ซ่งหรูเซียนตกใจจนเข่าแทบทรุด สีหน้าย่ำแย่สุดขีด เขาพูดตะกุกตะกัก “คือว่า คุณหนูใหญ่กู้ เมื่อกี้ผมก็แค่พูดเล่น”“พูดเล่น?”ดวงหน้าเรียวงามของกู้รั่วเสวี่ยแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ปรมาจารย์ซ่ง ถ้าฉันบอกว่าฉันจะทำให้คุณไม่มีที่ยืนในวงการนี้ คุณยังคิดว่าฉันพูดเล่นหรือไม่?”เฮือก!ซ่งหรูเซียนตกใจหน้าซีด ตัวสั่นสะท้านท่าทางของกู้รั่วเสวี่ยไม่เหมือนกำลังพูดเล่นสักนิดหนำซ้ำ อำนาจของตระกูลกู้สามารถเล่นงานเขาได้อย่างง่ายดายพอได้ยินดังนั้นซ่งหรูเซียนก็ตกใจ รีบคุกเข่าบนพื้นดังตุบ โขกศีรษะตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่กู้ ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดเมตตา ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ ถ้ากินต่อไป ผมต้องตายแน่ๆ...”ซ่งหรูเซียนได้สติ รีบหันไปทางฉู่เฉินซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ รีบโค้งหัวตะโกนว่า “สหายฉู่ ไม่ๆๆ ปรมาจารย์ฉู่ ขอร้องล่ะ โปรดเมตตาปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ”“นับตั้งแต่วันนี้ ผมซ่งหรูเซียนไม่มีทางเหยียบเข้ามาในเจียงจงอีกแม้แต่ครึ่งก้าว!”“หากที่ใดมีปรมาจารย์ฉู่อยู่ ผมซ่งหรูเซียนจะถอยห่างสิบลี้!”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ขออภัย ผมเป็นคนที่ถือคติหากมีเหตุผลมากพอก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหน
ฉู่เฉินสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้พูดอะไรถังจิ้งจือเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ เขากัดฟัน ก่อนจะคุกเข่า และอ้อนวอนว่า“ปรมาจารย์ฉู่ ก่อนหน้านี้ผมล่วงเกิน ปรมาจารย์ได้โปรดเมตตา หวังว่าจะช่วยผมและตระกูลถังสักครั้ง หากยอมช่วยครั้งนี้ ผมและตระกูลถังจะไม่ลืมบุญคุณ!”ฉู่เฉินยังคงไม่พูดอะไรกู้รั่วเสวี่ยกระซิบเบาๆ“พี่ฉู่เฉิน ท่านถังเป็นคนดี หลายปีมานี้เขาทำบุญกุศลมากมาย อีกอย่าง พี่ก็เพิ่งเปิดบริษัทไม่ใช่เหรอ ตระกูลถังก็มีธุรกิจด้านยาอยู่เหมือนกัน น่าจะเป็นประโยชน์กับพี่นะ”พอได้ยินดังนั้นฉู่เฉินก็พยักหน้า “ก็ได้ เห็นแก่หน้ารั่วเสวี่ย ผมจะช่วยคุณเอง”“จริงเหรอ? ขอบคุณปรมาจารย์ฉู่!” ถังจิ้งจือดีใจเกินคาดจากนั้น ทั้งสามก็มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลถังส่วนผู้นำตระกูลจ้าว หลังจากถังจิ้งจือกลับออกไป เขาก็ถูกจับมัดออกจากลานบ้าน และโยนใส่กระโปรงท้ายรถของรถคันหนึ่งผู้นำตระกูลจ้าวร้องอ้อนวอนเสียงดังทะลุฟ้า “ท่านถัง ไว้ชีวิตผมด้วย ต่อไปผมไม่กล้าอีกแล้ว…”……ไม่นาน รถยนต์ได้เคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลถังคฤหาสน์ทั้งหลัง ดูเหมือนจวนอ๋องในสมัยโบราณ ใหญ่โตมโหฬาร“ปรมาจารย์ฉู่ เชิญ”ถังจิ้งจือลงจาก
ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาทางประตูกู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ เห็นก็ถามอย่างออกอาการหึงหวง “สวยเท่าฉันรึเปล่า?”“หา?”ฉู่เฉินอึ้ง ก่อนจะตั้งสติได้ และตอบคำถามกู้รั่วเสวี่ยที่ตอนนี้กำลังงอนแก้มป่องว่า “คุณสวยที่สุดแล้ว”“ตอบได้ไม่เลว” กู้รั่วเสวี่ยพูดอย่างพ่อแง่แม่งอนถังจิ้งจือรีบตำหนิทันที “เจียวเจียว อย่าเสียมารยาท! นี่ปรมาจารย์ฉู่เชียวนะ รีบขอโทษเร็ว!”“ปรมาจารย์? ปรมาจารย์อะไรกัน?”แววตาของถังเจียวเจียวเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน เธอถลึงตาจ้องฉู่เฉิน “คุณปู่ หนูว่าคุณปู่แก่จนเลอะเลือนแล้ว แค่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ขนยังขึ้นไม่ครบ ดูท่าทางอายุก็ไล่เลี่ยกับหนู คุณปู่กลับไปเรียกเขาว่าปรมาจารย์เนี่ยนะ?”“หนูว่า เขาก็เป็นแค่นักต้มตุ๋นคนหนึ่งเท่านั้น ต่ำช้า!”เพิ่งจะพูดจบ ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและย้อนถามว่า “คุณหนูถัง คุณรู้ได้ยังไงว่าขนของผมยังขึ้นไม่ครบ?”พรืด!กู้รั่วเสวี่ยยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะพี่ฉู่เฉินก็ตลกเกินไปแล้ว คำพูดอย่างนี้พูดต่อหน้าผู้หญิงได้ยังไงกัน?แต่เธอกลับรู้ดีกว่าใครว่าขนของฉู่เฉินขึ้นครบหรือไม่ถังเจียวเจียวสีหน้
ในขณะที่ปรมาจารย์ขู่ไห่คือปรมาจารย์ตัวจริง มีชื่อเสียงมานานแต่เพื่อไม่ล่วงเกินคน ถังจิ้งจือจึงตัดสินใจรั้งฉู่เฉินไว้ พร้อมกับพูดจาเกรงใจเหล่านั้นออกมามีปรมาจารย์ขู่ไห่อยู่ น่าจะไม่ต้องอาศัยฉู่เฉินแล้วแต่ถังจิ้งจือเป็นคนรักษาสัจจะ ในเมื่อเชิญคนอื่นเขามาถึงบ้านแล้ว อย่างนั้นเงินยี่สิบห้าล้านที่ควรให้ก็ยังต้องให้ถังเจียวเจียวกอดอกนั่งลง ยกเรียวขาที่ทั้งขาวและเนียนขึ้นไขว่ห้าง กระดิกเท้าไปมา พูดจาดูหมิ่นดูแคลน “ไอ้น้อง แกยังมีหน้าอยู่ต่ออีกนะ มีอาจารย์ขู่ไห่อยู่ ยังไงก็ไม่ต้องให้แกชี้แนะอะไรอยู่แล้ว”“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าแกหลอกคุณปู่ของฉันได้ยังไง แต่ฉันบอกแกได้เลยว่าที่นี่คือเมืองเจียงจง คือตระกูลถัง! ทักษะต้มตุ๋นเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นของแกไม่มีประโยชน์หรอก! ยังไงก็หลอกฉันไม่ได้!”“ฉันขอเตือนแกว่าให้รีบไสหัวออกไป จะได้ไม่ขายหน้า!”พฤติกรรมก้าวร้าวเย่อหยิ่งและไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาของถังเจียวเจียวทำให้ฉู่เฉินขมวดคิ้ว เขาเริ่มไม่พอใจหมายจะระบายโทสะ แต่กู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ห้ามเขาไว้ ก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า “พี่ฉู่เฉิน ช่างเถอะ ที่นี่คือตระกูลถัง อย่าสร้างปัญหาเลย”ฉู่เฉินครุ่นคิ
“ฮ่าๆๆ ตลกน่า! มีปัญหาอะไรที่ปรมาจารย์คนนี้จัดการไม่ได้อีกเหรอ?”เวลานี้เอง เสียงชราของคนผู้หนึ่งดังมาจากทางประตู ชายชราที่ผมขาวเต็มหัว ใส่ชุดนักพรตสีเทา มือถือแส้หางม้า ท่าทางเหมือนผู้มีคุณธรรมสูงส่งเดินเข้ามาถังเจียวเจียวรีบลุกขึ้น เดินไปต้อนรับอย่างเคารพนบนอบ “ปรมาจารย์ขู่ไห่ คุณมาสักที เชิญนั่งก่อนค่ะ”“อืม” ปรมาจารย์ขู่ไห่รับคำ ก่อนจะนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ“คุณปู่ ท่านนี้ก็คือปรมาจารย์ขู่ไห่ค่ะ” ถังเจียวเจียวยืดอกแนะนำอย่างภาคภูมิเพื่อเชิญปรมาจารย์ขู่ไห่ผู้นี้มา เธอต้องทุ่มเทเงินและคนไปไม่น้อยถังจิ้งจือเองก็รีบก้าวเข้าไปประสานหมัดทักทาย “ผมถังจิ้งจือครับ ขอคารวะปรมาจารย์ขู่ไห่”ปรมาจารย์ขู่ไห่พยักหน้าน้อยๆ เขาสะบัดแส้หางม้าในมือ พลางยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบหนวดขณะรับคำท่าทางสูงส่งไร้เทียมทานฉู่เฉินยักคิ้วมองเขา พบว่าปรมาจารย์ขู่ไห่คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ รอบกายมีพลังวิญญาณกระจายอยู่จางๆ“เจ้าหนู เมื่อกี้เธอบอกว่าปัญหาของตระกูลถังฉันแก้ไขไม่ได้ มีแค่เธอที่แก้ไขได้งั้นเหรอ?”ปรมาจารย์ขู่ไห่ขมวดคิ้ว ก่อนจะตวัดสายตาเย็นชามองมาทางฉู่เฉินถังจิ้งจือเห็นท่าไม่ดี รีบลุกขึ้นแก้ไ
“ปรมาจารย์ขู่ไห่ คุณต้องช่วยตระกูลถังของเรานะครับ” ถังจิ้งจือร้อนใจปรมาจารย์ขู่ไห่กระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “ง่ายมาก แค่อัญเชิญรูปปั้นกวนอูรูปนี้ออกไปก็พอ อีกเดี๋ยวผมแค่ทำพิธีให้คุณก็สิ้นเรื่องแล้ว”“ครับๆๆ ขอบคุณปรมาจารย์ขู่ไห่มาก” ถังจิ้งจือประสานหมัดขอบคุณเป็นการใหญ่ถังเจียวเจียวชำเลืองมองฉู่เฉินอย่างทะนงตัว “ไอ้น้อง ได้ยินหรือยัง? หาต้นเหตุเจอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้แกช่วยเลยสักนิด!”“ตอนนี้แกรีบถอดกางเกง แล้วไปคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านของฉัน ให้ฉันเหยียบไอ้นั่นของแกให้แหลกซะเถอะ!”ฉู่เฉินแค่นหัวเราะ ก่อนพูดว่า “งั้นเหรอ? หาต้นเหตุเจอแล้วจริงๆ เหรอ?”“เหลวไหล!”ปรมาจารย์ขู่ไห่ขมวดคิ้ว ก่อนจะตำหนิอย่างไม่พอใจ “เจ้าหนู บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดจาส่งเดช!”ฉู่เฉินส่ายหน้า ก่อนยิ้มหยัน “ดูท่า ปรมาจารย์ขู่ไห่ที่เลื่องลือกันนักหนาก็เป็นแค่คนมีความสามารถครึ่งๆ กลางๆ ที่ไม่สมกับชื่อเสียงสักนิด”“ปัญหาของตระกูลถังไม่ได้เกิดจากรูปปั้นกวนอูสักหน่อย!”สิ้นประโยคของฉู่เฉิน บรรยากาศในห้องรับแขกกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันทีปรมาจารย์ขู่ไห่สีหน้าโกรธขึ้ง ตบโต๊ะพร้อมกับตะคอกเสีย
ปรมาจารย์ขู่ไห่ตบโต๊ะด้วยความโมโห “เหลวไหล! ลานบ้านอะไรกัน แกพูดจาเพ้อเจ้อซะมากกว่า! ปัญหาเกิดจากรูปปั้นกวนอูรูปนี้แท้ๆ แค่อัญเชิญรูปปั้นออกไป ปัญหาของตระกูลถังต้องแก้ไขได้แน่!”ฉู่เฉินยิ้มเย็น เขามองปรมาจารย์ขู่ไห่ด้วยหางตา ก่อนจะเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ที่บอกว่าความสามารถของคุณไม่สมชื่อเสียง ยังถือว่าชมเกินไปซะด้วยซ้ำ”“ปรมาจารย์ขู่ไห่ ผมขอถามคุณหน่อย บ้านหลังนี้เป็นฮวงจุ้ยลักษณะไหน?” ฉู่เฉินถามปรมาจารย์ขู่ไห่หัวเราะในลำคอ ก่อนตอบว่า “เจ้าหนู แกยังคิดจะทดสอบฉันอีกเหรอะ? งั้นแกคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ ฉันเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการฮวงจุ้ยหยินหยางมาห้าสิบปีแล้ว”“ที่นี่มีลักษณะฮวงจุ้ยหอยเฒ่าคายมุก”ฉู่เฉินพยักหน้า ก่อนจะยิ้มหยันว่า “ตาเฒ่าอย่างคุณ ยังนับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง”“แก!” ปรมาจารย์ขู่ไห่โมโหจนผมตั้งฉู่เฉินถามต่ออีกว่า “งั้นผมขอถามคุณ ฮวงจุ้ยแบบหอยเฒ่าคายมุก กลัวอะไรที่สุด?”ปรมาจารย์ขู่ไห่ตอบออกไปโดยไม่คิด “ย่อมต้องเป็นไอโลหิตพิฆาต ทันทีที่แปดเปื้อนไอโลหิตพิฆาต ฮวงจุ้ยหอยเฒ่าคายมุกก็จะแว้งกัด สถานเบาทรัพย์สินเสียหาย ผู้คนดูถูก สถานหนัก บ้านแตกสาแหรกขาด สมาชิกในครอบครัวล้มหายตา
ฉู่เฉินพูดจบก็หมุนตัว พากู้รั่วเสวี่ยออกไปทันที“สามหาว! แกว่ายังไงนะ? อยากตายรึไง?!”ถังเจียวเจียวเดือดดาลขณะที่กำลังจะก้าวขาออกจากประตู ฉู่เฉินพูดทิ้งท้ายโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง “ท่านถัง ขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ปัญหาของตระกูลถังไม่ได้เกิดจากรูปปั้นกวนอู”“อัญเชิญรูปปั้นกวนอูออกไป ไม่เพียงไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพวกคุณ แต่ยังทำให้หนักขึ้นไปอีก!”“ทันทีที่อัญเชิญรูปปั้นกวนอูออกไป บ้านหลังนี้จะไร้ซึ่งพลังของมันคอยกดข่มพลังร้าย ไอโลหิตพิฆาตในที่แห่งนี้จะยิ่งรุนแรง ถึงตอนนั้น ตระกูลถังของคุณจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน!”“และคนแรกที่จะถูกพลังด้านลบแว้งกัด ก็คือหลานสาวของคุณ!”“เธอจะถูกวิญญาณร้ายในที่แห่งนี้เข้าสิง ทำให้มีพฤติกรรมบ้าๆ บอๆ และวิญญาณร้ายนั่น ยังเป็นวิญญาณผู้หญิงที่บ้าผู้ชายอีกด้วย หากไม่จัดการให้ดี ความบริสุทธิ์ของหลานสาวคุณก็จะถูกทำลายทันที”“ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน!”พูดจบ ฉู่เฉินก้าวเท้าออกจากบ้านตระกูลถังเลยด้านหลัง ถังเจียวเจียวด่าทออย่างเกรี้ยวกราด“สารเลว! แกว่ายังไงนะ? คอยดูเถอะฉันจะเหยียบไอ้นั่นของแกให้เละ!”ถังเจียวเจียวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี