ถณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เครื่องบินร่อนลงจอดตามเวลาที่กำหนดพิมเดินลากกระเป๋าออกมาลงบันไดเลื่อน แล้วเดินออกจากสนามบินป๊อบกำลังขับรถเข้ามารับก็กดโทรหาไปเธอแล้วเอ่ยถามขึ้นเมื่อเธอรับสาย" พิมคุณอยู่ไหนแล้ว "" ฉันกำลังออกมารอด้านนอกค่ะ "" ครับผมกำลังจะถึงด้านหน้าตรงจุดรับผู้โดยสารนะ "" ค่ะ "พิมวางสายแล้วเดินมายืนรอป๊อบ สักพักป๊อบก็ขับเข้ามาจอดแล้วลงจากรถมายกกระเป๋าพิมไปไว้หลังรถจากนั้นทั้งสองก็เปิดประตูเข้าไปในรถแล้วป๊อบก็ขับออกไประหว่างทางป๊อบมองไปยังนิ้วมือของพิมที่ว่างเปล่า พิมเห็นดังนั้นจึงหยิบแหวนที่เขาเคยให้เธอออกมาแล้วคืนให้เขาพร้อมกับเอ่ยว่า" ฉันอยากเครียร์ตัวเองค่ะ ความยุ่งเหยินในชีวิตฉันจบลงแล้วต่อไปฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง หวังว่าคุณจะเข้าใจฉันนะคะ "แม้ในใจจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ป๊อบกลับไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย เอ่ยเพียงว่า" ครับ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ "" ขอบคุณค่ะ "พิมเอ่ยขอบคุณเสร็จ เขาก็รับแหวนคืนจากพิมแล้วเอ่ยถามต่อว่า" แล้วเขาล่ะ "เขาในที่นี้หมายถึงเตชิน เขาอยากรู้ว่าพิมเคลียร์ตัวเองกับเตชินยังไงพิมจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้านิ่งเฉ
ถมื้อเย็นที่แสนอบอุ่นของบ้านหิรัญวัฒนากุล ทำให้ป๊อบหลงไหลชีวิตเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความสุข จนอยากจะครอบครองเธอไว้ให้ได้พอทานข้าวกันเสร็จป๊อบก็ขอลากลับ พิมจึงเดินมาส่งเขาขึ้นรถ" ขับรถกลับดีๆนะคะ "" ครับ "ป๊อบพยักหน้ายิ้มแล้วยกมือขึ้นบ๊ายบาย พิมก็ยกมือบ๊ายบายตอบแล้วเขาก็ขับรถออกไปจากบ้านของพิมทางด้านเตชิน เมื่อกลับเข้าไปในห้องของตัวเองก็เอาแต่คิดถึงพิมไม่ว่าจะทำกิจวัตรประจำวันอะไรก็นึกถึงแต่หน้าของพิม ภาพของพิมลอยเข้ามาวนเวียนอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ราวกับเธอยังคงอยู่ข้างเขาเหมือนเดิมแต่เมื่อจะเข้าไปจับต้อง เธอกลับเลือนหายไปเป็นกลายเป็นเพียงอากาศธาตุทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจ ทรมานแทบจะไปหาเธอแล้วเขาเดินไปที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงไปนอนอ้าซ่าพร้อมกับเอ่ย" ผมประสาทไปแล้วหรือเปล่า ทำไมผมถึงเห็นแต่คุณหรือว่าผมบ้าไปแล้วเพราะคุณ "เอ่ยจบเขาก็หลับตาลงช้าๆอดทนต่อความคิดถึงอย่างทรมานใจในเช้าวันต่อมา เขาก็เข้าไปทำงานในบริษัทตามปกติณัชชาเดินเข้ามารายงานเขาด้วยสีหน้าท่าทางดูตื่นเต้นดีใจ" พี่เตชินคืนนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้ารายใหญ่ที่จะซื้อโครงการใหม่ของเรานะเขาเจาะจงมาที่พี่โดยเฉพาะ ต้องการจ
ถพอค่ำ ณัชชาก็ไปตามนัด เมื่อเข้าไปในร้านอาหารที่นัดกันไว้ซาร่าก็หันไปมองผู้เป็นพ่อแล้วส่ายหน้า จอห์นผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยถามขึ้น" ท่านประธานเตชินไม่มาด้วยเหรอครับ "ณัชชายิ้มแล้วเอ่ยตอบไปว่า" ต้องขออภัยด้วยค่ะ พอดีท่านประธานติดธุระสำคัญไม่อาจมาพบคุณจอห์นด้วยตนเองได้ จึงส่งดิฉันมาแทนค่ะ "จอห์นจ้องหน้าณัชชาอย่างไม่กะพริบตะลึงในรอยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดของเธอ" คุณคือคุณณัชชาที่เป็นรองประธานบริษัท? "จอห์นเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจไม่คิดว่าเธอจะสวยและดูเด็กขนาดนี้ ณัชชายิ้มแล้วตอบว่า" ใช่ค่ะ ฉันเอง ฉันดีใจมากที่คุณจอห์นสนใจโครงการของเรา ดังนั้นที่ฉันมาวันนี้ ฉันอยากจะพรีเซนต์ให้คุณจอห์นได้รู้จักกับโครงการของเราให้มากยิ่งขึ้นก่อนจะตัดสินใจซื้อค่ะ "จอห์นจ้องหน้าณัชชาที่พูดภาษาของเขาอย่างฉะฉาน บุคลิกหน้าตา เต็มไปด้วยความมั่นใจไม่มีการตื้อหรือเอาใจลูกค้าเลยแต่กลับถ่อมตัววางตัวให้เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งโดยไม่สนใจว่าจะถูกเลือกหรือเปล่า ท่าทางแบบนี้ของณัชชาเขาสนใจมากและอยากจะรู้แล้วว่ารูปแบบโครงการจะน่าสนใจเหมือนณัชชาหรือเปล่าจอห์นเป็นหนุ่มลาตินหน้าตาหล่อเหลา อายุ43 สูง 185 เซนติเมตรย
ถหลังจากเซ็นสัญญากันเสร็จ จอห์นก็เอ่ยขึ้น" พวกเราไปดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อดีมั้ยครับ "เตชินยิ้มแล้วเอ่ยตอบไปว่า" ดีครับ "ซาร่ายิ้มขึ้นด้วยความดีใจแล้วเอ่ย" งั้นพวกเราไปกันเลยค่ะ "" ครับ "เตชินเอ่ยตอบ แล้วซาร่ากับจอห์นก็เดินนำไป ณัชชาจับแขนของเตชินไว้แล้วเอ่ย" ไหนพี่บอกว่ารักคุณพิมไง ทำไมพอเจอคุณซาร่าแล้วมีแต่เอ่ยครับๆล่ะ ปฏิเสธบ้างก็ได้มั้ง อย่ามีมารยาทเกิน "เตชินมองหน้าณัชชาแล้วเอ่ย" พวกเขาเป็นลูกค้าเรา พิมคือเรื่องส่วนตัว ส่วนการไปร่วมทานข้าวกับพวกเขาเป็นงาน เราต้องให้เกียรติเขาไม่ใช่ว่าเขาซื้อโครงการของเราแล้ว เราก็ทำเมินเฉยใส่เขา มันไม่ได้ อีกอย่างถึงแม้คุณซาร่าจะสวยแต่พี่ไม่ได้มีใจให้เขาไม่ได้รักเขาเลย เข้าใจมั้ย "ได้ยินดังนั้นณัชชาจึงเอียงหน้าเหล่มองเขาที่ตัวสูงกว่าด้วยหางตาแล้วเอ่ย" ขอให้มันจริงเหอะ อย่าอย่าสนิทสนมจนเลยเถิดแล้วกัน อย่าลืมว่าที่คุณพิม พี่ไม่มีแม้แต่คะแนนเดียว หากพี่ทำอะไรที่มันเกินเลยละก็คุณป๊อบได้จุดพลุแน่ "เอ่ยจบณัชชาก็เดินนำหน้าเตชินไป เตชินส่ายหน้าแล้วตามเธอไปพวกเขาทั้งสี่คนไปนั่งทานข้าวดื่มเหล้ากันในร้านหรูที่เป็นห้องส่วนตัวพอเริ่มเมานิ
ถพอกลับไปถึงบ้านพักส่วนตัว พวกเขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเองเตชินนั่งลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทักแชทไปหาพิมใน( พิมคุณสบายดีมั้ย )จากนั้นเขาก็นั่งรอพิมตอบกลับมารออยู่นานพิมก็ไม่ตอบแล้วเขาก็เลื่อนไปดูที่การขอเป็นเพื่อน แม้แต่รับเขาเป็นเพื่อนพิมยังไม่รับเป็นเพื่อนเลยเขารู้สึกหงุดหงิดใจมาก เพราะต้องอดทนกับความคิดถึงที่ทำให้เขาทรมานใจยิ่งเห็นพิมไม่รับเป็นเพื่อน ทั้งในไลน์และในเฟสบุ๊กก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นแต่เขาก็พยายามใจเย็นแล้วส่งข้อความไปถามอีกครั้งว่า( คุณว่างมั้ย ทำอะไรอยู่ ว่างแล้วรับผมเป็นเพื่อนด้วยทั้งในไลน์และในเฟสบุ๊ก ผมคิดถึงคุณนะ )เขาเองจะโทษพิมฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เขารู้สึกโมโหตัวเองที่อยู่กับเธอมานานแต่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ของเธอเลยที่เขาได้เฟสพิมมาก็เพราะเห็นเธอคุยกับป๊อบในตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลแล้วจำชื่อเฟสเธอไว้ไปส่งคอขอเป็นเพื่อนยิ่งคิดว่าเธอกับป๊อบอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดสนิทสนมใจเขาก็ร้อนรนกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข ถึงกับบ่นพึมพำในใจ[ พิมทำไมคุณถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ คิดจะตัดก็ตัดเลย ไม่เหลือช่องทางการติดต่อให้ผมเลย ]จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบไวน์ในตู
ถเตชินเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมรีบเดินลงบันไดแล้วออกจากบ้านไปซาร่าเห็นเขาดูเร่งรีบจึงตามเขาออกไปแล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณเตชิน คุณจะไปไหนแต่เช้าคะ "" เชียงใหม่ "เตชินเอ่ยตอบเสียงห้วนโดยไม่หันไปมองซาร่าเลยจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในรถแล้วขับออกไปซาร่าวิ่งไปยืนอ้าแขนขวางรถเขาไว้ เตชินลดกระจกลงด้วยสีหน้าดุดัน ซาร่าจึงเอ่ยขึ้น" ฉันไปด้วยค่ะ "" ไม่ได้ "เตชินปฏิเสธเสียงแข็ง จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปทันทีโดยไม่สนใจซาร่าอีก ซาร่าได้แต่หลีกทางให้เขาไปเขาจะไปหาพิมเขาไม่โง่พาผู้หญิงคนอื่นไปด้วยหรอกเมื่อขึ้นไปนั่งบนเครื่องเสร็จ เวลาผ่านไปไม่นานเครื่องบินก็ร่อนลงจอดอีกครั้ง ณ จุดหมายปลายทางที่กำหนด เตชินเดินออกจากสนามบินโดยมีรถที่เขาซื้อไว้มารอรับเขาอยู่ พอคนขับเห็นเขาเดินออกมาก็ไปเปิดประตูให้ พอเขาเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว คนขับก็เอ่ยถามขึ้น" คุณชายจะแวะไปไหนมั้ยครับ "เขายื่นโทรศัพท์ไปให้คนขับรถดูแล้วเอ่ย" ไปร้านกาแฟนี้ "คนขับดูโลเคชั่นร้านแล้วเอ่ย" ได้ครับ "ปลายทางเขาคือร้านกาแฟสถานที่ที่ป๊อบเช็คอินซึ่งคนขับรถของเขาก็รู้จักดีเขาอยากจะรู้ อยากจะไปดูให้เห็นกับต
ซาร่าในวัย 23 ปี มาเชียงใหม่ครั้งแรกก็หลงไหลในเสน่ห์วิถีชีวิตและบรรยากาศของเชียงใหม่เข้าเธอจึงตัดสินใจอยู่เชียงใหม่ต่อ ส่วนเตชินเมื่อกลับไปถึงกรุงเทพก็โทรไปหานาวินนาวินกดรับสายแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างรู้ทัน เพราะพวกเขาทั้งสามต่างรู้ไส้รู้พุงกันดี" ว่าไง นายโทรมาแบบนี้มีเรื่องอะไรจะขอให้ช่วย "" อืม นายว่างมั้ยช่วงนี้ "เตชินเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อโลก นาวินที่อยู่ปลายสายจึงเอ่ยตอบว่า" ว่าง ทำไม นายจะชวนฉันไปดื่มเหรอ น้ำเสียงนายฟังดูซึมๆ ถูกสาวหักอกมาหรือไง "นาวินเอ่ยแซวอย่างไม่คิดอะไร เพราะเขารู้ว่าคนอย่างเตชินไม่มีทางอกหักได้อยู่แล้ว แต่เตชินกลับเอ่ยตอบเขาว่า" ใช่ ฉันอกหักว่ะ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์สนใจใครแล้ว นายช่วยไปเชียงใหม่พาคุณซาร่าเที่ยวแทนฉันที "ได้ยินดังนั้นนาวินถึงกับอึ้งไป สักพักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าจะได้ฟังคำพูดแบบนี้จากปากของเตชิน" นายอย่าบอกนะว่านายอกหักกับคุณพิมที่เป็นสาวใช้หน้าใสประจำบ้านของนายน่ะ "" นายไม่ต้องถามมากแล้ว รีบๆไปหาคุณซาร่าเลยฉันจะเอาเบอร์และที่อยู่เธอส่งให้นายในไลน์ "เตชินขี้เกียจคุยกับนาวินแล้ว จึงเอ่ยอย่างรำคาญแล้ววางสายไป" นี่ขนาด
ถภายในห้องที่กว้างใหญ่ โอ่อ่า ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ แววตาคมกริบดุจแววตาอินทรีย์ทอดมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติยกมุมปากหยักสวยได้รูปขึ้นมาอย่างช้าๆ ร่างสูงใหญ่ของเตชินนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อรอคอยการกลับมาของพิมอย่างสงบใจแต่สงบได้เพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานของเขาดังขึ้นเสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาใกล้ แล้วหยุดลงตรงหน้าเขาเขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น เงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างขี้เกียจแล้วเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ" มีเรื่องอะไรทำให้รองประธานไม่พอใจอย่างงั้นเหรอ "ณัชชาชักสีหน้าขุ่นเคืองแล้วเอ่ยต่อว่าเตชินอย่างไม่พอใจ" ทำไมพี่ต้องให้คนอื่นไปคอยดูแลคุณซาร่าแทนพี่ด้วย ถ้าพี่รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่จะให้เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านพี่ทำไม พี่เห็นแก่ตัวที่สุดเลย เสียแรงที่ทำเพื่อพี่ตั้งมากมาย "เตชินเลิกคิ้วขึ้นยิ้มในหน้าแล้วเอ่ย" ทำเพื่อพี่อย่างงั้นเหรอ ทำเพื่อพี่โดยการให้คุณซาร่าตามพี่ไปที่เชียงใหม่น่ะเหรอ เธอรู้ว่าพี่ไปหาคุณพิม เธอก็ยังให้คุณซาร่าตามพี่ไป เจตนาเธอจงใจแกล้งกันชัดๆ ดังนั้นเธอก็ต้องรับผลการกระทำของตัวเอง
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ