“มีอะไรคะพี่เฟด ทำไมถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น”ตรีประดับอดที่จะถามไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มมองแฟ้มเอกสารในมือแล้ว คิ้วหน้าเข้มสีน้ำตาลแก่ก็เริ่มขมวดเข้าหากัน และค่อยๆ ผูกกันเข้าจนเป็นโบอันใหญ่ ติดโชว์หราอยู่บนใบหน้า“เปล่า ไม่มีอะไร แค่งานน่าเบื่อๆ ที่เห็นแล้วอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้นะซิ” ชายหนุ่มตอบกลับไป พร้อมกับซ่อนรอยยิ้มกริ่ม เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เมื่อครู่เดินมาหาอย่างที่เขาต้องการ“ไม่จริง ก็เมื่อกี้พี่เฟดยังหน้าตาดีๆ และชวนตรีพูดคุยอยู่เลย แต่มาตอนนี้พี่เฟดกลับทำหน้าตาบึ้งหน้าตึง หรือตรีพูดอะไรผิดไปค่ะ” หญิงสาวเริ่มสงสัยและไม่ยอมให้สิ่งที่สงสัยได้ผ่านพ้นไป จนไม่ทันเห็นสายตาพราวระยับจากคนที่ถูกถามชายหนุ่มวางเอกสารที่ถือไว้ลง ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเรียวดึงเบาๆ ให้หญิงสาวได้มานั่งบนตักกว้าง“ไม่มีอะไรจริงๆ ตรี”ตรีประดับยอมอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ เธอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องงานของชายหนุ่มเลย แต่ก็ยังอยากจะช่วยให้เขาผ่อนคลาย เธอเคยเห็นเวลาที่พ่อเลี้ยงเครียดแม่จะนวดให้ และเธอก็อยากจะทำแบบนี้ให้กับเฟดเดอริโกด้วยเหมือนกัน สองมือเรียวยกไปวางบนหัวคิ้วเข้ม และกดคลึงเบาๆ“พี่เฟดไม่ต
“อะไรล่ะตรีประดับ ชอบให้ฉันทำอย่างนี้ใช่ไหม” เรียวลิ้นสากระคายลากไล้รอบเม็ดบัวสีชมพูหวานทั้งสองข้าง แล้วกลืนกินมันเข้าไปในอุ้งปาก ปลายลิ้นไล้ตวัดเหมือนกับได้คนพบกับน้ำทิพย์หอมจรุงใจ ฟันขาวสะอาดก็ร่วมด้วยช่วยกัน ทรมานหญิงสาวด้วยความสุขสม“แล้วแบบนี้ล่ะ ชอบไหมตรี” เขาบีบนวดฟอนเฟ้นสะโพกหนั่นแน่นแล้วลามไปถึงลำขาเสลาทั้งสองข้าง ก่อนที่ลากไล้ปลายนิ้วไปตามลำขาเรียวยาวหยุดพักกลางดงดอกรักใบหน้าคมละจากจะงอยถันสีชมพูเข้มเปียกชื้นและบวมเป่ง ประพรมจุมพิตลงมาตามผิวเนื้อเนียนและนุ่ม ไปว่าจะลากไล้ไปทางไหน ต่างก็ทิ้งความร้อนผ่าวไว้ให้หญิงสาวทุกหนแห่ง“ว่าไงล่ะตรีประดับ ยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าชอบไหม ชอบ...และมีความสุขหรือเปล่า”ชายหนุ่มดันสะโพกกลมมลขึ้นจากโต๊ะ ปากและฟันก็คาบเกี่ยวเอากระโปร่งบางและพลิ้วไหวหลุดออก ก่อนใบหน้าคมซบนิ่งกับเนินดอกรักสีขาวสะอาดตาลมหายใจอุ่นร้อนเป่าไปบนความอ่อนไหวอ่อนเยาว์ ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจุมพิตสนิทแนบแน่นกับเนินดอกไม้สีสวยสด ปลายลิ้นลากไล้ไปตามรอยแยกของกลีบดอกแผ่วเบาแต่หนักแน่น“ค่ะ ค่ะพี่เฟด” ตรีประดับร้อนผ่าว หายใจหอบกระเส่า ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากั
ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อ ผมชี้ฟูกระจายและกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานเยิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มแดงช้ำอ้าออกอย่างเชิญชวนล่างลงไปผิวกายขาวผ่องเป็นรอยแดงและช้ำ สองทรวงอวบอิ่มตกอยู่ในอุ้งมือใหญ่ หน้าท้องแบนราบเรียบ สองขาเรียวยาวแยกออกกว้าง และสุดท้าย...คือความใกล้ชิดของเฟดเดอริโก ความเสียวซ่านและรัญจวนใจพุ่งปรี๊ดจนเหมือนกับปรอทแตก ตรีประดับด่ำดิ่งไปในกฤษณาอันดำมืดจนหาทางออกไม่เจอเฟดเดอริโกแยกนิ้วออกห่างจากกันเล็กน้อยให้สองปลายยอดถันอยู่ระหว่างชี้และนิ้วกลาง แล้วค่อยๆ นวดเฟ้นทรวงอกกลมกลึง“พะ...พี่...เฟด...” ตรีประดับหวีดร้องเพราะเสียวซ่านสุดๆ สองขาสั่นระริก ริมฝีปากสั่นระริกจนต้องขบเม้มเอาไว้ ทั้งตื่นเต้น รวดร้าว และวาบหวามรัญจวนใจในเวลาเดียวกัน ลมหายใจหอบกระเส่า สองมือไม่รู้จะนำไปวางไว้ตรงไหนของร่างกายดี“โอบรอบคอฉันซิตรีประดับ” เฟดเดอริโกบอกเสียงกระเส่า ริมฝีปากร้อนประทับบนลำคอไล่ลงมาบนไหล่เนียนนุ่ม กายทุกส่วนเริ่มขับขานท่วงทำนองเพลงสวาท เพื่อพาหญิงสาวในอ้อมกอดไปสู่แดนหฤหรรษ์“ดูซิตรี ดูว่าเธอกำลังทำอะไรกับฉัน” ชายหนุ่มบอกย้ำพร้อมกับพาตัวเองด่ำดิ่งไปในกฤษณาอันมืดมิดจนหาท
ผู้เป็นย่านามแอนนาก็ไม่ต้อนรับ ขณะคนเป็นหลานชายไม่เคยให้ความมั่นใจ ไม่เคยพูดว่ารักออกมาจากปากสักคำ มีเพียงอย่างเดียวที่เขาต้องการอยู่ทุกค่ำคืน นั้นคือร่างกายของเธอ“ตะวัน...ตะวัน....” แม้จะเจ็บปวดกับสิ่งที่เจอ แต่ภูตะวันก็ยังพยายามบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเกเบรียลให้แอนนาฟัง แต่ไม่ว่าจะพยายามเรียบเรียงเป็นคำพูดสักเท่าไหร่ คำพูดพวกนั้นมันก็ไม่ยอมออกมาจากปากเธอเสียที“มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้ ว่ามาแล้วกัน หล่อนจะเอาเท่าไหร่”ภูตะวันสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็ม น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะเรียบเรียงคำพูดบอกกับหญิงตรงหน้าไป“คุณแอนนาเข้าใจผิดแล้วละคะ ที่ตะวันมากับคุณเกลไม่ใช่เพราะเงิน”“ฉันไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่เลยนะ ไม่ใช่ว่าฉันจะดูถูกหล่อนนะ แต่ผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้หลานชายฉัน ล้วนแล้วแต่ต้องการเงินหรือไม่ก็ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น”“แต่ไม่ใช่ตะวันค่ะ”แม้น้ำเสียงนั้นจะแหบเครือ แต่ภูตะวันก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคง ทำให้แอนนาเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง หนจะยังมีใบหน้าและดวงตาคู่นั้นอีก มันหดหู่และเศร้าสร้อย น้ำเสียงที่อ้อนวอนขอร้องให้เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ปะปนด้วยความรู้สึกของเด
ภูตะวันส่งค้อนให้ชายหนุ่มวงโตด้วยความกระดากอาย ใบหน้าร้อนผ่าว แต่ดวงตากลับเป็นประกายพราวระยับและสดใส อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ได้รับการยอมรับจากแอนนาคุณย่าของเกเบรียลแล้วเกเบรียลยิ้มและก้าวสาวเท้าก้าวๆ ไปยังห้องนอนที่อยู่อีกปีกหนึ่งของตึก เพื่อที่จะแสดงความรักทางร่างกายกับภูตะวันอย่างที่ไม่มีวันเบื่อหน่ายภูตะวันสอดมือเข้ากอดแขนใหญ่ ขณะมองไปที่เฮลิคอปเตอร์ลำเล็กที่กำลังร่อนลงบนสนาม รอยยิ้มแต้มบนใบหน้านวลผ่องเมื่อคืนเกเบรียลบอกว่ามีคนต้องการพบเธอ แต่กว่าที่เขาจะยอมบอกว่าเป็นใคร ก็ทำเอาเธอถึงกับตัวอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งโดนลนไฟแทบทั้งคืนดวงตากลมโตเป็นประกายวาวระยับ ใบหน้ากระจ่างสดใส และยิ้มกว้างจนเกือบจะถึงใบหู เมื่อเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่ง ก้าวตามชายร่างสูงใหญ่ลงมาติด ๆ และอย่างไม่รอช้าภูตะวันถลาวิ่งไปหาญาติสาวในทันที พร้อมกับเสียงร้องแสดงความดีใจจนออกนอกหน้าเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองอยู่เบื้องหลัง“ตรี...ตะวันดีใจที่สุดเลยที่ได้เจอตรี คิดถึงตรีที่สุดเลย” ภูตะวันกอดร่างญาติสาวไว้ด้วยความรักและคิดถึง“ตรีก็ดีใจที่ได้เจอตะวัน ตรีคิดถึงตะวันที่สุด...คิดถึงทุกวันเลย” ตรีป
ตรีประดับหันมองหน้าภูตะวันที่ขาวซีด ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้าแล้วก็ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็นไปด้วย และเข้าใจโดยไม่ต้องมีคำบอกกล่าวใดๆ เพราะสิ่งที่ภูตะวันกำลังเป็น เธอเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเลยสักนิด หลงรักผู้ชายที่อยู่ด้วย แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าเขาจะรักหรือชอบตัวเองหรือเปล่า หรือว่าต้องการเพียงแค่ร่างกายของเธอเท่านั้นเอง“ไม่เป็นไรนะตะวัน ตรีอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องร้องนะ”“จ้ะตรี ตะวันจะอดทน จะไม่ร้องไห้ด้วย” หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและหันไปมองเกเบรียลที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาสองคู่สบกันแล้วคนตัวเล็กกว่าก็เมินหน้าหนี และเดินตามแรงลากจูงของตรีประดับไปที่รถคันใหญ่ โดยไม่มีการพูดจาใดๆ ต่อกันตรีประดับมองชายอีกคนที่ก้าวยาวๆ มาเดินเคียงข้างเธอ เขาสอดเข้ามาบีบกระชับให้เธอเข้าใจว่าเธอและภูตะวันไม่ได้สู้เพียงลำพังขอบคุณค่ะพี่เฟดตรีประดับบีบตอบ อีกมือก็โอบรอบร่างเพื่อนรักเอาไว้“สู้นะตะวัน ตรีอยู่กับตะวันเสมอ จะเป็นกำลังใจและไม่ทอดทิ้งให้ตะวันสู้คนเดียวนะแน่นอน”ภูตะวันต้องถอยออกมายืนเคียงข้างตรีประดับอีกครั้งเมื่อถึงรถ ด้านหน้าข้างคนขับถูกจับจองด้วยหญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่ และตรีปร
“ทำไมหรือตรีประดับ ถ้าฉันจะมีอะไรกับฟรานนี่ แล้วเธอจะทำไมฉัน อย่าลืมนะว่าเธอกับฉันอยู่ในฐานะอะไร อย่ามาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน ฉันไม่ชอบ” เฟดเดอริโกบอกให้ตรีประดับจำสถานะตัวเอง เพราะเขาชอบที่จะมองหน้าหญิงสาว ที่แสดงออกถึงอารมณ์ต่างๆ อย่างชัดเจนใบหน้าที่แดงก่ำอยู่ก่อนนั้นค่อยๆ ซีดเผือดลงอย่างกะทันหัน เธอหลงในความอบอุ่นและเร่าร้อนที่มีต่อกัน จนลืมไปว่าตัวเองอยู่กับชายหนุ่มเพราะเรื่องอะไร แล้วยังจะแสดงท่าทางหึงหวงให้เขาได้เห็นอีกตรีประดับเงยมองหน้าชายหนุ่ม และยิ้มเยาะหยันตัวเองให้เขาได้เห็น ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าสร้อย น้อยใจและเสียใจ จมูกโด่งน้อยๆ นั้นแดงระเรื่ออย่างคนที่ต้องขบกลั้นความเจ็บปวด อีกทั้งริมฝีปากอวบอิ่มก็ต้องขบเม้มไว้กั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้ไหลออกมา“ขอโทษคะ ตรีลืมไปจริงๆ ด้วย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปนี้ตรีจะพยายามเตือน...ย้ำกับตัวเองอยู่เสมอ ระหว่างเราเกิดเพราะอะไร ตรีเกี่ยวข้องยังไงกับพี่เฟด” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แหบแห้งและสั่นเครือภูตะวันหันมองหน้าเพื่อนรัก ได้เห็นถึงความเจ็บช้ำ เหมือนๆ กับที่เธอกำลังเป็นอยู่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตรีประดั
แต่ภูตะวันที่โกรธอยู่ก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยเหมือนกัน ในเมื่อเขาห้ามไม่ให้เธอพูด เล็กเรียวก็เลยกลายเป็นกำปั้นระดมทุบลงไปบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง เท้าก็พยายามกระทุ้งไปบนอกกว้างใหญ่อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกันเกเบรียลขบกัดฟันกรอดๆ เขารีบพาภูตะวันไปโรงเก็บเรือ จับหญิงสาวมัดและใส่ใต้ท้องเรือไว้ แล้วก็รีบเอาเรือออกก่อนที่คืนอื่นๆ จะมาเห็น เพราะเขาไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าเขาจะพาหญิงสาวไปไหน แล้วที่เขาไม่พาหญิงสาวไปที่ห้องของเขา เพราะว่าตอนนี้มีหญิงสาวอีกคนครอบครองอยู่“พี่เฟดพาตรีมาห้องนี้ทำไม มีอะไรก็คุยกันข้างนอกก็ได้” ตรีประดับถามเสียงสั่นๆ ดวงตาก็จ้องมองไปที่เตียงนอนใหญ่ แล้วก็รีบพาเท้าเดินเลี่ยงออกมาแต่กลับถูกแขนใหญ่กักไว้เฟดเดอริโกตวัดเพียงแค่เล็กน้อย ร่างบอบบางก็ลอยไปตกอยู่บนเตียงนอน โดยมีร่างเขาก็ทาบทับอยู่ด้านบน สองมือเรียวที่ยกขึ้นจะดันให้ร่างใหญ่ออกห่างก็ถูกจับตรึงไว้เหนือศีรษะ“ปล่อยตรีนะพี่เฟด”“ทำไมฉันต้องปล่อยเธอด้วยละตรีประดับ คิดว่าฉันพาเธอมาถึงที่แล้ว จะไสหัวฉันไปไกลๆ เหรอสาวน้อย ไม่มีทาง เธอยังต้องผจญเวรผจญกรรมกับฉันไปอีกนาน ะไปได้ก็ต่อเมื่อฉันไม่ต้องการแล้วเท่านั้น”ตรีประดับกัดฟัน น
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห