[KATHI’S PART]
6.00 น.
“ฉันเก่ง ฉันเก่ง โอเคออกไปทำงานได้” ฉันส่องกระจกตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้กับตัวเอง ฉันมักจะทำแบบนี้ในทุกๆ เช้าก่อนจะออกจากบ้าน เพราะบางทีคนเราก็ไม่สามารถหากำลังใจจากที่อื่นได้นอกจากที่ตัวเองนี่เนอะ
ใกล้จะสิ้นปีแล้วตามที่พยากรณ์อากาศบอกเอาไว้ว่าช่วงนี้อุณหภูมิจะลดต่ำกว่าปกติ ฉันเดินเข้าไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ที่หน้าตู้ผ้าขึ้นมาคลุมเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปด้ายนอก
“จะไปแล้วเหรอนางกะทิ” เสียงแม่ของฉันที่กำลังเดินสวนเข้ามาทักขึ้นอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเสียพนันมาอีกแล้วแน่ๆ
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบเธอกลับไปเสียงอ่อน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ดีของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอด่าหรือสวดส่งฉันตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน
“แกจะไปไหน เงินล่ะ”
“หนูก็ให้แม่ไปแล้วไง ที่หนูไม่มีแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ นี่พึ่งจะวันที่สองเองฉันแบ่งเงินที่ตัวเองได้มาจากการทำงานพิเศษในทุกๆวันให้เธอไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือฉันก็เอาไปซื้อของเข้าบ้านและเก็บไว้ติดตัวอยู่ไม่กี่บาทเผื่อมีเหตุให้จำเป็นต้องใช้
โชคดีที่ฉันได้ทุกเรียนฟรีแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุนนี้รวมค่าอาหารและค่าที่พักของฉัน แต่เนื่องจากบ้านของฉันอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยฉันจึงของเป็นจากทุนค่าที่พักเป็นค่าอุปกรณ์การเรียนแทน
“อีนี่จะไปตายที่ไหนก็ไป” พูดจบเธอก็เดินเข้าบ้านไปอย่างหัวเสีย
และนี่ก็คือสิ่งที่ฉันต้องเจอในทุกๆ วัน ถ้าฉันบอกว่า ‘ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย’ มันก็คงจะเป็นคำพูดที่ดูโกหกจนเกินไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือฉันชินแล้วล่ะ ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก
ฉันเดินมาจนถึงคาเฟ่กึ่งร้านอาหารที่เปิดขายตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ปกติฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นี่ แต่วันนี้พี่พนักงานประจำลาหยุดฉันจึงเข้ามาช่วยร้านตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเลิกงานปกติของฉัน
“...ฮึบ...” ฉันหยุดเดินก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ฉันเดินเข้าไปในร้านก่อนจะทักทายพี่ๆ ทุกคนอย่าเป็นกันเอง
“มาไวจังกะทิยังไม่ถึงเวลาเข้างานเลย มาทานข้าวกับพี่มา...ไม่ต้องเกรงใจ มาๆ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่หญิง” ฉันเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะนั่งลงทานข้าวข้างๆ ตามที่เธอบอก
พี่หญิงเป็นเจ้าของร้านนี้ ฉันทำงานกับเธอมันตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่คอยให้กำลังใจและให้คำปรึกษากับฉันเสมอมา เธอใจดีกับฉันมากจริงๆ
17.00 น.
“กะทิเลิกงานได้แล้ว มีเรียนต่อไม่ใช่เหรอ”
“เดี๋ยวกะทิช่วยงานตรงนี้อีกแป๊บนึงค่ะ”
“ไม่ต้องเดี๋ยวแล้ว ไปอาบน้ำล้างตัวที่ห้องพี่เดี๋ยวนี้เลย” พี่หญิงเอ็ดฉันเบาๆ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาล้างอุปกรณ์ตรงหน้าของฉันแทน
“แต่ว่า...”
“ไม่แต่แล้วรีบเลย”
“ก็ได้ค่ะ” ฉันบอกกับเธอเสียงอ่อน ก่อนจะเดินไปอาบน้ำล้างตัวตามที่เธอบอก
“หนูไปเรียนก่อนนะคะพี่หญิง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของเข้าที่
“จ้า เดินดีๆล่ะ”
“ค่า”
[JESUS’S PART]“เฮียอะไหล่ที่สั่งไปจะเข้าวันนี้ครับ” ไอ้แดนลูกน้องคนสนิทของผมพูดขึ้น ก่อนจะยื่นเอกสารในมือของมันมาให้ผมอู่ของผมเป็นอู่ที่รับซ่อมแค่รถซุปเปอร์คาร์และรถแข่งซะส่วนใหญ่ วัสดุทุกชิ้นผมคัดสรรมาเองกับมือรับรองได้เลยว่าคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน นอกจากผมจะมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองแล้ว ผมยังมีสนามแข่งรถเป็นของตัวเองอีกด้วย และในอนาคตผมมีแผนการจะนำรถหรูเข้ามาเองซึ่งตอนนี้ผมกำลังเขียนแผนธุระกิจเสนอเฮียดีนและเฮียเบลซซึ่งทั้งสองเป็นพี่ชายของผมเอง“ดีมาก”“เอ่อเฮีย วันนี้เฮียมีเรียนวิชาเสรีตอนค่ำนะอย่าลืม” มันดูตารางงานของผมในมือถือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกกับผม“ไม่ไปไร้สาระ” ผมเอ่ยบอกกับมันเสียงเรียบก่อนจะซ่อมรถตรงหน้าต่อ“ได้ไง ก็รีบเรียนไปให้มันจบวิชานี้เฮียขาดอีกไม่ได้แล้วนะเว้ย”“…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนบ่นข้างๆ ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ผมรำคานมันบ่นมากเลยทำอย่างกับเป็นเมียผมยังไงยังงั้น วันนั้นผมไม่น่าช่วยมันเลยน่าจะปล่อยให้โดนกระทืบไปซะจะได้ไม่ต้องมาทนฟังมันพูดให้ปวดหูอยู่จนทุกวันนี้“ไม่ต้องมามองผมแบบนี้เลย เฮียก็รีบเรียนรีบจบคนสมองดีๆแบบเฮียจะดึงเวลาไว้ทำไมครับ”“พูดมาก”“
[KATHI’S PART]17.50 น. -มหาวิทยาลัยเกเบรียล-“สายแล้ว” ฉันรีบวิ่งไปทางตึกเรียนของตัวเองทันทีที่เห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าไปไม่ทันอาจารย์เช็คชื่อฉันต้องแย่แน่ๆ อย่างที่ฉันบอกว่าฉันได้ทุนเรียนฟรีซึ่งในทุนนั้นมีเงื่อนไขอยู่ว่าฉันต้องรักษาเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และห้ามขาดเรียนถ้าไม่จำเป็น คือถ้าป่วยหรือมีธุระก็ต้องมีใบลามายื่นให้กับอาจารย์ผู้สอนนั่นเองเอี๊ยดดดดดดด!!!“กรี๊ดดดดดด อ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะเสียหลักล้มลงไปที่พื้น เสียงยางรถหรูเสียดสีกับถนนจากการเบรกกะทันหันของรถซุปเปอร์คาร์คันหรู ก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของรถจะเดินลงมาหาฉันอย่างหัวเสีย“เดินอะไรของเธอ” ร่างสูงตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น ทำให้คนบริเวณนี้หันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว“อะ เอ่อ”“ไม่เห็นรถรึไงวะ”“ขอโทษค่ะ” ฉันยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าด้วยความกลัวทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นว่าคนที่ฉันมีปัญหาด้วยเป็นใคร เขาคือ ‘จีซัส’ ผู้ชายที่อันตรายและน่ากลัวที่สุดในมหาลัย ชื่อของเขาไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จัก ‘ตายแน่ฉันตายแน่ แต่ถ้าไปเรียนไม่ทันฉันก็ตายเหมือนกัน’“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณเป็นอะไรไหม?”“ไม่...”“งั
[JESUS’S PART]01.00 น.-DEMON PUB-“คุณจีซัสสวัสดีครับ” เสียงไอ้ริวลูกน้องคนสนิทของเฮียดีนพี่ชายของผมเอ่ยทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนของผับ ผับแห่งนี้เป็นของเฮียดีนกับเฮียเบลซพวกเขาเป็นทั้งหุ้นส่วนกัน ส่วนผมเป็นน้องเจ้าของผับเท่านั้นปกติแล้วพวกเฮียจะเข้ามาที่นี่อาทิตย์ละหนึ่งวันสงสัยอาทิตย์นี้คงจะไม่เข้า เพราะดูจากที่ไอ้ริวเข้ามาเอาเอกสารแทนเฮียแบบนี้แสดงว่างานคงจะยุ่งกันอยู่แน่ๆ ชีวิตนักธุรกิจหนุ่มก็แบบนี้วันๆ อยู่แต่กับงานอีกไม่กี่ปีพวกเฮียก็จะ 30 ละยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลย ‘ชีวิตจืดชืด...’“ทำธุระของนายไปเถอะ” ผมบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหยิบของใช้ในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องนี้“ครับ” ผมหยิบถุงยางออกจากมาจากลิ้นชักก่อนจะเดินออกไปยังที่นั่งประจำของตัวเองซึ่งมีไอ้แดนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“เหมือนเดิมนะครับเฮีย”“เออ”ผมมองออกยังชั้นร่างที่ตอนนี้บรรดานักท่องราตรีต่างพากันขยับกันไปมาตามจังหวะของเสียงดนตรี ปกติวันธรรมดาผับแห่งนี้ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาใช้บริการอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงไม่แปลกที่ค่ำคืนนี้จะมีนักท่องราตรีมากกว่าทุ
[KATHI’S PART]วันต่อมา...วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ฉันได้หยุดพักจากการทำงานติดต่อกันมาหลายวัน ถึงแม้ว่าอากาศในตอนนี้จะเย็นสบายเหมาะกับการนอนหลับมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เถอะ สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นไม่ได้แน่นอน...และฉันคิดว่าตัวเองเลือกที่จะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาลัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ อีกอย่างวันนี้ฉันต้องเข้าไปช่วยงานที่ชมรมด้วย“ทุกคนกำลังหลับกันอยู่ฉันต้องออกไปจังหวะนี้แหละ” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากบ้านไม้หลังเก่าซึ่งบ้านหลังนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่พ่อแท้ๆ ของฉันทิ้งไว้ให้ ฉันพยายามเดินออกมาอย่างเบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพราะฉันไม่อยากปลุกสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านให้ตื่นขึ้นมาในตอนนี้พวกเขาพึ่งกลับมาได้ไม่นานถ้านอนกันไม่พอเดี๋ยวจะอาละวาดเอาได้น่ะ“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี” ฉันบอกกับตัวเองทันทีที่ปิดประตูรั้วเสร็จ ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย“สวัสดีค่ะลุง”“ตื่นแต่เช้าเลยหนูกะทิ”“ค่า หนูไปก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยทักทายลุงวินที่นั่งรอลูกค้าอยู่ที่หน้าปากซอยซึ่งไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก ลุงๆที่นี่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่เล
[JESUS’S PART]14.00 น.ผมจอดมอเตอร์ไซค์คันเก่าของไอ้แดนที่โรงจอดรถหน้าชมรมของมันก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ห้องชมรม ผมให้มันเข้าไปเอาที่บ้านมันก็บอกว่า ‘วันนี้ไม่ได้จริงต้องมาทำงานที่ชมรม’ ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วว่าใครเป็นลูกน้องใครเป็นเจ้านายกันแน่วะผมไว้ใจไอ้แดนแต่ผมก็รักรถของตัวเองมากกว่า บางทีผมก็สงสัยว่าถ้าจะห่วงรถขนาดนี้แล้วเมื่อคืนจะขับมอเตอร์ไซค์มันกลับทำไมวะ“อ้าวเฮีย” ผมโยนกุญแจรถให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดูจากกองข้าวของตรงหน้ามันแล้ววันนี้มันคงจะยุ่งอยู่จริงๆ“แป๊บนะเดี๋ยวผมไปหยิบกุญแจมาให้”“ทำไมคนถึงน้อย” ผมเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับยัยหนูผีคนเดิม ‘ทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ’ ผมบ่นกับตัวเองอยู่ภายในใจ“มหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงระดับต้นๆของประเทศ มีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้นและยิ่งมหาลัยไม่ได้บังคับแบบนี้ใครจะอยากไปลำบากกันเล่าเฮีย”“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่ที่มันสบายๆล่ะวะ”“เอ้า!...เฮียก็ถ้ามันสบายเขาจะต้องการความช่วยเหลือไปทำไมล่ะ”“ก็จริงของมึง...ก็มีคนไปอยู่นั่นไง” ผมพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่ยัยหนูผีนิ่งๆ“น้องเขาเป็นนักเรียนทุนยังไง
[KATHI’S PART]19.00 น.“กรี๊ดดดดดด...” ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน ฉันเป็นห่วงแม่ของฉันน่ะเพราะทุกครั้งที่พ่อเลี้ยงฉันเมากลับมา เขามักจะทำร้ายร่างกายแม่ของฉันอยู่เป็นประจำ ซึ่งฉันก็สงสัยว่าแม่จะทนอยู่กับผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายตัวเองไปทำไมบ้านนี้เราอยู่กันสี่คนซึ่งมีฉันที่เป็นเจ้าของบ้านเพราะพ่อได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของฉัน มีแม่ พ่อเลี้ยงซึ่งก็คือสามีใหม่ของแม่และก็พี่ชายอีกคนที่เป็นลูกติดมากับเขา“แม่” ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ก่อนจะเห็นว่าสมาชิกทั้งสามคนในบ้านกำลังล้อมวงกินเหล้าพร้อมกับกับแกล้มมากมายว่างจนเต็มพื้น ‘นี่พวกเขาไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย’“อีกะทิกลับมาได้สักทีนะมึง หายหัวเงียบไปทั้งวันกูขอเงินก็ไม่ให้”“...”“มึงดูลูกชายกูได้เงินมาก็เอามาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่” แม่หันมาบอกกับฉันเสียงแข็ง ก่อนจะลูบหัวลูกชายที่ติดสามีใหม่ของเธอมาอย่างเอ็นดู ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันเจอมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของฉันเสียไป“…” ฉันเลือกที่จะเงียบและหันหลังเดินออกมาจากบ้านแทนขืนอยู่ต่อไปแม่ก็คงพูดเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้น ฉันพยายามทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาแม่เลย
[KATHI’S PART]19.00 น.“กรี๊ดดดดดด...” ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน ฉันเป็นห่วงแม่ของฉันน่ะเพราะทุกครั้งที่พ่อเลี้ยงฉันเมากลับมา เขามักจะทำร้ายร่างกายแม่ของฉันอยู่เป็นประจำ ซึ่งฉันก็สงสัยว่าแม่จะทนอยู่กับผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายตัวเองไปทำไมบ้านนี้เราอยู่กันสี่คนซึ่งมีฉันที่เป็นเจ้าของบ้านเพราะพ่อได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของฉัน มีแม่ พ่อเลี้ยงซึ่งก็คือสามีใหม่ของแม่และก็พี่ชายอีกคนที่เป็นลูกติดมากับเขา“แม่” ฉันรีบเปิดประตูเข้าไปทันที ก่อนจะเห็นว่าสมาชิกทั้งสามคนในบ้านกำลังล้อมวงกินเหล้าพร้อมกับกับแกล้มมากมายว่างจนเต็มพื้น ‘นี่พวกเขาไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย’“อีกะทิกลับมาได้สักทีนะมึง หายหัวเงียบไปทั้งวันกูขอเงินก็ไม่ให้”“...”“มึงดูลูกชายกูได้เงินมาก็เอามาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่” แม่หันมาบอกกับฉันเสียงแข็ง ก่อนจะลูบหัวลูกชายที่ติดสามีใหม่ของเธอมาอย่างเอ็นดู ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันเจอมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของฉันเสียไป“…” ฉันเลือกที่จะเงียบและหันหลังเดินออกมาจากบ้านแทนขืนอยู่ต่อไปแม่ก็คงพูดเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้น ฉันพยายามทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาแม่เลย
[JESUS’S PART]14.00 น.ผมจอดมอเตอร์ไซค์คันเก่าของไอ้แดนที่โรงจอดรถหน้าชมรมของมันก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ห้องชมรม ผมให้มันเข้าไปเอาที่บ้านมันก็บอกว่า ‘วันนี้ไม่ได้จริงต้องมาทำงานที่ชมรม’ ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วว่าใครเป็นลูกน้องใครเป็นเจ้านายกันแน่วะผมไว้ใจไอ้แดนแต่ผมก็รักรถของตัวเองมากกว่า บางทีผมก็สงสัยว่าถ้าจะห่วงรถขนาดนี้แล้วเมื่อคืนจะขับมอเตอร์ไซค์มันกลับทำไมวะ“อ้าวเฮีย” ผมโยนกุญแจรถให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดูจากกองข้าวของตรงหน้ามันแล้ววันนี้มันคงจะยุ่งอยู่จริงๆ“แป๊บนะเดี๋ยวผมไปหยิบกุญแจมาให้”“ทำไมคนถึงน้อย” ผมเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับยัยหนูผีคนเดิม ‘ทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ’ ผมบ่นกับตัวเองอยู่ภายในใจ“มหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงระดับต้นๆของประเทศ มีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้นและยิ่งมหาลัยไม่ได้บังคับแบบนี้ใครจะอยากไปลำบากกันเล่าเฮีย”“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่ที่มันสบายๆล่ะวะ”“เอ้า!...เฮียก็ถ้ามันสบายเขาจะต้องการความช่วยเหลือไปทำไมล่ะ”“ก็จริงของมึง...ก็มีคนไปอยู่นั่นไง” ผมพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่ยัยหนูผีนิ่งๆ“น้องเขาเป็นนักเรียนทุนยังไง
[KATHI’S PART]วันต่อมา...วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ฉันได้หยุดพักจากการทำงานติดต่อกันมาหลายวัน ถึงแม้ว่าอากาศในตอนนี้จะเย็นสบายเหมาะกับการนอนหลับมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เถอะ สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นไม่ได้แน่นอน...และฉันคิดว่าตัวเองเลือกที่จะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาลัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ อีกอย่างวันนี้ฉันต้องเข้าไปช่วยงานที่ชมรมด้วย“ทุกคนกำลังหลับกันอยู่ฉันต้องออกไปจังหวะนี้แหละ” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากบ้านไม้หลังเก่าซึ่งบ้านหลังนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่พ่อแท้ๆ ของฉันทิ้งไว้ให้ ฉันพยายามเดินออกมาอย่างเบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพราะฉันไม่อยากปลุกสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านให้ตื่นขึ้นมาในตอนนี้พวกเขาพึ่งกลับมาได้ไม่นานถ้านอนกันไม่พอเดี๋ยวจะอาละวาดเอาได้น่ะ“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี” ฉันบอกกับตัวเองทันทีที่ปิดประตูรั้วเสร็จ ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย“สวัสดีค่ะลุง”“ตื่นแต่เช้าเลยหนูกะทิ”“ค่า หนูไปก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยทักทายลุงวินที่นั่งรอลูกค้าอยู่ที่หน้าปากซอยซึ่งไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก ลุงๆที่นี่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่เล
[JESUS’S PART]01.00 น.-DEMON PUB-“คุณจีซัสสวัสดีครับ” เสียงไอ้ริวลูกน้องคนสนิทของเฮียดีนพี่ชายของผมเอ่ยทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนของผับ ผับแห่งนี้เป็นของเฮียดีนกับเฮียเบลซพวกเขาเป็นทั้งหุ้นส่วนกัน ส่วนผมเป็นน้องเจ้าของผับเท่านั้นปกติแล้วพวกเฮียจะเข้ามาที่นี่อาทิตย์ละหนึ่งวันสงสัยอาทิตย์นี้คงจะไม่เข้า เพราะดูจากที่ไอ้ริวเข้ามาเอาเอกสารแทนเฮียแบบนี้แสดงว่างานคงจะยุ่งกันอยู่แน่ๆ ชีวิตนักธุรกิจหนุ่มก็แบบนี้วันๆ อยู่แต่กับงานอีกไม่กี่ปีพวกเฮียก็จะ 30 ละยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลย ‘ชีวิตจืดชืด...’“ทำธุระของนายไปเถอะ” ผมบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหยิบของใช้ในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องนี้“ครับ” ผมหยิบถุงยางออกจากมาจากลิ้นชักก่อนจะเดินออกไปยังที่นั่งประจำของตัวเองซึ่งมีไอ้แดนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“เหมือนเดิมนะครับเฮีย”“เออ”ผมมองออกยังชั้นร่างที่ตอนนี้บรรดานักท่องราตรีต่างพากันขยับกันไปมาตามจังหวะของเสียงดนตรี ปกติวันธรรมดาผับแห่งนี้ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาใช้บริการอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงไม่แปลกที่ค่ำคืนนี้จะมีนักท่องราตรีมากกว่าทุ
[KATHI’S PART]17.50 น. -มหาวิทยาลัยเกเบรียล-“สายแล้ว” ฉันรีบวิ่งไปทางตึกเรียนของตัวเองทันทีที่เห็นว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าไปไม่ทันอาจารย์เช็คชื่อฉันต้องแย่แน่ๆ อย่างที่ฉันบอกว่าฉันได้ทุนเรียนฟรีซึ่งในทุนนั้นมีเงื่อนไขอยู่ว่าฉันต้องรักษาเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และห้ามขาดเรียนถ้าไม่จำเป็น คือถ้าป่วยหรือมีธุระก็ต้องมีใบลามายื่นให้กับอาจารย์ผู้สอนนั่นเองเอี๊ยดดดดดดด!!!“กรี๊ดดดดดด อ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะเสียหลักล้มลงไปที่พื้น เสียงยางรถหรูเสียดสีกับถนนจากการเบรกกะทันหันของรถซุปเปอร์คาร์คันหรู ก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของรถจะเดินลงมาหาฉันอย่างหัวเสีย“เดินอะไรของเธอ” ร่างสูงตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่น ทำให้คนบริเวณนี้หันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว“อะ เอ่อ”“ไม่เห็นรถรึไงวะ”“ขอโทษค่ะ” ฉันยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าด้วยความกลัวทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นว่าคนที่ฉันมีปัญหาด้วยเป็นใคร เขาคือ ‘จีซัส’ ผู้ชายที่อันตรายและน่ากลัวที่สุดในมหาลัย ชื่อของเขาไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จัก ‘ตายแน่ฉันตายแน่ แต่ถ้าไปเรียนไม่ทันฉันก็ตายเหมือนกัน’“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณเป็นอะไรไหม?”“ไม่...”“งั
[JESUS’S PART]“เฮียอะไหล่ที่สั่งไปจะเข้าวันนี้ครับ” ไอ้แดนลูกน้องคนสนิทของผมพูดขึ้น ก่อนจะยื่นเอกสารในมือของมันมาให้ผมอู่ของผมเป็นอู่ที่รับซ่อมแค่รถซุปเปอร์คาร์และรถแข่งซะส่วนใหญ่ วัสดุทุกชิ้นผมคัดสรรมาเองกับมือรับรองได้เลยว่าคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน นอกจากผมจะมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองแล้ว ผมยังมีสนามแข่งรถเป็นของตัวเองอีกด้วย และในอนาคตผมมีแผนการจะนำรถหรูเข้ามาเองซึ่งตอนนี้ผมกำลังเขียนแผนธุระกิจเสนอเฮียดีนและเฮียเบลซซึ่งทั้งสองเป็นพี่ชายของผมเอง“ดีมาก”“เอ่อเฮีย วันนี้เฮียมีเรียนวิชาเสรีตอนค่ำนะอย่าลืม” มันดูตารางงานของผมในมือถือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกกับผม“ไม่ไปไร้สาระ” ผมเอ่ยบอกกับมันเสียงเรียบก่อนจะซ่อมรถตรงหน้าต่อ“ได้ไง ก็รีบเรียนไปให้มันจบวิชานี้เฮียขาดอีกไม่ได้แล้วนะเว้ย”“…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนบ่นข้างๆ ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ผมรำคานมันบ่นมากเลยทำอย่างกับเป็นเมียผมยังไงยังงั้น วันนั้นผมไม่น่าช่วยมันเลยน่าจะปล่อยให้โดนกระทืบไปซะจะได้ไม่ต้องมาทนฟังมันพูดให้ปวดหูอยู่จนทุกวันนี้“ไม่ต้องมามองผมแบบนี้เลย เฮียก็รีบเรียนรีบจบคนสมองดีๆแบบเฮียจะดึงเวลาไว้ทำไมครับ”“พูดมาก”“
[KATHI’S PART]6.00 น.“ฉันเก่ง ฉันเก่ง โอเคออกไปทำงานได้” ฉันส่องกระจกตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้กับตัวเอง ฉันมักจะทำแบบนี้ในทุกๆ เช้าก่อนจะออกจากบ้าน เพราะบางทีคนเราก็ไม่สามารถหากำลังใจจากที่อื่นได้นอกจากที่ตัวเองนี่เนอะใกล้จะสิ้นปีแล้วตามที่พยากรณ์อากาศบอกเอาไว้ว่าช่วงนี้อุณหภูมิจะลดต่ำกว่าปกติ ฉันเดินเข้าไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ที่หน้าตู้ผ้าขึ้นมาคลุมเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปด้ายนอก“จะไปแล้วเหรอนางกะทิ” เสียงแม่ของฉันที่กำลังเดินสวนเข้ามาทักขึ้นอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเสียพนันมาอีกแล้วแน่ๆ“ใช่ค่ะ” ฉันตอบเธอกลับไปเสียงอ่อน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่ดีของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอด่าหรือสวดส่งฉันตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน“แกจะไปไหน เงินล่ะ”“หนูก็ให้แม่ไปแล้วไง ที่หนูไม่มีแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ นี่พึ่งจะวันที่สองเองฉันแบ่งเงินที่ตัวเองได้มาจากการทำงานพิเศษในทุกๆวันให้เธอไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือฉันก็เอาไปซื้อของเข้าบ้านและเก็บไว้ติดตัวอยู่ไม่กี่บาทเผื่อมีเหตุให้จำเป็นต้องใช้โชคดีที่ฉันได้ทุกเรียนฟรีแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุนนี้ร