หลังจากรตีออกไป พิมก็นั่งร้องให้อย่างเจ็บปวด เธอจำเป็นต้องแก้แค้นให้ลูกของเธอแต่การแก้แค้นนี้รตีกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดได้เพียงเพราะคำคว่า น้องสาวเตชินเดินเข้ามาหาพิมแล้วลูบหลังเธอเบาๆ ก่อนหน้านี้.........ผู้ช่วยคังได้ไปช่วยตำรวจสอบปากคำนายหานจนนายหานยอมเปิดปากพูดความจริง" คุณหานตอนนี้คุณถูกจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองโทษสูงสุดคือประหารชีวิตผมรู้ว่ามีคนบงการคุณอยู่ หากคุณให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บอกว่าใครเป็นผู้บงการโทษอาจจะลดลงเหลือแค่ติดคุกไม่กี่ปี คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวมีลูกมีเมียหากขาดคุณไปสักคน พวกเขาจะลำบากแค่ไหนใช้ชีวิตกันยังไงคุณคิดดูดีๆนะ เลือกเอาว่าจะพูดความจริงหรือจะยอมตายเพื่อคนอื่น แล้วคุณก็อย่าไปหวังเลย ว่าคนที่บงการคุณจะช่วยคุณเพราะลำพังเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลยคุณกับเขาตอนนี้ไม่ต่างกัน คุณคิดให้ดี "นานหานครุ่นคิดอย่างหนักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยจบผู้ช่วยคังก็เดินออกไปกำลังจะเปิดประตูนายหานก็เอ่ยขึ้น" ได้ ผมจะบอกความจริงกับคุณ แต่คุณต้องช่วยผมกับครอบครัวนะ ผมกลัวว่า ถ้าคุณรตีรู้ว่าผมบอกว่าจริงกับตำรวจแล้วเธอจะส่งคนมาฆ่าผมกับครอบครัว วันนั้นคุณร
เตชินถูกส่งมายังห้องพักผู้ป่วย ส่วนพิมก็นอนอยู่บนโซฟาข้างๆเขา เขานอนอยู่บนเตียงจ้องมองพิมที่ไม่รู้ว่าหลับจริงหรือแกล้งหลับกันแน่ในตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดพอเห็นว่าพิมยังอยู่เขาดีใจที่สุดที่ไม่เจ็บเปล่าการที่เขากล้าทำแบบนั้น เพราะเขารู้ว่าพิมเป็นคนจิตใจดี ขี้ใจอ่อน เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป" พิม คุณหลับแล้วจริงเหรอ "เขาเอ่ยถามขึ้น แต่พิมกลับไม่ตอบอะไรเขาเลย เขาจึงลุกขึ้นมานั่งแล้วลงจากเตียงเดินไปหาพิมจากนั้นก็ช้อนตัวพิมขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน พิมลืมตามองเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณเตชินคุณจะทำอะไรของคุณน่ะ แขนคุณเพิ่งผ่าตัดเสร็จนะ ปล่อยฉันลง "เตชินมองหน้าคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ย" ไกลหัวใจ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่คุณสิที่เป็นจิตวิญญาณของหัวใจ จะให้อยู่ห่างตัวผมไม่ได้เข้าใจมั้ย "พิมมองหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเจือความเป็นห่วง" จิตวิญญาณบ้าบออะไรของคุณ ปล่อยฉันลง เดี๋ยวแผลคุณก็ฉีกอีกหรอก "พิมพยายามจะลงจากอ้อมแขนเขา เขาจึงเอ่ยขึ้น" คุณอย่าดิ้นสิเดี๋ยวสายน้ำเกลือผมก็หลุดหรอก "เตชินเอ่ยเสียงอ่อน ได้ยินดังนั้นพิมก็นิ่งไปแล้วเตชินก็ลุกขึ้น อุ้มพิมเดินกลับมายังเตียงคนป่วย แล้ววางพิมน
ณัชชามาเยี่ยมเตชินแต่เช้า เมื่อผลักประตูเข้ามาในห้องก็เห็นพิมนั่งป้อนข้าวเตชินอยู่ แววตาหวานซึ้งของเตชินจ้องพิมไม่กะพริบณัชชายืนดูสักพักจึงเอ่ยแซวว่า" อะฮึ่ม! พี่เตชิน พี่เอาแต่จ้องคุณพิมด้วยสายตาหวานเยิ้มขนาดนั้น เดี๋ยวมดก็ขึ้นหรอก "เตชินละสายตาจาพิมแล้วมองไปยังณัชชาที่ยืนอยู่ข้างหลังพิมด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่ณัชชามาขัดจังหวะแบบนี้แล้วเอ่ย" ณัชชา เธอจะมาทำไมแต่เช้าเนี่ย เยี่ยมเสร็จแล้วก็รีบกลับไปบริษัทเลย "เตชินเอ่ยจบประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นนาวินกับไตรภพที่เข้ามาเตชินทำหน้าเซ็งอย่างหมดอารมณ์แล้วเอ่ยขึ้น" ฉันแค่ถูกกระสุนเฉีดนิดเดียวพวกนายตื่นเต้นอะไรกันเนี่ย ทำไมต้องพร้อมใจกันมาเยี่ยมแต่เช้าขนาดนี้ด้วย "เตชินเอ่ยอย่างหงุดหงิดพิมแอบอมยิ้มเบาๆอย่างชอบใจที่เห็นเตชินอารมณ์ไม่ดี ณัชชาถูกไล่ให้กลับพอเห็นเพื่อนของเตชินมาเธอก็ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยทัก" อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนาวิน คุณไตรภพ "นาวินมองไปยังณัชชาแล้วเอ่ยทักตอบตามมารยาท" อรุณสวัสดิ์ครับ "ไตรภพเดินเข้ามายืนใกล้กับณัชชาแล้วเอ่ยขึ้น" ไม่คิดว่าคุณณัชชาจะมาเยี่ยมเตชินแต่เช้า ดูเหมือนเราจะใจตรงกันนะครับ "ณัชชาเหล
ถเมื่อจูบเธอจนหนำใจแล้วเตชินก็ถอนริมฝีปากออก พิมถึงกับหายใจหอบราวกับคนจะขาดลมหายใจแววตาขุ่นเคืองจับจ้องเตชินอย่างเอาเรื่อง พอหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" ถ้าคุณจู่โจมจูบฉันแบบนี้อีกนะ ฉันจะตบคุณจริงๆด้วย "เตชินยิ้มอย่างพอใจสบตากับสายตาเอาเรื่องคู่นั้นแล้วเอ่ยหยอกล้อ" งั้นจูบอีกทีนะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะทันตบผมหรือเปล่า "เตชินโน้มหน้าเข้าไปใกล้ พิมก็เอามือมาบังหน้าไว้แล้วแล้วใช้ฝ่ามือดันหน้าเขาออกไปแล้วเอ่ย" หยุดเลยนะ คุณอยากจะเจ็บตัวมากนักหรือไง "เตชินเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ย" หืม...เจ็บตัวเพราะคุณ ผมยินดีนะ "พิมทำหน้ามุ่ยแล้วหันไปทางอื่นด้วยแววตาขุ่นเคืองแล้วบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ" บ้าบอที่สุด "ลำแขนอันแข็งแกร่งของเตชินโอบรัดเอวคอดของเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วเอ่ย" ทีนี้คุณจะยอมเป็นของผมคนเดียวหรือยัง "พิมกลอกสายตามองเขาด้วยหางตาแล้วกลับมาทำหน้าบึ้งดังเดิมโดยไม่เอ่ยตอบอะไรเตชินจับหัวเธอเข้ามาแนบชิดกับอกแกร่งแล้วเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน" มีผมคนเดียวก็พอแล้วนะพิม ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ เจ็บใจ เจ็บแค้นหรือไม่พอใจผมเพราะเรื่องผู้หญิงอีก ผมรู้ว่าผมทำได้ คุณก็ทำได้ ผมร
ถหลังจากทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว เตชินก็กลับมาที่บ้านเมื่อป้าใจเห็นพิมกับเตชินกลับมา เขาเดินไปหาทั้งสองแล้วยื่นกระเป๋าตังค์ของรตีให้เตชินพร้อมกับเอ่ยว่า" น่าจะเป็นของคุณรตีค่ะ ป้าเข้าไปทำความสะอาดในห้องเห็นตกอยู่ใต้เตียงค่ะ "เตชินรับมาแล้วเปิดดูข้างใน เห็นแต่บัตรของรตีเต็มกระเป๋าตังค์ไปหมดแล้วเห็นรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งริมสระในชุดว่ายน้ำดูแล้วอายุราวๆสิบขวบ เขาดึงออกมาดู เพ่งมองอย่างชัดๆ พิมหันไปมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย" ไหนขอดูหน่อย คุณเพ่งมองอะไรขนาดนั้น "เธอจับมือของเตชินไว้แล้วแย่งรูปจากในมือของเตชินมาดู แล้วดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเธอไม่คิดว่ารตีจะแอบถ่ายรูปเธอไว้และเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์แบบนี้แล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มหมองลง แล้วก็พลิกไปดูด้านหลังของรูปก็มีตัวหนังสือสองคำเขียนไว้ว่า ( น้องสาว)ทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ ที่ทรมานรตีใต้น้ำจนเธอหมดสติไปเตชินเห็นสีหน้าที่ผิดปกติไปของพิมเขาจึงเอ่ยถามขึ้น" คนในรูปคือคุณตอนเด็กหรอ "พิมจึงเอ่ยตอบว่า" ใช่ ฉันไม่คิดว่ารตีจะแอบถ่ายรูปฉันเก็บไว้ ตอนนั้นรตีเธอดูน่าสงสารมาก แม้จะโตกว่าฉันแต่เธอดูอ่อนแอกว่ามา
ถตอนเย็นเตชินกลับเข้ามาในห้อง เห็นพิมกำลังนั่งเป่าผมอยู่ในห้องแต่งตัวเขาจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำพิมนั่งเป่าผมอย่างเงียบๆ สักพักเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เดินออกมานุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดช่วงล่างไว้เผยให้เห็นหุ่นล่ำๆซิกแพคแน่นๆของเขาเดินเข้ามาหาพิมพร้อมกับกำลังใช้ผ้าเช็ดผมในมือไปด้วยผมพิมยังไม่แห้งดี แต่พอเห็นเตชินเดินเข้ามาเธอก็กดปิดสวิตช์แล้วยื่นไดร์ให้เขาแล้วเอ่ย" ผมฉันแห้งพอดี คุณใช้ต่อเลย "เตชินจ้องหน้าเธอสามวิแล้วก็เอ่ยขึ้น" ผมคุณยังไม่แห้งดีเลยนะ "พิมยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น" โดนลมแอร์เดี๋ยวก็แห้งแล้ว คุณรีบเป่าผมเถอะ "เอ่ยจบเธอก็เดินผ่านเขาไป แต่เตชินกลับคว้าแขนเธอไว้แล้วเอ่ย" เป่าผมให้แห้งก่อนเดี๋ยวจะไม่สบายเอา "เตชินเอ่ยพร้อมกับจับพิมให้กลับมานั่งที่เดิม จากนั้นก็หยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอ พอผมพิมแห้งเขาก็เอ่ยว่า" ตาผมแล้ว คุณช่วยเป่าให้หน่อยนะ "" ที่คุณเป่าผมให้ฉันเพื่อที่จะให้ฉันเป่าคืนให้เหรอ "" ไม่ใช่ ผมแค่อยากใช้ทุกช่วงเวลาที่มีคุณให้คุ้มค่ามากที่สุด พรุ่งนี้คุณก็ไม่ใช่ภรรยาผมแล้ว คิดๆแล้วมันก็ใจหาย คุณทำเพื่อผมเป็นครั้งสุดท้ายหน่อย
ถแสงแดดสาดส่องลงมากระทบหน้าต่าง ความสว่างจากด้านนอกส่องเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทแพขนตางอนสวยของพิมค่อยๆขยับแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆด้วยอาการมึนหัวร่างกายของเธอปวดระบมไปทั่วทั้งตัว พอได้สติเธอก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เปลือยเปล่าจึงหันไปมองคนข้างๆที่หลับสนิทอย่างสบายใจ เธอไม่ได้ฉลาดน้อยที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างเธอกำมือแน่นด้วยความโกรธแล้วโวยวายขึ้นเสียงดัง" คุณเตชิน คุณเตชิน คุณตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ! ตื่น!! "เตชินที่หลับอย่างสบายตัวได้ยินเสียงกร้าวของพิมเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองหน้าเธอด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น" หืม...มีอะไรเหรอ ทำไมคุณถึงทำหน้าแบบนั้นแต่เช้าล่ะ "พิมจ้องเขม็งไปที่เขาแล้วเอ่ยเสียงดุ" คุณยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำไม ไหนคุณบอกว่าจะแค่นอนกอดฉันไง "ได้ยินดังนั้นใบหน้าหล่อเหลาทำตาใสมองหน้าพิมอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้วเอ่ย" เอ๋...พิมคุณจะมาโทษผมไม่ได้นะ คุณเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ คุณเข้ามาจูบผม แล้วลูบไล้ไปตามตัวผม แล้วก็จับน้อง.... "เตชินเอ่ยด้วยถ้อยคำขยี้ใจคนฟัง จนพิมทนฟังไม่ไหวรีบเอ่ยขัดขึ้น" คุณหยุดพูดเลยนะ คุณมันชอบฉว
ถพิมเข้าไปเยี่ยมรตีในเรือนจำ พอเธอเห็นรตีในชุดนักโทษแล้วเธอรู้สึกสงสาร รู้สึกไม่ดีและไม่มีความสุขเลยเธอเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วความคิดในตอนนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่อยากแก้แค้นแต่พอมาเจอสภาพรตี เห็นเขาติดคุกจริงๆ เธอไม่อยากเห็นชีวิตรตีตกต่ำเพราะเธอ เธอจึงเอ่ยกับรตีว่า" ฉันขอโทษ ฉันเคยคิดว่าอยากจะให้คุณได้รับโทษหนักๆ พอคุณได้รับมันจริงๆ ฉันกลับไม่มีความสุขเลย คุณช่วยให้ความร่วมมือกับฉัน แล้วออกมาจากคุกเถอะ ฉันทำร้ายคุณไม่ลง ฉันไม่อยากเห็นรตีในสภาพนี้ มันทำให้ฉันไม่มีความสุข ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณแค่นี้แหละ ดูแลตัวเองให้ดี "เอ่ยจบเธอก็ลุกเดินออกไปทั้งน้ำตา โรคขี้สงสารของเธอกำเริบ เธอไม่อาจทำลายชีวิตคนๆหนึ่งได้ด้วยน้ำมือเธอรตีมองตามแผ่นหลังของพิมแล้วเอ่ยทั้งน้ำตาอย่างเจ็บปวด" ฉันขอโทษ ความจริงมันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะชดใช้คืนเธอ แต่ถ้ามันทำให้เธอเป็นทุกข์ฉันจะออกไปให้ได้เพื่อไม่ให้เธอทุกข์ใจอีก ฉันขอโทษจริงๆนะพิม "แล้วเจ้าหน้าที่ผู้คุมก็มาพารตีกลับไป พิมกลับไปที่รถ แล้วร้องให้ด้วยความรู้สึกสงสารอย่างทุกข์ใจเธอนั่งร้องให้คนเดียวสักพัก เตชินนั่งข้างก็ปล่อยให้เธอร้องให้ออกมาเต็มที
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ