[KATHI’S PART]
17.50 น.
-มหาวิทยาลัยเกเบรียล-
“สายแล้ว” ฉันรีบวิ่งไปทางตึกเรียนของตัวเองทันทีที่เห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าไปไม่ทันอาจารย์เช็คชื่อฉันต้องแย่แน่ๆ อย่างที่ฉันบอกว่าฉันได้ทุนเรียนฟรีซึ่งในทุนนั้นมีเงื่อนไขอยู่ว่าฉันต้องรักษาเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และห้ามขาดเรียนถ้าไม่จำเป็น คือถ้าป่วยหรือมีธุระก็ต้องมีใบลามายื่นให้กับอาจารย์ผู้สอนนั่นเอง
เอี๊ยดดดดดดด!!!
“กรี๊ดดดดดด อ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะเสียหลักล้มลงไปที่พื้น เสียงยางรถหรูเสียดสีกับถนนจากการเบรกกะทันหันของรถซุปเปอร์คาร์คันหรู ก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของรถจะเดินลงมาหาฉันอย่างหัวเสีย
“เดินอะไรของเธอ” ร่างสูงตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น ทำให้คนบริเวณนี้หันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว
“อะ เอ่อ”
“ไม่เห็นรถรึไงวะ”
“ขอโทษค่ะ” ฉันยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าด้วยความกลัวทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นว่าคนที่ฉันมีปัญหาด้วยเป็นใคร เขาคือ ‘จีซัส’ ผู้ชายที่อันตรายและน่ากลัวที่สุดในมหาลัย ชื่อของเขาไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จัก ‘ตายแน่ฉันตายแน่ แต่ถ้าไปเรียนไม่ทันฉันก็ตายเหมือนกัน’
“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณเป็นอะไรไหม?”
“ไม่...”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบแล้วฉันก็รีบวิ่งเข้าไปในตึกเรียนที่อยู่ไม่ไกลทันที เพราะถ้าช้ากว่านี้มีหวังฉันไปไม่ทันเช็คชื่อแน่ๆ
“แล้วเธอไม่เป็น...เฮ้ย รีบไปไหนของเธอวะ” เสียงร่างสูงตะโกนโวยวายตามหลังฉันมาอย่างหัวเสีย
ถึงวิชานี้จะเป็นวิชาเสรีที่ฉันจะต้องเรียนกับนักศึกษาต่างคณะ และอาจารย์ที่สอนวิชาก็เป็นที่เลื่องลือเรื่องความโหดในการเช็คชื่อเข้าคลาสมาก ท่านไม่มีการผ่อนปรนให้กับนักศึกษาคนไหนทั้งนั้น
แอ๊ดดดดดด! !!
“ทิชากร จันทร์ดี”
“มาค่ะ” ฉันรีบยกมือทันทีที่อาจารย์เรียกชื่อฉันจบ ‘ฉันนี่มาพร้อมกับดวงจริงนะ’ แล้วจากนั้นฉันก็รีบเดินไปหาที่นั่งด้วยอาการประหม่าอยู่หน่อยๆ เพราะตอนนี้ทุกคนจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว
“ทันเวลาพอดีเลยนะคุณ” อาจารย์ท่านยังเอ่ยแซวตามหลังฉันมา ฉันหันไปยิ้มให้กับท่านเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ว่างหลังห้อง
“คนต่อไป...”
แอ๊ดดดดดดดด! !!
“คุณขจรฤทธิ์ โรจน์จรัสภูวดลมาไหมครับ” อาจารย์พูดขึ้นเสียงดังก่อนจะมองไปรอบๆห้องเพื่อหาตัวเจ้าของชื่อ เหมือนอาจารย์จะวนกลับมาทวนอีกครั้งนึงน่ะเพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่เช็คชื่อใครข้ามไป
“ผมอยู่นี่” ร่างสูงยืนอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ อาจารย์หันมามองเขาเล็กน้อยพร้อมกับจดบางอย่างลงไปในกระดาษ
ที่ฉันเคยบอกว่า ‘ฉันมาพร้อมกับดวง’ มันไม่น่าจะใช่ดวงดีซะแล้วสิ เพราะร่างสูงที่ฉันพึ่งมีปัญหาด้วยเมื่อกี้กำลังเดินตรงเข้ามานั่งลงตรงที่ว่างข้างๆฉันแล้วในตอนนี้
“ไง” ร่างสูงพูดขึ้นเสียงเรียบ แต่เพราะฉันไม่มั่นใจว่าเขาต้องการจะคุยกับฉันไหมฉันจึงนั่งนิ่งๆ ไม่ได้สนใจอะไรเขา
“นอกจากตาจะบอดแล้วหูเธอก็หนวดด้วยรึไง” ฉันหันไปทางร่างสูงข้างๆทันทีที่เขาพูดจบ ‘ผู้ชายอะไรปากร้ายขนาดนี้’ ฉันบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ
“...”
“หูก็ไม่ได้หนวก งั้นหมายความว่าเธอเมินฉันงั้นเหรอ” ร่างสูงเอ่ยบอกฉันอย่างหัวเสีย
“คุณสองคนจะคุยกันอีกนานไหม” เสียงอาจารย์เอ็ดเราสองคนดังขึ้นทำให้เพื่อนทั้งห้องหันมามองที่เราสองคนเป็นตาเดียว
“ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับอาจารย์อย่างนอบน้อม และหันไปก้มหัวขอโทษเพื่อนๆในคลาสอย่างนอบน้อมด้วยเช่นกัน
“เอานี่ไป” ร่างสูงยื่นพลาสเตอร์ปิดแผลมาให้ฉัน ก่อนที่เขาจะก้มลงเล่นโทรศัพท์ในมือของตัวเองต่อ
“อะไรเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงออกไปอย่างงงๆ
“เข่าเธอ” ร่างสูงพูดขึ้นในขณะที่สายตาของเขายังคงจ้องโทรศัพท์
“...” ฉันก้มลงมองเข่าของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเห็นว่ามันมีเลือดซึมออกมา ‘นี่อย่าบอกนะว่าเขาบังเอิญเรียนคลาสเดียวกับฉัน บังเอิญว่าหยิบเจ้านี่ติดมือมาพอดี’ บนโลกใบนี้มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเยอะขนาดนี้เลยรึไงกัน
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณรู้ได้ไงว่าฉันเรียนที่นี่เหรอคะ”
“อย่าถามมากได้ปะวะ...รีบๆ ทำแผลซะจะได้เรียน” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมองมาอย่างรำคาญฉัน
“ค่ะ” ฉันทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะตั้งใจฟังอาจารย์สอนต่อ
“วันนี้พอแค่นี้” อาจารย์พูดจบทุกคนในห้องก็ต่างพากันแยกย้ายกันกลับ บางคนอาจจะมีเรียนต่อ บางคนอาจจะไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนฉันน่ะเหรอ...ทำงานต่อไป
ฉันเคยไปสมัครงานที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันสักเท่าไหร่ เมื่อกลางวันพี่ผู้จัดการร้านโทรมาสอบถามฉันว่ายังสนใจไหมถ้าวันนี้จะทำเป็นพาร์ทไทม์ไปก่อน ซึ่งแน่นอนว่าฉันสนใจอยู่แล้วทำงานแค่คืนเดียวแต่ได้ค่าตอบแทนเท่ากับฉันทำงานที่อื่นมาทั้งอาทิตย์ และอีกอย่างถ้าฉันตั้งใจทำพี่เขาอาจจะรับฉันเป็นพนักงานประจำก็ได้นะ
“...” ฉันมองพลาสเตอร์ที่เหลือในมือก่อนจะคืนให้กับเจ้าของของมัน แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว
เอาเข้าจริงเขาก็น่ากลัวอย่างที่คนอื่นๆร่ำลือกันนั่นแหละ แต่คนเรามีหลายมุมนี่เนอะฉันไม่ได้รู้จักเขาดีถึงขนาดที่จะไปตัดสินว่าเขาเป็นคนยังไง...
[JESUS’S PART]01.00 น.-DEMON PUB-“คุณจีซัสสวัสดีครับ” เสียงไอ้ริวลูกน้องคนสนิทของเฮียดีนพี่ชายของผมเอ่ยทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนของผับ ผับแห่งนี้เป็นของเฮียดีนกับเฮียเบลซพวกเขาเป็นทั้งหุ้นส่วนกัน ส่วนผมเป็นน้องเจ้าของผับเท่านั้นปกติแล้วพวกเฮียจะเข้ามาที่นี่อาทิตย์ละหนึ่งวันสงสัยอาทิตย์นี้คงจะไม่เข้า เพราะดูจากที่ไอ้ริวเข้ามาเอาเอกสารแทนเฮียแบบนี้แสดงว่างานคงจะยุ่งกันอยู่แน่ๆ ชีวิตนักธุรกิจหนุ่มก็แบบนี้วันๆ อยู่แต่กับงานอีกไม่กี่ปีพวกเฮียก็จะ 30 ละยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลย ‘ชีวิตจืดชืด...’“ทำธุระของนายไปเถอะ” ผมบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหยิบของใช้ในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องนี้“ครับ” ผมหยิบถุงยางออกจากมาจากลิ้นชักก่อนจะเดินออกไปยังที่นั่งประจำของตัวเองซึ่งมีไอ้แดนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“เหมือนเดิมนะครับเฮีย”“เออ”ผมมองออกยังชั้นร่างที่ตอนนี้บรรดานักท่องราตรีต่างพากันขยับกันไปมาตามจังหวะของเสียงดนตรี ปกติวันธรรมดาผับแห่งนี้ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาใช้บริการอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงไม่แปลกที่ค่ำคืนนี้จะมีนักท่องราตรีมากกว่าทุ
[KATHI’S PART]วันต่อมา...วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ฉันได้หยุดพักจากการทำงานติดต่อกันมาหลายวัน ถึงแม้ว่าอากาศในตอนนี้จะเย็นสบายเหมาะกับการนอนหลับมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เถอะ สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นไม่ได้แน่นอน...และฉันคิดว่าตัวเองเลือกที่จะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาลัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ อีกอย่างวันนี้ฉันต้องเข้าไปช่วยงานที่ชมรมด้วย“ทุกคนกำลังหลับกันอยู่ฉันต้องออกไปจังหวะนี้แหละ” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากบ้านไม้หลังเก่าซึ่งบ้านหลังนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่พ่อแท้ๆ ของฉันทิ้งไว้ให้ ฉันพยายามเดินออกมาอย่างเบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพราะฉันไม่อยากปลุกสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านให้ตื่นขึ้นมาในตอนนี้พวกเขาพึ่งกลับมาได้ไม่นานถ้านอนกันไม่พอเดี๋ยวจะอาละวาดเอาได้น่ะ“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี” ฉันบอกกับตัวเองทันทีที่ปิดประตูรั้วเสร็จ ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย“สวัสดีค่ะลุง”“ตื่นแต่เช้าเลยหนูกะทิ”“ค่า หนูไปก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยทักทายลุงวินที่นั่งรอลูกค้าอยู่ที่หน้าปากซอยซึ่งไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก ลุงๆที่นี่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่เล
[JESUS’S PART]14.00 น.ผมจอดมอเตอร์ไซค์คันเก่าของไอ้แดนที่โรงจอดรถหน้าชมรมของมันก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ห้องชมรม ผมให้มันเข้าไปเอาที่บ้านมันก็บอกว่า ‘วันนี้ไม่ได้จริงต้องมาทำงานที่ชมรม’ ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วว่าใครเป็นลูกน้องใครเป็นเจ้านายกันแน่วะผมไว้ใจไอ้แดนแต่ผมก็รักรถของตัวเองมากกว่า บางทีผมก็สงสัยว่าถ้าจะห่วงรถขนาดนี้แล้วเมื่อคืนจะขับมอเตอร์ไซค์มันกลับทำไมวะ“อ้าวเฮีย” ผมโยนกุญแจรถให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดูจากกองข้าวของตรงหน้ามันแล้ววันนี้มันคงจะยุ่งอยู่จริงๆ“แป๊บนะเดี๋ยวผมไปหยิบกุญแจมาให้”“ทำไมคนถึงน้อย” ผมเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับยัยหนูผีคนเดิม ‘ทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ’ ผมบ่นกับตัวเองอยู่ภายในใจ“มหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงระดับต้นๆของประเทศ มีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้นและยิ่งมหาลัยไม่ได้บังคับแบบนี้ใครจะอยากไปลำบากกันเล่าเฮีย”“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่ที่มันสบายๆล่ะวะ”“เอ้า!...เฮียก็ถ้ามันสบายเขาจะต้องการความช่วยเหลือไปทำไมล่ะ”“ก็จริงของมึง...ก็มีคนไปอยู่นั่นไง” ผมพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่ยัยหนูผีนิ่งๆ“น้องเขาเป็นนักเรียนทุนยังไง
[KATHI’S PART]19.00 น.“กรี๊ดดดดดด...” ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน ฉันเป็นห่วงแม่ของฉันน่ะเพราะทุกครั้งที่พ่อเลี้ยงฉันเมากลับมา เขามักจะทำร้ายร่างกายแม่ของฉันอยู่เป็นประจำ ซึ่งฉันก็สงสัยว่าแม่จะทนอยู่กับผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายตัวเองไปทำไมบ้านนี้เราอยู่กันสี่คนซึ่งมีฉันที่เป็นเจ้าของบ้านเพราะพ่อได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของฉัน มีแม่ พ่อเลี้ยงซึ่งก็คือสามีใหม่ของแม่และก็พี่ชายอีกคนที่เป็นลูกติดมากับเขา“แม่” ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ก่อนจะเห็นว่าสมาชิกทั้งสามคนในบ้านกำลังล้อมวงกินเหล้าพร้อมกับกับแกล้มมากมายว่างจนเต็มพื้น ‘นี่พวกเขาไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย’“อีกะทิกลับมาได้สักทีนะมึง หายหัวเงียบไปทั้งวันกูขอเงินก็ไม่ให้”“...”“มึงดูลูกชายกูได้เงินมาก็เอามาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่” แม่หันมาบอกกับฉันเสียงแข็ง ก่อนจะลูบหัวลูกชายที่ติดสามีใหม่ของเธอมาอย่างเอ็นดู ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันเจอมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของฉันเสียไป“…” ฉันเลือกที่จะเงียบและหันหลังเดินออกมาจากบ้านแทนขืนอยู่ต่อไปแม่ก็คงพูดเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้น ฉันพยายามทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาแม่เลย
[KATHI’S PART]6.00 น.“ฉันเก่ง ฉันเก่ง โอเคออกไปทำงานได้” ฉันส่องกระจกตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้กับตัวเอง ฉันมักจะทำแบบนี้ในทุกๆ เช้าก่อนจะออกจากบ้าน เพราะบางทีคนเราก็ไม่สามารถหากำลังใจจากที่อื่นได้นอกจากที่ตัวเองนี่เนอะใกล้จะสิ้นปีแล้วตามที่พยากรณ์อากาศบอกเอาไว้ว่าช่วงนี้อุณหภูมิจะลดต่ำกว่าปกติ ฉันเดินเข้าไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ที่หน้าตู้ผ้าขึ้นมาคลุมเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปด้ายนอก“จะไปแล้วเหรอนางกะทิ” เสียงแม่ของฉันที่กำลังเดินสวนเข้ามาทักขึ้นอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเสียพนันมาอีกแล้วแน่ๆ“ใช่ค่ะ” ฉันตอบเธอกลับไปเสียงอ่อน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ดีของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอด่าหรือสวดส่งฉันตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน“แกจะไปไหน เงินล่ะ”“หนูก็ให้แม่ไปแล้วไง ที่หนูไม่มีแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ นี่พึ่งจะวันที่สองเองฉันแบ่งเงินที่ตัวเองได้มาจากการทำงานพิเศษในทุกๆวันให้เธอไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือฉันก็เอาไปซื้อของเข้าบ้านและเก็บไว้ติดตัวอยู่ไม่กี่บาทเผื่อมีเหตุให้จำเป็นต้องใช้โชคดีที่ฉันได้ทุกเรียนฟรีแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุนนี้ร
[JESUS’S PART]“เฮียอะไหล่ที่สั่งไปจะเข้าวันนี้ครับ” ไอ้แดนลูกน้องคนสนิทของผมพูดขึ้น ก่อนจะยื่นเอกสารในมือของมันมาให้ผมอู่ของผมเป็นอู่ที่รับซ่อมแค่รถซุปเปอร์คาร์และรถแข่งซะส่วนใหญ่ วัสดุทุกชิ้นผมคัดสรรมาเองกับมือรับรองได้เลยว่าคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน นอกจากผมจะมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองแล้ว ผมยังมีสนามแข่งรถเป็นของตัวเองอีกด้วย และในอนาคตผมมีแผนการจะนำรถหรูเข้ามาเองซึ่งตอนนี้ผมกำลังเขียนแผนธุระกิจเสนอเฮียดีนและเฮียเบลซซึ่งทั้งสองเป็นพี่ชายของผมเอง“ดีมาก”“เอ่อเฮีย วันนี้เฮียมีเรียนวิชาเสรีตอนค่ำนะอย่าลืม” มันดูตารางงานของผมในมือถือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกกับผม“ไม่ไปไร้สาระ” ผมเอ่ยบอกกับมันเสียงเรียบก่อนจะซ่อมรถตรงหน้าต่อ“ได้ไง ก็รีบเรียนไปให้มันจบวิชานี้เฮียขาดอีกไม่ได้แล้วนะเว้ย”“…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนบ่นข้างๆ ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ผมรำคานมันบ่นมากเลยทำอย่างกับเป็นเมียผมยังไงยังงั้น วันนั้นผมไม่น่าช่วยมันเลยน่าจะปล่อยให้โดนกระทืบไปซะจะได้ไม่ต้องมาทนฟังมันพูดให้ปวดหูอยู่จนทุกวันนี้“ไม่ต้องมามองผมแบบนี้เลย เฮียก็รีบเรียนรีบจบคนสมองดีๆแบบเฮียจะดึงเวลาไว้ทำไมครับ”“พูดมาก”“
[KATHI’S PART]19.00 น.“กรี๊ดดดดดด...” ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน ฉันเป็นห่วงแม่ของฉันน่ะเพราะทุกครั้งที่พ่อเลี้ยงฉันเมากลับมา เขามักจะทำร้ายร่างกายแม่ของฉันอยู่เป็นประจำ ซึ่งฉันก็สงสัยว่าแม่จะทนอยู่กับผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายตัวเองไปทำไมบ้านนี้เราอยู่กันสี่คนซึ่งมีฉันที่เป็นเจ้าของบ้านเพราะพ่อได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของฉัน มีแม่ พ่อเลี้ยงซึ่งก็คือสามีใหม่ของแม่และก็พี่ชายอีกคนที่เป็นลูกติดมากับเขา“แม่” ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ก่อนจะเห็นว่าสมาชิกทั้งสามคนในบ้านกำลังล้อมวงกินเหล้าพร้อมกับกับแกล้มมากมายว่างจนเต็มพื้น ‘นี่พวกเขาไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย’“อีกะทิกลับมาได้สักทีนะมึง หายหัวเงียบไปทั้งวันกูขอเงินก็ไม่ให้”“...”“มึงดูลูกชายกูได้เงินมาก็เอามาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่” แม่หันมาบอกกับฉันเสียงแข็ง ก่อนจะลูบหัวลูกชายที่ติดสามีใหม่ของเธอมาอย่างเอ็นดู ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันเจอมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของฉันเสียไป“…” ฉันเลือกที่จะเงียบและหันหลังเดินออกมาจากบ้านแทนขืนอยู่ต่อไปแม่ก็คงพูดเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้น ฉันพยายามทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาแม่เลย
[JESUS’S PART]14.00 น.ผมจอดมอเตอร์ไซค์คันเก่าของไอ้แดนที่โรงจอดรถหน้าชมรมของมันก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ห้องชมรม ผมให้มันเข้าไปเอาที่บ้านมันก็บอกว่า ‘วันนี้ไม่ได้จริงต้องมาทำงานที่ชมรม’ ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วว่าใครเป็นลูกน้องใครเป็นเจ้านายกันแน่วะผมไว้ใจไอ้แดนแต่ผมก็รักรถของตัวเองมากกว่า บางทีผมก็สงสัยว่าถ้าจะห่วงรถขนาดนี้แล้วเมื่อคืนจะขับมอเตอร์ไซค์มันกลับทำไมวะ“อ้าวเฮีย” ผมโยนกุญแจรถให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดูจากกองข้าวของตรงหน้ามันแล้ววันนี้มันคงจะยุ่งอยู่จริงๆ“แป๊บนะเดี๋ยวผมไปหยิบกุญแจมาให้”“ทำไมคนถึงน้อย” ผมเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับยัยหนูผีคนเดิม ‘ทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ’ ผมบ่นกับตัวเองอยู่ภายในใจ“มหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงระดับต้นๆของประเทศ มีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้นและยิ่งมหาลัยไม่ได้บังคับแบบนี้ใครจะอยากไปลำบากกันเล่าเฮีย”“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่ที่มันสบายๆล่ะวะ”“เอ้า!...เฮียก็ถ้ามันสบายเขาจะต้องการความช่วยเหลือไปทำไมล่ะ”“ก็จริงของมึง...ก็มีคนไปอยู่นั่นไง” ผมพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่ยัยหนูผีนิ่งๆ“น้องเขาเป็นนักเรียนทุนยังไง
[KATHI’S PART]วันต่อมา...วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ฉันได้หยุดพักจากการทำงานติดต่อกันมาหลายวัน ถึงแม้ว่าอากาศในตอนนี้จะเย็นสบายเหมาะกับการนอนหลับมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เถอะ สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นไม่ได้แน่นอน...และฉันคิดว่าตัวเองเลือกที่จะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาลัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ อีกอย่างวันนี้ฉันต้องเข้าไปช่วยงานที่ชมรมด้วย“ทุกคนกำลังหลับกันอยู่ฉันต้องออกไปจังหวะนี้แหละ” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากบ้านไม้หลังเก่าซึ่งบ้านหลังนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่พ่อแท้ๆ ของฉันทิ้งไว้ให้ ฉันพยายามเดินออกมาอย่างเบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพราะฉันไม่อยากปลุกสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านให้ตื่นขึ้นมาในตอนนี้พวกเขาพึ่งกลับมาได้ไม่นานถ้านอนกันไม่พอเดี๋ยวจะอาละวาดเอาได้น่ะ“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี” ฉันบอกกับตัวเองทันทีที่ปิดประตูรั้วเสร็จ ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย“สวัสดีค่ะลุง”“ตื่นแต่เช้าเลยหนูกะทิ”“ค่า หนูไปก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยทักทายลุงวินที่นั่งรอลูกค้าอยู่ที่หน้าปากซอยซึ่งไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก ลุงๆที่นี่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่เล
[JESUS’S PART]01.00 น.-DEMON PUB-“คุณจีซัสสวัสดีครับ” เสียงไอ้ริวลูกน้องคนสนิทของเฮียดีนพี่ชายของผมเอ่ยทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนของผับ ผับแห่งนี้เป็นของเฮียดีนกับเฮียเบลซพวกเขาเป็นทั้งหุ้นส่วนกัน ส่วนผมเป็นน้องเจ้าของผับเท่านั้นปกติแล้วพวกเฮียจะเข้ามาที่นี่อาทิตย์ละหนึ่งวันสงสัยอาทิตย์นี้คงจะไม่เข้า เพราะดูจากที่ไอ้ริวเข้ามาเอาเอกสารแทนเฮียแบบนี้แสดงว่างานคงจะยุ่งกันอยู่แน่ๆ ชีวิตนักธุรกิจหนุ่มก็แบบนี้วันๆ อยู่แต่กับงานอีกไม่กี่ปีพวกเฮียก็จะ 30 ละยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลย ‘ชีวิตจืดชืด...’“ทำธุระของนายไปเถอะ” ผมบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหยิบของใช้ในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องนี้“ครับ” ผมหยิบถุงยางออกจากมาจากลิ้นชักก่อนจะเดินออกไปยังที่นั่งประจำของตัวเองซึ่งมีไอ้แดนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“เหมือนเดิมนะครับเฮีย”“เออ”ผมมองออกยังชั้นร่างที่ตอนนี้บรรดานักท่องราตรีต่างพากันขยับกันไปมาตามจังหวะของเสียงดนตรี ปกติวันธรรมดาผับแห่งนี้ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาใช้บริการอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงไม่แปลกที่ค่ำคืนนี้จะมีนักท่องราตรีมากกว่าทุ
[KATHI’S PART]17.50 น. -มหาวิทยาลัยเกเบรียล-“สายแล้ว” ฉันรีบวิ่งไปทางตึกเรียนของตัวเองทันทีที่เห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าไปไม่ทันอาจารย์เช็คชื่อฉันต้องแย่แน่ๆ อย่างที่ฉันบอกว่าฉันได้ทุนเรียนฟรีซึ่งในทุนนั้นมีเงื่อนไขอยู่ว่าฉันต้องรักษาเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และห้ามขาดเรียนถ้าไม่จำเป็น คือถ้าป่วยหรือมีธุระก็ต้องมีใบลามายื่นให้กับอาจารย์ผู้สอนนั่นเองเอี๊ยดดดดดดด!!!“กรี๊ดดดดดด อ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะเสียหลักล้มลงไปที่พื้น เสียงยางรถหรูเสียดสีกับถนนจากการเบรกกะทันหันของรถซุปเปอร์คาร์คันหรู ก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของรถจะเดินลงมาหาฉันอย่างหัวเสีย“เดินอะไรของเธอ” ร่างสูงตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น ทำให้คนบริเวณนี้หันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว“อะ เอ่อ”“ไม่เห็นรถรึไงวะ”“ขอโทษค่ะ” ฉันยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าด้วยความกลัวทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นว่าคนที่ฉันมีปัญหาด้วยเป็นใคร เขาคือ ‘จีซัส’ ผู้ชายที่อันตรายและน่ากลัวที่สุดในมหาลัย ชื่อของเขาไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จัก ‘ตายแน่ฉันตายแน่ แต่ถ้าไปเรียนไม่ทันฉันก็ตายเหมือนกัน’“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณเป็นอะไรไหม?”“ไม่...”“งั
[JESUS’S PART]“เฮียอะไหล่ที่สั่งไปจะเข้าวันนี้ครับ” ไอ้แดนลูกน้องคนสนิทของผมพูดขึ้น ก่อนจะยื่นเอกสารในมือของมันมาให้ผมอู่ของผมเป็นอู่ที่รับซ่อมแค่รถซุปเปอร์คาร์และรถแข่งซะส่วนใหญ่ วัสดุทุกชิ้นผมคัดสรรมาเองกับมือรับรองได้เลยว่าคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน นอกจากผมจะมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองแล้ว ผมยังมีสนามแข่งรถเป็นของตัวเองอีกด้วย และในอนาคตผมมีแผนการจะนำรถหรูเข้ามาเองซึ่งตอนนี้ผมกำลังเขียนแผนธุระกิจเสนอเฮียดีนและเฮียเบลซซึ่งทั้งสองเป็นพี่ชายของผมเอง“ดีมาก”“เอ่อเฮีย วันนี้เฮียมีเรียนวิชาเสรีตอนค่ำนะอย่าลืม” มันดูตารางงานของผมในมือถือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกกับผม“ไม่ไปไร้สาระ” ผมเอ่ยบอกกับมันเสียงเรียบก่อนจะซ่อมรถตรงหน้าต่อ“ได้ไง ก็รีบเรียนไปให้มันจบวิชานี้เฮียขาดอีกไม่ได้แล้วนะเว้ย”“…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนบ่นข้างๆ ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ผมรำคานมันบ่นมากเลยทำอย่างกับเป็นเมียผมยังไงยังงั้น วันนั้นผมไม่น่าช่วยมันเลยน่าจะปล่อยให้โดนกระทืบไปซะจะได้ไม่ต้องมาทนฟังมันพูดให้ปวดหูอยู่จนทุกวันนี้“ไม่ต้องมามองผมแบบนี้เลย เฮียก็รีบเรียนรีบจบคนสมองดีๆแบบเฮียจะดึงเวลาไว้ทำไมครับ”“พูดมาก”“
[KATHI’S PART]6.00 น.“ฉันเก่ง ฉันเก่ง โอเคออกไปทำงานได้” ฉันส่องกระจกตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้กับตัวเอง ฉันมักจะทำแบบนี้ในทุกๆ เช้าก่อนจะออกจากบ้าน เพราะบางทีคนเราก็ไม่สามารถหากำลังใจจากที่อื่นได้นอกจากที่ตัวเองนี่เนอะใกล้จะสิ้นปีแล้วตามที่พยากรณ์อากาศบอกเอาไว้ว่าช่วงนี้อุณหภูมิจะลดต่ำกว่าปกติ ฉันเดินเข้าไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ที่หน้าตู้ผ้าขึ้นมาคลุมเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปด้ายนอก“จะไปแล้วเหรอนางกะทิ” เสียงแม่ของฉันที่กำลังเดินสวนเข้ามาทักขึ้นอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเสียพนันมาอีกแล้วแน่ๆ“ใช่ค่ะ” ฉันตอบเธอกลับไปเสียงอ่อน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ดีของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอด่าหรือสวดส่งฉันตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน“แกจะไปไหน เงินล่ะ”“หนูก็ให้แม่ไปแล้วไง ที่หนูไม่มีแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ นี่พึ่งจะวันที่สองเองฉันแบ่งเงินที่ตัวเองได้มาจากการทำงานพิเศษในทุกๆวันให้เธอไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือฉันก็เอาไปซื้อของเข้าบ้านและเก็บไว้ติดตัวอยู่ไม่กี่บาทเผื่อมีเหตุให้จำเป็นต้องใช้โชคดีที่ฉันได้ทุกเรียนฟรีแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุนนี้ร