เมื่อได้ยินฮว่าจิ่วหยางเรียกฉู่เฉินด้วยความเคารพ จางเฉิงหลงกับผู้เชี่ยวชาญหลายคนในห้องทำงานต่างอดตะลึงไม่ได้ ไอ้เด็กฉู่เฉินคนนี้คงไม่ได้รู้จักกับฮว่าจิ่วหยางหรอกใช่ไหม?“หรือว่าหมอเทวดาฮว่า...”“ไม่ใช่หรอก จากในน้ำเสียงของผู้อาวุโสฮว่าเมื่อกี้ คนแซ่ฉู่น่าจะเจอผู้อาวุโสฮว่าเป็นครั้งแรกเหมือนกัน” “เหอะ ฉันว่าผู้อาวุโสฮว่าอาจจะไปเปิดโปงคำโกหกของเขาก็ได้ ไอ้หมอนี่ทำลายชื่อเสียงแพทย์แผนจีนต่อหน้าแฟนคลับกว่าสองล้านคน ผู้อาวุโสฮว่าจะนั่งมองดูเฉย ๆ ได้ยังไง?” ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นขึ้นมาอย่างหลากหลาย เมื่อได้ยินความคิดเห็นของผู้คน จางเฉิงหลงก็มองผู้อาวุโสฮว่ากับฉู่เฉินในหน้าจออย่างละเอียดอีกครั้ง พอเห็นทั้งคู่ดูไม่เหมือนคนรู้จักเก่าจริง ๆ เขาถึงค่อยรู้สึกวางใจเล็กน้อย ตราบใดที่ผู้อาวุโสฮว่าไม่ได้สนับสนุนฉู่เฉิน เช่นนั้นเขาก็มีวิธีการมากมายที่จะเหยียบฉู่เฉินอย่างโหดเหี้ยมไว้ใต้ฝ่าเท้า!ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านเก่าตระกูลฉู่ ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสฮว่า อันที่จริงแล้วหลักการนี้ไม่ได้ยากเลย ในความรู้แพทย์แผนจีนเบื้องต้นก็มีบันทึกไว้ชัดเจน”ว่าไงนะ? เมื่อคำพูดนี้ออกม
ที่แท้วิธีการรักษาพื้นฐานสุดเหล่านั้นยังสามารถปรับให้ดีขึ้นแบบนี้ได้ด้วยเพียงแต่ว่าฉู่เฉินมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกเขาให้ชัดเจน ตอนที่ฉู่เฉินนวดให้สวี่ถิงถิงเมื่อกี้มีพลังวิญญาณกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ในฝ่ามือการนวดหน้าอกเป็นเพียงฉากหน้า ความจริงแล้วเขาอัดพลังวิญญาณเข้าไปในถุงลมปอดที่เสียหายของสวี่ถิงถิงผ่านการสัมผัสอย่างแนบชิดตรงฝ่ามือและใบหน้า หลังจากที่ผ่านการบำรุงด้วยพลังวิญญาณ ถุงลมปอดที่เสียหายของสวี่ถิงถิงถึงได้ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ในน้ำแร่คำนั้นก็มีพลังวิญญาณในร่างฉู่เฉินด้วย นี่ถึงรักษาโรคหอบหืดของสวี่ถิงถิงให้หายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ภาย ใต้ผลสองชั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือต่อให้ฮว่าจิ่วหยางใช้วิธีการของฉู่เฉิน นวดหน้าอกผู้ป่วยจนเปลี่ยนรูปก็ไม่ทำให้อาการของโรคดีขึ้นได้เลยสักนิดเดียว “อย่างนั้นก็หมายความว่าอาการป่วยของเธอหายดีแล้ว?” ฮว่าจิ่วหยางหันหน้ามองไปทางสวี่ถิงถิง เวลานี้เขาประหลาดใจที่พบว่าสวี่ถิงถิงไม่หอบแล้วจริง ๆ เมื่อดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง นับตั้งแต่ที่ฮว่าจิ่วหยางเข้ามาในห้องจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ถึงห้านาทีเลย! ในใจของฮว่าจิ่วหยางยิ่งรู้สึกสงสัยใคร่รู้เก
ตูม! จางเฉิงหลงถูกฮว่าจิ่วหยางซักถามจนสมองดังวิ้ง ๆสถานการณ์ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าเขากล้าสงสัยฉู่เฉินอีกก็เท่ากับว่ากำลังสงสัยฮว่าจิ่วหยาง จางเฉิงหลงรู้สึกขมขื่นในใจ! เขาไม่ยอมรับ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮว่าจิ่วหยาง เขากลับทำได้เพียงสะกดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว “เปล่านะครับ ผู้อาวุโสฮว่า ผะ...ผม...” “เลิกพูดไร้สาระ ก่อนหน้านี้คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าเกิดคุณฉู่รักษาโรคของเธอให้หายได้ คุณจะกินขี้ชามใหญ่? ตอนนี้คุณทำตามที่เดิมพันไว้ได้แล้ว” พอได้ยินฮว่าจิ่วหยางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จางเฉิงหลงก็ตะลึงงันนั่นเป็นคำพูดที่เขาเอ่ยเพราะความโกรธไปชั่วขณะโอเคไหมใครจะเอาการเดิมพันแบบนี้มาคิดเป็นจริงเป็นจังกันล่ะ? “เชี่ย คราวนี้รองผู้อำนวยการจางจะบุกเบิกอาหารของมนุษย์แล้ว” “จากนี้ไป รองผู้อำนวยการจางจะเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของห่วงโว่อาหาร รองผู้อำนวยการ มาเลย เขมือบขี้ชามนี้เลย” “รองผู้อำนวยการ อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ ก็แค่กินขี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราสนับสนุนคุณ!” ข้อความนับไม่ถ้วนลอยผ่านในช่องไลฟ์สด ดวงหน้าของจางเฉิงหลงซีดเผือด
เมื่อเห็นเสียงซักถามเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ในช่องไลฟ์สด หลิ่วหรูเยียนก็ลุกขึ้นพรวดแล้วพูดกับซูซูว่า “คุณซูคะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันยังมีประชุมสำคัญที่ต้องเข้าร่วมในบริษัท ขอตัวก่อนนะคะ” หลิ่วหรูเยียนพูดจบก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วหันตัวหมายจะเดินออกไป“อะไรกัน นี่ก็คือความซื่อสัตย์ของผู้จัดการใหญ่หลิ่วเหรอ?” ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเอ่ยถามอย่างเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากทางด้านหลังเท้าของหลิ่วหรูเยียนที่ก้าวออกไปพลันหยุดชะงัก จากนั้นเธอก็หันตัวกลับมาทันทีแล้วยิ้มหยันให้ฉู่เฉินก่อนจะพูดว่า “ฮึ ฉู่เฉิน นายอย่าคิดว่าโชคดีแล้วจะมีความหมายอะไรนะ?”“นายอวดว่าวิชาแพทย์สูงส่งไม่ใช่หรือไง? ถ้ามีความสามารถ นายก็เข้าร่วมการแข่งแพทย์แผนจีนระดับมณฑลในเดือนหน้าสิ!”“ฉันจะส่งตัวแทนจากบริษัทไปแข่งกับนายเอง!” “ถ้าไม่มีความกล้าพอก็เลิกพูดพล่ามซะ!” หลังจากทิ้งท้ายคำพูดไว้แล้ว หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งออกไปจากสตูดิโอเหมือนหนีเอาตัวรอด ในช่องไลฟ์สดเต็มไปด้วยเสียงด่าทอหลิ่วหรูเยียนอยู่ชั่วขณะ ซูซูขมวดคิ้ว พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเลยรีบเอ่ยปากตอนที่ยังมีโอกาสว่า “เฮ้อ จริง ๆ แล้วด้วยวิชาแพทย์ของคุณฉ
หืม?จินเจิ้นหลงอดอึ้งไม่ได้ ฉู่เฉินรู้ชื่อลูกชายของเขาได้อย่างไร? ไอ้เด็กนี่คงไม่ได้หาเรื่องฉู่เฉินหรอกใช่ไหม? พอคิดถึงความเป็นไปไปได้เช่นนี้ จินเจิ้นหลงก็ตกใจกลัวจนกลืนน้ำลาย เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ฉู่มีอะไรจะชี้แนะ?” “ไม่อย่างนั้นให้ผมพาเขามาเยี่ยมคุณวันหลังไหม?” ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมแล้ว ผมกะดูแล้วว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะมาถึงแล้ว” ว่าไงนะ? จินเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของฉู่เฉินมีเจตนาอะไรกันแน่ จินหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ทางด้านข้างก็มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน .....เวลานี้เอง ห่างจากบ้านเก่าของตระกูลฉู่ออกไปหลายร้อยเมตร จินอ้าวเทียนที่พันผ้าพันแผลเต็มมือกำลังเดินมาทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่อย่างคุกคาม ความจริงแล้ว ตอนกลางวันเขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่บังเอิญว่าตอนนั้นฉู่เฉินกำลังจัดวางค่ายกลซ่อนงำไว้รอบ ๆ บ้านเก่าของตระกูลฉู่ จินอ้าวเทียนพาคนของสำนักมวยวนอยู่รอบบ้านเก่าของตระกูลฉู่ครึ่งค่อนวันก็หาตำแหน่งที่แน่ชัดของบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอ ท้ายที่สุดก็
แม้แต่แขนที่ยกก้อนอิฐก็ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เห็นจินเจิ้นหลงเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ดวงตาสองข้างจ้องมองจินอ้าวเทียนด้วยแววตาเย็นชา มืออีกข้างยังสั่นไม่หยุด “พะ...พ่อ? พ่อมาอยู่นี่ได้ยังไง?” จินอ้าวเทียนสะบัดมือโยนก้อนอิฐทิ้งไปทางด้านข้าง มองจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ“ไอ้เด็กเวร แกจะทำให้ใครพิการ?!” จินเจิ้นหลงโกรธจนหนวดเบี้ยว มองจินอ้าวเทียนด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางทำหน้าบูดบึ้งสุดขีด“พ่อ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นพ่อ ผะ...ผมมาหาคนแซ่ฉู่เพื่อคิดบัญชี พ่อดูสิ คนแซ่ฉู่ทำมือของผมหักไปข้างหนึ่ง ผมจะทำให้มันพิการให้ได้...” เพียะ!จินอ้าวเทียนยังพูดไม่จบ ใบหน้าอีกข้างก็โดนตบอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เพียงแต่ว่าคนที่ลงมือครั้งนี้เป็นจินหลิงเอ๋อร์ สองพ่อลูกตบหน้าติดต่อกันสองที ตบจนจินอ้าวเทียนมึนงงโดยสิ้นเชิง “พะ...พี่ ทะ...ทำไมพี่ถึงตบผม?”จินอ้าวเทียนจะร้องไห้แล้ว เขายังไม่ได้ทำอะไรฉู่เฉินก็โดนตบหน้าไปก่อนสองฉาดพวกลูกศิษย์สำนักมวยที่อยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นก็พากันหลบออกไปไกล ๆ ขอเพียงเป็นคนที่มีสายตาแหลมคม แค่มองก็รู้ว่าคราวนี้จินอ้าวเทียนเตะโดนแ
ที่จริงฉู่เฉินเพิ่งเข้าใจคำว่าคนจนเรียนหนังสือคนรวยเรียนยุทธ์จากชื่อเสียงของจินเจิ้นหลงก็คงมีเพื่อนร่วมสายอาชีพแต่ยาบำรุงปราณของเขาสำหรับนักสู้แล้ว ก็มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เช่นกัน ไม่เพียงแต่สามารถทำให้อายุวัฒนะ แต่ยังทำให้พลังแข็งแกร่งอีกด้วยแม้แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้นักสู้ทะลวงคอขวด ส่งผลให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นสำหรับนักสู้แล้ว ยาบำรุงปราณมีความดึงดูดที่สุดแต่เห็นได้ชัดว่าจงอาหู่ไม่มีคอนเนคชั่นทางด้านนี้ ถ้าเทียบกันแล้วจินเจิ้นหลงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ฉู่เฉินตอบตกลงรักษาจินเจิ้นหลงจินเจิ้นหลงยกเท้าขึ้นมาถีบเข้าไปที่ก้นของจินอ้าวเทียน พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่รีบขอบคุณคุณฉู่อีกเหรอ?”ต้องขอบคุณมันด้วยเหรอ?ใบหน้าจินอ้าวเทียนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจตรงดิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ขอบคุณความมีน้ำใจและใจกว้างของคุณฉู่”“ไสหัวไปได้แล้ว!”จินเจิ้นหลงเตะจินอ้าวเทียนอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็รีบคลานหนีออกไปเมื่อจินอ้าวเทียนออกไปไกลแล้ว ใบหน้าของจินเจิ้นหลงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูดขึ้นมาว่า “คุณฉู่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาได้เลยนะคร
ฉู่เฉินครุ่นคิดก่อนแล้วจึงพูดหยั่งเชิงว่า “หากต้องการรักษาโรคของคุณหนูจิน จำเป็นต้องใช้หญ้าเทียนหลิง ต้องใช้เวลาซึ่งหาได้ยาก รอให้ผมเจอวัตถุดิบยานี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้ครับ”จินเจิ้นหลงก็ไม่กล้าขัด จึงทำได้แค่พยักหน้ารัวๆคุยกับฉู่เฉินอีกไม่กี่ประโยค จินเจิ้นหลงก็พาลูกสาวเขากลับไปหลังจากที่ออกจากประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนรถถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ ทำไมเมื่อกี้พ่อไม่ตอบรับคุณฉู่ล่ะคะ?”“ยาลูกกลอนเป็นทรัพยากรที่หายากในวงการยุทธ์นะคะ บางทีหากตระกูลจินของเราพึ่งพาอำนาจของคุณฉู่ เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้นะคะ”จินเจิ้นหลงส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมาว่า “หลิงเอ๋อร์ ลูกมองปัญหาง่ายเกินไปแล้ว”“เอ๋?”จินหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ หนูไม่เข้าใจความหมายของพ่อ จากทักษะการแพทย์ของคุณฉู่ ยาลูกกลอนที่เขาให้ต้องยอดเยี่ยมแน่นอนค่ะ”จินเจิ้นหลงถอนหายใจยาวออกมา พร้อมอธิบายว่า “นั่นก็ถูก นักสู้ที่ระดับพลังยิ่งสูง ความต้องการที่มีต่อยาลูกกลอนก็ยิ่งสูง แต่ทว่าลูกเคยคิดไหม ว่าคนที่สามารถจ่ายให้กับของพวกนี้ได้เป็นใครกันบ้าง?”“หากยาลูกกลอนมีปัญหา แ