อีกด้านหนึ่งในสำนักเทียนเยว่ ตอนนี้บรรยากาศตึงเครียดอย่างถึงที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าข่าวนี้แพร่กระจายมาจากไหน แต่ชัดเจนว่าเป็นการยุยงให้แตกแยกกัน“นี่มันชัดเจนว่าเป็นการใส่ร้ายสำนักเทียนเยว่ของเรา!”ไป๋เหมยพูดโกรธจนแก้มแดงก่ำ ลูกตาแทบจะถลนออกมาขณะนี้ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งนั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ สวมชุดคลุมสีขาว ใบหน้าเคร่งขรึมราวกับน้ำนิ่งและสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ สีหน้าก็ดูไม่สู้ดีเช่นกันคนคนนี้คือเจ้าสำนักเทียนเยว่ หลินเทียนชิงเมื่อได้ยินข่าวนี้ หลินเทียนชิงจึงได้รวบรวมเหล่าผู้อาวุโสหลายท่านของสำนักเทียนเยว่และเหล่าศิษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดนับสิบคนมาหารือที่ห้องโถงใหญ่เมื่อเห็นหลินเทียนชิงมีสีหน้าไม่น่าดูนัก ไป๋เหมยจึงลุกขึ้นก่อน เดินไปยังผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในห้องโถงใหญ่และกำหมัดคารวะ “เจ้าสำนัก ฉันจะไปชี้แจงกับสำนักว่านเจี้ยนและสำนักชิงอวิ๋นให้ชัดเจนค่ะ”หลินเทียนชิงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “พูดมากเกินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพียงจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ไม่มีความจำเป็นต้องเสียแรงเปล่า”กล่าวถึงตรงนี้ หลินเทียนชิงหันไปมองทุกคนรอบตัวแล้วกล่าวว่า
ซี้ดๆ!ผีดิบเลือดคลั่งระดับสูงสุด?!แม้แต่ซ่งหนิงซวงยังลอบตกตะลึงในใจเมื่อเห็นเจ้าทึ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ซ่งหนิงซวงก็หันมองไปทางห้องรับแขกของฉู่เฉินด้วยสายตาขุ่นเคือง จากนั้นเดินออกจากวิลล่าเฟิ่งหมิงไปด้วยความโมโหจนกระทั่งซ่งหนิงซวงเดินไปไกล อวี้ลู่ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะกล่าวกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน เจ้าไม่ควรปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างเด็ดขาดเช่นนั้น”“ยามนี้ข้าเองพลังไม่มั่นคง ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้เลย ถ้าสองสำนักใหญ่คิดเล่นงานเจ้าจริงๆ เกรงว่าเจ้าคงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้”ได้ยินดังนั้น ฉู่เฉินกลับหัวเราะเสียงเบา กล่าวว่า “เป็นผู้ชายสูงเจ็ดฟุตแท้ๆ ยังต้องให้ผู้หญิงมาปกป้องอีกเหรอ? ดูถูกกันอยู่หรือไง?”อะไรนะ?พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่ก็หรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าเล็กซีดขาวและกล่าวว่า “เจ้าอย่ามาไม่รู้จักดีชั่วนะ ข้า... ข้าก็หวังดีต่อเจ้า!”ฉู่เฉินกลอกตามองอวี้ลู่ ก่อนจะถ่มน้ำลายกล่าวว่า “เพื่อผมงั้นเหรอ?”“ถ้าหวังดีกับผมจริง ก็ไม่ควรยุให้ผมไปล้างเท้าให้พวกยายแก่จากสำนักจื่อเซียวนั่นสิ!”แม่ง!อวี้ลู่เกลียดจนกัดฟ
“เดี๋ยวก่อน!”หลิงเสวี่ยเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังขึ้นจากด้านหลัง“ทำไม คุณกลัวแล้วเหรอ?”หลิงเสวี่ยค่อยๆ หันกลับมา มองสำรวจฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูถูกฉู่เฉินกลอกตาใส่หลิงเสวี่ย พร้อมกล่าวเสียงเย็นว่า “คุณเอาแต่บอกให้ผมไปที่สำนักชิงอวิ๋น แล้วไม่คิดจะนำทางไปหน่อยเหรอ? ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าประตูภูเขาของสำนักชิงอวิ๋นเปิดไปทางไหน?”ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา หลิงเสวี่ยก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยท่าทางของฉู่เฉินดูมั่นใจมาก หรือว่าฉู่เฉินจะมีแผนสำรองอยู่?แต่สำนักชิงอวิ๋นก็ถือเป็นสำนักใหญ่ อีกทั้งท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นยังเป็นยอดฝีมือระดับควบแก่นแท้ขั้นที่สอง ต่อให้ฉู่เฉินเก่งกล้าขนาดไหน ก็คงยากที่จะมีชีวิตรอดออกมาจากสำนักชิงอวิ๋น?ใครให้ความกล้ากับเขา ถึงได้ทำตัวมั่นอกมั่นใจขนาดนี้?ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลิงเสวี่ยจึงยิ้มบางๆ กล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะส่งคนไปรับคุณ”กล่าวจบ หลิงเสวี่ยก็หันหลังเดินจากไป ฉู่เฉินมองแผ่นหลังอันเย้ายวนของหลิงเสวี่ย ก่อนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินกำลังจะไปที่สำนักชิงอวิ๋น ในขณะนั้น พี่น้องตระกูลต้วนและอินซู่ซู่น
ในบ่ายวันนั้น ฉู่เฉินก็ถูกพาไปถึงหน้าประตูของสำนักชิงอวิ๋นสำนักชิงอวิ๋นได้ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปีแล้ว และในสายตาของผู้บำเพ็ญพรตธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ราวกับทวยเทพในช่วงเกือบหนึ่งร้อยปีนี้ สำนักชิงอวิ๋นมีผู้มีความสามารถมากมายปรากฏตัวขึ้น และยังเคยมีผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณอีกด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้สำนักชิงอวิ๋น ดูมีความลึกลับมากขึ้นไปอีกและในช่วงที่ฉู่เฉินเดินมาถึงตีนเขา ทั้งสำนักชิงอวิ๋น ก็ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นจำนวนไม่น้อยต่างถือกระบี่จ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ“คนแซ่ฉู่กล้าจริงๆ ““ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะต้องล้างแค้นให้ศิษย์พี่ใหญ่ให้ได้”เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของเหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋น ฉู่เฉินกลับไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย เงยหน้ามองไปยังยอดเขาหลักด้านหลังสำนักชิงอวิ๋น“เจ้าหนุ่มนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ “บรรดาผู้เฒ่าในสำนักชิงอวิ๋น ยืนอยู่กลางเชิงเขา ใช้สายตาพิจารณามองไปที่ฉู่เฉินอย่าพูดว่าฉู่เฉินเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระจากโลกมนุษย์ แม้แต่เจ้าแห่งขุนเขาหรือเจ้าสำนักของภูเขาสือว่าน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่น ก็ยากที่จะรักษาความสงบได้เช่นเดียวกับฉู่เฉิ
ฉู่เฉินมองไปยังธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มจางว่า “หากได้นอนหลับยาวอยู่ที่นี่ ชีวิตนี้จะต้องการสิ่งใดอีก”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็มองไปยังภูเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาดโดยรอบ ต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมของสำนักชิงอวิ๋นนั้นดีจริงๆ แม้กระทั่งในอากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์แบบนี้ ในโลกมนุษย์แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่หน้าประตูสำนักที่สูงเสียดฟ้า แค่ดูต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ที่หลายคนก็โอบไม่รอบ อายุต้นไม้อย่างน้อยก็หนึ่งร้อยปีขึ้นแล้ว“คุณฉู่ช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋เดินไปตามทางเดินหินสู่ยอดเขากับฉู่เฉิน พลางกล่าวเยาะเย้ยไปด้วย“ที่นี่มีทั้งภูเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาด แล้วมีอะไรที่ต้องคิดมากอีกล่ะครับ?”ฉู่เฉินเดินทอดน่องไปพลาง มองไปรอบๆ ไปพลาง ราวกับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นไร้ตัวตนภาพนี้ทำให้เหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่เห็นต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟฉู่เฉินคนนี้มันไม่ได้เสียสติธรรมดาแล้ว ทำตัวราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นยังไงอย่างนั้นแม้แต่ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเอง เมื่อเห็นท่าทีโอหังของฉ
ฉู่เฉินยิ้มบาง กล่าวว่า “เชิญเจ้าสำนักก่อนเลยครับ”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นยิ้มอย่างสงบ ก้าวเข้าไปในห้องด้านข้างทันที แต่ในขณะที่เขาก้าวข้ามธรณีประตูนั้นเอง ฉู่เฉินก็เห็นชัดเจนว่าอากาศรอบข้างพลันเกิดระลอกคลื่นเหมือนคลื่นน้ำฉู่เฉินเอาสองมือไพล่หลัง เดินตามหลังธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นด้วยฝีเท้าที่มั่นคง และก้าวข้ามธรณีประตูไปเหมือนกันตูม!ฉู่เฉินรู้สึกเพียงมีเสียงดังขึ้นในหัว จากนั้นพลังวิญญาณทั่วร่างก็ราวกับถูกผนึกไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อยเมื่อเห็นฉู่เฉินติดกับแล้ว เหล่าศิษย์สำนักชิงอวิ๋นจำนวนไม่น้อยก็รีบกดด้ามกระบี่ไว้ มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่าพวกเขาอดทนมาตลอดทางแล้ว ในที่สุดก็หลอกฉู่เฉินเข้ามาในหอหลิงซวีได้สำเร็จ หลายคนอดใจไม่ไหวอยากจะชักกระบี่ออกมาแล่ฉู่เฉินให้เป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้หอหลิงซวีเป็นสถานที่ลึกลับที่ปรมาจารย์หลายรุ่นก่อนของสำนักชิงอวิ๋นทิ้งไว้ สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกพลังด้วยยันต์อันทรงพลัง แม้แต่ผู้มีพลังระดับควบแก่นแท้ ถ้าเข้ามาในหอหลิงซวีก็ไม่ต่างจากคนธรรมดานับประสาอะไรกับฉู่เฉิน?สามารถกล่าวได้ว่าเกือบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ห
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่กำลังคืบคลานเข้ามาจากด้านหลัง ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นพลางเอ่ยว่า “ทำไมครับ พวกคุณสำนักชิงอวิ๋นทำได้แค่เรื่องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้งั้นเหรอ?”ธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่นแล้วกล่าวว่า “ด้วยสภาพของคุณตอนนี้ คิดว่าพวกเราสำนักชิงอวิ๋นยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่อีกเหรอ?”“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาเพียงลำพัง มาตามนัดงั้นเหรอ คุณคิดว่าสำนักชิงอวิ๋นของผมเป็นที่แบบไหนกัน? คุณอยากมาก็มา อยากไปก็ไป?”“อย่าว่าแต่คุณเลย ไม่ว่าเจ้าสำนักที่อยู่รอบนอกของภูเขาสือว่านคนไหน ก็ไม่กล้าทำตัวดูหมิ่นสำนักชิงอวิ๋นของผมอย่างคุณหรอก!”สิ้นเสียง สีหน้าของธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ยิ่งเย็นเยือกลง เห็นชัดว่ารู้สึกมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว“คุณแน่ใจเหรอ? ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นจะทรงพลัง จะสามารถรับมือได้กับทั้งโลกแห่งการหยั่งรู้ได้จริงเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเบา แล้วเอ่ยออกมาอย่างเฉยเมย “อย่าว่าแต่สำนักชิงอวิ๋นเล็กๆ ของคุณเลย แม้แต่คนของวังว่านเจี้ยนจะร่วมมือกับคุณด้วย ผมก็ไม่เคยสนใจพวกคุณเลย”“อีกเดี๋ยว คุณก็จะรู้ถึงความทรงพลัง
ตามกฎของโลกแห่งการหยั่งรู้ สำนักรอบนอกสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทำการเข่นฆ่าที่โลกมนุษย์ธรรมดาได้ตามอำเภอใจ ส่วนยอดฝีมือระดับทารกวิญญาณในเขตศูนย์กลางก็ไม่อาจก้าวเข้ามาในสำนักรอบนอกได้ตามอำเภอใจเช่นเดียวกันแต่เทพสังหารเหมือนกัน แม้ว่าเขาอยู่สำนักว่านเซียน แต่ว่าระดับพลังกลับถูกกดให้อยู่ขั้นสูงสุดของระดับควบแก่นแท้มาโดยตลอดหากเทพสังหารลงมือ ต่อให้เป็นพวกระดับสูงของโลกแห่งการหยั่งรู้ก็ไม่อาจพูดอะไรได้เช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมา สำนักว่านเซียนเองก็เฝ้าติดตามที่อยู่ของหยกโลหิตกิเลน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา ตระกูลฉู่ซ่อนหยกโลหิตกิเลนไว้อย่างลึกลับสุดขีด สำนักว่านเซียนส่งคนไปที่โลกมนุษย์ธรรมดาหลายครั้ง แต่ก็หาหยกโลหิตกิเลนไม่เจอเลยทว่าครั้งนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าฉู่เฉินผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลฉู่ถูก “เชิญ” ไปที่สำนักชิงอวิ๋นพร้อมกับหยกโลหิตกิเลน สำนักว่านเซียนยังจะทนไหวได้ที่ไหนกัน?ในสายตาของสำนักว่านเซียน สำนักชิงอวิ๋นอะไร วังเทียนเจี้ยนอะไร ก็เป็นเพียงตัวตนที่เหมือนกับมดปลวกเท่านั้นหากหยกโลหิตกิเลนตกอยู่ในมือมดปลวกพวกนี้ก็เท่ากับปล่อยให้ของดี ๆ ถูกทำลายไม่ใช่หรือไง? ด้วยเ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ
ครั้งนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนยอมแพ้แล้วจริงๆ เพราะสองคนที่มาด้วยกันนั้นคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวของภูเขาหลางจวีซวีอันเลื่องชื่อ นักพรตแห่งน้ำไฟพวกเขาทั้งสองคนเป็นทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องรักร่วมเพศอีกด้วย และตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นสองผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุด ทั่วทั้งภูเขาหลางจวีซวี ใครได้ยินชื่อเสียงของคนทั้งสองแล้วไม่ปวดหัวบ้าง?“แกคู่ควรมาขอเรียกร้องศักดิ์ศรีต่อหน้าพวกเราสองคนด้วยเหรอ?”หนึ่งในนักพรตก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุดก็แผ่ลงมาประตูหินหมื่นจินที่โจมตีมานานก็ไม่พัง ทันใดนั้นก็เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่กว้างกว่าสามนิ้วแม้แต่ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ก็ก็ยังตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากประตูวังเทียนเจี้ยน“ครับ ครับ ครับ ผู้น้อยจะไปเชิญฉู่เฉินทันทีมาเดี๋ยวนี้ครับ”ในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหมดความอดทนแล้วและรีบร้อนวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ เหล่าศิษย์วังเทียนเจี้ยนที่เดิมทียังคงโหวกเหวกโวยวายเพราะหลิงเสวี่ย ต่างก็หวาดกลัวจนเงียบกริบ คุกเข่าลงกับพื้นทีละคน ไ
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห