ที่จริงหลิ่วหรูเยียนผ่านกิจกรรมเสียเหงื่อมาแล้วเมื่อครู่ทำให้สร่างเมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงรู้สึกประหม่าเมื่อได้ยินคำพูดสองแง่สองง่ามของฉู่เฉินนี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกตัวสนิทสนมกับฉู่เฉินก่อน แล้วดันถูกหลิ่วชิงเหอเห็นเข้าโดยเฉพาะท่าทางที่เธอนั่งบนตักของฉู่เฉินเมื่อสักครู่นี้ ช่างน่าอายเกินไปแล้วจริงๆ“แม่ ดีที่วันนี้ฉู่เฉินนำยาถอนพิษมา แม่เลยหายดีเหมือนเมื่อก่อนได้เร็วขนาดนี้”หลิ่วหรูเยียนรีบวิ่งเหยาะไปคล้องแขนหลิ่วชิงเหอและกล่าวแก้เขินหลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วสำรวจหลิ่วหรูเยียนที่สวมชุดซีทรูโดยเฉพาะรอยผ่าสูงตรงกระโปรงวับ ๆ แวม ๆถึงแม้เธอไม่อยากเห็นหลิ่วหรูเยียนทำตัวเหมือนเมื่อก่อนที่ตบหน้าฉู่เฉินอย่างไร้เหตุผลแม้จะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็ตาม แต่ก็ไม่อยากเห็นลูกสาวของตนถลำลึกเลยจริงๆฉู่เฉินเป็นที่กำบังหลบภัยชั่วคราวของพวกเธอสองแม่ลูกก็จริง แต่ในอนาคตต้องมีสักวันที่หลุดพ้นจากฉู่เฉิน ยิ่งกว่านั้นเธอก็ไม่อยากเห็นหลิ่วหรูเยียนแต่งงานกับฉู่เฉิน นั่นเป็นการผลักลูกสาวของเธอให้ตกลงไปในหลุมไฟไม่ใช่หรือ?ถึงยังไงก็ไม่ใช่เพราะตัวของฉู่เฉิน แต่ตระกูลฉู่ถูกจ้องเล่นงานจากกองกำลังมากมายตั้งแ
ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยวิเคราะห์จากคำพูดของเธอได้ไม่ยาก ก็คือกาเซิ่งอี้ไม่ไว้ใจหลิ่วชิงเหอนั้นเองด้วยเหตุนี้อย่างมากเธอก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ไม่สำคัญในกำมือของเกาเซิ่งอี้เท่านั้นเองโชคดีที่ยัยทึ่มหาหยกโลหิตกิเลนไม่เจอ ไม่อย่างนั้นในวินาทีที่เธอมอบหยกโลหิตกิเลนให้เกาเซิ่งอี้ก็จะกลายเป็นวันตายของพวกเธอสองคนแม่ลูก“เธอเคยเห็นหยกโลหิตกิเลนชิ้นนั้นไหม?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามพูดตามความจริงก็คือฉู่เฉินยังไม่รู้เลยว่าตระกูลฉู่มีสมบัติล่ำค่าชิ้นนี้ด้วยลองคิดดูแล้วสมบัติตระกูลฉู่ที่ข่งเลี่ยงหมายถึงก็คือหยกชิ้นนี้นี่เอง“เคยเห็น”หลิ่วชิงเหอพยักหน้าหนัก ๆ และกล่าว “ใหญ่ประมาณหนึ่งฝ่ามือ มีสีแดงทั้งก้อน ฉันเคยได้ยินแม่ของแกบอก คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ก็จะแช่หยกโลหิตกิเลนในเหล้าสยงหวงทุกวัน”“จนกระทั่งสามเดือนต่อมาก็จะดื่มเป็นแก้วเล็กๆ ทุกวัน หลังจากตั้งครรภ์ลูกชายลูกสาวที่คลอดออกมาก็จะมีร่างกายเหนือคนธรรมดาทั่วไป”“ตอนแรกฉันยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่นอยู่เลย แต่หลังจากที่พ่อแม่แกหายตัวไป ฉันจึงค้นพบว่าแกมีกายาโอสถสวรรค์ นี่จึง…”หลิ่วชิงเหอพูดถึงตรงนี้แล้วก็ก้มหน้
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องสอบปากคำของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการเมืองเอกของมณฑล เซียวเฟิงจ้องมองเซียวจี้กวางที่บาดเจ็บสาหัสอย่างหน้าดำคร่ำเครียด แล้วหันหน้ามามองหลูติ้งไห่จากนั้นกล่าว “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดหลู นี่คุณหมายความว่าไง? ให้ผมมาดูคุณสอบปากคำอารองของผมเหรอะ?”หลูติ้งไห่ยิ้มและกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ผู้บัญชาการเซียวอย่าเข้าใจผิดไป เพราะคดีนี้เกี่ยวโยงไปถึงตระกูลเซียว ดังนั้น…”เพียะ!เซียวเฟิงตบโต๊ะรุนแรง ชี้ไปยังเซียวจี้กวางที่สลบอยู่และกล่าวว่า “หลูติ้งไห่ ผมขอบอกคุณเลยนะว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร ต้องปล่อยอารองของผมเดี๋ยวนี้!”“ถ้าเขาเป็นอะไรไปแม้แต่เล็กน้อย ผมจะไม่ยอมจบกับคุณแน่!”เซียวจี้กวางในขณะนี้สภาพอนาถสุดขีด แขนขาหักไม่ว่า แถมกระดูกซี่โครงก็ยังหักหลายซี่ด้วย เลือดเปื้อนเต็มทั้งตัว แทบจะมองไม่เป็นร่างคนแล้วถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำหลายวันก่อนหน้านี้ เซียวเฟิงจึงถูกเตือนสถานหนักแล้วละก็ ต่อให้เขาพูดอะไรก็จะแย่งตัวกลับแก๊งมังกรให้ได้“ผู้บัญชาการเซียว พูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะครับ ผมปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น แถมหลักฐานมัดตัว ถ้าผมปล่อยเขาไปทั้งอย่างนี้ จะอธิบายกับคนที่แจ้งความได้ยังไง
ที่หลิ่วชิงเหอพูดเตือนฉู่เฉินอีกครั้ง ข้อแรกคือไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับฉู่เฉินจากใจจริง อีกข้อคือหอการค้าตะวันออกใหญ่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกเลยจริงๆแค่กองกำลังตระกูลเซียวในเมืองเอกของมณฑลเพียงอย่างเดียวก็เทียบกับตระกูลใหญ่ในเจียงจงไม่ได้เลยแถมเธอยังยอมรับฉู่เฉินจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นฉู่เฉินเลือกเดินไปทางเดียวเหมือนกับพ่อแม่ของเขาฉู่เฉินหัวเราะเยาะขึ้นมา ยื่นมือกดแขนของหลิ่วชิงเหอ แนบหน้ากับหลิ่วชิงเหอแล้วพูดด้วยลมหายใจเร่าร้อน “ไม่ว่าใครที่กล้ามาแตะต้องตระกูลฉู่ของฉัน ต้องจ่ายค่าตอบแทน!”สิ้นเสียง ฉู่เฉินพลิกร่างกดร่างของหลิ่วชิงเหออีกครั้ง……อีกด้านหนึ่ง เซียวเฟิงกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลเซียวด้วยความโมโหพุ่งทะลักเซียวจี้กวางถูกกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการควบคุมตัวที่เมืองเอกของมณฑลนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย ถ้าหากคดีของเซียวจี้กวางเกี่ยวพันมาถึงตระกูลเซียว งั้นแม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการนี้ของเขาก็จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้วน่ะสิ“พ่อบ้าน รีบไปแจ้งนายท่านใหญ่ และพ่อของผม อาสามอาสี่ให้รีบมาที่ห้องโถงเดี๋ยวนี้ แจ้งไปว่าเกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลเซียวแล้ว!”เซียวเฟิงสั
ที่สนามฝึกซ้อมของกองทหารรักษาการณ์มณฑลเจียงในขณะนี้ มีหญิงสาวใบหน้างดงามตามสัดส่วนทองคำคนหนึ่งทุ่มชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหกเจ็ดคนในชั่วพริบตา“ไร้ค่า! มาอีกสิ!”หญิงสาวอายุน้อยที่ถึงแม้จะสวมเสื้อกั๊กยุทธวิธีธรรมดา แต่ยากที่จะซ่อนผิวขาวราวหิมะและรูปร่างสัดส่วนอันน่าภูมิใจได้ขายาวงามทั้งสองข้างนั้นมองดูเนียนละเอียดบอบบาง อ่อนนุ่มชุ่มชื้นราวกับลูกโป่งน้ำ แต่พอยกมือยกเท้าเท่านั้นแหละ กลับมีแรงห้าร้อยกิโลกรัม“ผู้นำเซียว พวกเราไม่ไหวแล้วจริงๆครับ…”แม้ว่าไม่ใช่การต่อสู้จริง แต่ทั้งหมัดทั้งเท้าของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนไหวนั่นเป็นถึงผู้นำเขตทหารหนึ่งดาวซึ่งเป็นหนึ่งในห้าอันดับต้นๆ ของกองทหารรักษาการณ์มณฑลเจียงเชียวนะถ้าว่ากันตามคนธรรมดาทั่วไป นั่นคือยอดฝีมือขั้นหนึ่งระดับสร้างรากฐานเชียวนะ“ผู้นำเซียว ไม่งั้น…ให้ผู้นำหลัวมาสู้เป็นเพื่อนคุณเถอะครับ พวกเรา…ทนรับเท้าและกำปั้นของคุณไม่ไหวแล้วจริงๆ”ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นแยกเขี้ยวยิงฟันกล่าวอย่างวิงวอน“เหอะ ไม่ต้องแล้ว!”เซียวเสวี่ยอิ๋งรับผ้าขนหนูจากเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งจากด้านข้างมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นส่งเ
“เฮ้อ น้องสาว น้องก็น่าจะรู้ ตระกูลเซียวของพวกเราไม่ได้ทำงานถวายชีวิตให้เกาเซิ่งอี้ แต่เพื่อโลกแห่งการหยั่งรู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก”“ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพยากรจากเกาเซิ่งอี้ ตอนนี้น้องจะกลายเป็นผู้นำเขตทหารยศหนึ่งดาวที่อายุน้อยที่สุดได้เหรอ?”“ในบางครั้ง พวกอาเขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ยังไงก็ตามตระกูลเซียวของพวกเรายังยึดเส้นที่จะล้ำไม่ได้ เรื่องในวันนี้เห็นได้ชัดว่าไอ้หนูคนแซ่ฉู่กับหลูติ้งไห่สมรู้ร่วมคิดเล็งเป้ามาทางตระกูลเซียวของเรา!”ได้ยินแล้ว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เบื่อที่จะอธิบายอีกจึงกล่าวพร้อมโบกมือให้เซียวเฟิง “ช่างเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”หลูติ้งไห่มองผ่านหน้าต่างไกลออกไปอยู่ภายในห้องทำงานก็เห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ห้าวหาญและดาวหนึ่งดวงที่ส่องแสงบนบ่าของเธอตามที่คาดไว้เลย!หลูติ้งไห่จึงรีบส่งข้อความไปหาฉู่เฉินก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นสั่งลูกน้องให้ไปพาสองพี่น้องเซียวเสวี่ยอิ๋งมายังห้องทำงานของตนในเวลาไม่นาน สองพี่น้องเซียวเฟิงและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็ได้เดินเข้ามายังห้องทำงานของหลูติ้งไห่หลูติ้งไห่รีบลุกขึ้นเข้าไปกล่าวต้อนรับ “ผู้นำเซียว ดึกขนาดนี้แล้ว มายังสถานที่เล็ก
เซียวเสวี่ยอิ๋งไม่ทันได้กล่าวต่อ ฉู่เฉินก็กวาดตามองเซียวเฟิงและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกอะไร? ถ้าผมพูดไว้ไม่ผิดละก็ พวกคุณคงมาเพราะเซียวจี้กวางสินะ?”“ในเมื่อมาขอร้องขอคน ก็ต้องมีท่าทีให้เหมือนกับคนที่มาขอร้องหน่อยสิ”“ถ้าผมไม่ถอนคดี ต่อให้ฮ่องเต้สวรรค์ลงมาก็อย่าคิดที่จะพาตัวมันออกไปจากคุกได้”คำพูดของฉู่เฉินดังมากจนสามารถได้ยินได้ชัดเจนในทางเดินตำรวจที่เพิ่งออกเวรกะดึกต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตูห้องของหลูติ้งไห่“คนนี้ใครกัน กล้าไม่เบานะ กล้าพูดกับผู้นำเขตเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งในมณฑลเจียงแบบนี้?”“ฉันว่าเจ้าหมอนี่คงต้องลำบากแล้วล่ะ ผู้นำเซียวมีชื่อเสียงเรื่องมือไม้หนักไม่ปรานีเชียวนะ ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จัดการเสิร์ฟด้วยหมัดและเท้า”“เร็วเข้า รีบเรียกรถพยาบาลมารอที่หน้าทางเข้าตึกก่อนเถอะ!”คนจำนวนไม่น้อยเห็นแล้วก็จำเซียวเสวี่ยอิ๋งได้ในทันที และต่างใช้สายตาเห็นใจมองไปยังฉู่เฉินรู้ไหมว่าแม้แต่หลูติ้งไห่ก็ยังต้องยิ้มต้อนรับเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเสวี่ยอิ๋งฉู่เฉินที่เป็นวัยรุ่นยี่สิบกว่าปี ทำไมถึงกล้าแสดงกิริยาโมโหใส่ผู้นำเซียวได้ล่ะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องตา
“แกอยากตายเหรอะ!”ยังไงหานหลิงก็เป็นถึงผู้ช่วยเซียวเสวี่ยอิ๋งเชียวนะ ปกติในตอนที่ประลองในกองทัพก็ไม่เคยเสียเปรียบใครแบบนี้มาก่อนต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เธอประมาทศัตรูเอง ดังนั้นจึงถูกคนแซ่ฉู่อาศัยจุดนี้!ยังไงก็ต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้ ไม่งั้นจะเป็นการทำให้ผู้นำเซียวขายหน้าด้วยไม่ใช่เหรอ?ทันทีที่พูดจบ หานหลิงก็กระโดดขึ้นโน้มตัวไปข้างหน้าปล่อยหมัดเล็กๆ ของเธอผ่าอากาศโจมตีไปยังช่วงหน้าอกของฉู่เฉิน!ฉู่เฉินยิ้มเฉยเมย แม้ว่าหานหลิงจะมีพลังระดับประมาณฝึกปราณชั้นห้า บวกกับทักษะหมัดมวยแบบทหาร จึงเป็นที่รู้จักในด้านความว่องไวและรุนแรงหมัดนี้ของเธอเมื่อเผชิญหน้ากับคนระดับขั้นเดียวกันก็ยังเหนือกว่าแต่น่าเสียดายที่ในสายตาของฉู่เฉิน การต่อสู้หมัดมวยของเธอเป็นแบบมาตรฐานตามตำรา“คนสวย คุณอย่ารีบร้อนส่งนมสิ ที่ผมพูดเมื่อกี้คือดื่มนมนะ”ฉู่เฉินพูดหยอกเอินหานหลิง จากนั้นค่อยๆเอียงตัวหลบหมดที่มีพลังรุนแรงของหานหลิง ในระหว่างที่พลาดเป้า ฝ่ามือใหญ่ก็กางออกไปโดนหน้าอกของหานหลิงพอดีสัมผัสได้ถึงนุ่มเด้งดึ๋งกลางฝ่ามือขึ้นมาทันที“แตกต่างจากคนทั่วไปจริงด้วย”แม้แต่ฉู่เฉินยังชมหานหลิงไม่ขาดปากมื
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักก็อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสามแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะสูงส่งใจกล้า แต่ว่าแค่รนหาที่ตายล้วน ๆ เลย“ผมคนเดียวก็พอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง“โฮก!”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวดื้อที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจคำตอบของฉู่เฉินอย่างมาก เขาไม่นับเป็นคนหรือไง? หืม? ข่งเลี่ยงหันหน้ามองไปทางชายร่างผอมบางที่ไม่สะดุดตาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อสบตากัน ข่งเลี่ยงพลันตกใจจนขนลุกชันขึ้นมาทันทีผีดิบเลือดคลั่ง!นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบเลือดคลั่งที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย!ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของข่งเลี่ยงเต็มไปด้วยสีสันสุดขีดเขารู้ซึ้งดีถึงความร้ายกาจของผีดิบเลือดคลั่ง แม้แต่ตัวที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดก็เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแล้วฉู่เฉินปราบไอ้ตัวที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?ปาฏิหาริย์!เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆแต่ว่าแค่ผีดิบเลือดคลั่งตัวเดียวยังไม่เพียงพอ เดิมทีสำนักอวี้ซือก็มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านโบราณเหมียวเจียง มีวิธีจัดการผีดิบเลือดคลั่งนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในสำนักอีกมากมายพลังรบของผีดิบเลือดคลั่งถูกจำกัดไว้มากมายในสำน
ตามที่อยู่ที่ข่งเลี่ยงส่งมา ไม่นานฉู่เฉินก็มาถึงตีนเขากู่เฟิงฉู่เฉินจอดรถไว้ริมถนนหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถ มองไปยังส่วนลึกของภูเขาที่มืดมิดลึกล้ำแวบหนึ่งเขากู่เฟิงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยวิกฤติอันตรายหลังจากพาไอ้หัวดื้อเดินขึ้นหน้าไปตลอดทางผ่านสันเขาหลายลูก ถึงค่อยมีเส้นทางเล็ก ๆ สามสายที่แยกออกไปคนละทางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินวาดยันต์ทลายม่านอาคมกลางอากาศ ไม่นานเส้นทางเล็ก ๆ สามสายก็หายไปจากเบื้องหน้าสายตาของฉู่เฉิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับเป็นเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปยังที่ห่างไกล เป็นเหมือนที่คนตระกูลหยางพูดไว้จริง ๆ ด้วย หากไม่มีคนที่คอยประสานอยู่ภายใน อยากจะหาประตูสำนักอวี้ซือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริง ๆหลังจากผ่านวิชาบังตาเหมือนเมื่อกี้ติดต่อกันอีกหลายจุด ประตูไม้สูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินในที่สุดด้านบนหอประตูเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สีแดงฉานว่า “สำนักอวี้ซือ”เมื่อฉู่เฉินกับไอ้หัวดื้อเพิ่งเดินมาถึงประตูสำนัก ทันใดนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาจา
ถึงแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจแฮก ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ“วันนี้กินอิ่มมากเลย”จางม่านยื่นมือไปลูบไล้ฉู่เฉิน ใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างไม่หนำใจ“กินอิ่มแล้วจริง ๆ เหรอ?”ฉู่เฉินปลดสายจูงสุนัขออก แล้วจับมือเล็ก ๆ ของจางม่าน เอาสองมือของเธอไพล่หลัง จากนั้นก็ใช้สายจูงล่ามเอาไว้แน่น ๆ ก่อนจะยกจางม่านขึ้นมาจากบนเตียงฉู่เฉินไม่เคยผ่อนปรนเรื่องระบายท่อนลำมาโดยตลอดจางม่านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเอางานเอาการของฉู่เฉิน เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามยันฟูกไว้แล้วให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เสียงที่ดูเหมือนสะอื้นไห้และครวญครางดังต่อเนื่องอีกครั้งกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบดวงหน้าเล็กของจางม่านแดงก่ำ ทรุดตัวอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยฉ่ำเยิ้มจ้องมองฉู่เฉิน เธอยังอยากทำศึกต่อจริง ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกความง่วงงุนอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา ไม่นานเธอก็หลับสนิทไปเมื่อมองจางม่านที่เข้าสู่ห้วงฝันเหมือนกับชูครีมที่ถูกยัดไส้เต็มเปี่ยมบนเตียง ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมบนตัวอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องพรสซิเดนเชียลสวีทจนกระทั่งเขม่าควันปืนในห้องข้าง ๆ จากหายไป ผ
ยัยนี่มีประสบการณ์กร้านโลกจริง ๆ ตรงไปตรงมามากเลยฉู่เฉินฉวยโอกาสอุ้มจางม่านเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องจางม่านกัดริมฝีปากแดงระเรื่อเบา ๆ มองฉู่เฉินด้วยดวงตาที่ส่องประกายระยิบระยับแล้วพูดว่า “คุณฉู่... ฉะ...ฉันอยาก...”จางม่านพูดพลางยื่นมือน้อย ๆ ไปที่เอวของฉู่เฉินหญิงงามดั่งหยก กระบี่ดั่งสายรุ้งต้องยอมรับเลยว่าจางม่านสมกับเป็นคนจากวงการบันเทิง รู้วิธีการสร้างความบันเทิงได้ดีมากทักษะดีเยี่ยมจริง ๆภายในไม่กี่นาทีสั้น ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะระเบิดโลกแล้วในเมื่อบรรยากาศเป็นใจถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่เฉินก็ไม่อาจปล่อยให้จางม่านผิดหวังได้ไม่ใช่หรือไง?ฉู่เฉินเอื้อมมือไปกระชากผ้าเช็ดตัวเพียงหนึ่งเดียวบนร่างของจางม่านลงมา ก่อนจะเหมือนกับเสือที่ตะครุบเหยื่อ กดจางม่านไว้ใต้ร่างทันที“คุณฉู่...เดี๋ยวก่อนค่ะ”ภายใต้สายตาประหลาดใจของฉู่เฉิน จางม่านลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งตัวเปลือยไปที่ตู้เสื้อผ้าทางด้านข้าง แล้วค้นหาของอยู่พักใหญ่สุดท้าย เธอก็หยิบ...ปลอกคอสุนัขออกมาจากด้านใน“คุณฉู่ ชอบเล่นแบบนี้ไหมคะ?”จางม่านพูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม กัดริมฝีปากแดง ก่อนจะข
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท