Share

บทที่ 385

Author: มู่โร่ว
จ้านเฉิงอิ้นและคนอื่น ๆ อีกหลายคนเดินออกมา

ส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึก ซึ่งมีคนหนึ่งจำซุนเฮ่อได้

เขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ลุง ลุงสาม... ทำไมถึงเป็นท่าน?”

“ท่านมาที่ช่องเขาเป้าเสียได้อย่างไร?”

คนที่จำซุนเฮ่อได้ ชื่อซุนหลิน อายุยี่สิบกว่าปี เข้าร่วมกองทัพมาห้าปีแล้ว!

เขาเป็นนายกองพันภายใต้การบังคับบัญชาของจ้านเฉิงอิ้น

ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน แต่พบว่าตนเองไม่ได้สังหารศัตรูมากเท่าคนอื่น จึงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมาก

หลังจากนั้น ก็อาสาเป็นทหารทัพหน้าบุกทะลวงแม้จะต้องเสี่ยงอันตราย

แม้ว่าทหารทัพหน้าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่ก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ

เขาเป็นคนกล้าหาญ พยายามเป็นทหารทัพหน้าและสังหารศัตรูมากมาย

สะสมเสบียงอาหารได้มากกว่าหนึ่งพันชั่ง แป้งสาลีแปดร้อยชั่ง

ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองพัน

ครั้งนี้ที่เข้าไปในหุบเขา ซุนหลินก็ลุงสามาเอง

เขาอยากได้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีกสองสามชุด เพื่อมอบให้กับคนในหมู่บ้าน

แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับซุนเฮ่อที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันที่นี่

ซุนเฮ่อเป็นลุงสามของเขา เป็นคนในตระกูลเดียวกัน!

เขาวิ่งออกมาด้วยความดีใจ วิ่งไปหาซุ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 386

    “ครอบครัวและชาวบ้านในหมู่บ้านจะอยู่รอดไปได้อีกสักระยะ!”ซุนหลินยังคงจินตนาการถึงความสุขในการที่ตนนำเสบียงกลับไปให้ครอบครัวแต่เมื่อชาวบ้านสี่ร้อยคนได้ยินเรื่องเสบียงกว่าหนึ่งพันชั่งดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองไปที่ซุนหลินอย่างแน่วแน่เสบียงอาหาร หนึ่งพันกว่าชั่งเชียวนะหากนำไปต้มเป็นโจ๊ก จะเลี้ยงคนได้มากแค่ไหนกันเมื่อซุนเฮ่อได้ยินคำพูดของซุนหลิน ริมฝีปากก็ขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว“ท่านลุงสาม เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า ครอบครัวสบายดีหรือไม่?”ซุนหลินยังคงจมอยู่ในจินตนาการของตัวเอง พอเห็นซุนเฮ่อไม่พูดอะไร จึงเงยหน้ามองเขาแต่สิ่งที่เห็นคือ ดวงตาของซุนเฮ่อเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง เขาดูเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่หยาดน้ำตาในดวงตานั้นกลับแห้งเหือดไปหมดแล้วเขาเบิกตาแดงก่ำ ก่อนจะก้มศีรษะหนักอึ้งลงต่ำก้มหน้าอยู่นานก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้า... ครอบครัวของพวกเจ้า... ตายหมดแล้ว!”“คนทั้งหมู่บ้าน... มีเพียงสามชีวิตที่รอด หนึ่งคือข้า และอีกสองคน...”ซุนหลินกระชากคอเสื้อของซุนเฮ่ออย่างแรง ยกตัวเขาที่ผอมแห้งลอยขึ้นจากพื้นดวงตาของซุนหลินแดงฉานเต็มไปด้วยความ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 387

    เมื่อครู่พวกเขาต่างตั้งใจฟังอย่างจดจ่อซุนหลินได้รับรางวัลเป็นเสบียงอาหารกว่าพันชั่ง!นี่แสดงให้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านไม่ได้ขาดแคลนเสบียงสำหรับชาวแคว้นต้าฉี่ที่เผชิญกับภัยแล้งมาเกือบปี ข้าวปลาอาหารและแหล่งน้ำมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้พวกเขาหิวและกระหายเกินกว่าจะอดทนไหว แม้ในเมืองหยงโจวจะมีโจ๊กแจก แต่ในแต่ละวันกลับได้เพียงถ้วยเล็ก ๆ ของโจ๊กข้าวโพด ซึ่งไม่พอให้ประทังความหิวได้เลยผู้คนมากมายต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะลอกเปลือกไม้ หรือขุดหาผักป่า...ในเมืองหยงโจว เมื่อจำนวนผู้คนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนถึงกับทะเลาะวิวาทแย่งชิงรากหญ้าและเปลือกไม้ จนถึงขั้นมีการฆ่ากันตายก็ไม่น้อยขณะนั้น ชาวบ้านสี่ร้อยคนต่างจ้องมองด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง หลายคนถึงกับลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปใกล้ปากถ้ำโดยไม่รู้ตัวเฉินจวิ้นหลินและเหล่าทหารผ่านศึกอีกสิบกว่าคน ได้นำเสบียงอาหารที่เหลือจากคนสองร้อยกว่าชีวิตที่เสียชีวิตไปแล้วออกมาแจกจ่ายนอกจากสิ่งที่ถูกระเบิดจนเสียหายและไม่สามารถกินได้ พวกเขายังนำแป้งห่อจำนวนมาก โจ๊กธัญพืชแปดชนิดสองร้อยกระป๋อง และขนมปังแข็งกว่าสองร้อยกล่องออกมาแจกจ่ายเฉินจวิ้นหลินพูด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 388

    ลูกน้องของผู้นำให้คำสั่งเด็ดขาดกับพวกเขาก่อนจากมา ยังได้กำชับเป็นพิเศษว่า“จงคิดถึงครอบครัวของพวกเจ้า พ่อแม่ที่แก่ชรา ภรรยาที่อ่อนแอ และลูก ๆ ที่ยังเล็กจนต้องการการดูแล...”“แม่ทัพต้องการได้ยินข่าวดี หากสำเร็จ ภรรยา พ่อแม่ และลูก ๆ ของพวกเจ้า ผู้นำจะดูแลพวกเขาให้ จะไม่ปล่อยให้พวกเขาขาดอาหารแม้แต่มื้อเดียว และยังจะแบ่งบ้านกับที่ดินสิบหมู่ให้ด้วย!"“ไปเถอะ อย่าทำให้ท่านผู้ผิดหวัง!”แต่ตอนนี้ พวกเขามองดูน้ำในกระบอกน้ำเก็บความร้อน มองดูแป้งห่อ โจ๊กหวาน และเสบียงแห้ง...ท่านแม่ทัพถูกกองกำลังพันธมิตรจากสี่แคว้นปิดล้อมไว้ที่นี้ และถูกต้อนจนมุม แต่กลับยังเลือกที่จะมอบเสบียงอาหารและน้ำที่ล้ำค่าที่สุดให้พวกเขาพวกเขาไม่อาจทรยศหักหลังด้วยการกระทำชั่วช้าเช่นการระเบิดสังหารท่านแม่ทัพและกองทัพตระกูลจ้านได้พวกเขาลงมือไม่ลงในขณะที่ทุกคนจมอยู่ในความเงียบงัน ผู้นำกลุ่มของพวกเขาอย่างซุนเฮ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า“ท่านแม่ทัพ พวกเรายังมีครอบครัวอยู่ในเมืองหยงโจว สามารถพาออกมาได้ จะได้รับอาหารกับน้ำหรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า“แน่นอน ตราบใดที่เป็นประชาชนแคว้นต้าฉี่ ทุกคนย่อมมีอาหารก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 389

    ซุนหลินพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “กินได้สิ!”พูดจบ เขาหยิบมันเทศขึ้นมาเช็ดกับเสื้อ แล้วหักออก...เนื้อสีม่วงแดงของมันเทศก็เผยออกมากลิ่นหอมเฉพาะตัวของมันเทศลอยออกมาให้ได้กลิ่นชัดเจนซุนหลินกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ เขาเลยกัดไปคำหนึ่ง เนื้อกรอบหวานละมุนใจ“อร่อยจริงๆ!”“มันเทศสามารถนำไปปิ้งหรือนึ่งก็ได้ หรือจะใช้ต้มทำเป็นโจ๊ก หรือข้าวมันเทศก็ได้... มีวิธีกินเยอะแยะ ทั้งหวานทั้งเหนียว หอมอร่อยมาก!"จากนั้นเขาก็ยื่นมันเทศให้ซุนเฮ่อ “ลุงสาม ลองชิมดูสักคำสิ”ซุนเฮ่อชะงักเล็กน้อยก่อนรับมันเทศมาลองกัดคำหนึ่งทันทีที่กัดเข้าไป เขาเบิกตากว้างกล่าวด้วยความประหลาดใจ “หวานจริง ๆ แถมยังมีน้ำในเนื้ออีก กรอบมาก...”เขาพูดพร้อมเคี้ยวอีกสองสามคำ “อร่อยมาก!”ซุนหลินยิ้มอย่างภูมิใจ “อร่อยใช่ไหมล่ะ! ที่ด่านเจิ้นกวนของเราปลูกมันเทศไว้มากกว่าหมื่นหมู่ ต่อไปนี้ทุกคนก็จะได้กินกันทั่วหน้า!”เหล่าชาวบ้านต่างพากันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ขณะฟังซุนหลินกล่าว “หมื่นหมู่ นั่นเป็นพื้นที่กว้างขนาดไหนกันนะ!”“ไร่นาทุกผืนล้วนมีน้ำรดได้ แม่น้ำที่ด่านเจิ้นกวนไม่ขาดแคลนน้ำเลยจริงๆ!”“คำพูดของท่านแม่ทัพใหญ่เป็นค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 390

    ส่วนที่แข็งแกร่งของจ้านเฉิงอิ้นคือ ทหารผ่านศึกในกองทัพของเขาล้วนมีประสบการณ์ในการรบอย่างโชกโชน ทุกคนที่รอดชีวิตมาได้ล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดาเกราะและอาวุธของกองทัพตระกูลจ้านมีคุณภาพสูง สามารถต่อกรกับศัตรูได้ในสัดส่วนหนึ่งต่อสิบนอกจากนี้ การซื้อใจชาวบ้านสี่ร้อยคนที่ถูกใช้เป็นระเบิดมนุษย์ ทำให้จ้านเฉิงอิ้นได้เปรียบยิ่งขึ้นอุปกรณ์และระเบิดเหล่านี้ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาขยายกว้างขึ้นหากเป็นเมื่อครู่ พวกเขายังกล้ายืนยันได้อย่างมั่นใจว่าจ้านเฉิงอิ้นต้องตายอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ ความหวังที่จะชนะเลือนลางลงบางคนเริ่มอยากล่าถอย เพราะไม่ต้องการไปตายขณะที่เจียงเหว่ยถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นกลับถูกทหารของเยี่ยนเย่ขวางทางไว้เยี่ยนเย่นำกองทัพหนึ่งแสนคน โดยมีห้าหมื่นคนคอยติดตามอยู่ข้างกายหน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องเยี่ยนเย่ พร้อมทั้งจับตาดูความเคลื่อนไหวในสนามรบอยู่ตลอดเวลาเสียงเยียบเย็นของเยี่ยนเย่ดังขึ้น “แม่ทัพแคว้นฉู่กำลังจะไปไหนหรือ?”“ในเมื่อทุกคนร่วมกันวางแผนสังหารจ้านเฉิงอิ้น เจ้าจะถอนตัวเองไปโดยพลการได้อย่างไร”“วางใจเถอะ ต่อให้ต้องบุกทะลวง กองทัพแคว้นเยี่ยนของข้าจ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 391

    ในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ เบื้องหลังของพวกเขาก็มีกองทัพตระกูลจ้านห้าหมื่นนายปรากฏตัวขึ้นมาพวกเขาติดอุปกรณ์สมบูรณ์แบบ กำลังถือดาบม่อเตาและดาบเหิงเตาราชวงศ์ถัง พร้อมแบกหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน...จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา กำลังคนและม้าสองแสนนายกำลังพุ่งเข้ามาด้วยทีท่าดุเดือดครั้นเยี่ยนเย่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเบื้องหลัง ก็พลันหันหน้ากลับไปเห็นเฉินขุย เฉินอู่และซ่งตั๋วนำกำลังคนจำนวนมากพุ่งเข้ามา!มู่ซาตะโกนเสียงดัง “พวกเขาออกมาจากไหน? เหตุใดถึงมาขวางทางหนีทีไล่เรา?”เจียงเหว่ยด่ากราดอย่างเดือดดาล “ข้ารู้อยู่แล้วไอ้คนไร้ประโยชน์เช่นเจ้า หนึ่งคิดกลอุบายไม่เป็น สองนำทหารสู้รบไม่เป็น กระทั่งสถานการณ์ข้าศึกแข็งแกร่งเราอ่อนแอก็ยังไม่รู้”“ข้าเคยบอกแล้วอย่างไร ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสเหมาะในการฆ่าจ้านเฉิงอิ้น ตอนนี้จบเห่แล้ว กลับกันตอนนี้ยังถูกจัดการได้อย่างง่ายดายอีก!”เกาอี้ผู้บัญชาการแคว้นฉีกล่าวขึ้นทั้งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟว่า “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว คิดหาวิธีฝ่าวงล้อมก่อน กองทัพตระกูลจ้านสองพันนายเรายังรับมือไม่ได้ ตอนนี้กองทัพตระกูลจ้านยกทัพมาทั้งกองทัพ พวกเจ้าอยากตายอยู่ที่นี่หรือ? ยังจะมาทะเลาะกันเอง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 392

    ทีแรกทั้งสองฝ่ายสู้กันมือเปล่า ทัพพันธมิตรสี่แคว้นด้วยจำนวนคนมาก จึงได้เปรียบอยู่เล็กน้อยหลังจ้านเฉิงอิ้นใช้วัตถุระเบิดจนหมดส่วนพวกเซี่ยเวยและจ้าวเฉียน นำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบสถานการณ์พลันพลิกกลับอาวุธของพวกเขาล้ำสมัยยิ่งนัก แม้ยังฝึกใช้ดาบม่อเตาไม่คล่อง ทว่าชุดเกราะและเสื้อกันกระสุนก็ป้องกันได้สองชั้นอาวุธของทัพศัตรูไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ทัพแคว้นเยี่ยค่อย ๆ ถอยทัพทีละก้าว ๆคนเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆห้าหมื่นนายถูกระเบิดตายไปหลายพันนายเข่นฆ่ากับจ้านเฉิงอิ้นตายไปอีกบางส่วนตอนนี้เซี่ยเวยนำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบจำนวนของทหารแคว้นเยี่ยน กำลังลดลงไปอย่างรวดเร็วจากสี่หมื่นสองพันคน เพียงระยะเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ลดลงไปถึงสามหมื่นสองหมื่น...ขณะที่ในสนามรบเหลือไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนเยี่ยนเย่รู้ว่าสู้ไม่ไหวแล้วเขาหวังเพียงว่าคนอื่นจะช่วยเขาได้ทว่าครั้นเขาหันหลังกลับไปมองเจียงเหว่ยกับเกาอี้กลับนำคนเข้ามามีเพียงมู่ซาและกำลังพลห้าหมื่นนายของเขาขวางไว้ได้เพียงครู่หนึ่ง หลังพวกเขาลิ้มลอง ก็ค้นพบว่าอุปกรณ์ของกองทัพตระกูลจ้านร้ายแรงเพียงใดมู่ซาเองก็ต้านไม่อยู่ ตายไปหนึ่ง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 393

    ม้าขาวของจ้านเฉิงอิ้นพุ่งออกมาราวกับตกใจ เบื้องหลังม้าขาวมีผู้บัญชาการกลุ่มใหญ่กำลังไล่ตามมาเซี่ยเวย จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิงต่างตะโกนใส่มั่วฝานว่า “สกัดเอาไว้ เร็วเข้า สกัดม้าเอาไว้...”“ท่านแม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนัก ให้ม้าหยุด”มั่วฝานสั่งหน่วยกล้าตาย “ขวางม้าเอาไว้!”หน่วยกล้าตายล้วงเชือกออกมา แล้วคล้องคอม้าเอาไว้อย่างรวดเร็วม้าถูกหน่วยกล้าตายตรึงไว้อย่างแรงทั้งสี่ มันยกเท้าหน้าขึ้นสูง พร้อมคำรามด้วยความหวาดกลัว!ขณะนี้จ้านเฉิงอิ้นที่อยู่บนหลังม้ากำลังจะร่วงลงมาเหล่าทหารผ่านศึกมือเร็วตาไว รับตัวจ้านเฉิงอิ้นเอาไว้ทั้งเนื้อตัวของจ้านเฉิงอิ้นเต็มไปด้วยเลือด ถูกม้าทำให้สั่นโคลงเคลงอย่างแรง เดิมทีหมดสติไปแล้ว ทว่าตอนนี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทหารผ่านศึกตะโกนดังลั่น “ท่านรัฐทายาท ท่านแม่ทัพฟื้นแล้วขอรับ”มั่วฝานกล่าวอย่างร้อนใจ “เรียกหมอประจำกองทัพ เร็วเข้า...”วินาทีถัดมา มือที่เปื้อนเลือดสดของจ้านเฉิงอิ้นก็คว้าปกเสื้อของมั่วฝานเอาไว้ เนื่องจากเขาเห็นแจกันในอ้อมอกของมั่วฝานมั่วฝานรีบคุกเข่าลง พร้อมประคองเขาเอาไว้จ้านเฉิงอิ้นอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ครั้นอ้าปากก็อันกระอักเลือด

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 428

    ครั้นมั่วฝานได้ยินว่าหลูซีได้รับรางวัล ในใจก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งทว่าก็ไม่ได้เป็นเพราะอิจฉา ในบัตรของเขายังมีสี่ร้อยล้าน ไม่จำเป็นต้องอิจฉาเขาเพียงแต่...เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมการดำเนินชีวิตใหม่ ดูสิ หลูซีเพิ่งจะสิบหก ก็จับผู้ต้องการหนีคดีได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วหาเลี้ยงตัวเองได้แล้วส่วนเขาได้แต่พึ่งการขายของมีมูลค่าที่ตัวประทังชีวิตเห็นได้ชัดว่าตนไร้ประโยชน์ขนาดนั้น!เฮ้ออารมณ์เสียชะมัด!กลุ้มใจจริง ๆ!เขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วกระดกหมดในรวดเดียวในขณะนี้เอง ผู้รับเหมาก็พาเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมาด้วยกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคร่างเล็ก ค่อนข้างผอม สีหน้าซีดเผือดราวกับไม่ได้เจอแสงแดดมานานเขาไม่ได้สวมแว่น สวมเสื้อลายสก็อตธรรมาดา ๆ พร้อมนั่งลงอย่างเหนียมอาย เมื่อเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ไม่ใช่หนุ่มหล่อทว่าเป็นสาวสวย ก็วางมือลงบนเข่าด้วยความรู้สึกอึดอัดส่วนผู้รับเหมาย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเย่มู่มู่อย่างสนิทสนมทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานเขาหยิบเบียร์ขึ้นมาเองขวดหนึ่ง จากนั้นก็รินใส่จนเต็มแก้ว“คุณบอกว่านักฆ่าคนนั้นถูกจับแล้ว?”“ใช่ค่ะ เพิ่งโทรเข้ามา มีคดีฆาตกรรมติด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 427

    มั่วฝานและหลูซีต่างตาเบิกโพลง พวกเขาได้ยินอะไรกันตระกูลใหญ่โตตระกูลหนึ่งแย่งสมบัติกัน โดยใช้วิธีให้ยายเฒ่าผู้หนึ่งฆ่าตัวเอง บีบให้ท่านเทพยกเลิกการทวงหนี้ของพวกเขาพวกเขาเคยเห็นผู้ที่ไร้ยางอาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ที่ไร้จิตใจเช่นนี้มาก่อนพายายเฒ่าอายุเจ็ดสิบขึ้นไปยังดาดฟ้าชั้นสามสิบ ไปกระโดดฆ่าตัวตาย?แม้เบื้องล่างจะมีเบาะรองรับการกระโดดปูเอาไว้ ทว่าคนแก่คนชราแค่ล้มก็กระดูกหักได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกระโดดลงมาจากตึกสูงเช่นนี้เลยวันนี้หลูซียังนับความสูงของชั้นอย่างตั้งใจอีกด้วยเขารู้ว่าสามสิบชั้นสูงเท่าไรกันแน่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ในโลกของท่านเทพบ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!เพื่อเงิน...บ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!ในต้าฉี่ของพวกเขา แม้เงินจะสำคัญมาก ๆ ทว่าเสบียงอาหารและน้ำสำคัญยิ่งกว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อน้ำและเสบียงอาหารได้...ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่ยกให้เงินเป็นอันดับแรก ทว่าเสบียงอาหารและน้ำต่างหากที่เป็นอันดับแรก!มั่วฝานเองก็รู้สึกว่าคนในครอบครัวของท่านเทพ เสียสติไปแล้วเพียงเพราะเงินตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้ท่านเทพเป็นเด็กกำพร้าข้างกายยังมีญาติพี่น้องชั้นหนึ่งอีกกลุ่มหนึ่ง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 426

    “เปล่านะครับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนหนึ่งของทางเรา ได้ติดตั้งโปรแกรมไว้ในโทรศัพท์ของพวกเขา เนื้อหาที่พวกเขาคุยกันคือ จะเอาเงินจากทางฝั่งคุณยังไง วิธีที่คิดขึ้นมาเรียกได้ว่าสกปรกสุด ๆ นอกเหนือจากนี้เหมือนจะไม่มีอย่างอื่นแล้วครับ”“พวกเขาไม่ได้จ้างวานฆ่าฉันจริง ๆ เหรอคะ?”ครั้นผู้รับเหมาได้ยินดังนั้น นี่ถึงขั้นจ้างวานฆ่าแล้วเหรอ?นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะเย่มู่มู่บอกเรื่องที่เมื่อครู่เธอเกือบถูกจัดฉากให้ตายด้วยอุบัติเหตุและเรื่องที่นักฆ่ามืออาชีพถูกจับให้กับผู้รับเหมาฟังผู้รับเหมารีบก่นด่าขึ้นมา “ผมให้คนฟังเนื้อหาที่พวกเขาคุยกันทุกวัน ต้องไม่กล้าฆ่าคนแน่ ๆ วางใจได้ครับ คุณคือคนให้ที่อยู่ที่กินของเรา ใครกล้าลอบทำร้ายคุณ ก็เท่ากับจงใจหาเรื่องเรา!”“ผมจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคส่งเนื้อหาที่ตระกูลเย่พูดคุยกันให้คุณนะครับ!”“โอเคค่ะ”เย่มู่มู่ถามขึ้นอีกว่า “ฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?”“เขาเก่งมากครับ ไม่ได้เรียนอะไรมา แต่เรียนด้วยตัวเองทั้งนั้น เป็นแฮกเกอร์ที่เชื่อถือได้!”“งั้นคุณพาเขามาหน่อยนะคะ ทางฉันมีโทรศัพท์ที่ต้องการให้เขาแฮกเครื่องหนึ่ง ถ้าแฮก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 425

    มั่วฝานเห็นสีหน้าเย่มู่มู่ไม่สู้ดี นางเลื่อนดูทุกอย่างในโทรศัพท์ ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรไม่มีเลยหลูซีซ้อมคนไปยกหนึ่ง ได้ระบายความโกรธไปไม่น้อยอาหารอร่อย ๆ เต็มโตะ เขาก็กินอย่างมีความสุขน้ำเสียงที่กล่าวก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน!“คนผู้นั้นยังปากแข็ง ข้าอัดเขายกหนึ่ง เขายังหัวเราะร่า บอกว่าถ้าแน่จริงข้าก็อัดเขาให้ตายสิ...”“เขายังบอกอีกว่าข้าไม่กล้าฆ่า เพราะหากฆ่าเขา ต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วย!”“ฮึ เขาหลอกคนโบราณเยี่ยงข้า เมื่อวานที่สถานีตำรวจ พวกพี่สาวบอกเกร็ดความรู้แก่ข้าแล้ว ข้ายังอายุไม่ถึงสิบแปดปีเต็ม หากพลั้งมือฆ่าคนจริง ๆ ปัญหาไม่ใหญ่...”“ข้าบอกกับเขาว่า บนหลังเขาแบกชีวิตคนเอาไว้ ข้ารู้จักคนที่สถานีตำรวจไม่น้อย พี่ชายที่ใส่กุญแจมือให้ข้าเมื่อวาน เอาเบอร์โทรให้ข้าแล้ว ข้าจะโทรให้เขามาจับคน”“ข้าส่งตัวนักฆ่าให้พี่ชายผู้นั้นไปโดยตรง...”เย่มู่มู่ฟังแล้วต้องถอนหายใจ“กระถางนั่นเล่าเจ้าคิดว่าอย่างไร จะตกใส่หัวข้าหรือ?”“องศา นักฆ่าอย่างเราจะฝึกใช้อาวุธลับ มุมและองศาในการออกแรงเรามองออกในพริบตาเดียว เขามุ่งเป้ามาหาท่าน!”“กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาฉุนยิ่งนัก หาคนเช่นนี้บนถนนไม่พบ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 424

    “ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 423

    “ทุกท่าน เพื่อให้อนาคตมีอาวุธที่หลอมจากเหล็กใช้ไม่ขาดมือ ต้องชิงที่แห่งนี้มาให้ได้!”“ข้าคิดจะชิงตัดแหล่งที่มาของอาวุธพวกเขา ก่อนจะโจมตีกองทัพธงเหลือง”“ต้องส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าติดตามทางนั้นก่อน หานายทหารที่ไหวพริบดี ชำนาญการซ่อนตัวไปไปบางส่วน”“ให้ซุนเฮ่อหาชาวบ้านที่เคยขุดเหมืองมาสักสองสามคน ขับรถไปพร้อมกัน เตรียมเสบียงอาหารให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!”เหล่านายทหารได้ยินดังนั้น นี่คือภูเขาเหมืองแร่เหล็กที่กลั่นเหล็กกล้าเลยนะหัวเซี่ยผืนแผ่นดินใหญ่ มีกองทหารของแว่นแคว้นมากมาย ทว่ายังใช้อาวุธทองสัมฤทธิ์อยู่หากเอาภูเขาเหมืองแร่หินมาได้ ก็เท่ากับแหล่งที่มาของอาวุธที่มีให้ใช้ไม่ขาดมือต้องชิงที่นี่มาให้ได้จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิง เฉินเซียนซง จางเฉา หลัวอวี๋...ต่างคุกเข่าลงในทันใดอยากจะขอคำสั่งบุกแม้อยู่ด้วยกันมาก็ช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าอันที่จริงจ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้เข้าใจนิสัยของบรรดาผู้นำทัพเยี่ยนมากมายนักเขามองไปที่เซี่ยเวย “แม่ทัพเซี่ยคิดว่าจะส่งผู้ใดล่วงหน้าไป?”เซี่ยเวยตอบ “ท่านแม่ทัพ ระเบิดโรงงานดินปืน ให้จางเฉานำคนไปเถิด เขาคุ้นเคยกับการสู้รบตอนกลางคืน หากเป็นตอนกลางคืนอัตราความส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 422

    จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้พูดตอบใด ๆเปลี่ยนไปจิตใจดีอะไรกัน เพียงแต่นึกไปถึงว่าหากต้าฉี่ต้องล่มสลาย เลยจะดึงเขามาเป็นพวกล่วงหน้าเท่านั้นหากมีไทเฮาคอยดูแลท่านแม่และบ้านน้องรองอยู่ในวัง เขาก็จะได้เบาใจไปสองสามส่วนจ้านเฉิงอิ้นกล่าวกับจวงเหลียงว่า “เจ้าเผยข่าวเรื่องที่ข้าถูกลอบโจมตี และได้รับบาดเจ็บหนักให้ไทเฮาทรงทราบเสีย”“แจ้งลงไป พักอยู่ที่ช่องเขาเป้าเสียสามวัน จนกว่าท่านเทพจะนำวัตุระเบิดมาไว้ในที่ว่างเปล่า แล้วค่อยออกเดินทาง”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”*ตอนบ่ายเย่มู่มู่ไปยังพื้นที่ก่อสร้างท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเธอเห็นรัฐทายาทน้อยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน กำลังเข็นรถเข็นสามล้อคันน้อยพร้อมออกแรงสุดชีวิตภายในรถเข็นคันน้อยใส่หินเอาไว้เต็มคันรถเขากำลังเข็นไปยังใต้กำแพงทั้งเหงื่อท่วมหัว จากนั้นก็ย้ายขึ้นไปกองยังชั้นสามทีละก้อน ๆก่อนจะเดินลงมาทั้งขากะเผลกตลอดทั้งทางอีกครั้งส้นเท้าถูกบดจนเลือดออก นิ้วเต็มไปด้วยตุ่มพอง“มั่วฝาน หลูซี...ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปทำซิมการ์ดกับบัตรธนาคาร!”ทั้งสองคนวางงานในมือลง แล้วรีบวิ่งมาทันทีบนใบหน้ามอมแมมไปหมด บนร่างกายเองก็ไม่มีจุดไหนที่สะอาดเช่นกัน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 421

    ซ่งอวิ๋นฮุยรีบป้อนยาให้จ้านเฉิงอิ้น รอเขาสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ค่อยจับชีพจรต่อเขากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ต้องห้ามมีอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปเป็นอันขาด มันไม่ดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า!ต่อต้านต้องต่อต้าน!ทว่าตอนนี้ต้องจัดการกองทัพธงเหลืองก่อนและต้องพาครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงออกมาบัดนี้บิดามารดาของเฉินขุยเฉินอู่...และมารดา พี่ใหญ่ ทั้งครอบครัวพี่รองของเขา...ถูกขังอยู่ในวัง!จวนตระกูลจ้านยังมีท่านย่า น้องชายสี่ น้องหญิงห้า...ต้องพาทุกคนออกมาครอบครัวของนายทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ต้องลอบย้ายคนออกมาอย่างลับ ๆจ้านเฉิงอิ้นมองไปที่เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลินและซ่งตั๋ว...“เฉินขุย เฉินอู่ พวกเจ้าไปถามพวกทหารผ่านศึกว่า ผู้ใดยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงอีกบ้าง และทำบันทึกเอาไว้”“นายทหารที่ตายไปเหล่านั้นหากมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด”“เฉินจวิ้นหลิน เจ้านำกองกำลังกองหนึ่งล่วงหน้าเข้าเมือง โยกย้ายครอบครัวออกมาจากเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายจำนวนมาก นำคนออกจากเมืองชุดหนึ่งทุก ๆ สองสามวัน กระทั่งจะ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 420

    หลังจากกลุ่มคนจากไป จวงเหลียงก็หยิบพระราชโองการลับของไทเฮาออกมาไทเฮาทรงเขียนถึงมั่วฝาน เพียงแต่เขาไม่อยู่ จวงเหลียงจึงเปิดพระราชโองการออกด้านบนเขียนไว้ว่า แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน เผ่าหมาน... ล้วนส่งสาส์นตราแผ่นดินมายังฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่พวกเขามีเจตนาที่จะผูกมิตรไมตรีกับแคว้นต้าฉี่ยินดีลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามเป็นเวลาห้าสิบปีพวกเขายินดีที่จะยกเมืองบางเมืองให้ เผ่าหมานส่งวัวและแกะมาถวาย...ข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้อตกลงหยุดสงคราม เนื่องมาจากจ้านเฉิงอิ้นสังหารทหารของพวกเขาไปมากมายในเมื่อลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็ไร้ประโยชน์พวกเขาเรียกร้องให้ฮ่องเต้น้อยสังหารจ้านเฉิงอิ้นแล้วค่อยลงนามในข้อตกลงจ้านเฉิงอิ้นเห็นจดหมายลับฉบับนี้ โทสะก็ลุกโชน เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อแคว้นต้าฉี่กองทัพตระกูลจ้านสองแสนนายของเขา บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายฮ่องเต้น้อยไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงแต่ยังแสดงเจตนาสังหารอย่างชัดเจน!ในจดหมายลับ ไทเฮากล่าวถึงฮ่องเต้น้อยทรงสนพระทัยการเจรจาสันติภ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status