ฟิ้ว!พร้อมกับเสียงน้ำกระเซ็น เห็นแค่ผีดิบเลือดคลั่งที่ตาแดงเถือกหิ้วคอนักพรตชิงซงที่บาดแผลเต็มตัว เดินออกมาจากทะเลสาบหย่งติ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่... ฉัน... ฉันไม่จบไม่สิ้นกับแก... อั่ก...”นักพรตชิงซงพลางพูดข่มขู่ พลางกระอักน้ำลายออกมาพุงของเขากลมเหมือนลูกบอลหนัง เขาน่าจะดื่มน้ำเข้าไปไม่น้อยเลยล่ะ“ถ้าไม่เห็นแก่ความชราภาพของแก วันนี้แกคงไม่รอดแล้วล่ะ”ฉู่เฉินพูดออกมาด้วยความเย็นชา โบกมือให้กับผีดิบเลือดคลั่งตุ้บ!วินาทีต่อมา นักพรตชิงซงก็ถือโยนออกไปไกลกว่าสิบกว่าเมตร ทำเอาฟันหน้าหลุดลอยออกมาสองซี่“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”โจวอวี้หมิงถลึงตาใส่นักพรตชิงซง แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบนักพรตชิงซงดิ้นรนลุกขึ้นมาจากพื้นในตอนนี้เองเขาถึงรู้ว่ามีทหารประจำกองทัพจำนวนไม่น้อยล้อมรอบไว้อยู่ สายตาของพวกเขาเย็นชาจับจ้องมาที่เขากระทั่งที่ว่ามีบางคนกำลังเล็งปากกระบอกปืนมาที่ขาทั้งสองข้างของเขาซี้ดๆ !นักพรตชิงซงเป็นผู้มีประสบการณ์ เขามองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าเขายังกล้าต่อกรเรื่องกระจกแปดทิศกับฉู่เฉินอีก ปืนหลายกระบอกที่เล็งมายังต้นขาของเขาก็สามารถลั่นไกได้ทุกเมื่อ
เมื่อถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าต้องมีคนประสบเคราะห์กรรมเท่าไร“ผีดิบเลือดคลั่งไม่เพียงแต่พละกำลังเท่ากับระดับสร้างรากฐานขั้นเจ็ด พวกอาคมง่ายๆ ก็เป็น แน่นอนว่ามันสามารถแปลงร่างได้ แค่ว่าเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์เดิมไม่ได้เท่านั้นเอง”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง“อ้อๆๆ”หลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผีดิบเลือดคลั่งจะเปลี่ยนร่างไปแล้ว แต่ว่ารอบๆ ตัวของมันยังคงส่งกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้งของไอดาราโลหิต“คุณฉู่ พวกเราไปพบผู้ว่าการมณฑลกันดีกว่าครับ ถือโอกาสรายงานเรื่องวันนี้กับผู้ว่าการมณฑลไปด้วย”ระหว่างที่หลูติ้งไห่พูด เขาก็มองโจวอวี้หมิงไปแวบหนึ่งโจวอวี้หมิงก็พยักหน้าเล็กน้อย นำคนมาช่วยมากมายขนาดนี้จำเป็นต้องมีอะไรไปรายงานเกาหมิงหลายบ้าง ดังนั้นเธอจึงเข้าไปนั่งในรถของหลูติ้งไห่พร้อมกับฉู่เฉิน และคนอื่นๆ……อีกด้านหนึ่ง นักพรตชิงซงที่พึ่งหนีออกมาจากทะเลสาบหย่งติ้ง รีบวิ่งไปทางสำนักเทียนเสวียนอย่างไม่หยุดพักเย็นวันนี้เขาไม่เพียงแต่ถูกฉู่เฉินหักหน้า อีกทั้งเขายังจะถูกผีดิบเลือดคลั่งฆ่าอย่างตายทั้งเป็นแค้นนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องชำระ!แต่เขารู้ดี ด้วยความสามารถแบบเขา อย่า
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉิน หลูติ้งไห่และคนอื่นๆ กลับมายังที่ว่าการมณฑลด้วยกันแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดึกแล้วก็ตาม แต่ห้องทำงานในที่ว่าการมณฑลยังคงมีแสงไฟสว่างจ้าหลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงเข้าไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมดให้เกาหมิงหลายฟังตามความเป็นจริง“ผู้ว่าการมณฑลเกาคะ ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้บัญชาการเซียว อีกทั้งเขาสู้จนสุดชีวิตไม่กลัวตายเลยค่ะ ฉันคิดว่าลงโทษสถานเบาก็ได้แล้วค่ะ”โจวอวี้หมิงมองไปที่เกาหมิงหลายด้วยสีหน้าเรียบนิ่งคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายสิบราย ทำให้มือของเกาหมิงหลายที่เซ็นลายเซ็นสั่นเทาไม่หยุด“ฉันเข้าใจแล้ว พวกคุณออกไปเถอะ”เกาหมิงหลายออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงมองไปที่ฉู่เฉินแวบหนึ่ง แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทำงานเกาหมิงหลายที่เงียบมาสักพักหนึ่ง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เขาฝืนยิ้มออกมาแล้วมองไปที่ฉู่เฉิน “เสียวฉู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นผลงานของคุณทั้งนั้น”“เมื่อกี้ผมได้ยินพวกเขาบอกว่า คุณจัดการผีดิบเลือดคลั่งนั่นแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “
“อืม เขาถือว่าเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งของฉัน เดี๋ยวถ้าเจอหลิงเอ๋อร์แล้ว พวกคุณก็ลองคุยกันนะครับ พวกคุณอายุไล่เลี่ยกันเลย ควรมีการติดต่อกันบ้างเพื่อไม่ให้ห่างเหินเกินไป”เกาหมิงหลายพูดจบก็เบนหน้ามองไปนอกกระจกรถกู้รั่วเสวี่ยแอบมองเกาหมิงหลายด้วยความระมัดระวัง นี่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำพูดของเขาแฝงอะไรไว้อยู่ฉู่เฉินกลับหลับตาสงบสติอารมณ์ ในใจของเขายังคงคิดถึงเสี่ยวหนานหมอกโลหิตที่ขวานผ่าใจปล่อยออกมานั้นเหมือนกับผีดิบเลือดคลั่ง หรือว่าผีดิบเลือดคลั่งนี่จะเกี่ยวข้องกับเธองั้นเหรอ?ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น รถก็ค่อยๆ จอดฉู่เฉินเปิดประตูรถ หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปตรงหน้าผีดิบเลือดคลั่ง “รออยู่ข้างหน้าประตูนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาดถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน”พูดจบ เขาถึงเดินตามเกาหมิงหลายเข้าไปข้างในบ้านพักผู้ว่าการ์ดที่อยู่หน้าประตูมองไปที่ผีดิบเลือดคลั่งที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นเขาถึงโค้งคำนับให้กับเกาหมิงหลายและคนอื่นๆในตอนนั้นเอว ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นปรากฏที่ประตูเห็นหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาสวยงาม ผิวขาวดั่งหิม
ฉู่เฉินได้ยินเช่นนั้น หันหน้ามองที่เกาอวี้หลิงหัวเราะอย่างนิ่งๆ “คุณหนูเกา ถ้าผมเดาไม่ผิดคนที่วางค่ายกลหินร้อยนี่ไว้มาจากฮ่องกงใช่ไหมครับ?”เกาอวี้หลิงหัวเราะอย่าดูถูก เธอไม่สนใจฉู่เฉิน แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องครัวทันทีเกาหมิงหลายเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “เสียวฉู่ คุณอย่าถือสาเธอเลยนะ ตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสียไป ยัยเด็กนี่ก็เอาแต่งมงายอยู่กับฮวงจุ้ย” “ทั้งวันเอาแต่ไม่ปรมาจารย์คนนู้น ก็ปรมาจารย์คนนี้ เธอทำในบ้านรกไปหมด”“มาครับ ไม่ต้องสนใจเธอ พวกเรามากินข้าวกันดีกว่า”ระหว่างที่พูด เกาหมิงหลายก็ดึงฉู่เฉินมา พร้อมทั้งเรียกมานั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารด้วยกันเกาอวี้หลิงยกสลัดจีนมาแล้ววางลงบนโต๊ะอาหาร กล่าวด้วยท่าทางดื้อรั้นว่า “พ่อพูดจาเหลวไหลอะไรกันคะ การจัดวางฮวงจุ้ยแบบนี้เป็นผลงานของผู้สืบทอดลู่หวนเฟิงจากทงเทียนลู่เลยนะคะ”“คุณรู้ที่มาที่ไปของหินพวกนี้ไหมครับ?”พูดจบ เกาอวี้หลิงชี้ไปที่ก้อนหินพวกนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่คือหินก่านตังจากภูเขาหวงซาน นี่คือหินแคล้วคลาดจากภูเขาซงซาน ยังมีก้อนนี้...”เกาอวี้หลิงกล่าวถึงทุกๆ ก้อนหินอย่างละเอียด ราวกับเป็นการพูดถึงสิ่งที่คุ้นเ
เธอไม่ด่าออกไปนั่นก็ถือว่ามีมารยาทมากพอแล้วกู้รั่วเสวี่ยตอนนี้ก็ใบหน้าขาวซีดเธอมองไปที่ลูกน้องของฉู่เฉินคนนั้น เขาก็ทำอะไรไม่คิดนี่บ้านของผู้ว่าการเชียวนะ คิดจะทุบก็ทุบเลยได้ยังไง เขาเอาความกล้ามาจากไหน?พูดจริงๆ นะ เมื่อเห็นภาพเล่านี้ฉู่เฉินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีถ้าเขาลงมือเองแม้ว่าจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็คงไม่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้มุมปากของเกาหมิงหลายก็กระตุกเล็กน้อย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดเขาไม่ได้เสียดายกระถางต้นไม้นั้นหรอก แต่เขาเสียดายอาหาร และซุปต่างๆ ที่หกเต็มพื้น“วันนี้คุณจะต้องให้คำตอบกับฉัน!”เกาอวี้หลิงเห็นว่าชายหนุ่มร้างซูบผอมยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างงงงวย ราวกับว่าไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เธอยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น ยื่นมือเข้าไปคว้าคอเสื้อของผีดิบเลือดคลั่งไว้ ไม่ว่าเธอจะขยับเขาแรงแค่ไหนก็ตาม ฝ่ายตรงเขาก็เหมือนไม่ได้สติ ยืนแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม้แต่มองเธอก็ยังไม่มองเลยท่าทางแบบนี้ของเขามันยิ่งทำให้เธอโมโหทำให้เกาอวี้หลิงโกรธจนจะบ้าคลั่งอยู่แล้วถึงว่าจะไม่ขอโทษ เกาอวี้หลิงก็จะไม่โกรธขนาดนี้ฉู่เฉินสีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้นมาอ
“อ่ะแฮ่ม!”เกาหมิงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว กู้รั่วเสวี่ยยังนั่งดูอยู่ข้างๆ อยู่เลย ลูกสาวของเขาตัวจะติดฉู่เฉินอยู่แล้ว นี่มันใช้ได้ที่ไหน!“เอ่อ... ผู้ว่าการพูดก่อนเลยครับ ผม... ไม่สะดวก...”ฉู่เฉินกลืนน้ำลาย เขาที่อยู่ห่างจากเกาอวี้หลิงตั้งไกลก็สามารถมองเห็นร่องขาวลึกของเกาอวี้หลิงได้โดยเฉพาะก้อนกลมที่อวบอิ่มนั่น แค่มองก็รู้แล้วว่านุ่มมากๆ ยั่วเขาต่อหน้าเกาหมิงหลายแบบนี้มันจะดีเหรอ?ที่สำคัญคือสีหน้าของกู้รั่วเสวี่ยเห็นได้ชัดว่าไม่ปกติแล้วด้านหนึ่งมีกลิ่นหอมพัดมากระทบหน้า อีกด้านหนึ่งคือความเย็นยะเยือกที่แผ่เข้ามา ฉู่เฉินรับมือไหวจริงๆ“มีอะไรที่ไม่สะดวกกัน พวกคุณ... ระหว่างพวกคุณ...”“อ่ะแฮ่ม!”เกาหมิงหลายยอมใจลูกสาวของตัวเองจริงๆเขากระแอมออกมาดังๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องที่ฉู่เฉินกำราบผีดิบเลือดคลั่งได้ให้ฟังอีกครั้ง“ว้าว!”เกาอวี้หลิงเมื่อฟังจบ แววตาที่เคารพก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อมือเล็กๆ ทั้งสองของเธอประสานกันที่หน้าอก ความอิ่มเอิบทั้งสองข้างยิ่งดูโดดเด่น กลมกลึง และใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกู้รั่วเสวี่ยเหลือบมองฉู่เฉิน เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาแทบจะหลุดไปตร
โดยเฉพาะชุดซีทรูแขนสั้นนั้นที่พลิ้วตามการเคลื่อนไหวของเธอ ให้ความรู้สึกวับ ๆ แวม ๆ ยั่วยวนมากจริงๆ“นี่มันเรื่องเข้าใจผิดนะครับ คุณหนูเกาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธออยากจะขอความช่วยเหลือจากผม”ฉู่เฉินพูดไปด้วย ใช้หลังมือสัมผัสที่ขาที่เนียนนุ่มและสวยของกู้รั่วเสวี่ยไปด้วย พอไม่มีถุงน่องซีทรูสีดำแล้ว ความรู้สึกไม่เหมือนกันจริงๆช่วงนี้ผิวของกู้รั่วเสวี่ยดีขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นเพราะร่างของเขามีประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงผิว“หึ ใครจะไปรู้ว่าช่วยไปช่วยมาอาจจะไปช่วยบนเตียงก็ได้!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็ปัดมือใหญ่ของฉู่เฉินออกไป หลังจากนั้นเธอก็สตาร์ตรถมุ่งหน้าไปยังเจียงจง“มีเหตุผล ฮวงจุ้ยบนเตียงดีถึงจะต่อได้เรื่อย ๆ ยังไงละครับ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดขึ้นมา“อะไรนะคะ?”กู้รั่วเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันเป็นการเตรียมตัวขึ้นเตียงดีๆ นี่เอง“หึ! ช่วยนักใช่ไหม!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็จอดรถที่ข้างทางทางด่วน หลังจากนั้นก็พลิกตัวขึ้นคร่อมบนร่างฉู่เฉินจากนั้นกู้รั่วเสวี่ยก็ร้อนแรงไม่หยุดหย่อน ทำเอาฉู่เฉินนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติ เขาหัวเราะอย่างเขินอาย “ลูกสาวตระกูลมหาเศ
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล
“เย่หัวเอามือกุมหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ถอยหลังไปหลายก้าวและใช้กระบี่ชิงหลงค้ำพื้นเอาไว้ จึงฝืนไม่ล้มลงไปได้แค่ก! ในวินาทีต่อมา เย่หัวและฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกแทบจะพร้อมกัน “นี่เป็นไปได้ยังไง?”เย่หัวเพียงรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดจนกระทั่งเขาไม่มีแรงพอที่จะยกกระบี่ขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญอิสระระดับสร้างรากฐานชั้นที่สี่ เหตุใดถึงสามารถทำร้ายเขาได้?!แค่ก!เย่หัวรู้สึกถึงเลือดลมแปรปรวน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก เมื่อกี้นี้เขารับกระบี่ของเย่ฮัวอย่างเต็มแรง แม้ภายนอกดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น แค่แรงสะท้อนก็ทำให้แขนทั้งสองข้างของฉู่เฉินชาไปหมดแล้ว และภายในจุดตันเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่านถ้าไม่ใช่เพราะเงามังกรในร่างกายที่ช่วยต้านการโจมตีไว้มากกว่าครึ่ง เกรงว่าตอนนี้ฉู่เฉินคงจะศีรษะขาดจากร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก วังเทียนเจี้ยนของพวกคุณก็แค่นี้แหละ มาอีกสิ!”ฉู่เฉินพยายามอดทนกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายและยิ้มกว้างออกมา ความจริงแล
ดูเหมือนว่าฉู่เฉินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ปัดป้องเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาไปพลาง ขณะเดียวกันก็พูดเหน็บแนมว่า “ลูกเล่นนี่ใช้ได้เลยนี่ แต่เสียดายที่วิชาแมวสามขานี้ยังไม่เข้าตาผม”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่หัวยิ้มอย่างภูมิใจและเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ไม่เข้าตาแก? มากสุดสามลมหายใจ ฉันจะทำให้เลือดของแกเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว!”ทันทีที่พูดจบ เย่หัวก็เร่งความเร็วในการโจมตีมากขึ้นในเสี้ยววินาที แม้แต่อากาศโดยรอบล้วนปกคลุมไปด้วยลมกระบี่ที่หนาวเหน็บฉู่เฉินรับมืออย่างเยือกเย็นไปพลาง ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาจุดอ่อนในท่าทางของเย่หัวความจริงแล้ว ตาข่ายกระบี่ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ไม่ได้ไร้ช่องโหว่ แต่คนทั่วไปยังไม่ทันจะสังเกตเห็นจุดอ่อนก็ถูกพลังอำนาจของเย่หัวทำให้ตกใจกลัวโชคดีที่ในมรดกของมังกรเฒ่ามีทักษะกายาที่เรียกว่าเจ็ดก้าวดารา แม้จะเป็นทักษะกายาที่ใช้หนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังเป็นวิชาระดับสวรรค์และถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นช่องโหว่ในกระบวนกระบี่ของเย่หัวและลอบคำนวณหาจังหวะทำลายการโจมตีในวินาทีต่อมา ฉู่เฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แทงกร
ในมุมมองของเย่หัว ฉู่เฉินที่เป็นแค่คนธรรมดาระดับสร้างรากฐานชั้นสี่ ไม่มีค่าพอที่เขาจะลงมือด้วยซ้ำเพราะเย่หัวเองมีพื้นเพมาจากหนึ่งในสิบสำนักใหญ่อย่างวังเทียนเจี้ยน!วิชาที่สืบทอด ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าฉู่เฉินที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระตัวเล็กๆ สักกี่เท่าแค่เรื่องระดับ ก็เหนือกว่าฉู่เฉินหนึ่งชั้นแล้วแม้จะเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน ผู้บำเพ็ญอิสระทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือของศิษย์จากสำนักใหญ่เลยและในมุมมองของเขา หลิงเสวี่ยให้ฉู่เฉินทำลายพลังของตัวเอง ถือเป็นความกรุณาแล้วถ้ายึดตามตามความต้องการของเขา คนโง่เง่าหัวแข็งที่กล้าท้าทายศิษย์พี่หลิงเสวี่ยแบบนี้ก็ควรถูกดาบฟันจนตายถึงจะถูก“ถ้าคุณตัดแขนขาทั้งสองข้างต่อหน้าผม ผมก็อาจจะพิจารณาไว้ชีวิตคุณก็ได้”ฉู่เฉินวางหลิ่วหรูเยียนในอ้อมแขนลง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น“แกพูดว่าอะไรนะ?”เย่หัวเบิกตาขึ้นทันที ดวงตาปล่อยแสงเย็นเยียบมองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระ ใครให้ความกล้าหาญแกมาพูดจาไร้สาระกับฉันที่เป็นศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนอย่างนี้!”เมื่อคำว่าวังเทียนเจี้ยนสามคำถูกพูดออกมา สีหน้าของเย่หัวยิ่งแสดงความภูมิใจมากข
หยางเทียนหลงและคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังฉู่เฉินไป พร้อมเดินไปทางลิฟต์ด้วยกันหลิงเสวี่ยมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาส่องประกายแสงเยือกเย็นสองเส้น! “คุณหลิงเสวี่ยครับ ไอ้หนูคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้เขารู้สำนึกบ้างแล้ว” เหล่าคนที่นำโดยเฉียนฮ่าวตงมองตามแผ่นหลังของฉู่เฉินที่เดินห่างออกไป เกลียดจนกัดฟันกรอด“ศิษย์พี่ ต้องทำ...”หลิงเฟิงก็ก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินและคนอื่นๆ พลางทำท่าตัดคอแล้วกล่าวเสียงเย็นหลิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นใบหน้าสวยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น กล่าวว่า “ช่างเถอะ งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อ อย่าให้คนที่ไม่รู้คุณค่ามาทำลายบรรยากาศสนุกของทุกคนเลย”พูดจบ หลิงเสวี่ยก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟา โบกมือให้หลิงเฟิงและกล่าวว่า “อีกเดี๋ยว ให้คนไปสั่งสอนฉู่เฉินสักหน่อย”“และจำกัดเวลาให้ส่งมอบหยกโลหิตกิเลนภายในหนึ่งเดือน ไม่งั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”หลิงเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหนักๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ความหมายว่า…”“ทำลายพลังของเขาก่อนเถอะ”หลิงเสวี่ยพูดด้วยความมั่นใจอย่างมากแค่ระดับสร้างรา
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้าใส่อย่างฉับพลัน หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายแนบชิดกับฉู่เฉินแน่นตามสัญชาตญาณอย่าหลงกลรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเสวี่ย แต่รอบตัวกลับแผ่เจตนาฆ่าอย่างรุนแรงจนยากจะปกปิดฉู่เฉินยิ้มบางแล้วกล่าวว่า “ฆาตกร ย่อมถูกคนฆ่าตอบ”“ไม่ว่าเกาเซิ่งอี้จะเป็นสุนัขของใคร กล้ามาจ้องสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉู่ของผม ก็สมควรได้รับโทษ ผมฆ่าเขาแล้วจะทำไมครับ”ซี้ดๆ!เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนรอบข้างต่างสูดลมหายใจเข้าลึกแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือ แต่หลิงเสวี่ยเป็นตัวแทนของหอการค้ากิเลนในมณฑลเจียงเขากล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหลิงเสวี่ยได้ยังไง?“ฉู่เฉิน ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นความผิดของคุณก่อน คุณหลิงเสวี่ยก็ไม่ได้ถือโทษ กลับยังเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น การขอโทษคุณหลิงเสวี่ย ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอครับ?”ในขณะนี้ ในฝูงชน มีชายวัยกลางคนผิวขาวสะอาดอายุราวสามสิบกว่าก้าวออกมา มองฉู่เฉินด้วยสีหน้ายิ้มเยาะแล้วกล่าวออกมาเมื่อคำพูดของเขาหยุดลง ผู้มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยที่อยู่ข้างหอการค้ากิเลนต่างพากันเปิดปากล่าวประณามฉู่เฉิน“พูดจาไร้สาระ!”ในขณะที่ท
อย่างไรเสียงานเลี้ยงนี้จัดโดยหอการค้ากิเลน ใครจะกล้าหักหน้า?“ทั้งสองท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกคุณด้วยครับ”เมื่อมาถึงประตู ชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อแขนสั้นสีดำและตัดผมสั้นก็มาขวางทางของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียน“นี่คือบัตรเชิญของเรา เชิญตรวจสอบได้เลยค่ะ”หลิ่วหรูเยียนกล่าว พลางหยิบบัตรเชิญสองใบออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ไปหนึ่งในชายผมสั้นรับบัตรเชิญไปเปิดดู กวาดตามองชื่อบนนั้น ความเย็นเยือกในแววตาวาบผ่าน จากนั้นจึงกล่าวกับฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนว่า “ทั้งสองท่านเชิญด้านนี้ครับ”ขณะพูด ชายผมสั้นก็พาฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นกดปุ่มชั้นสิบเอ็ด ก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินจากไปแต่ในเสี้ยววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ศิษย์พี่หลิงเฟิง ฉู่เฉินมาถึงแล้วครับ”“อืม ฉันรู้แล้ว”หลิงเฟิงตอบรับเสียงเรียบก่อนจะวางวิทยุสื่อสารลง รีบก้าวไปหน้าโซฟากลางห้องโถงจัดเลี้ยง ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่งหลิงเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปยังประตูทา
ไม่นานนัก ข่าวหอการค้ากิเลนที่เข้ามามีบทบาทในมณฑลเจียงได้แพร่กระจายไปทั่ววงการของมณฑลเจียงคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเข้าร่วมกับหอการค้าราชันมังกรก็ล้วนอยู่ในความหวาดระแวงเนื่องจากอิทธิพลของหอการค้ากิเลนไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจมั่งคั่งเหล่านี้จะสามารถต้านทานได้แม้แต่หอการค้าราชันมังกรเอง เมื่อเผชิญหน้ากับหอการค้ากิเลนก็ไม่อาจต้านทานได้เช่นกันดังนั้น หลังจากคนจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว จึงเลือกที่จะถอนตัวออกจากหอการค้าราชันมังกรเพื่อปกป้องตัวเองในเวลาไม่นาน โลกธุรกิจของมณฑลเจียงล้วนมีท่าทีเหมือนพายุฝนกำลังจะมาเยือนภายในคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวจี้เซียนถือบัตรเชิญของหลิงเสวี่ยไว้ พลางมองไปที่เซียวถิงฮั่นด้วยสีหน้าลำบากใจ“พ่อครับ ความหมายของหอการค้ากิเลนชัดเจนมากแล้ว กำลังบีบให้พวกเราเลือกข้าง”“พ่อว่าคุณฉู่จะสู้กับหอการค้ากิเลนได้ไหมครับ?”ตระกูลเซียวเพิ่งเข้าร่วมฉู่เฉินไปหมาดๆ หากในเวลานี้หักหลังฉู่เฉินและกันไปเข้าข้างหอการค้ากิเลนอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต้องสงสัยถ้าฉู่เฉินพ่ายแพ้ก็แล้วไป แต่ถ้ากำจัดหอการค้ากิเลนเหมือนที่เคยกำจัดเกาเซิ่งอี้ งั้นผู้โชคร้ายค
ความจริงแล้ว สิ่งที่สวีปินพูดก็เป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ตอนนั้น ใครจะกล้าพูดคำว่า “ไม่” กันล่ะ? เขาเชื่อว่าฉู่เฉินจะลงมือโดยไม่ลังเลแน่นอนส่วนเรื่องการชำระบัญชีกับหอการค้ากิเลน นั่นเป็นเรื่องของอนาคตอีกอย่าง กฎหมายไม่อาจลงโทษฝูงชนได้!หอการค้าตะวันออกใหญ่ทั้งหมด แค่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมก็มีมากกว่าร้อยคนแล้ว หอการค้ากิเลนคงไม่สามารถฆ่าทุกคนได้หรอกใช่ไหม?“โอ้? หมายความว่าตอนที่เกาเซิ่งอี้ถูกฆ่า คุณก็อยู่ที่นั่นและเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเองงั้นเหรอ?”หลิงเสวี่ยขมวดคิ้ว ดวงตาค่อยๆ เย็นชาลง พร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็น“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น วันนั้นทุกคนที่ไปร่วมงานฉลองครบรอบต่างก็เห็นกันหมด แต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ? พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา จะไปช่วยคุณเกาได้ยังไง...”สวีปินกล่าวแก้ตัวด้วยสีหน้าเศร้าโศก“งั้นฉันจะถามคุณ ใครเป็นคนฆ่าเกาเซิ่งอี้?”หลิงเสวี่ยลุกขึ้นช้าๆ มือหยกเรียวกดลงบนไหล่ของสวีปินเบาๆทันใดนั้น ความเย็นเยือกถึงกระดูกก็กลืนร่างของสวีปินไปจนหมด“คะ...คือชายคนหนึ่งชื่อฉู่เฉิน และดูเหมือนว่าบนตัวของฉู่เฉินจะมีหยกโลหิตกิเลนที่คุณเกาตามหาอยู่ด้วยครับ”สวีปิ