ถึงยังไงเสื้อผ้าที่ฉู่เฉินสวมก็ไม่หวือหวาเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่คนที่ผ่านประสบการณ์จนมองโลกออกก็แทบไม่รู้จักเนื้อผ้าราคาห้าสิบล้านชิ้นนั้นแน่นอน!ฉู่เฉินได้ยินแล้วก็หัวเราะทันที กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่เช่นกัน กล่าวขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังฉู่เฉิน “เขาก็คือประธานใหญ่ที่สุดของบริษัทเรา”อะไรนะ?จางม่านฟังแล้วก็มองสำรวจฉู่เฉินด้วยความแปลกใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นสีหน้าหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดิม เธอกล่าวถากถาง “ทำไม พวกคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าในเมืองเจียงจงแห่งนี้ฉันจะกลัวพวกคุณน่ะ?”จางม่านควักโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์โทรต่อหน้าต่อตากู้รั่วเสวี่ยและฉู่เฉินจากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ถือโอกาสตอนที่ฉันยังไม่ทันกดโทรออก แกมาคุกเข่าขอโทษก็ยังทันนะ!”“ไม่งั้นอีกเดี๋ยวพวกแกสองคนคงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อคนของฉันมาถึงแล้ว!”ฉู่เฉินมองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็เงยหน้าหัวเราะลั่นอย่างห้ามไม่อยู่อย่าว่าแต่เจียงจงเลย ต่อให้ทั้งมณฑลเจียง ฉู่เฉินก็ไม่เคยกลัวใคร“โทรสิ คุณโทรเลยตอนนี้ และฉันขอบอกเลยว่า ถ้าคนของคุณไม่มา วันนี้คุณอย่าได้คิดออกไปจากสนามบินเลย!”กล่าวเสร็จ ฉู่เฉินก็ยืนพิงประตูรถจุด
เมื่อหลัวจื้อหย่งเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของฉู่เฉินแล้วมุมปากก็กระตุกขึ้นมาทันที!“โอ้ ประธานหลัวไม่ใช่เหรอ? เจียงจงแคบเกินไปแล้วจริงๆ”ฉู่เฉินทิ้งม้วนบุหรี่ในมือ แล้วชำเลืองมองหลัวจื้อหย่งโดยเอามือวางบนไหล่“ประธานหลัว ไอ้หนุ่มนี่แหละที่ตบผมเมื่อกี้ยังไม่พอ ยัง… ยังข่มขู่คุณม่านม่านด้วยครับ ต้องจัดการไอ้หนุ่มนี่นะ…”เพียะ!ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันพูดจบ หลัวจื้อหย่งก็สะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง จากนั้นก็ถีบเขาไปหนึ่งทีจนเขาหัวคะมำพื้น!“ประธานหลัว… คุณ…. คุณตบผมได้ยังไง? ไอ้หมอนั่น…”พลั่กๆ!หลัวจื้อหย่งยกขาถีบไปบนร่างของผู้จัดการอีกหลายครั้ง พร้อมกัดฟันกล่าว “ไอ้สารเลว แกนับเป็นตัวอะไรได้ ยังกล้ามาชี้นิ้วสั่งคุณฉู่ฮะ!”หลัวจื้อหย่งกล่าวเสร็จก็วิ่งเหยาะไปหาฉู่เฉินและยังโค้งตัวกล่าวขึ้นท่ามกลางสายตาจดจ้องอย่างเหลือเชื่อของจางม่านและผู้จัดการ “อุ้ย บังเอิญจังนะครับ คุณฉู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”ฉู่เฉินยื่นมือออกมายกแขนเสื้อข้างขวาที่ว่างเปล่าของหลัวจื้อหย่งแล้วกล่าวเย้ยว่า “บังเอิญมารับดารากระจอกๆ แต่เขาดันบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งมาก ทั้งยังจะสั่งส
เมื่อเห็นว่าไฟรถของฉู่เฉินไปไกลแล้ว จางม่านที่มีสีหน้าหม่นหมองหันมามองหลัวจื้อหย่งด้วยท่าทางน่าสงสาร“ฮึ! คุณรอความตายเถอะ!”หลัวจื้อหย่งแค่นเสียงด้วยความโกรธกระฟัดกระเฟียด และกล่าวกับบอดีการ์ดทั้งกลุ่มว่า “พวกเรากลับ! แม่เอ๊ย ซวยจริงๆ!”หลัวจื้อหย่งเดินกลับและคบคิดคำนวณในใจว่าอยู่ต่อในเมืองเจียงจงไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ไม่แน่อาจไปล่วงเกินฉู่เฉินเพราะใครคนไหนเข้าสักวันก็ได้เงินมากมายในบัญชีธนาคารของเขายังไม่ได้ใช้เงินเลย ไม่อยากตายก่อนวัยอันควรหรอกนะหลัวจื้อหย่งเพิ่งจะนั่งในรถ จางม่านและผู้จัดการก็ตามมาอย่างรวดเร็ว“ประธานหลัว คุณรอก่อนค่ะ!”จางม่านดึงประตูรถเปิดกว้างแล้วเข้าไปนั่งในรถทันทีโดยไม่ให้โต้แย้งใดๆหลัวจื้อหย่งกล่าวพร้อมกลอกตาใส่จางม่านด้วยสีหน้าอมทุกข์ “เธอมาหาฉันก็ไร้ประโยชน์ ฉันล่วงเกินคุณฉู่ไม่ได้!”หลัวจื้อหย่งชี้ไปที่แขนเสื้ออันว่างเปล่าของตัวเองขณะพูดขึ้นว่า “รู้ไหมว่าทำไมแขนฉันข้างนี้ถึงหายไป?”ซี้ดๆ!จางม่านเพิ่งจะสังเกตว่าแขนเสื้อข้างขวาของหลัวจื้อหย่งว่างเปล่า ทำเอาเธอตกใจจนโง่งมไปทันที!หรือเมื่อกี้ฉู่เฉินหักแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่ง?เป็นไปไม่ได้หรอ
อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่กำลังเดินทางกลับ กู้รั่วเสวี่ยก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คนที่จางม่านเรียกว่าคนนั้นเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงใช่ไหมคะ?”“ทำไมท่าทางเขาดูหวาดกลัวพี่ขนาดนั้นล่ะคะ?”เมื่อกี้เธอมองผ่านกระจกรถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉู่เฉินยืนกอดอกตลอดเวลา ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันนั้น เขาก็สามารถทำให้จางม่านคุกเข่าอ้อนวอนได้“ก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนครับ ประธานหลัวเป็นคนที่มีจิตใจดีครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลัวจื้อหย่งจิตใจดี?กู้รั่วเสวี่ยมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะคำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่สักคำเดียวส่วนเรื่องรายละเอียดที่มากกว่านี้ เธอก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ขอเพียงแค่การถ่ายโฆษณาพรุ่งนี้ถ่ายได้ตามปกติก็โอเคแล้วฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าประตูห้องทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอล หลิ่วหรูเยียนก็ต่อสายเข้ามาหาเขาฉู่เฉินขมวดคิ้ว แล้วรับสาย “มีเรื่องอะไรรับพูดมา”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสาย ก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ฉู่เฉิน นายอยู่ที่ไหน ขอร้องละนายช่วยมาดูแม่ของฉันหน่อย เธอ... เธอเหมือนจะไม่ไหวแล้ว”อะไรนะ?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว
ฉู่เฉินรับหุ่นกระดาษมาจากมือของป้าอู๋ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้นี่มันไม่ใช่หุ่นกระดาษธรรมดา หุ่นกระดาษนี่พึ่งอยู่ในมือฉู่เฉินได้ไม่นาน ก็มีควันสีดำโพยพุ่งขึ้นมาจากหุ่นกระดาษนี่!กลิ่นอายนี้ฉู่เฉินคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ มันคือกลิ่นศพเน่า!หลังจากนั้นฉู่เฉินก็ตรวจจ้ำศพบนร่างของหลิ่วชิงเหออย่างละเอียด แสยะยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เธอน่าจะโดนพิษศพ ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อวานตอนเย็นเธอกินเนื้อวัวใช่ไหม?”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็เหลือบมองไปที่ต้นขาด้านในของหลิ่วชิงเหอที่เริ่มรอยฟกซ้ำเมื่อโดนพิษศพแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือเนื้อวัว โดยเฉพาะในร่างกายของหลิ่วชิงเหอมียาที่สกัดจากของเหลวจากร่างกายของฉู่เฉิน สองสิ่งนี้ยิ่งจะทำให้อาการป่วยของหลิ่วชิงเหอยิ่งรุนแรงมากขึ้น“ใช่ ช่วงนี้แม่ของฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ ดังนั้นจึงกินได้แค่เนื้อวัว หรือว่าเกี่ยวกับเนื้อวัวนี่เหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “แน่นอนสิ ที่จริงไม่เพียงแค่แม่เธอที่โดนพิษศพนะ แต่พวกเธอโดนพิษศพทั้งสองคนเลย”“เพียงแต่ว่าพิษศพบนร่างของพวกเธอยังไม่ทันออกฤทธิ์เท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะกินเนื้อวัวเข้าไป บวกกับสารพิษในต
“แม่ จะมาอาบน้ำด้วยกันไหม? น้ำร้อนกำลังดีเลย”ในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิ่วหรูเยียนเปลือยเปล่านั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ กำลังพูดกับหลิ่วชิงเหอที่สวมชุดนอนลายลูกไม้อยู่หน้าประตู“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ลูกอาบก่อนเลย” หลิ่วชิงเหอรับโทรศัพท์ หันไปตอบลูกจากนั้นเดินออกจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนหันไปมองฉู่เฉินในถังยาข้างๆ ที่โผล่ให้เห็นแค่ศีรษะ“มองอะไร! ถ้ายังมองอีก ฉันจะควักลูกตาแกออกมาให้หมากิน!” หลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นจากอ่างน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโสเธอไม่ได้ปกปิดร่างกายขาวนวลราวหิมะและหน้าอกที่ใหญ่โตของตัวเองแม้แต่น้อย ยืนโชว์ให้ฉู่เฉินเห็นกับตา“เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนสะบัดฝ่ามือตบลงที่แผลเป็นบนใบหน้าของฉู่เฉิน “ยังกล้ามองอีก! ไอ้ขันที เดี๋ยวฉันจะควักตาสุนัขของแกออกมาเลยนี่!”ฉู่เฉินขบฟันแน่น จ้องมองหญิงสาวงดงามที่อยู่ตรงหน้า พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หลิ่วหรูเยียน ต้องมีสักวันที่ฉันเหยียบพวกเธอสองแม่ลูกให้จมดิน! และชิงทุกอย่างที่เป็นของตระกูลฉู่ฉันคืนมา!”“แกกำลังฝันอะไรอยู่? แกก็เป็นแค่สมุนไพรมนุษย์ให้ฉันกับแม่ แขนขาก็ถูกตีหักไปหมดแล้ว ยังจะเอาอะไรมาชิงกลับไปอีก?”หลิ่วหรูเยียนหัวเราะด้วยคว
ฉู่เฉินสลบไปนานมาก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหมือนฝันประหลาดเป็นเวลายาวนานในความฝัน เขากลายร่างเป็นราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ทำสงครามทั้งเก้าสวรรค์สิบพิภพ ล้มสำนักนิกายใหญ่ต่างๆ ภายในวันเดียว รวมทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ด้วย...“โอ๊ย ปวดหัวจัง...” ฉู่เฉินร้องอย่างเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นถึงพบว่าตัวเองยังอยู่ในหลุม บาดแผลและความเจ็บปวดตรงแขนขาและบนร่างทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว “เจ้าหนู ข้าได้มอบวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ วิชานี้ครอบคลุมทุกแขนง ทั้งวิชาแพทย์แห่งต้าหลัว ตำราลับวรยุทธ์โบราณ วิชาหยินหยางห้าธาตุ วิชาลึกลับฮวงจุ้ย วิชาหลอมโอสถและสร้างอาวุธวิชาเหล่านี้ข้ามอบให้เจ้าหมดแล้ว...” “เจ้าหนู จำเอาไว้! รอเจ้าฝึกฝนถึงระดับเก้าชั้นฟ้า เจ้าต้องไปนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือที่หยิ่งยโสคนนั้นแทนข้าให้ได้!”ข้างหูของเขายังมีเสียงสะท้อนของมังกรฟ้าที่เรียกตัวเองว่าเป็นราชามังกรแห่งแดนเหนือที่เขาเห็นในฝันก่อนหน้านี้ วิชาเก้าผันกลืนสวรรค์หรือ?ฉู่เฉินย้อนกลับมาครุ่นคิดเล็กน้อย ทันใดนั้นข้อมูลมหาศาลก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองของเขาวิชาลับบำเพ็ญคู่ เพิ่มคว
หลิ่วชิงเหอในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฉู่เฉินแอบมองอยู่ตรงระเบียง เธอเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าสายตาของฉู่เฉิน เช็ดผมที่เปียกชุ่ม รูปร่างที่สมบูรณ์แล้วราวกับเป็นประติมากรรม เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบอยู่บนโซฟา ปลดปล่อยเสน่หาที่มีเฉพาะหญิงสาวผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ชายรู้สึกเลือดร้อนหลิ่วชิงเหออายุสามสิบห้าสามสิบหกปีแล้ว แต่ยังคงสวยงาม รูปร่างและผิวพรรณล้วนบำรุงดูแลอย่างดี ผิวขาวนวลราวกับสาวน้อยอายุยี่สิบปีเท่านั้นตรงระเบียงห้อง ฉู่เฉินมองภาพนี้จนปากแห้ง ท้องน้อยร้อนผ่าวถึงแม้เขาจะอายุยี่สิบสองปีแล้ว แต่ยังไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อนโดยเฉพาะสามปีมานี้ถูกหลิ่วหรูเยียนทรมาน ทำลายศักดิ์ศรีของผู้ชาย ตอนนี้เมื่อเขาเห็นภาพที่งดงามนี้ ความแค้นที่สั่งสมมาสามปีก็ระเบิดออกมาทันที!อึกเสียงหนึ่งฉู่เฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ว่ากันว่าสาวน้อยน่าเย้ายวน แต่มีเพียงผู้ชายที่โตแล้วถึงรู้ว่า ผู้หญิงแบบหลิ่วชิงเหอถึงจะเย้ายวนมากที่สุดรู้มาก เป็นเยอะ ยังเอาใจฉู่เฉินยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวหลิ่วชิงเหอนะหลิ่วชิงเหอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงปกติจริงๆเธอที่อยู่ในสายตาคนนอกสูงส่งไม่อาจเอื
ฉู่เฉินรับหุ่นกระดาษมาจากมือของป้าอู๋ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้นี่มันไม่ใช่หุ่นกระดาษธรรมดา หุ่นกระดาษนี่พึ่งอยู่ในมือฉู่เฉินได้ไม่นาน ก็มีควันสีดำโพยพุ่งขึ้นมาจากหุ่นกระดาษนี่!กลิ่นอายนี้ฉู่เฉินคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ มันคือกลิ่นศพเน่า!หลังจากนั้นฉู่เฉินก็ตรวจจ้ำศพบนร่างของหลิ่วชิงเหออย่างละเอียด แสยะยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เธอน่าจะโดนพิษศพ ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อวานตอนเย็นเธอกินเนื้อวัวใช่ไหม?”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็เหลือบมองไปที่ต้นขาด้านในของหลิ่วชิงเหอที่เริ่มรอยฟกซ้ำเมื่อโดนพิษศพแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือเนื้อวัว โดยเฉพาะในร่างกายของหลิ่วชิงเหอมียาที่สกัดจากของเหลวจากร่างกายของฉู่เฉิน สองสิ่งนี้ยิ่งจะทำให้อาการป่วยของหลิ่วชิงเหอยิ่งรุนแรงมากขึ้น“ใช่ ช่วงนี้แม่ของฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ ดังนั้นจึงกินได้แค่เนื้อวัว หรือว่าเกี่ยวกับเนื้อวัวนี่เหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “แน่นอนสิ ที่จริงไม่เพียงแค่แม่เธอที่โดนพิษศพนะ แต่พวกเธอโดนพิษศพทั้งสองคนเลย”“เพียงแต่ว่าพิษศพบนร่างของพวกเธอยังไม่ทันออกฤทธิ์เท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะกินเนื้อวัวเข้าไป บวกกับสารพิษในต
อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่กำลังเดินทางกลับ กู้รั่วเสวี่ยก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คนที่จางม่านเรียกว่าคนนั้นเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงใช่ไหมคะ?”“ทำไมท่าทางเขาดูหวาดกลัวพี่ขนาดนั้นล่ะคะ?”เมื่อกี้เธอมองผ่านกระจกรถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉู่เฉินยืนกอดอกตลอดเวลา ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันนั้น เขาก็สามารถทำให้จางม่านคุกเข่าอ้อนวอนได้“ก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนครับ ประธานหลัวเป็นคนที่มีจิตใจดีครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลัวจื้อหย่งจิตใจดี?กู้รั่วเสวี่ยมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะคำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่สักคำเดียวส่วนเรื่องรายละเอียดที่มากกว่านี้ เธอก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ขอเพียงแค่การถ่ายโฆษณาพรุ่งนี้ถ่ายได้ตามปกติก็โอเคแล้วฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าประตูห้องทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอล หลิ่วหรูเยียนก็ต่อสายเข้ามาหาเขาฉู่เฉินขมวดคิ้ว แล้วรับสาย “มีเรื่องอะไรรับพูดมา”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสาย ก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ฉู่เฉิน นายอยู่ที่ไหน ขอร้องละนายช่วยมาดูแม่ของฉันหน่อย เธอ... เธอเหมือนจะไม่ไหวแล้ว”อะไรนะ?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นว่าไฟรถของฉู่เฉินไปไกลแล้ว จางม่านที่มีสีหน้าหม่นหมองหันมามองหลัวจื้อหย่งด้วยท่าทางน่าสงสาร“ฮึ! คุณรอความตายเถอะ!”หลัวจื้อหย่งแค่นเสียงด้วยความโกรธกระฟัดกระเฟียด และกล่าวกับบอดีการ์ดทั้งกลุ่มว่า “พวกเรากลับ! แม่เอ๊ย ซวยจริงๆ!”หลัวจื้อหย่งเดินกลับและคบคิดคำนวณในใจว่าอยู่ต่อในเมืองเจียงจงไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ไม่แน่อาจไปล่วงเกินฉู่เฉินเพราะใครคนไหนเข้าสักวันก็ได้เงินมากมายในบัญชีธนาคารของเขายังไม่ได้ใช้เงินเลย ไม่อยากตายก่อนวัยอันควรหรอกนะหลัวจื้อหย่งเพิ่งจะนั่งในรถ จางม่านและผู้จัดการก็ตามมาอย่างรวดเร็ว“ประธานหลัว คุณรอก่อนค่ะ!”จางม่านดึงประตูรถเปิดกว้างแล้วเข้าไปนั่งในรถทันทีโดยไม่ให้โต้แย้งใดๆหลัวจื้อหย่งกล่าวพร้อมกลอกตาใส่จางม่านด้วยสีหน้าอมทุกข์ “เธอมาหาฉันก็ไร้ประโยชน์ ฉันล่วงเกินคุณฉู่ไม่ได้!”หลัวจื้อหย่งชี้ไปที่แขนเสื้ออันว่างเปล่าของตัวเองขณะพูดขึ้นว่า “รู้ไหมว่าทำไมแขนฉันข้างนี้ถึงหายไป?”ซี้ดๆ!จางม่านเพิ่งจะสังเกตว่าแขนเสื้อข้างขวาของหลัวจื้อหย่งว่างเปล่า ทำเอาเธอตกใจจนโง่งมไปทันที!หรือเมื่อกี้ฉู่เฉินหักแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่ง?เป็นไปไม่ได้หรอ
เมื่อหลัวจื้อหย่งเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของฉู่เฉินแล้วมุมปากก็กระตุกขึ้นมาทันที!“โอ้ ประธานหลัวไม่ใช่เหรอ? เจียงจงแคบเกินไปแล้วจริงๆ”ฉู่เฉินทิ้งม้วนบุหรี่ในมือ แล้วชำเลืองมองหลัวจื้อหย่งโดยเอามือวางบนไหล่“ประธานหลัว ไอ้หนุ่มนี่แหละที่ตบผมเมื่อกี้ยังไม่พอ ยัง… ยังข่มขู่คุณม่านม่านด้วยครับ ต้องจัดการไอ้หนุ่มนี่นะ…”เพียะ!ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันพูดจบ หลัวจื้อหย่งก็สะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง จากนั้นก็ถีบเขาไปหนึ่งทีจนเขาหัวคะมำพื้น!“ประธานหลัว… คุณ…. คุณตบผมได้ยังไง? ไอ้หมอนั่น…”พลั่กๆ!หลัวจื้อหย่งยกขาถีบไปบนร่างของผู้จัดการอีกหลายครั้ง พร้อมกัดฟันกล่าว “ไอ้สารเลว แกนับเป็นตัวอะไรได้ ยังกล้ามาชี้นิ้วสั่งคุณฉู่ฮะ!”หลัวจื้อหย่งกล่าวเสร็จก็วิ่งเหยาะไปหาฉู่เฉินและยังโค้งตัวกล่าวขึ้นท่ามกลางสายตาจดจ้องอย่างเหลือเชื่อของจางม่านและผู้จัดการ “อุ้ย บังเอิญจังนะครับ คุณฉู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”ฉู่เฉินยื่นมือออกมายกแขนเสื้อข้างขวาที่ว่างเปล่าของหลัวจื้อหย่งแล้วกล่าวเย้ยว่า “บังเอิญมารับดารากระจอกๆ แต่เขาดันบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งมาก ทั้งยังจะสั่งส
ถึงยังไงเสื้อผ้าที่ฉู่เฉินสวมก็ไม่หวือหวาเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่คนที่ผ่านประสบการณ์จนมองโลกออกก็แทบไม่รู้จักเนื้อผ้าราคาห้าสิบล้านชิ้นนั้นแน่นอน!ฉู่เฉินได้ยินแล้วก็หัวเราะทันที กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่เช่นกัน กล่าวขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังฉู่เฉิน “เขาก็คือประธานใหญ่ที่สุดของบริษัทเรา”อะไรนะ?จางม่านฟังแล้วก็มองสำรวจฉู่เฉินด้วยความแปลกใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นสีหน้าหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดิม เธอกล่าวถากถาง “ทำไม พวกคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าในเมืองเจียงจงแห่งนี้ฉันจะกลัวพวกคุณน่ะ?”จางม่านควักโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์โทรต่อหน้าต่อตากู้รั่วเสวี่ยและฉู่เฉินจากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ถือโอกาสตอนที่ฉันยังไม่ทันกดโทรออก แกมาคุกเข่าขอโทษก็ยังทันนะ!”“ไม่งั้นอีกเดี๋ยวพวกแกสองคนคงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อคนของฉันมาถึงแล้ว!”ฉู่เฉินมองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็เงยหน้าหัวเราะลั่นอย่างห้ามไม่อยู่อย่าว่าแต่เจียงจงเลย ต่อให้ทั้งมณฑลเจียง ฉู่เฉินก็ไม่เคยกลัวใคร“โทรสิ คุณโทรเลยตอนนี้ และฉันขอบอกเลยว่า ถ้าคนของคุณไม่มา วันนี้คุณอย่าได้คิดออกไปจากสนามบินเลย!”กล่าวเสร็จ ฉู่เฉินก็ยืนพิงประตูรถจุด
ฉู่เฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อมองดูเหตุการณ์นี้แค่ดาราตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น พูดให้ดีหน่อยก็ศิลปิน พูดตรงๆหน่อยก็แค่คนที่หลับนอนกับคนมากมายราวกับรถเมล์ที่รับผู้โดยสารไม่เลือกหน้าใครให้เธอกล้าบ้าดีเดือดขนาดนี้ฮะ?เมื่อเห็นสีหน้าฉู่เฉินเริ่มไม่สบอารมณ์ กู้รั่วเสวี่ยก็รีบดึงปลายเสื้อของฉู่เฉินแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มจางๆ“คุณจางม่าน นี่ก็เป็นโรงแรมห้าดาวโรงแรมหนึ่ง ทำไมถึงพักไม่ได้ล่ะ?”“และในสัญญาของพวกเราก็เขียนชัดเจนแล้วว่าการต้อนรับแบบเรียบง่าย พวกเราจองโรงแรมห้าดาวให้คุณแล้วนี่ถือเป็นการต้อนรับเกินมาตรฐานระดับสูงแล้วด้วยซ้ำ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้จัดการส่วนตัวของจางม่านก็ดันแว่นขึ้นแล้วขมวดคิ้วกล่าว“คุณผู้หญิงท่านนี้ คำพูดของคุณหมายความว่าอะไรครับ? คุณจางม่านของพวกเราไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนเข้าพักห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทของโรงแรมระดับมาตรฐานสากล!”“ในเจียงจงของพวกคุณมีโรงแรมระดับหรูแบบนั้นไหม? นี่พวกคุณกำลังทำให้คุณจางม่านขายหน้าอยู่นะครับ!”“และก็จากท่าทีของพวกคุณ คุณจางม่านของพวกเรามีสิทธิ์ยกเลิกตารางการถ่ายทำในวันถัดไป อีกทั้งพวกคุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายทั้งห
“นี่คือเอฟเฟกต์ของคนดัง แม้ว่าจางม่านจะมีเรื่องอื้อฉาวอยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียงศิลปินที่มีการข่าวซุบซิบถึงจะปรากฏต่อสายตาสาธารณชนได้ตลอด”“ดังจากข่าวฉาวก็ถือว่าดัง และศิลปินแบบเธอก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับแท้หรือแอนตี้แฟนคลับ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวเธอก็จะต้องเกิดความสงสัยไหมล่ะ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “อือ พูดมีเหตุผล พรุ่งนี้เอาแผนฉบับนี้ให้โจวเทียนเฟิ่งอ่าน ให้เธอเริ่มดำเนินการทันที”กู้รั่วเสวี่ยได้ยินก็หรี่ตาจ้องเขม็งฉู่เฉินพร้อมกล่าว “พี่นี่ก็สั่งการอย่างเดียว ไม่ลงมือทำสักนิดเลยนะคะ”“ฮ่า ๆ ๆ…”ฉู่เฉินหัวเราะฮาลั่นในขณะที่สวมกอดและลูบสัมผัสผิวอันเกลี้ยงเกลาของกู้รั่วเสวี่ยและพูดว่า “คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่ามีอะไรก็ให้เลขาจัดการ ถ้าไม่มีอะไรก็จัดการเลขาเหรอ?”“อ๊ะ… ฉันไม่ใช่เลขาพี่สักหน่อย…”กู้รั่วเสวี่ยแค่ขัดขืนตามสัญชาตญาณเพียงครู่เดียว ในจังหวะที่ปากหนาของฉู่เฉินประทับริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ของเธอสนิท จากที่เคยขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นสอดรับประสานในเวลาอันรวดเร็ว……ไม่นาน ข่าวการเป็นพรีเซนเตอร์ยาบำรุงปราณของดาราดังจางม่
เห็นได้ชัดว่าใบสั่งยาอันนี้ของอวี้ลู่มีประสิทธิผลช่วยเสริมความฉลาดได้อย่างไม่ธรรมดาจริงๆถ้าพัฒนาปรับปรุงสูตรยานี้ต่อไปแล้วมอบให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาโดยกำเนิดฟรีๆ คงจะได้บุญเพิ่มอีกแน่นอนไม่ใช่หรือ?พูดตามตรง ฉู่เฉินได้สัมผัสมากับตัวเองถึงพลังบุญและพลังความศรัทธาแต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลังจากแปลงพลังบุญเป็นพลังวิญญาณก็มีผลช่วยในการบำรุงเส้นลมปราณของฉู่เฉินอีกทั้งหลังจากได้รับพลังบุญตั้งแต่การแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งก่อนเป็นต้นมา จุดตันเถียนและทะเลปราณของฉู่เฉินก็ขยายเป็นเท่าตัวด้วยเหตุนี้ช่วงนี้ฉู่เฉินจึงอยากทำสาธารณะกุศลเพื่อรับพลังแห่งบุญโดยเร็วสักหน่อยฉู่เฉินคิดคำนวณระหว่างขับรถ ควรจะเปลี่ยนชื่อโอสถสุคนธ์ของอวี้ลู่เป็นอะไรดี“ใช่แล้ว! ให้เรียกว่ายาเสริมสติปัญญา!”ฉู่เฉินคิดได้แล้วก็เร่งเครื่องพุ่งทะยานราวลูกศรคันธนูมุ่งสู่ทิศทางคฤหาสน์ตระกูลกู้กู้รั่วเสวี่ยคิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เธอยังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำนะฉู่เฉินนั่งกินองุ่นพลางชื่นชมร่างอรชรอันน่าหลงใหลของกู้รั่วเสวี่ยผ่านกระจกใสของห้องน้ำต้องกล่าวว่าตั้งแต่ที่กู้รั่วเสวี่ยกลายเป็น
น้ำเสียงของฉู่เฉินมีความเย็นชา ไม่มีอารมณ์อื่นใดแม้แต่น้อยหลูไคซานฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเขารู้ดีถึงความหมายในคำพูดนี้ เบื้องหลังฉู่เฉินยากหยั่งถึงยิ่งเสียกว่าเขาจะจินตนาการได้มากนัก!และถ้าวินาทีที่เขาได้กลับสู่จุดสูงจุดในชีวิตของเขาอีกครั้งก็ต้องเป็นสุนัขเชื่องติดตามข้างกายฉู่เฉินอย่างเชื่อฟัง สุนัขไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระได้อีกแล้ว“ผมเข้าใจ ผมยินยอมเป็นสุนัขของคุณ”หลูไคซานกัดฟันพูดเสียงทุ้มฉู่เฉินได้ยินแล้วเผยยิ้มบางเดินเข้ามาตบไหล่พร้อมกล่าวต่อหลูไคซาน “คุณรู้ความดีมาก เก่งกว่าพี่ชายของคุณเป็นไหน ๆ รีบพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”ฉู่เฉินพูดแล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลหลูทันทีหลูไคซานรอจนกระทั่งแผ่นหลังของฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้วจึงทิ้งก้นบุหรี่ในมือ จากนั้นก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว สายตาจดจ้องเจียงอิ่งที่อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงภายในห้องนอนอย่างไม่ละสายตา ภายในใจเขาก็รู้สึกซับซ้อนยากที่จะกล่าวได้……วันถัดมาทันทีที่ฉู่เฉินเพิ่งจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จในตอนเช้าตรู่ กู้รั่วเสวี่ยก็โทรเข้ามาฉู่เฉินกลืนซาลาเปาคำสุดท้ายลงคอแล้วก็รับสายทันที “ทำไมวันนี้