เมื่อได้ยินคำนี้ โจวเทียนเฟิ่งถึงกับอึ้งไปเลย เธอรีบเข้าไปดูข้างในไม่ดูก็ไม่มีอะไร เมื่อมองแวบแรกโจวเทียนเฟิ่งก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และมองดูฉู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ “ฉัน...ทำไมเวลาแค่คืนเดียว กำลังภายในของฉันถึงกลายเป็นระดับสูงได้ล่ะ?”“คงไม่ใช่เพราะว่าผลลัพธ์ที่ฉันทำ...ทำเรื่องอย่างว่ากับคุณหรอกใช่ไหมคะ?”ตอนที่เธอพูดคำนี้ออกมา โจวเทียนเฟิ่งก็ไม่อยากจะเชื่อเลยถ้าการฝึกมันสบายขนาดนี้ อย่างนั้นใครมันจะไปยอมลำบากลำบนนั่งสมาธิฝึกซ้อมหมัดมวยกันล่ะ?แบบนั้นไม่เสียสติไปแล้วเหรอ?ในเวลานั้นราวกับว่าโจวเทียนเฟิ่งได้เห็นหนทางที่จะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ หรือแม้กระทั่งเห็นลัดสู่ประตูวิถียุทธ์ชั้นยอดอีกด้วย“แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ว่านี่เป็นความลับระหว่างคุณกับผม ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด”พรืด!โจวเทียนเฟิ่งหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยกกำปั้นสีชมพูขึ้นมาทุบที่หน้าอกของฉู่เฉิน พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แย่จริงๆ ใครจะนำเรื่องพวกนี้ไปโพนทะนาล่ะคะ”“เอ๊ะ?”พอพูดถึงตรงนี้ โจวเทียนเฟิ่งก็เหมือนคิดอะไรได้ ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณก็เหม
หลังจากนั้นเขารู้สึกได้ชัดราวกับว่าตัวเขาถูกกลิ่นอายที่น่าเกรงขามล็อกไว้ ทั้งร่างกาย ทุกรูขุมขน เหมือนกับมีใครบางคนใช้เครื่องสแกนเขา จับตามองเขาอย่างบ้าคลั่ง!แม่งเอ๊ย!อีกฝ่ายคงไม่ได้เป็นพวกถ้ำมองหรอกใช่ไหม!ฉู่เฉินก่นด่าในใจ แต่สีหน้ากลับนิ่งเรียบ โบกมือเรียกรถแท็กซี่ด้วยท่าทีที่ธรรมชาติสุดๆ ขึ้นรถไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อรถขับออกไปไกล สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ปล่อยเจ้ามังกรลามกนั่นหนีไปได้อีกแล้ว!ครั้งหน้า!ครั้งหน้าข้าจะจับเจ้าให้ได้!เธอกัดฟันพูดสาบานในใจฉู่เฉินที่นั่งอยู่ในรถ หันไปมองที่เทียนเฟิ่งวิลล่า กลับไม่มีเงาของบุคคลต้องสงสัยเลย กลิ่นอายสยองขวัญนั่นมาจากไหนกันแน่นะ?ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกที่ตกอยู่ในอันตรายนี้ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักโดยเฉพาะครั้งนี้ รบกวนการฝึกของเขา นี่มันจะเกินไปแล้ว!“ไม่ได้แล้วล่ะ จำเป็นต้องพัฒนาปราณโดยเร็วแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะโชคดีแบบนี้”ฉู่เฉินแอบสาบานในใจ......อีกด้านหนึ่ง ตรงหน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ่อร์ที่เฝ้ามาทั้งคืนและทั้งวัน ตอน
แม้จะเป็นวัสดุที่ดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้นะ“คุณเรียกผมอยู่เหรอ?”ฉู่เฉินสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยถามหยั่งเชิงจินหลิงเอ๋อร์ ขมวดคิ้วถามขึ้น“ไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใครล่ะ!”จินหลิงเอ๋อร์โกรธอย่างถึงที่สุด!ไอ้ฉู่เฉินนี่มันสมควรตาย!กล้าให้เธอรอนานขนาดนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ที่ฉู่เฉินยังมีประโยชน์ละก็ ฝ่ามือของเธอคงฟาดลงไปที่เขาแล้วล่ะ!เห็นจินหลิงเอ๋อร์หน้าตาสะสวยปานดอกไม้ หุ่นร้อนแรงแบบนี้ แต่เธอกลับเป็นพริกขี้หนูที่ขึ้นชื่อแม้แต่จางคุนและหลี่ก่านซึ่งเป็นหัวหน้าในสำนักมวยก็ยังถูกเธอซ้อมหนักแม้แต่จินเจิ้นหลงก็ทำอะไรไม่ถูกกับอารมณ์อันร้อนแรงของจินหลิงเอ๋อร์หากนับในเจียงจงทั้งหมด คนที่กล้าล่วงเกินเธอแบบนี้ นับได้ด้วยมือเดียวแต่คนพวกนี้ คนไหนไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวย หรือแม้แต่ตระกูลข้าราชการบ้างล่ะ?แล้วฉู่เฉิน แกนับประสาอะไรล่ะ?ในมุมมองของจินหลิงเอ๋อร์ เธอยอมลดตัวที่จะมาขอเขาด้วยตนเองถึงที่ ฉู่เฉินควรฟังความต้องการของเธอ และรักษาความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บของจินเจิ้นหลงอย่างเชื่อฟังซะ!ฉู่เฉินกวาดสายตาไปมองจินหลิงเอ๋อร์ หัวเราะออกมาเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “แม้ว
คำพูดนั้นสิ้นสุดลง จินหลิงเอ๋อร์ก็เตรียมตัวตั้งท่าต่อสู้!แควก!ชุดกี่เพ้าชุดนั้นที่เธอสวมใส่ก็รับไม่ไหว มันขาดเป็นรอยยาวตรงจุดแสกยาว ขอบลูกไม้สีชมพูปรากฏให้เห็นฉู่เฉินกวาดสายตามองไปที่ชุดกี่เพ้าที่ชำรุดของเธอ ยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “คุณหนูท่านนี้ ร่างกายของคุณเย็น ไม่ควรโกรธง่าย ไม่เช่นนั้นอาการของคุณจะยิ่งแย่ลง”“หากถึงเวลาประตูชีวิตปิดสนิท จะหมดทางเยียวยาแล้วนะ”เมื่อคำพูดนี้ออกไป จินหลิงเอ๋อร์ก็ดูไม่ดีฉู่เฉินไอ้เลวลามกนี่แอบสืบเรื่องเธออยู่เหรอ?แต่ปัญหาคือแม้แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?“แก...แกอย่ามาพูดไร้สาระนะ คอยดูว่าฉันจะฉีกแกอย่างไร!”จินหลิงเอ๋อร์โกรธสุดขีด!ที่จริงตั้งแต่เธอยังเด็กก็พบจุดที่ตัวเองไม่เหมือนกับคนรุ่นเดียวกันคนอื่นทั้งบนและล่างพัฒนาการหมด มีแต่เธอที่พัฒนาการแค่ข้างบนเมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เธอยิ่งแตกต่างจากผู้หญิงรุ่นเดียวกันขึ้นไปอีก โดยเฉพาะบางส่วนที่กระดากจะพูดบางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายที่แตกต่าง เมื่อเธอเห็นผู้ชายก็จะทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง!แม้ว่าจะมีคนมาสู่ของถึงบ้าน หรือคนรวยจำนวนมากที่ตามจีบเธออย่างบ้าคลั่ง แต่จินหลิงเอ๋อ
ฟิ้ว!เสียงทะลุอากาศดังขึ้นทันทีฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา จินหลิงเอ๋อร์นี่จะโหดเหี้ยมไปแล้วมั้ง?หากเป็นคนอื่นคงถูกเธอฟาดจนตายไปแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจิตใจต้องบิดเบี้ยวขนาดไหนถึงจะเป็นเหมือนจินหลิงเอ๋อร์ได้ ลงมือก็คือกระบวนท่าพิฆาต?พอคิดถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีถึงชีวิตของจินหลิงเอ๋อร์ ยกฝ่ามือขึ้นมา เสียงตบดังขึ้น ฝ่ามือนั่นฟาดเข้าไปอย่างแรงที่บั้นท้ายอันแอ่นงอนอวบอิ่มของจินหลิงเอ๋อร์แม้ว่าฝ่ามือของฉู่เฉินจะออกแรงแค่สองส่วนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่แรงที่จินหลิงเอ๋อร์ที่มีกำลังภายในแค่ระดับต้นสามารถรับได้พร้อมตามมาด้วยความปวดแสบปวดร้อนตรงบั้นท้าย ร่างกายของจินหลิงเอ๋อร์เซ ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่สิบกว่าก้าวก็เกือบจะล้มลงไป“แก...”จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ทั้งอายทั้งโกรธ เธอกัดฟันจนฟันแทบจะแหลกหมดแล้วคนแซ่ฉู่ไร้คุณธรรมในการต่อสู้!มันมีใครที่ไหนที่กล้าลงมือจงใจตีบั้นท้ายของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาคนมากมายขนาดนี้ ?“นี่เป็นแค่การสั่งสอนคุณ ผมเคยบอกแล้ว ว่าคนอื่นไม่ใช่พ่อของคุณ ไม่มีใครตามใจคุณหรอกนะ!”สายตาเย็นชาของฉู
“จะฆ่าผมงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย หัวเราะอย่างเรียบนิ่งพร้อมพูดว่า “ให้เวลาคุณอีกร้อยปี คุณก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก เชื่อผม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะ”ในระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงมือที่พยุงจินหลิงเอ๋อร์ออกแต่ว่าเนื่องจากเขาและจินหลิงเอ๋อร์อยู่ในตำแหน่งที่ประจวบเหมาะ ในตอนที่เขาดึงฝ่ามือออก มือของเขาจึงถูกับหน้าอกของจินหลิงเอ๋อร์โดยไม่ได้ตั้งใจอ๊ะ!!จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว!ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ มันต้องจงใจแน่ๆ!แต่ว่านอกจากที่เธอจะทำได้แค่กระทืบเท้าเล็กอย่างบ้าคลั่ง เธอก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วจากการต่อสู้สั้นๆ เมื่อกี้นี้ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงแม้จะใช้กำลังของเธออีกสิบเท่า เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินหากยังต่อสู้ต่อไปก็มีแต่เธอที่จะอับอาย กระทั่งว่าแตะปลายก้อยของฉู่เฉินไม่ได้“แก...แกมีสิทธิ์อะไรมารังแกคนอื่น...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปทั้งชาติแน่! ฮือๆๆ...”ในขณะที่พูดน้ำตาของจินหลิงเอ๋อร์ไหลลงมาราวกับไข่มุกที่สายขาดตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไร้หนทางแบบนี้ทั้งๆ ที่ในใจโกรธมากๆ และทั้งที่ไอ้ฉู่เฉินที่สมควรตายนั่นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับทำอะไ
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว สองแม่ลูกคู่นี้กำลังทำอะไรอยู่?หลังจากที่วางสายไป ฉู่เฉินหันกลับมาแล้วพูดกับจินเจิ้นหลงและลูกสาวของเขาว่า พวกคุณค่อยๆ พิจารณาแล้วกัน ผมยังมีธุระอื่นอีก”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินกลับเข้าในบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แล้วก็ปิดประตูใหญ่กลับไปที่ห้องรับแขก ฉู่เฉินกดเข้าไปที่หน้าหลักของติ๊กต็อก กดเข้าไปยังช่องไลฟ์สดรู้ทันวงการแพทย์เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนในชุดมืออาชีพกำลังนั่งตัวตรงบนเก้าอี้และแต่งหน้าเล็กน้อยเมื่อประกอบกับใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ร้อนแรงของเธอ เธอทำให้ผู้คนรู้สึกถึงผู้หญิงที่บริสุทธิ์และมีความปรารถนาขาเรียวสวยขาวราวกับหิมะ ท่ามกลางแสงไฟส่องจะสว่างเป็นพิเศษนี่มันช่างยั่วยวนความสนใจจริงๆ คนที่นั่งข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนคือซูซูพิธีกรดังในระยะนี้ ผมสีดำยาวของเธอปลิวไปด้านหลังศีรษะ และเธอสวมชุดสูทสีขาวนม โดยมีเสื้อยืดสีขาวเหมือนหิมะอยู่ข้างใต้ โดยนูนออกมาจากก้อนอวบอ้วนสองก้อนบนหน้าอกของเธอขาสวยในถุงน่องสีดำและรองเท้าส้นสูงสีดำคู่หนึ่งประกอบกับรูปลักษณ์ที่เงียบขรึมและสง่างามของเธอช่วยเพิ่มเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาววัยทำงานรู้ทันวงการแพทย์เป็นรายการทางการแพ
ในช่วงเวลาหนึ่ง แฟนๆ นับแสนในช่องไลฟ์สดต่างก็เยาะเย้ยฉู่เฉินฉู่เฉินที่มองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “งั้นเหรอ? พวกเธอสองคนแม่ลูกเคยช่วยรักษาฉันงั้นเหรอ? งั้นฉันคงต้องถามหลิ่วชิงเหอให้ชัดแล้วล่ะ”พูดจบฉู่เฉินก็เก็บโทรศัพท์ ก้าวเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอก็กำลังดูไลฟ์สดในห้องนอนเธอก็ยังคงคุ้นชินกับการเปลือยเปล่า ขากลมๆ สีขาวสวยงามคู่หนึ่งวางอยู่บนโต๊ะชาตรงข้ามโซฟา ห้อยเท้าอันนุ่มนวลของเธอลงมาตามมาด้วยขาสองขาที่สั่น หน้าอกที่อวบอั๋นทั้งสองข้างนั้นก็พลางสั่นไปด้วยผมที่เปียกโชกปล่อยลงมาตามไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังคงมีหยดเปียกบนร่างกายที่บอบบางของเธอทันใดนั้นหลิ่วชิงเหอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกๆ จึงรีบหันหน้ามองไปที่หน้าต่างร่างที่สง่างามกำลังยืนอยู่กับหน้าต่าง ด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายบนใบหน้าของเขา และดวงตาของเขาก็จ้องมองเธอด้วยท่าทางหยอกเย้า“ฉู่เฉิน? แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะฆ่าแก!”แม้ว่าหลิ่วชิงเหอจะพูดออกไปแบ