เสียงกรีดร้องของเขาดังก้องไปทั่วทิศ ในช่องไลฟ์สด เกิดการถกเถียงอย่างเร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง“เชี่ย! ไอ้แซ่ฉู่ซ้อมปาเป้าอยู่รึไงวะ?”“แม่งเถอะ นี่ไม่ใช่การรักษาแล้ว นี่มันกำลังฆ่าคนชัดๆ”“แม้แต่คนดีๆ ก็ต้องถูกเขาทรมานจนตายแล้วมั้ง? นี่มันวิชาแพทย์แขนงไหนกันเนี่ย!”พริบตาเดียว ฉู่เฉินก็ตวัดเข็มเงินสามเล่มใส่ร่างของจินเจิ้นหลง แม้แต่ชาวเน็ตในหน้าจอก็นั่งไม่ติดแล้วหลิ่วหรูเยียนยิ่งพูดด้วยสีหน้าย่ามใจ “ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นแค่จอมลวงโลกที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย ใครๆ ก็เคยเห็นการรักษาด้วยการฝังเข็ม แต่มีใครเคยเห็นการฝังเข็มแบบนี้บ้างล่ะคะ?”“ฉันว่าเราควรเปลี่ยนหัวข้อได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ค่าไอ้สวะอย่างเขา”จบประโยคนี้ กองทัพเรือในช่องไลฟ์สดสาดคอมเมนต์เต็มหน้าจอ ร้องขอให้ตัดภาพถ่ายทอดสดฝั่งฉู่เฉินออก ไอ้สวะที่เป็นแค่จอมลวงโลก มีอะไรน่าดูกัน สู้ดูสองสาวสวยในห้องไลฟ์สดคุยกันยังจะดีซะกว่า คอมเมนต์ประเภทนี้เต็มหน้าจอไปหมดซูซูเองก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง การแสดงละครของฉู่เฉินเกินจริงไปมาก ฉันให้โอกาสนายแล้ว แต่นายใช้ไม่ได้เองจุดพลิกผันที่รอคอยมาไม่ถึง ซูซูได้แต่ผิดหวังอย่างมากในขณะที่ซูซ
ตึง!คำพูดของฮว่าจิ่วหยางทำให้ซูซูอึ้งค้างไปทันทีหรือฉู่เฉินจะมีความสามารถด้านการแพทย์จริง?หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ข้างๆ อดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอหันไปมองซูซูซึ่งเป็นพิธีกรของรายการอย่างไม่พอใจคงไม่ใช่ว่ารายการนี้รับเงินใต้โต๊ะจากฉู่เฉิน แล้วตั้งใจหาตาแก่ไร้ชื่อคนหนึ่งมาเพื่อวางกับดักเธอหรอกนะ?เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดต่อหน้าแฟนคลับกว่าล้านสองล้านคนว่า ถ้าฉู่เฉินมีความสามารถด้านการแพทย์จริง เธอจะคุกเข่าขอขมาฉู่เฉินชั่วขณะหนึ่ง ห้องไลฟ์สดแตกฮืออีกครั้ง“เชี่ย ไอ้เดรัจฉานเฒ่านี่มันใครวะ? ถึงได้มาวางท่าเป็นแพทย์จีนโบราณอยู่ตรงนี้!”“ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นวิชาเก้าเข็มลึกล้ำอะไรนั่นอีก ฉันว่าแกนั่นแหละไอ้หน้าโง่ล้ำลึก!”“คงไม่ใช่ว่ารายการต้องการเพิ่มเรตติงก็เลยหาคนมาป่วนหรอกนะ? ยังไงฉันก็ไม่เชื่อใครทั้งนั้น นอกจากเทพธิดาของฉันคนเดียว”“ไอ้พวกไร้สมอง พวกนายไม่รู้จักอาวุโสฮว่าจิ่วหยางรึไง? เขาเป็นผู้นำสิบหมอชื่อดังของเจ็ดมณฑลแห่งทิศใต้เชียวนะเว้ย! แม้แต่หมอเทวดาซุนเวลาเจออาวุโสฮว่ายังต้องเรียกว่าท่านอาวุโสด้วยความนอบน้อมเลย!”เวลานี้ ชาวเน็ตที่เคยติดตามฮว่าจิ่วหยางลุกขึ้นมาพูดปกป้องอาวุโสฮว่า
พอเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดในห้องไลฟ์สดอย่างนี้ ซูซูอดขมวดคิ้วสวยๆ ไม่ได้ เธอเอ่ยเตือนสติว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว กรุณาควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถลึงตาจ้องหน้าซูซูด้วยสีหน้าย่ำแย่สุดขีด จากนั้นจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์แล้วกลับไปนั่งเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดราวกับเสียพ่อเสียแม่ไปอย่างนั้น ซูซูกลับลอบลิงโลดอยู่ในใจความจริง เมื่อกี้เธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับฉู่เฉินแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าฉู่เฉินกำลังแสดงละครอยู่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าตาคุณชายบ้านรวยคนนี้กลับได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากอาวุโสฮว่าขนาดนี้นั่นทำให้ซูซูเซอร์ไพรส์มากจุดพลิกล็อกที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ซูซูใฝ่ฝันมาตลอดเลยทีเดียวเรตติงกระฉูดสูงเสียดฟ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วนี่ไงซูซูถึงขั้นแอบคิดคำนวณในใจ ว่าจะจุดชนวนให้เกิดประเด็นในเฟซบุ๊กด้วยดีหรือไม่ หลังจากผลักฉู่เฉินให้กลายเป็นประเด็นร้อนถึงขีดสุด เธอค่อยคิดหาทางติดต่อฉู่เฉินเป็นการส่วนตัว อย่างนัดกินข้าวอะไรทำนองนั้นจากนั้น…พวกเขาก็ถูกคนแอบถ่ายโดยบังเอิญ เธอจะใช้ตาทึ่มฉู่เฉินเพื่อทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง และผลักดันตัวเองไปสู่บทบาทใหม่นึกมาถึงตรงนี้ ด
“ร้านนวดใต้หอพวกเธอใช้ร้านนวดสายตรงรึเปล่า?”“ไม่แน่ว่าวิชาฝังเข็มของคุณชายฉู่ของพวกเรา อาจจะได้มาจากการเดินผ่านร้านนวดข้างทางที่มีแสงไฟสลัว จากนั้น…ก็ศึกษากับหมอฝังเข็มสาวสวยอย่างลึกซึ้ง ฮ่าๆๆ…”หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะพูดจบ กองทัพเรือที่แฝงตัวอยู่ในชาวเน็ตก็แสดงฤทธิ์เดชทันที พวกเขาถึงขั้นเย้ยหยันวิชาฝังเข็มรักษาโรคของฉู่เฉิน ว่าอาจเรียนรู้มาจากร้านนวดแสงไฟสลัวซูซูเม้มปาก ตัดสินใจเงียบไม่พูดอะไรอีก เธอหันไปมองสถานการณ์ในไลฟ์สดแทนอาการบาดเจ็บของจินเจิ้นหลงในตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ แม้แต่ลมหายใจก็กลับมาสม่ำเสมอแล้ว“ปะ…ปรมาจารย์ฉู่ อาการของพ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”พอเห็นการเปลี่ยนแปลงของจินเจิ้นหลง จินหลิงเอ๋อร์ที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจเพิ่งจะผ่านไปแค่ห้านาที อาการของจินเจิ้นหลงก็ทรงตัวขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยสีหน้าก็ไม่ได้ดูแย่แล้วฉู่เฉินมองจินเจิ้นหลง แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ตอนนี้ควบคุมอาการบาดเจ็บได้แล้ว แต่การซ่อมแซมเส้นชีพจรต้องใช้เวลา อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็น่าจะเรียบร้อย”ได้ยินอย่างนั้น สองพ่อลูกจินหลิงเอ๋อร์กับจินเจิ้นหลงลิงโลดขึ้น
สวี่ถิงถิงรีบไหลตามน้ำ เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณฉู่เป็นคนใจกว้างอย่างที่คิดเลยนะคะ แม้ผู้จัดการใหญ่จะทำให้คุณเสียชื่อเสียงต่อหน้าคนมากมายนับล้านคน แต่คุณกลับไม่ถือสาสักนิด น่าเลื่อมใสมากเลยค่ะ”ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ใครบอกคุณว่าผมไม่ถือสา?”ประโยคนี้ทำให้สวี่ถิงถิงที่ตอนแรกยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บานพลันชะงักค้างทันที เธอประจบสอพลอไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นหาเรื่องใส่อีกต่างหาก“ช่างเถอะ คืนกล้องให้เธอเถอะครับ”ฉู่เฉินโบกมือ แค่นักข่าวสาวคนหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้เขาต่อกรด้วยยิ่งไปกว่านั้น เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับสื่อพวกนี้บัญชีนี้ ฉู่เฉินจะคิดกับสองแม่ลูกหลิ่วหรูเยียนเอง หลังจากวันนี้ เขาจะทำให้พวกเธอสองแม่ลูกชดใช้ในอีกรูปแบบ!“เหอะ เอาไป!”จินหลิงเอ๋อร์ตวาดใส่อย่างเจ็บใจ ก่อนจะขว้างกล้องขนาดเล็กตัวนั้นคืนสวี่ถิงถิงขณะเดียวกัน ในห้องไลฟ์สดตอนนี้ เพราะกล้องถูกแย่งไป ภาพและเสียงจึงไม่ค่อยชัดอาวุโสฮว่าขมวดคิ้ว เขาหันไปพูดกับซูซูว่า “ซูซู ช่วยสัมภาษณ์คุณฉู่โดยตรงเลยได้ไหม ผมหมายถึงให้ดึงคุณฉู่เข้ามาในไลฟ์สดโดยตรงเลย ได้หรือเปล่า?”นี่เป็นสิ่งที่ซูซูต้องการพอดี เพียงแต่แขกรับเชิญพิเศษของวัน
บึ้ม!จบประโยคนั้น ช่องไลฟ์สดราวกับเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว!เชี่ย!“ไอ้แซ่ฉู่นี่มันเทพชัดๆ พูดคำว่า ‘เย็*แม่มึง’ ออกมาได้ไม่เหมือนใครจริงๆ”“พวกเธอว่าเป็นไปได้ไหม ว่าระหว่างแม่ของผู้จัดการใหญ่หลิ่วกับไอ้แซ่ฉู่นี่มีเรื่องราวความรักอันงดงามอยู่จริงๆ?”“งดงามกับผีน่ะสิ นี่มันวัวแก่กินหญ้าอ่อน วัวเล็กลากรถใหญ่ชัดๆ”อย่าว่าแต่ชาวเน็ตในช่องไลฟ์สดแตกฮือเลย แม้แต่ซูซูก็เบิกตากว้าง เธอหันไปมองหลิ่วหรูเยียนอย่างอึ้งๆคงไม่ใช่ว่าระหว่างประธานหลิ่วกับฉู่เฉิน…แม่เอ็งเถอะ นี่มันเรื่องช็อกโลกเลยนะเนี่ย!แต่วินาทีถัดมา ซูซูรีบปฏิเสธความคิดของตัวเองทันทีเป็นไปไม่ได้!ถึงไม่เคยเจอตัวจริงของฉู่เฉิน แต่ซูซูก็รู้สึกว่าฉู่เฉินที่อยู่หลังหน้าจอมีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เบา ท่าทางผ่าเผย อีกทั้งยังมีทักษะการแพทย์ที่สูงส่งจนแม้แต่อาวุโสฮว่ายังต้องยอมรับคนอย่างนี้ รอบตัวควรมีผู้หญิงรายล้อมไม่ขาดสายถึงจะถูก ทำไมถึงไปต้องตาแม่ของหลิ่วหรูเยียนได้ล่ะ?หากตัดสินจากอายุ อย่างน้อยๆ ประธานหลิ่วก็อายุมากกว่าเขาสามสิบถึงสี่สิบปีแล้วมั้ง?“ฉู่เฉิน แกมันไอ้เดรัจฉาน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”ในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หล
บึ้มคำพูดของฉู่เฉินราวกับระเบิดที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ำที่เงียบสงบ ก่อให้เกิดคลื่นลูกมหึมาขึ้นในพริบตา“ทำไมฉันรู้สึกว่าระหว่างไอ้แซ่ฉู่กับตระกูลหลิ่วมีเรื่องราวไม่ธรรมดาซ่อนอยู่เบื้องหลัง?”“เหมือนเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดนะ ไม่แน่ อาจเหมือนที่คนข้างนอกลือกันว่าพวกนางสองแม่ลูกแย่งทรัพย์สินของคนอื่นเขาไป แล้วก็ฮุบอำนาจบริหารของบริษัทไปด้วย”“ยังไงก็เถอะ จากที่ฉันดู หลิ่วหรูเยียนไม่เห็นเหมือนที่นางพูด แต่เหมือนนางแอ๊บใสซื่อมากกว่า”“ไม่แน่นะ หลิ่วหรูเยียนก็อาจเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แม่นางอาจยั่วอดีตประธานฉู่ จากนั้นก็ใช้ลูกไม้คุณพี่ขา ดื่มยานี่สิคะ”การคาดเดาต่างๆ นานาจากชาวเน็ตล้มล้างความคิดที่เคยมีมาก่อนหน้าจนหมด ซูซูรีบใช้มือบังกล้องไว้ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าเย็นชา “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว ถ้าคุณไม่อยากติดอันดับคำค้นหายอดฮิต รีบกลับไปนั่งดีกว่านะคะ”ขณะพูด ซูซูชี้ไปทางคอมเมนต์บนหน้าจอด้วยหลิ่วหรูเยียนตวัดมองคอมเมนต์แวบหนึ่ง ก่อนที่จะหน้าซีดไปทั้งดวงหมดกัน!ภาพพจน์ที่เธอตั้งใจสร้างมาอย่างดิบดีพังทลายหมดแล้วถึงขั้นมีคนเริ่มสงสัยว่าพวกเธอสองแม่ลู
นี่มัน…ฮว่าจิ่วหยางนึกว่าหากบอกชื่อเสียงเรียงนามของตัวเอง ฉู่เฉินจะไว้หน้าเขาบ้าง ถึงแม้ไม่ยอมเปิดเผยชื่ออาจารย์ แต่ก็น่าจะเกรงใจเขาอยู่สักหน่อยแต่นึกไม่ถึงว่าฉู่เฉินกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยไม่เพียงอาวุโสฮว่าที่อึ้งค้าง แม้แต่ผู้ชมในห้องไลฟ์สดต่างก็ตะลึงตาค้างไปแล้วเหมือนกันนั่นอาวุโสฮว่าเชียวนะ!หนึ่งในสิบหมอชื่อดังแห่งเจ็ดมณฑลทิศใต้!ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นประธานสมาคมแพทย์แผนจีนด้วย มิหนำซ้ำ เขายังเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงระบือไกลทั่วทิศอีกด้วย!“ฉู่เฉินบ้าเกินไปแล้วมั้ง?”“ไอ้แซ่ฉู่นี่บ้าเกินไปหรือเปล่า?”“อาวุโสฮว่าเขาอุตส่าห์ถ่อมตัว ถามถึงอาจารย์ของเขาก็เพราะอยากดันเขา ไอ้เด็กนี่พูดอย่างงี้กับเขาได้ยังไง?”“ถ้าฉันเป็นอาวุโสฮว่า จะทำให้ไอ้แซ่ฉู่นี่ดับไม่มีเกิดไปเลย”แค่พริบตาเดียว ทิศทางคอมเมนต์หันไปโจมตีฉู่เฉินอีกครั้งหลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับซูซูเห็นอย่างนั้น สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก เธอลอบคิดในใจว่า ‘ฉู่เฉินเอ๋ยฉู่เฉิน ยังไงแกก็เป็นแค่คางคกขึ้นวอ โอกาสดีๆ อย่างนี้แกไม่คว้าไว้ก็โทษคนอื่นไม่ได้แล้วล่ะ’ฮว่าจิ่วหยางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยหน้า
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี