนะ"คนเป็นพ่อยังพยายามเสนอตัว..อันธิยาได้แต่มองทั้งสองคนพร้อมอมยิ้ม..ส่วนเด็กหญิง..ที่จะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นมุ่ยหน้า..ปากรูปกระจับสีแดงธรรมชาติเถียงทันควัน"อายโตแล้ว..ป๊ะป๋ากับม๊ะม๊าไม่ต้องห่วงนะคะ..อายดูแลตัวเองได้..ถ้ามีเรื่องอะไรไว้อายมาเล่านะคะ""จ้าลูก"คนเป็นแม่รับคำ..พร้อมยิ้มอ่อนโยน..สำหรับเธอแล้ว..ถ้าจะบอกว่าไม่ห่วงก็คงไม่ใช่..แต่เธอเลี้ยงลูกแบบให้อิสระทางความคิด..และการตัดสินใจมาตั้งแต่ลูกยังเล็ก..ถ้าลูกบอกว่า 'ทำได้' แปลว่า 'ทำได้' เธอจะไม่สงสัยแม้แต่นิดก่อนที่ป๊ะป๋ามือใหม่จะได้เร้ารือคนเป็นลูกต่อ..
คุณครูประจำชั้นให้นักเรียนใหม่นั่งรอก่อน..จวบจนเวลา 8.00น. ช่วงเวลา homeroom ตอนเช้า..คนเป็นครูถือแฟ้มแล้วนำเด็กหญิงไปอาคารสีขาวโปร่งหลังหนึ่ง..ตึกนั้นมีทั้งหมดสี่ชั้น..พอเดินเข้าไป..ตรงกลางอาคารมีลิฟอยู่สองฝั่ง..ฝั่งละสี่ตัว..ช่างหรูหราเกินกว่าจะเป็นโรงเรียนธรรมดาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งอยู่ชั้น2 และห้องพิเศษอยู่ห้องหัวมุมของทุกชั้น โดยห้องจะหันไปทางฝั่งทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่อากาศถ่ายเทที่สุดคุณครูคนสวยเชิดหน้าเดินนำเข้าห้อง..ดวงตาคู่สวยของเด็กหญิงดารินหลุบลงเล็กน้อย..ถ้าจะบอกว่าไม่ตื่นเต้น..คงเป็นเรื่องโกหก..จากที่เธอฟังพี่ปาลเล่า..นักเรียนส่วนใหญ่จะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล..และวัยนี้ใช่จะรับคนนอกง่ายๆ"สวัสดีค่ะ..นักเรียนทุกคน..คุณครูชื่อสุณีนะคะ..ปีนี้จะมาเป็นคุณครูประจำชั้นของทุกคน"น้ำเสียงอาจารย์หวานหยดย้อย..ช่างแตกต่างที่พูดกับเธอโดยสิ้นเชิง..ดารินยกยิ้มเย้ยเล็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกตินักเรียนในห้องพิเศษขานรับเนือยๆ ก่อนจะหันไปคุยเล่นกันแบบไม่ใส่ใจ..แต่ก็มีนักเรียนชายหลายๆคนผิวปากหวือ เมื่อเห็นหน้าตาเด็กใหม่ที่ยืนเรียบร้อยอยู่ข้างหลัง"นักเรียนค่ะ ฟังคุณครูหน่อย..วัน
ร้านอาหารในโรงเรียนค่อนข้างใหญ่..มีสารพัดอาหารนานาชาติ..ทั้งอาหารญี่ปุ่น..อาหารเกาหลี..อาหารไทย..ที่สำคัญมีร้านขนมไทยกับร้านบิงซูของโปรดของเด็กหญิงด้วย..ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างทันที'น้องอายอยากกินของหวานก็กินได้เลยนะ..เงินแค่นี้ป๊ะป๋ามีเลี้ยง'แน่ละ..วันนี้เธอจะกินของอร่อยๆให้พุงกางไปเลย..ร้านอาหารของโรงเรียนใช้ระบบการสแกนบาร์โค๊ตจากapp NMMO ซึ่งพี่ปาลเล่าให้เธอฟังว่าถูกพัฒนาจากนักเรียนของโรงเรียน!วันนี้เด็กหญิงเลือกเมนูที่กินง่ายๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ เพราะตั้งใจเผื่อท้องไว้กินของหวาน ร่างบอบบางมองหาที่ว่างจนเจอ..มุมนึงของโรงอาหาร..ขณะเดียวกันเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายเริ่มทยอยลงจากอาคารตอนที่ปาล และบรรดาเพื่อนๆของพี่เขาเดินเข้ามา..ความหน้าตาดี ความสามารถทางกีฬาและการเรียน..เรียกสายตาจากคนในโรงเรียนได้ชะงัก..เธอมารู้ทีหลังว่าหลานของพ่อบ้านสุรชัยเป็นถึงรองประธานนักเรียนดวงตาคู่สวยของเด็กหญิงมองตามอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะสบตากับดวงตาคมคู่หนึ่งของเด็กหนุ่มในกลุ่มที่จัดว่าหล่อมาก..และให้ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่าง..ซึ่งเด็กหญิงตอบไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนส่วนพี่ปาลเห็นเธอเข้าก็เดินยิ้
เสียงของคุณครูเรียกคนทั้งห้องหันมาดูใบหน้าสวยหวาน..ที่ตอนนี้กำลังแดงระเรื่อจากการออกกำลังกาย..เด็กหญิงทำเพียงเสียง..อ๋อ..ในลำคอ..ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยท่าทางของเด็กน้อยอายุสิบสามชวนให้คนเป็นครูหงุดหงิด..นี้ใช่ท่าทางของเด็กที่ไหนกัน!!!..ส่วนฟารินผู้เสียหายก็เอาแต่พร่ำบ่นว่าแหวนทองวงน้อยเป็นของขวัญที่ย่าซื้อรับขวัญให้เธอตั้งแต่เกิด..เธอใส่คล้องคอมาตลอด..ตอนเช้าถึงห้องเรียนก็ยังมีอยู่"เด็กหญิงดาริน..ครูคงต้องรายงานเรื่องนี้กับผู้ปกครองของเธอ"คนเป็นครูสรุปทันที"หลักฐานละคะ?"น้ำเสียงเยือกเย็น ไม่ต่างจากสีหน้า ส่งผลให้อาจารย์สุณีชะงักไปเล็กน้อย..ถ้าเป็นเด็กคนอื่น บรรยากาศกดดันของเพื่อนๆ ในห้องคงทำให้กลัวจนตัวสั่น..แต่ไม่ใช่เด็กหญิงดาริน!!"หลักฐานคือการที่เธอออกจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้ายไง""แค่นี้นี่นะคะ..แล้วกล้องวงจรปิดมีอัดตอนหนูเอาของไปมั้ยคะ"เด็กหญิงทัดผมที่หู ก่อนจะชี้ไปทางกล้องที่ติดไว้ตรงมุมห้อง"มันเสีย!!! ถ้ามี..ครูคงไม่ต้องมาเสียเวลาแบบนี้หรอก""อ๋อ..ค่ะ..หลักฐานก็ไม่มี..ครูยังกล้าใส่ความเด็กอีก"คำพูดเรียบเรื่อย ส่งผลให้คนเป็นครูเม้มปากแน่น แต่ยังคงหาเหตุผลมาซัพพอร์ต
เช้าวันต่อมาเด็กนักเรียนทั้งสามก็ยังคงนั่งรถโรงเรียนมาด้วยกัน..และเช่นเคยญาติคนเดียวของเธอ..ยังคงแต่งตัวเรียบร้อย..หน้าไม่แต่ง..ผมถูกมัดเป็นหางม้าเส้นผมสักเส้นยังไม่กระดิก..ช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่ประหลาดในสายตาของดารินเหลือเกิน..การเป็นตัวของตัวเองมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?ส่วนพี่ปาลยังคงชวนน้องน้อยคุยตลอดทาง..จินจินของเหล่ากงจึงถามด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการเข้าไปเป็นสภานักเรียน..คนเป็นพี่อธิบายอย่างใจดี..เด็กหญิงเองก็ตั้งใจฟังอย่างสนใจจนสรุปได้ว่าเด็กมัธยมต้นแต่ละห้องจะส่งคนเป็นตัวแทนเข้าไปในสภานักเรียนเพื่อประชุมห้องละสองคน..ปกติจะเป็นรองหัวหน้ากับหัวหน้าห้อง..ส่วนคณะทำงานจะเลือกจากชั้นมัธยมปลายปีที่5..ซึ่งปีนี้คนที่ได้เป็นประธานก็คือพี่ไคนั่นเองดวงตาคู่สวยของเด็กหญิงดารินะราวระยับ..วันนึงเธอจะเข้าไปทำงานสภานักเรียนให้ได้..เด็กหญิงสัญญากับตัวเอง!!!จวบจนนาฬิกาขึ้นโชว์ 07:30น.รถโรลส์-รอยซ์คันใหญ่สีดำจอดเทียบหน้าตึกกลาง..เด็กหญิงภารดีลงจากรถเป็นคนแรก..เธอเดินหน้าเชิดทิ้ง..เด็กหนุ่มและเด็กหญิงไว้เพียงสองคน..ร่างสูงผอมของคนเป็นพี่ เดินนำคนเป็นน้องไปส่งที่ตึกนักเรียนชั้นมัธยมต้น"เด
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย
ช่วงเย็นในระหว่างครอบครัวเล็กๆ กำลังนั่งกระเซ้าเย้าแหย่..ทั้งยังตกลงกันว่าปิดเทอมรอบหน้าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันดีมั้ย? รวมถึงเล่าเรื่องระหว่างช่วงเวลาที่ลูกสาวสุดที่รักนอนหลับเป็นตายเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างเหมือนจะดี..บรรยากาศอบอุ่นหวนคืนกลับมา..มาวันนี้..สิ่งเล็กๆ เหล่านี้..มันเป็นสิ่งที่คนในบ้านหวงแหนนักหนาแน่ละ..การที่เด็กหญิงฟื้นจากอาการบาดเจ็บ นั้นสมควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่แล้วเสียงโทรศัพท์จากมือถือของหัวหน้าครอบครัวกลับพรากบรรยากาศดีๆ ให้จางหายไป 'ท่านเจ้าสัวอาการโคม่า!!!'หน้าห้อง icu ตอนที่ภากรเข็นรถลูกสาวมาถึง..ครอบครัวกิตติวรชัยกุลต่างมายืนออหน้าห้อง..แต่ละคนหน้าตาไม่ดีนัก..คุณอดิศัยนั่งซึม ข้างๆ มีคุณหญิงชญานินนั่งซับน้ำตาพร้อมกุมมืออยู่ด้านข้าง ดาริกาเองพอเห็นพี่สะใภ้ก็รีบวิ่งมาหา..เธอเองก็จวนเจียนจะร้องไห้ส่วนครอบครัวบ้านรอง..ชาญวิทย์เองเดินไปเดินมาด้วยความเคร่งเครียด ไหนจะเครียดเรื่องเงินที่ต้องใช้หมุนในบริษัท มาอาการป่วยของคนเป็นพ่อ ลูกชายลูกสาวทั้งสองก็ยังมีฐานะไม่มั่นคง และถ้าวันนี้ไม่มีท่านเจ้าสัว ครอบครัวเขาคงลำบากกว่าเดิมแน่ ระหว่างที่รออ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้..ใครจะคิดว่าตระกูลที่มั่งคั่ง..หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศถึงกับเกิดเรื่องราวตามมามากมาย..ถึงขณะที่คนในตระกูลกิตติวรชัยกุลก็คาดไม่ถึงช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ภากรเหนื่อยล้าทั้งกายใจ..ไหนจะลูกสาวที่ออกจากห้องไอซียู มาพักฟื้นของ vvip แต่เวลาผ่านไปเกือบเดือน จวนใกล้เปิดเทอมใหม่ เด็กหญิงก็ยังไม่ฟื้น ส่วนอากงที่ทุกคนในบ้านต่างก็มองว่าท่านมีสุขภาพแข็งแรง..แต่หลังจากที่ท่านได้รับความกระทบกระเทือนทางใจ โรคหัวใจที่มีแต่เดิมกำเริบ...ทุกวันนี้ท่านเจ้าสัว ผู้เป็นร่มเงาให้กับคนในตระกูลกลับกลายเป็นต้องมาอยู่ในห้องไอซียูแทนภาพร่างผอมเกร็งของชายสูงอายุ เครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง ชายที่เคยโอบอุ้มเลี้ยงดูอุ้มชูเขามาตั้งแต่จำความได้..มาวันนี้ราวกับจะผุพังพร้อมจะจากไปทุกเมื่อถึงอากงจะเข้มงวดมากเพียงใด แต่ความรักที่ชายหนุ่มได้รับ จนเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้ก็มาจากคนเป็นปู่แทบทั้งนั้นนอกจากที่ต้องเทียวมาโรงพยาบาล ยังต้องระงับเหตุการณ์ทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพราะพอข่าวสารของท่านเจ้าสัวป่วยหลุดออกมา...ขั้วอำนาจการบริหารทั้งฝั่งคุณอดิศัยกับลูกชาย คุณชาญวิทย์ และผู้ถือหุ้นนอกตระกูลก
"เห้ย พี่อัญเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม"น้องสามีละมือจากผักที่กำลังหั่น ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที..ยิ่งเมื่อเห็นพี่สะใภ้ที่แสนจะเข้มแข็ง..เต็มไปด้วยพลังชีวิต..แต่เวลานี้ร่างเล็กบอบบางกับตัวสั่นเทาทั้งยังพยายามกั้นสะอื้น"น้องอาย..เกิดอุบัติเหตุ"น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนช็อก หญิงสาวเข้าไปกอดปลอบเหมือนที่ครั้งหนึ่งพี่สะใภ้เคยทำตอนที่เธอเองทุกข์ใจ "เดี๋ยวก่อนนะคะ ใจเย็นๆ นะพี่ แล้วตอนนี้หลานอยู่ที่ไหนคะ คิดในแง่ดีบางทีหลานอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้" คำพูดของหญิงสาวเรียกสติได้ไม่น้อยบางทีลูกอาจไม่เป็นอะไร เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวแล้วเด็กหญิงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มือเล็กตบหน้าตัวเองพยายามเรียกสติ..ไม่...ลูกสาวจะต้องไม่เป็นอะไร เธอลากน้องสามีไปโรงพยาบาลทันทีทางด้านภากร...ชายหนุ่มยังคงวุ่นวายกับคู่ค้าที่ยังตกลงข้อสัญญากันไม่ได้ แต่ถึงคนตรงหน้าจะสำคัญแค่ไหน..เสียงโทรศัพท์ที่เป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะของคนเป็นเมีย ย่อมสำคัญกว่า..ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้ต้าวตัวโตไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ แต่ยัยแบนตัวแสบก็ไม่ใข่ผู้หญิงที่ชอบโทรจิกสามี เว้นแต่มีเรื่องสำคัญจ