“ชิงเหอ เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”“ขอเพียงผ่านช่วงเวลานี้ไป รับมือกับตระกูลชุยได้แล้ว ฉันจะทำดีกับเธอให้มาก ๆ”“หลังฉันแต่งงานกับชุยลั่วซิน เธอจะต้องระวังในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าปะทะกับเขา ไม่งั้นถ้าเขาไม่ผ่อนปรนให้เธอ ฉันเองก็ช่วยเธอไม่ได้เหมือนกัน!”“เธอเชื่อฟังนะ! เพื่อธุรกิจของเรา อดทนเอาไว้ก่อน!”หยางชิงเหอขมวดคิ้วมุ่น เธอยิ่งฟังก็ยิ่งสะอิดสะเอียนหากไม่ใช่เพราะออกไปไม่ได้ เธอคงถึงค่ายพักกองทัพตระกูลจ้านนานแล้ว!“ตัดสินใจเลือกฐานที่ตั้งโรงงานเรียบร้อยแล้ว อีกสามวันเธอกับช่างย้ายไปแล้วกัน”“ฉันกับลั่วซินกำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ ก่อนหน้าจะผลิตปืนออกมา เธอก็อยู่ที่นั่นไปก่อน อย่าปรากฏตัวอีก”“ฉันกลัวว่าตระกูลชุยกับลั่วซินจะไม่ยอมปล่อยเธอไป!”“เอาละ วันนี้ฉันยุ่งมาก อยู่เป็นเพื่อนเธอแพล็บเดียวก็เสียเวลาไปเยอะมากแล้ว!”“จำเอาไว้ อย่าสร้างเรื่องให้ฉัน ไม่งั้นฉันเองก็รับประกันให้เธอไม่ได้เหมือนกัน!”หลังพูดจบ มู่ฉีซิวก็เดินออกไปก่อนหน้านี้เขาใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แถมยังสัญญาลอย ๆ และยังปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตอนนี้ กระทั่งสัญญาลอย ๆ เขายังขี้เกียจ และขี้เกียจแสร้ง
หลังหวังเซิ่งจากไป ทุกคนก็ดำดิ่งสู่ความเงียบงันอันที่จริง ช่างวังอยากไปเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้านตั้งนานแล้ว กระทั่งซุนเฮ่อคนหมู่บ้านเดียวกันยังอยู่ดีกินดีขนาดนั้นเขาเป็นช่างตีเหล็ก มีความสามารถติดตัว ไม่มีทางไม่มีข้าวกินทว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่หยางชิงเหอเสนอขึ้นมาตอนนี้เห็นท่าทีที่ท่านหัวหน้ามีต่อนาง เรียกได้ว่าตกลงมาจากฟ้าเลยทีเดียวมิหนำซ้ำ เขายังไปตบแต่งคุณหนูของตระกูลชุยแห่งป๋อหลิงด้วยเช่นนั้นตำแหน่งภรรยาเอกของแม่นางหยางก็ไม่มีแล้วมิหนำซ้ำยังต้องหาวิธีเอาตัวรอดภายใต้เงื้อมมือชุยลั่วซินอีกกระทั่งพวกเขายังร้องขอความเป็นธรรมแทนแม่นางหยางท่านหัวหน้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยุติธรรมเลยทั้งสามคนตัดสินใจ!หนีคืนนี้จะแสร้งตาย!*ตอนพลบค่ำ ที่พักของหยางชิงเหอเกิดเพลิงใหญ่ลุกโชนเพลิงไหม้รุนแรง พลันลุกโชนเผาขึ้นมาถึงขั้นที่ทหารรักษาการณ์ที่ปิดล้อมอยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอให้ช่วยโหยหวนอยู่เลือนรางอยากจะบุกเข้าไปช่วยคน...ทว่าเพลิงลุกไหม้รุนแรง ไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้าไปเมื่อซาเทียนอี้ได้ยินข่าว ก็รีบควบม้ากลับมาจากสนามฝึกการต่อสู้ทันที เขาควบจนม้าเหนื่อยทรุด
ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า นางจะอยู่บนรถม้านอกเมืองหวังเซิ่งพยายามสุดความสามารถที่จะหารถม้ามาเขานำรถม้ามาสองคัน ม้าแต่ละตัวผ่ายผอมจนเห็นกระดูก ไม่มีกำลังวังชาอะไรหวังเซิ่งกลัวว่าพวกมันจะวิ่งไม่ออก เมื่อคืนจึงให้อาหารและขนมแผ่นแป้งไปมากมาย พร้อมให้น้ำไปจนเพียงพอแล้ววันนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่เลวทั้งหมดแปดคน แบ่งเป้นรถม้าสองคัน ม้าหนึ่งตัวลากหนึ่งคันหยางชิงเหอ เสี่ยวเถา หวังเซิ่ง เสียวอู่นั่งคันเดียวกันสวีจู้จัดการให้ช่างทั้งสองคนนั่งคันเดียวกันเดิมทีจะเดินทางตอนกลางคืนทว่าขณะที่หวังเซิ่งหาศพมายัดเข้าไปในเตียงหยางชิงเหอกล่าวว่า “เดินทางตอนกลางคืนอันตรายเกินไป เดินทางตอนบ่ายเถอะ!”หวังเซิ่งไม่เข้าใจนางกล่าวว่า “ตอนกลางคืนออกจากเมืองไม่ได้ ตอนบ่ายใช้อาหารมาติดสินบนทหารรักษาการณ์ประตูเมืองนิดหน่อย ก็ออกไปได้ตามใจชอบแล้ว!”“หลังออกไป อย่าใช้ถนนสายหลัง ความเป็นไปได้ที่จะถูกจับมีเยอะเกินไป!”หวังเซิ่งตัดสินใจฟังนางจากนั้นก็ราดน้ำมันเบนซินที่เตรียมเอาไว้ไปทั่วทั้งห้อง และพลันจุดไฟขึ้นมาฉวยโอกาสขณะที่ทุกคนเบนความสนใจไปที่ห้องด้านหน้า อยากจะช่วยดับไฟพวกหวังเซิ่งก็เคลื่อนย
ภายในรถ เด็กน้อยถูกมารดาอุ้มไว้ในอ้อมอกและสวีจู้ขับรถอยู่ข้างหน้าเสี่ยวเถากำลังงีบหลับ หวังเซิ่งกับหยางชิงเหออยู่ในห้องเดียวกันอย่างอึดอัดหวังเซิ่งหยิบอากาศยานไร้คนขับออกมาหนึ่งเครื่องจากสัมภาระและยื่นให้หยางชิงเหอหยางชิงเหอเห็นอากาศยานไร้คนขับแล้วเบิกตาโพลงราวกับแผ่นดินไหว“นะ นี่มัน อากาศยานไร้คนจับจริงด้วย พวกเจ้ามีแม้กระทั่งสิ่งนี้?”เขาพยักหน้า “นี่เป็นเพียงรุ่นเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอากาศยานไร้คนขับขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ที่สามารถพกพาสิ่งของหนักหนึ่งร้อยชั่งอยู่กับท่านรัฐทายาทตรงนั้นอีก!”“เจ้าบังคับมันบินออกไปแล้วดูว่ามีทหารไล่ตามมาด้านหลังหรือไม่”“ข้าจะบังคับหนึ่งเครื่อง คอยสังเกตว่าทางเล็กด้านหน้ามีคนหมอบซุ่มหรือไม่…”“เจ้าบังคับการบินเป็นใช่ไหม?”หยางชิงเหอพยักหน้า “เป็น เมื่อก่อนข้าเคยมีหนึ่งเครื่อง!”*เย่มู่มู่เตรียมตัวบินไปเมืองหลวงในตอนแรก แต่ไม่คาดคิดว่า จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่าแม่นางหยางผู้นั้นเดินทางถึงฐานทัพเมืองหยงโจวอย่างราบรื่นเหมืองแร่ถูกกองกำลังหนึ่งแสนคนของกองทัพตระกูลจ้านยึดครองดึงดูดพลเมืองของหมู่บ้านบริเวณใกล้ ๆ และพลเมืองขุดเหมืองมาได้นับไม่ถ้วน
หวังเซิ่งพูดกับหยางชิงเหอ “ข้าจะพาเจ้าไปพบแม่ทัพใหญ่!”“อืม!”หวังเซิ่งพาหยางชิงเหอมาถึงค่ายพักประจำการของกองทัพตระกูลจ้านมีกระโจมมากมายหลายหลัง ส่วนใหญ่เป็นกระโจมผ้าใบกันน้ำกันแดดที่มาจากโลกปัจจุบันตรงยอดกระโจมยังติดแผงไฟพลังงานแสงอาทิตย์ไว้หนึ่งอันภายในกระโจมมีไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์และมีพัดลมตัวเล็ก…หยางชิงเหออ้าปากค้างเป็นรูปตัวโอเมื่อมาถึงกระโจมของแม่ทัพใหญ่วินาทีที่เห็นกระโจมเธอตะลึงงันอีกครั้งเพราะว่าอันที่เรียกว่ากระโจม แท้จริงแล้วเป็นบ้านสำเร็จรูปใช่ หน้าตาเหมือนบ้านสำเร็จรูปตามพื้นที่ก่อสร้างในโลกปัจจุบันทุกประการเย่มู่มู่ซื้อรถขุด รถบรรทุกดินที่ยุคปัจจุบันจำนวนมาก เถ้าแก่ที่เคยทำงานก่อสร้างสมัยก่อน จึงนำบ้านสำเร็จรูปที่ขายไม่ออก มาขายให้เธอในราคาถูก ๆ ทั้งหมดพื้นที่บ้านสำเร็จรูปสามารถให้คนมาอยู่อาศัยได้นับหมื่นคนเพราะว่ามีจำนวนที่มากเกินไปจริง ๆภายนอกของบ้านสำเร็จรูปดูเก่า ๆ แต่เพียงทำความสะอาดและฆ่าเชื้อข้างในสักหน่อยก็เข้าอยู่ได้แล้วที่สำคัญมันสะดวกกว่ากระโจมอีกบ้านสำเร็จรูปที่จ้านเฉิงอิ้นพักค่อนข้างกว้าง ข้างบนปูแผงไฟพลังงานแสงอาทิตย์ไว้เต
หยางชิงเหอมีพื้นฐานวิชาช่างที่มั่นคงมาก แม้ว่าเธอไม่ได้จบการศึกษาด้านการออกแบบ แต่การที่เย่มู่มู่ส่งหนังสือมาให้เรื่อย ๆ ทำให้เธอได้ศึกษาไปพร้อมกับวางแผนฐานรากไปด้วยภายใต้การชี้นำของเธอ ฐานรากจึงสร้างขึ้นมาอย่างประสบความสำเร็จ!*เย่มู่มู่กับบอดี้การ์ดสองคนบินไปที่ตำบลอีกครั้งหลังจากฐานรากของจ้านเฉิงอิ้นสร้างเสร็จแล้วโรงงานของตำบลก็ซ่อมบำรุงเสร็จแล้วเช่นกันสภาพแวดล้อมในโรงงานแตกต่างไปจากครั้งล่าสุดผนังกำแพงใหม่เอี่ยมและสิ่งก่อสร้างล้วนมีการทาสีขาวใหม่ทั้งหมดวัชพืชตามทางเดินในโรงงานก็กำจัดแล้วเรียบร้อยเมื่อเข้าไปในโรงงาน ไม่มีฝุ่นหนาอยู่ข้างในอีกต่อไปหม้อต้มเคยเผาแล้ว ห้องผลิตเคยเปิดใช้งานแล้วและปล่องควันก็ได้รับการทำความสะอาดแล้วเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบที่เดินทางมาพร้อมกัน ทำการทดสอบแล้วหนึ่งรอบพบว่าตรงตามมาตรฐานการใช้งานทุกชิ้นอุปกรณ์สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ!เธอจึงเซ็นสัญญาเข้ารับช่วงต่อกับรัฐบาลท้องถิ่นในอนาคตพวกเขายังต้องพึ่งการถ่ายทอดสดเพื่อขายสินค้า ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นไม่มีทางซ่อมแซมตามใจชอบเพียงรับมือกับเธอแน่นอนหลังจากเซ็นสัญญาแล้ว เธอจึงชำระเงินส่วนที่เห
“อยากเข้าไปดูข้างในยิ่งนัก ถ้าโรงงานแห่งนี้เริ่มใช้งาน เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้พวกเราก็จะมีอาวุธเหล็กชั้นดีใช้อย่างต่อเนื่อง~!”“แต่ละแคว้นในหัวเซี่ย จะมีใครเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราอีก?”จ้าวเฉียนยิ้มแย้มกล่าวอย่างหนำใจ “ข้าถึงกระทั่งคิดถึงความเจริญรุ่งเรืองที่รวมหัวเซี่ยให้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยพวกเราแล้วล่ะ”ซ่งตั๋วตบ ๆ ที่ไหล่เขา “ชู่ว ถ่อมตัวหน่อย ตอนนี้พวกเรายังจัดการกองทัพธงเหลืองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวกันยังไกลเกินไป!”หยางชิงเหอสวมเสื้อผ้าผู้ชายเดินออกมาและได้ยินคำพูดของซ่งตั๋วเธอยิ้มแย้มเป็นดังที่คิดไว้จริง จ้านเฉิงอิ้นได้รับเงื่อนไขที่ดีถึงเพียงนี้!เขาไม่มีทางไม่ก่อกบฏ!การรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เขามีความได้เปรียบกว่ามู่ฉีซิวมากมู่ฉีซิวผู้นี้มีคุณสมบัติความเป็นคนที่ชั่วร้ายเกินไป!แต่จ้านเฉิงอิ้นแตกต่างออกไปช่วงเวลานี้ เธอมองเห็นแล้วว่าจ้านเฉิงอิ้นปฏิบัติกับคนใต้ล่าง ปฏิบัติกับทหารและปฏิบัติกับพลเมือง…แตกต่างจากมู่ฉีซิวโดยสิ้นเชิงมู่ฉีซิวนั้นหาทุกวิธีทางเพื่อเอาเปรียบพลเมือง ชีวิตของคนสำหรับเขาเป็นเพียงของฟุ่มเฟือยเมื่อมีคนเจ็บป่วย ทั้งที
การสร้างสุดยอดโรงงาน ทำให้ชื่อเสียงของจ้านเฉิงอิ้นกลายเป็นตำนานอีกครั้งเพราะว่าพลเมืองทุกมองเห็นสุดยอดโรงงานแล้วทุกคนบอกต่อกันราวกับเป็นเรื่องปฏิหาริย์ผู้สอดแนมที่แต่ละแคว้นส่งมาแฝงตัวในกลุ่มพลเมืองวันนี้ ก็ได้ส่งข่าวที่จ้านเฉิงอิ้นสร้างสุดยอดโรงงานขึ้นมากลับไปยังแคว้นของตนรวมถึงมู่ฉีซิว เขาคือคนที่ได้รับข่าวมือแรกเมืองหยงโจกับเมืองซู่โจวอยู่ใกล้กันมากเมื่อมู่ฉีซิวได้ยินข่าวการตายของหยางชิงเหอ~เขากำลังอยู่กับตระกูลชุยที่ป๋อหลิง ยังปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงานกับหัวหน้าตระกูลชุย พลางได้ยินเรื่องที่หยางชิงเหอพร้อมกับสาวรับใช้และช่างสองคนถูกไฟเผาตายพร้อมกันทั้งหมดเขาตกใจมาก ไม่ได้กำหนดวันแต่งงานไว้แต่อย่างใด วางสินสอดทองหมั้นไว้อย่างรวดเร็วเสร็จก็พาคนกับม้าเร่งกลับมาในค่ายทหารทันทีเมื่อเขาเห็นศพที่ถูกไฟเผาไหม้เกรียมทั้งสี่ร่างสีหน้าก็เปลี่ยนไปชัดเจน!หยางชิงเหอตายแล้ว!เธอตายแล้ว!เส้นทางสู่การครองอำนาจของเขา เพราะการตายของหยางชิงเหอ คงไม่มีวันทำสำเร็จได้แล้วเขาไม่สามารถยอมรับผลของการโจมตีเช่นนี้ได้เขาโน้มตัวเข้าหาศพเพศหญิง พลิกตัวศพหาหลักฐานที่ยืนยันว่าศพร่างนี้
นางตะโกนด้วยความยินดี “เสี่ยวเถา ชีเหนียง หยางซี... ข่าวดี! ต่อไปข้าจะเป็นแม่ทัพที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก เป็นแม่ทัพหญิงเพียงหนึ่งเดียว!”“ข้าก็จะมีที่ดินศักดินาและคฤหาสน์!!”“ชื่อของข้าจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”“ข้าดีใจมาก รู้อย่างนี้ ข้าควรจะเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านให้เร็วกว่านี้!”ทุกคนมองดูหยางชิงเหอวิ่งออกไปด้วยความยินดี ต่างก็เผยรอยยิ้มสตรีในยุคนี้ ส่วนใหญ่อยู่แต่ในเรือนอย่างสงบ ไม่ค่อยออกไปเผชิญโลกภายนอกจุดจบของพวกนางก็ไม่พ้นการถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หากมีสตรีอย่างหยางชิงเหอกลายเป็นแม่ทัพหญิงขึ้นมาจริง ๆ จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดินนี่เป็นเรื่องดี!ท่านเทพเคยกล่าวไว้ โลกของพวกเขามีความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงท่านเทพสืบทอดทรัพย์สมบัติมหาศาลจากบิดามารดา จึงมีเงินมากมายมาช่วยเหลือพวกเขาและมั่วฝาน ผู้ที่เคยเห็นโลกที่ชายหญิงเท่าเทียมกัน เป็นผู้ที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดเพราะเขาอาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันเป็นเวลาหนึ่งเดือนบนถนนหนทาง เขาเห็นสตรีขับรถยน
อันที่จริง ฮ่องเต้ทรงต้องการให้จ้านเฉิงอิ้นกำจัดกองทัพเผ่าหมานเผ่าหมานต่างหากที่จะสั่นคลอนรากฐานของต้าฉี่แน่นอนว่า เผ่าหมานเข้ามาในต้าฉี่ได้ก็เพราะฮ่องเต้ทรงอนุญาต เพื่อที่จะล้อมปราบจ้านเฉิงอิ้นใครจะไปรู้...การล้อมปราบกลับล้มเหลว!เชิญเทพมาง่าย แต่ส่งเทพกลับยาก!กองทัพเผ่าหมานสองแสนนายหันกลับมาโจมตีเมืองหลวง ตอนนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงสองร้อยลี้ดังนั้น ข้อเสนอของจ้านเฉิงอิ้น ฮ่องเต้จะต้องทรงยินยอมอย่างแน่นอนกองทัพตระกูลจ้านสังหารกองทัพธงเหลือง เป็นการขจัดเสี้ยนหนามในพระทัยของฮ่องเต้หากกำจัดเผ่าหมานได้ ฮ่องเต้ก็จะไม่มีอะไรต้องกังวลอีกดังนั้น ไม่ว่าจ้านเฉิงอิ้นจะเสนออะไร ตราบใดที่ไม่ใช่การยึดราชบัลลังก์เขาก็จะทรงยินยอม!จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ผู้บัญชาการลั่วกลับไปรายงานเขา ข้าจะกำจัดเผ่าหมาน และจะช่วยเหลือตัวประกันหลายหมื่นคนออกมา”“เพียงแค่ฮ่องเต้ทรงอนุญาตตามข้อเสนอของข้า!”ผู้บัญชาการลั่วและหวงกงกงก็วางใจลงได้ในที่สุดใครจะคาดคิด จ้านเฉิงอิ้นกลับเปลี่ยนน้ำเสียง “การปราบปรามผู้ลี้ภัยคือทอง เงิน และอัญมณีล้ำค่าหนึ่งร้อยหีบ แต่การสังหารเผ่าหมานม่อเป่ยเป็นราคาอีกอย่าง
ทว่าหวงกงกงก็ทำได้เพียงตะโกนก้องอยู่ในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำนี่คือดินแดนของกองทัพตระกูลจ้าน ด้านนอกมีกองทหารสองแสนนาย หากเขาพูดมากไปกว่านี้แม้เพียงประโยคเดียว วันนี้คงไม่ได้ออกจากที่นี่เขาสั่นเทาพลางกล่าวขออภัยต่อเฉินขุย “ขะ...ข้าน้อยจะกลับไปทูลฝ่าบาทขอรับ”“เอาเถิด ข้าก็จะไม่ทำร้ายขันทีอย่างเจ้า เอาอย่างนี้ ให้เขาส่งตัวบิดามารดาของข้า และครอบครัวของท่านแม่ทัพใหญ่ รวมถึงพี่ใหญ่... ส่งมาให้หมด!”“อีกอย่าง ราชโองการสำนึกผิดอย่าได้ลืม ต้องเขียนก็ต้องเขียน ตอนที่ราชบัลลังก์และชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยังคิดจะนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างสบาย ๆ อีกหรือ ให้เขาทำอะไรก็ต้องทำ!”“สุดท้าย ท่านแม่ทัพใหญ่และเหล่าแม่ทัพสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่แก่ต้าฉี่ สมควรได้รับการเลื่อนบรรดศักดิ์ ได้รับบำเหน็จรางวัล จะงดเว้นที่ดินพันครัวเรือนไม่ได้เลย แม้แต่หนึ่งหมู่ก็ต้องมอบให้ครบ!” “เจ้ากลับไปบอกเขา หากตกลงตามนี้ กองทัพตระกูลจ้านจะส่งทหารไปปราบปรามผู้ลี้ภัยทันที”“หากไม่ตกลง ก็ให้เขาหาทางอื่นเอาเอง ก็รอให้ผู้ลี้ภัยในเมืองหลวงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน!”หวงกงกงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด สั่นเท
มั่วฝานทอดสายตาไปยังหวงกงกง ก่อนจะเหลือบมองลั่วปิน แล้วคลี่พัดออกโบกเบา ๆรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้า“เฮอะ ทำไม ยามนี้ราชสำนักคิดจะใช้งานท่านแม่ทัพใหญ่อีกแล้วหรือ?”“ตอนที่เชื้อเชิญแคว้นเยี่ยนและเผ่าหมานมาร่วมกันกำจัดกองทัพตระกูลจ้าน เหตุใดจึงไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะต้องพึ่งพาท่านแม่ทัพใหญ่?”“ตอนนี้เพียงแค่มีราชโองการก็คิดจะให้ท่านแม่ทัพไปปราบปรามผู้ลี้ภัย ไยถึงได้คิดตื้นเขินยิ่งนัก?”“ราชสำนักมัวแต่กอบโกยผลประโยชน์ พอถึงคราวที่ต้องพึ่งพาท่านแม่ทัพใหญ่ ก็ใช้เพียงราชโองการฉบับเดียว หวังจะให้ท่านแม่ทัพใหญ่เอาชีวิตเข้าแลก”“ยามที่ไม่ต้องการใช้งานท่านแม่ทัพใหญ่ แม้แต่กองกำลังรักษาเมืองก็ยังถูกส่งออกมา เพียงเพื่อหวังจะกำจัดท่านแม่ทัพใหญ่ให้สิ้นซาก!”“ฮ่องเต้ไม่เคยคิดถึงวันนี้เลยหรือ?”“แล้วนี่อะไรกัน ไม่มีสิ่งใดตอบแทน เพียงกระดาษแผ่นเดียวก็หวังจะให้ท่านแม่ทัพใหญ่เอาชีวิตเข้าแลก เจ้ากลับไปบอกเขา....”“ให้ฮ่องเต้ทรงเขียนราชโองการสำนึกผิด ประกาศต่อใต้หล้า ขอโทษต่อบรรพบุรุษและราษฎรของราชวงศ์ต้าฉี่”“ต้องเขียนให้ชัดเจนว่า ฮ่องเต้ทรงร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองอย่างไร เชิญแคว้นเยี่ยน
แม่ทัพใหญ่จ้านเฉิงอิ้นหวังให้เขาอย่าเพิ่งมองการณ์ไกล ยึดเมืองหลวงแคว้นฉู่ให้ได้เสียก่อนเมื่อยึดได้แล้ว จงรักษาเมืองไว้ให้มั่นครั้นจ้านเฉิงอิ้นสะสางเรื่องราวในแคว้นต้าฉี่เสร็จสิ้น แคว้นแรกที่จะยกทัพไปตีก็คือต้าฉู่สำหรับกองทัพตระกูลจ้านผู้เกรียงไกรในใต้หล้า การเปิดฉากศึกแรกด้วยชัยชนะอันงดงาม ยึดครองแคว้นต้าฉู่ที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งมาไว้ในกำมือ จะเป็นขวัญและกำลังใจอันยอดเยี่ยมแก่เหล่าทหารขณะนั้นเอง พลทหารนายหนึ่งควบม้าเข้ามาหน้าประตู “รายงาน ท่านแม่ทัพใหญ่ มีราชโองการจากฮ่องเต้ขอรับ”บรรดาแม่ทัพต่างลุกขึ้นยืน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้เพียงสามวัน เมื่อวานเพิ่งสังหารกองทัพธงเหลืองจนสิ้น วันนี้ฮ่องเต้ก็ทรงมีราชโองการมาหรือว่าฮ่องเต้ทรงมีสายลับอยู่ในกองทัพ?ข่าวช่างรวดเร็วเหลือเกินครั้งนี้ กองกำลังรักษาพระองค์เป็นผู้นำขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาอ่านราชโองการด้วยตนเององครักษ์มีจำนวนสองร้อยนาย ขันทีสามคน!เหล่าองครักษ์และขันทีต่างเหลือบมองรถม้าบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่จอดเรียงรายอยู่ตามถนนพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูไม่ธรรมดาอย่าง
ครั้งก่อนที่เขาส่งเสบียงไปให้ จ้านเฉิงอิ้นสั่งให้หลี่หยวนจงบุกเข้าไปในพระราชวังต้าฉู่ กวาดล้างจวนขุนนางต่าง ๆ และยึดเมืองหลวงของแคว้นฉู่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?ถ้าเขายังคงโง่เขลารอให้ฉู่อ๋องกลับมา เพื่อที่จะวางระเบิดสังหารเขากลางทางพวกเขาอาจจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นหวังว่าหลี่หยวนจงจะฉลาดพอและยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มั่วฝานได้รับจดหมายลับจากด้านเจิ้นกวน!นักฆ่าสองคนที่มั่วฝานส่งไป ฉือซานและฉือลิ่ว เดินทางถึงด่านเจิ้นกวนอย่างราบรื่นพวกเขาจอดรถไว้นอกเมืองก่อน และลอบเข้าไปในเมืองในตอนกลางคืนพวกเขาไม่ได้รบกวนใครขณะเข้าเมือง และตรงไปยังค่ายพักของอดีตลูกน้องสวีหวยสังหารคนไปหลายคนในคืนเดียววันรุ่งขึ้น เมื่ออดีตลูกน้องของสวีหวยตื่นขึ้นมา พบว่ามีแม่ทัพเสียชีวิตถึงสามคน ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาบอกว่าอู๋ลี่เป็นคนฆ่าคนของพวกเขาแต่คนของอู๋ลี่กลับไม่ยอมรับพวกเขาก็เลยสู้กันอีกจากเดิมที่มีแม่ทัพสิบคน เหลืออยู่เจ็ดคน ในระหว่างการต่อสู้ ก็มีคนถูกฆ่าตายไปอีกสองคนอย่างปริศนาคนที่เหลืออีกห้าคนถึงได้รู้ตัวคนของพวกเขากำลังถูกปองร้าย ถูกลอบสังหาร!พวกเขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป และย
เมื่อเห็นเหวินเหลียนเยว่กำลังทำงานอยู่เขาก็เริ่มทำงานบ้าง!อาจเป็นเพราะครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุน หรือได้รับการถ่ายทอดมาในครอบครัว หรือไม่ก็อาจเป็นพรสวรรค์เขาให้เย่มู่มู่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งก่อนครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยี อีกส่วนหนึ่งเป็นบริษัทด้านการแพทย์และพลังงานเย่มู่มู่เพิ่งค้นพบว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่บ้านเกิดของเธอจู่ ๆ ก็มีบริษัทหนึ่งผุดขึ้นมา ซึ่งมีธุรกิจทับซ้อนกับกลุ่มฟู่ลี่กรุ๊ปน่าแปลกที่บริษัทนี้ดำเนินกิจการได้ค่อนข้างดีจางเฉินซีกล่าวว่า “รายได้ของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นสิบเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่ค่อยมีใครสนใจบริษัทนี้เท่าไหร่ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อหุ้น”“เมื่อรัฐบาลประกาศรายชื่อบริษัทสำคัญด้านพลังงานใหม่ ราคาหุ้นของบริษัทนี้จะพุ่งสูงขึ้น!”เขาแนะนำให้เย่มู่มู่ซื้อหุ้นของบริษัทนี้อย่างต่อเนื่องเย่มู่มู่จึงมอบบัญชีหุ้นให้เขาจัดการโดยตรงช่วงบ่าย พวกเขายังคงทำงานต่อ แต่เธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกสินค้าที่สั่งไว้เมื่อวานมาถึงแล้ว และส่วนหนึ่งถูกขนส่งไปยังโกด
จางเฉินซีหันกลับไปมองเหวินเหลียนเยว่ พลางยกนิ้วโป้งให้“กล้าทำเรื่องสำคัญขนาดนี้โดยไม่บอกที่บ้านก่อนเนี่ย... เธอมันแน่จริง ๆ”เหวินเหลียนเยว่ยกไหล่ “ก็ไม่นี่คะ ต่อให้พวกเขารู้ ก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดี”“ทำไมเธอถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนี้นะ?”“ก็งานนี้ผู้อาวุโสมู่เป็นคนแนะนำให้ฉันเองนี่นา พวกเขาก็เป็นลูกศิษย์เขาทั้งนั้น จะกล้าขัดใจได้ยังไง?”จางเฉินซีได้แต่ตอบกลับอย่างขัดเขินว่า “สุดยอด!”ระหว่างขับรถ จางเฉินซีก็เหลือบมองหลูหมิงเป็นระยะหลูหมิงสวมชุดลำลองธรรมดา ๆ บนเสื้อยังมีโลโก้สามร้อยหกสิบองศา ติดอยู่ ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบทั่วไปของรองเท้ายี่ห้อเท่อปู้ดูยังไงชุดนี้ก็ราคาไม่เกินห้าร้อยหยวน“น้องชายคนนี้ชื่ออะไรเหรอ?”หลูหมิงไม่ได้สนใจเขา รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูเหลาะแหละไม่น่าไว้ใจความประทับใจแรกของเขาที่มีต่อจางเฉินซีจึงไม่ค่อยดีนักเย่มู่มู่แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน “เขาชื่อหลูหมิง เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน!”“ว้าว! บอดี้การ์ดเหรอเนี่ย น้องหลูหมิงฝีมือเป็นยังไงบ้าง? ไว้เรามาประลองกันหน่อยไหม ฉันเองก็เคยได้สายดำเทควันโดนะ!”หลูหมิงที่เงียบมาตลอดทาง จู่ ๆ ก
หลังจากจางเฉินซีเซ็นสัญญาเข้าทำงานแล้ว เลขาที่ผู้อาวุโสมู่แนะนำไว้ก็มาถึงเดิมทีเย่มู่มู่คิดว่า จะเป็นประเภทเดียวกับเวินลี่ เป็นประเภทหญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถรอบด้านผู้ที่มาเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้ากลมเล็ก ใส่แว่นตากรอบดำ สวมเสื้อฮู้ดสีขาว ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษานึกไม่ถึงเลยว่าเลขาจะอาศัยอยู่ในประเทศที่สวยงามในแถบยุโรปมาตั้งแต่เด็ก และเติบโตที่นั่นเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการเมืองและกฎหมายจีนตะวันออก เรียนจบและเข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมายชั้นนำ มีใบอนุญาตทนายความความสามารถของเธอสามารถเปิดสำนักงานทนายความได้ด้วยตนเองสาวน้อยคนนี้เป็นคนที่เงียบอย่างมาก หน้าตาน่ารัก และเป็นสาวน้อยที่สวยคนหนึ่งพอพวกเขาเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามเย่มู่มู่ไปเมื่อจางเฉิงซีมาถึงที่หน้ารถของเย่มู่มู่ ก็มองเห็นมายบัคแบบโบราณคันหนึ่ง จึงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ“ฉันไม่ได้ขับรถสับปะรังเคที่เก่าขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย!”พอเขากล่าวจบ ก็ถูกคุณปู่เขกด้วยไม้เท้าอีกครั้ง“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่ต้องขับแล้ว ให้มู่มู่ไป!”“คุณปู่ นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่คุณแม่ซื