ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีเด่แต่เขาก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นพ่อที่เลวของเด็กคนนี้ หากต้องยกเมียและลูกตัวเองให้ชายอื่นไปง่ายๆ นายปราบดาคนนี้ก็ขอตายเสียดีกว่า!พอรู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็พาเจ้าตัวน้อยหนีมาอยู่ที่นี่เสียแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ชายหนุ่มยังถือวิสาสะพาพี่เขยออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านด้วย เพราะรู้ดีว่าหากเขาขอร้องดีๆ เธอคงไม่ฟังกัน เผลอๆ อาจจะหอบลูกหนีเขาไปเลยก็เป็นได้ ในเมื่อหาทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ได้ มันก็ต้องทำแบบนี้แหละเขาแน่ใจว่าคนสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของวิศราจะทำให้เธอต้องกลับมาที่นี่แน่นอน และเมื่อเธอกลับมาเขาก็จะขอโทษในสิ่งที่เคยทำผิดต่อเธอในวันนั้น และขอรับผิดชอบเธอกับลูกอย่างที่ควรทำมาตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว หากเธอยังไม่ยอมอีก เขาก็จะยอมเสี่ยงหัวแตก กราบเท้าสารภาพบาปกับพี่เขย เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจปล่อยเธอและลูกไปจากเขาได้อีกแล้วแม้ว่าการเริ่มต้นของเขาและเธอจะเลวร้าย แต่เขาจะขอโอกาสสุดท้ายจากเธออีกครั้ง เพื่อกลับตัวใหม่ให้กลายเป็นสามีและพ่อที่แสนดีของเธอกับลูกให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทนกับการลงโทษจากแม่ของลูกมากมายเท่าไรเขาก็จะทำเขาจะทวงคืนหัวใจสองดวงนี้กลับมาเป็นข
“สะ...โซ้ม...หะหา...พ่อ”หญิงสาวมีอาการลังเล ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้าหรือตอบคำถามบิดา“แม่รู้จักกับคุณตาคนนั้นด้วยเหรอคะ” คนช่างเจรจาหันมาถามโดยหารู้ไม่ว่ากำลังทำให้คนเป็นแม่กระอักกระอ่วนใจแค่ไหน“เอ่อ...รู้จักซีลูก ก็นั่นคือ...” ตอบได้เท่านั้นคนตอบก็สะเทือนใจจนพูดไม่ออก กระบอกตาปวดแสบปวดร้อนจนแทบกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว อลันมองอาการอ้ำอึ้งของหญิงสาวอย่างเข้าใจ มือใหญ่เอื้อมมาบีบมือของเธอเบาๆ ให้รู้ว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว“อลันคะ คุณช่วยพาลูกไปรอที่รถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”“อืม...ได้สิ!” อลันพยักหน้ารับ พร้อมกับหันมาเอ่ยกับคนตัวเล็ก “กลับบ้านเรากันนะอลิศคนเก่ง”“โอเคค่ะ แต่ขออลิศไปสวัสดีคุณตา คุณยาย พี่ลูกปลา แล้วก็ลุงปราบก่อนนะคะ”“ลุงปราบ!” วิศราขมวดคิ้วเอะใจ หรือว่าหมอนั่นจะยังไม่รู้...“คุณตา คุณยายคะ พี่ลูกปลา ลุงปราบขา อลิศจะกลับบ้านแล้วนะคะ สวัสดีค่า...”“น้องอลิศจะกลับแล้วเหรอ เรายังเล่นไล่จับกันสนุกๆ อยู่เลย” คนไม่เคยมีน้องสาวถามเสียงละห้อย“นั่นสิ! ไหนๆ คุณก็ไม่ได้กลับบ้านมาตั้งหลายปี นี่พ่อคุณก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ทำไมไม่อยู่ดูแลท่านก่อนล่ะ”ดวงตาเขียวปั๊ดตวั
วิศราไม่แน่ใจตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ถูกหรือผิด การให้โอกาสงูเห่าอย่างนายปราบดานั่นจะทำให้เธอโดนฉกในตอนจบหรือเปล่าก็สุดจะคาดเดาได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอจึงขอร้องให้อลันพักที่นี่ด้วยเพื่อกันท่าคนบางคนหากเขาคิดไม่ซื่อ ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมให้ความร่วมมือโดยไม่มีคำถามที่ทำให้เธออึดอัด“พ่อคะ นี่คือคุณอลัน เลวิธ ค่ะ เขาเป็นเจ้านายของส้มแล้วก็ยังเป็น...คนที่ส้มคบหาดูใจกันอยู่” คนแนะนำแอบเห็นใครบางคนขบกรามแน่น แต่เธอหรือจะสนใจ“อา...ลิศ...คาย” วิศรุตพยายามจะถามในสิ่งที่ตนข้องใจสงสัยกับสถานะอันคลุมเครือของเด็กน้อย “เขาเป็นลูกสาวของญาติห่างๆ ผมเองครับ” อลันที่พอฟังภาษาไทยออกได้มากขึ้นแล้วชิงตอบเสียเองเพราะเห็นอาการเกร็งอ้ำอึ้งของหญิงสาวข้างๆ กาย “ตอนแกเกิดแม่ของแกไม่พร้อมจะเลี้ยงดูก็เลยพามาฝากผมเลี้ยงแทน ผมเป็นผู้ชายจะให้มาเลี้ยงเด็กเล็กคนเดียวก็ไม่ไหว เลยขอให้วีวี่ เอ๊ย...คุณส้อมช่วย” สำเนียงไทยแปร่งๆ ยามเรียกชื่อเล่นของวิศราทำให้ใครต่อใครที่มานั่งฟังพากันอมยิ้มเพิ่มความนิยมชมชอบคุณฝรั่งรูปหล่อกันยกใหญ่“เธอช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด อลิศก็เลยติดปากเรียกคุณส้อมว่าแม่น่ะครับ”“โถ...แม่คุณของรื่น
“เปล่าครับ แค่เบื่อๆ เซ็งๆ นิดหน่อย”“เบื่ออะไรกันจ๊ะ พี่ว่าวันนี้คนเยอะแยะคึกคักดีจะตาย” สายตาคนพูดยังคงมองสามีที่รายล้อมด้วยลูกหลานและผู้ชายตัวโตที่คอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง จนคนป่วยผ่อนคลายและมีความสุขไปด้วย“พี่ว่าคุณอลันก็เหมาะกับคุณส้มดีนะ ดูเขาเป็นคนสุภาพ ใจเย็นดี...”คำชมนั้นทำเอาคนฟังค้อนขวับ แม้แต่พี่สาวของเขาก็ยังพลอยหลงปลื้มเจ้าฝรั่งขี้โม้นั่นไปด้วยอีกคน ทำไมมันน่าหงุดหงิดอย่างนี้นะ“เด็กๆ ครับ ได้เวลาอาบน้ำเข้านอนแล้ว!” คนที่ถูกลืมรีบหาวิธีทำคะแนนก่อนโดนสาวๆ เท “เดี๋ยววันนี้น้าปราบจะเล่านิทานสนุกๆ ให้ฟังด้วยนะ”“เย้ๆ น้องอลิศไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวจะได้มาฟังนิทานที่ห้องพี่ไง” เด็กหญิงลูกปลาผู้ตั้งตนเป็นพี่สาวเอ่ยชวนน้องเสียงร่าเริง ทำให้ปราบดาแอบยิ้มที่เรียกร้องความสนใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง แต่แล้วประโยคต่อมากลับทำให้เขาถึงกับหน้าคว่ำ หงายเก๋งไม่เป็นท่า“ลุงอลันรูปหล่อบอกว่าเดี๋ยวจะเล่าเรื่องหมาป่ากับลูกแกะให้ฟังด้วยนะ รีบไปกันเถอะ”วิศราแอบยิ้มเยาะสะใจเมื่อเห็นหมาป่าตัวโตหน้างอพลางลอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่โดนเด็กเขี่ยตกกระป๋อง...เห็นแล้วอยากหัวเราะให้ฟันหัก...สมน้ำหน้า!“
“ครับพรีม...”“ทำงานยุ่งเหรอคะปราบ ทำไมเสียงคุณดูเหนื่อยๆ จัง”“ก็นิดหน่อย คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ“คืนนี้คุณว่างไหมคะ เราออกไปหาอะไรดื่มคลายเครียดกันดีไหมคะ พรีมไม่ได้เจอคุณตั้งหลายวันแล้ว คิดถึงจะแย่ ให้พรีมไปรับคุณที่คอนโด หรือคุณจะมารับพรีมดีคะ”“วันนี้คงไม่สะดวกครับ ผมไม่ได้อยู่ที่คอนโด พอดีพี่วิศเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน ผมก็เลยมาช่วยพี่ปูดูหลานอีกแรง” ถึงจะไม่ได้โกหก แต่คนพูดรู้ดีว่าตนพูดความจริงไปเพียงส่วนเดียวเท่านั้น“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้พรีมไม่มีงาน เดี๋ยวจะแวะไปหาที่บ้านก็แล้วกันนะคะ จะได้ซื้อขนมไปฝากพี่คุณกับยายลูกปลาด้วยไง”“เอ่อ...”“อย่าบอกนะคะว่าคุณไม่สะดวกอีก” เสียงหวานเริ่มกระเง้ากระงอด รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป แต่พรีมโรสก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตาก“ขอเวลาผมสะสางงานก่อนสักสองสามวันแล้วกันนะครับพรีม แล้วผมจะโทร. ไปหา”“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ เล่าให้พรีมฟังได้นะคะ”ปราบดาชะงัก ลังเลว่าเขาควรจะบอกเรื่องนี้กับแฟนสาวไปเลยดีไหม บอกเรื่องทั้งหมดที่เขาทำไป เรื่องลูก เรื่องแม่ของลูก สารภาพทุกอย่างตอนนี้ แล้วหากพรีม
ปราบดามองไปรอบๆ ห้องนอนที่เป็นความทรงจำครั้งแรกของเขาและคนตรงหน้า ทุกอย่างยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากวันนั้น ยกเว้นผ้าคลุมเตียงที่นางรื่นรมย์คอยเข้ามาเปลี่ยนและทำความสะอาดให้ทุกวัน“มีอะไรก็ว่ามา” เจ้าของห้องกัดฟันถามเสียงขุ่น ท่าทีระมัดระวังตัวแจ“ผมอยากจะคุยเรื่องลูก...ลูกของเรา!”วิศราชาวาบไปทั้งร่าง ก่อนตอกกลับด้วยเสียงอันสั่นสะท้าน“อลิศเป็นลูกของฉันคนเดียวต่างหาก”“ส้ม...คุณก็รู้ดีว่าผมเป็นพ่อของเด็กคนนั้น”“พ่อเหรอ นายเอาอะไรมาคิดล่ะ ว่าอลิศเป็นลูก อย่ามาอ้างไอ้สเปิร์มหรือความสัมพันธ์บ้าบอที่เกิดขึ้นวันนั้น นายไม่พอใจที่ฉันต่อต้านพี่สาวตัวเอง ใช้กำลังและความเจ้าเล่ห์เอาชนะผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าทั้งที่ไม่ได้รักกัน ถามหน่อยเถอะ ตรงจุดไหนที่ฉันควรคิดว่านายเป็นพ่อของอลิศ” ยิ่งพูด สิ่งที่กักเก็บไว้ในใจก็ทะลักทลายออกมาราวกับเขื่อนแตก“นายเคยรู้ไหมว่ามันเป็นยังไงที่ต้องอุ้มท้องเด็กคนหนึ่งทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ต้องบากหน้าไปเรียนทั้งๆ ที่ท้องโตขนาดนั้น ต้องคอยฟังเสียงซุบซิบนินทาว่าเป็นผู้หญิงใจแตกท้องไม่มีพ่อตั้งแต่วัยเรียน”คนฟังรู้สึกราวกับถูกมีดปลายแหลมเชือดเฉือนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทีละ
“ผมทำไม่ได้ ผมระ...” คำต้องห้ามมารอที่ปาก แต่ความละอายใจมีมากจนไม่อาจพูดมันออกมาได้“คนเลว! นายมันสารเลว ออกไปจากชีวิตฉันสักที ออกไป!ๆ”หญิงสาวหันไปฉวยของใกล้มือมาระดมขว้างปาใส่ไม่ยั้ง พร้อมออกปากขับไล่อีกฝ่ายที่ยืนเป็นเป้านิ่งให้เธอได้ระบายอารมณ์ เสียงของเธอบาดลึกเข้าไปในมโนสำนึกของปราบดาจนปวดร้าวเกินจะรับไหว จนกระทั่งตุ๊กตาเซรามิกตัวหนึ่งลอยละลิ่วมากระแทกที่ศีรษะเขาเข้าอย่างจัง ก่อนตกลงพื้นแตกกระจายไม่มีชิ้นดีเพล้ง! ปราบดาขบกรามแน่น รู้สึกเสียดร้าวเข้าไปถึงกะโหลกและชาหนึบไปทั้งร่างในเวลาต่อมา โลหิตแดงฉานไหลทะลักออกมาจากรอยปริของแผลบนศีรษะ ไหลย้อยมาตามใบหน้าของเขา พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮของคนขว้าง ที่พุ่งเข้ามาทุบตีหยิกข่วนตามร่างกายของชายหนุ่มไม่ยั้ง โดยที่เจ้าตัวก็ไม่คิดปิดป้องการประทุษร้ายนั้น และเชื่อว่าหากวิศรามีปืน เขาก็คงยอมยืนเป็นเป้านิ่งให้เธอได้ระบายความแค้นใส่“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ จะไปลงนรกที่ไหนก็ไป ไป๊!” วิศราตะโกนใส่หน้าเสียงดัง พร้อมกับพยายามผลักไสไล่ส่งร่างอันสูงใหญ่ออกจากห้องของตน แต่กลับไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ความร่วมมือ แถมยังรวบตัวเธอเข้าไปกอดแน่นแทน“คุณจะตบ
นายแพทย์ประจำตัวของวิศรุตถูกรับตัวมากลางดึกเพื่อตรวจดูอาการ เคราะห์ยังดีที่คนป่วยแค่มีอาการเครียดจัดจนเป็นลมหมดสติไปเท่านั้น และไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เข้ามาให้เป็นกังวลเพิ่ม จะมีก็เพียงสภาพจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง ตลอดเวลาที่หมอตรวจอาการคนไข้ ปุริมาคอยปรนนิบัติดูแลอยู่ข้างกายสามีไม่ห่าง แม้สีหน้าจะซีดเซียวมากขนาดไหนก็ตามวิศราได้แต่มองคนเป็นแม่เลี้ยงนิ่ง ไม่ได้ขัดขวางหรือทำอะไรอย่างเคย จะพูดให้ถูกคือเธอยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยต่างหาก ความคิดกังวลต่างๆ คอยวนเวียนรบกวนหัวใจทำให้หญิงสาวจิตตกเป็นระยะ แต่ยังดีที่ได้อลันคอยดูแลข้างกายด้วยความห่วงใย ส่วนเด็กๆ นั้นก็มีนางรื่นรมย์อาสาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดจึงไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงจะมีก็เพียงคนเดียวที่หายไปจากเหตุการณ์นี้ นั่นคือชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องอย่างปราบดาเท่านั้นหลังจากดูแลสามีจนนอนหลับพักผ่อนเรียบร้อย ปุริมาที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าน้องชายของตนหายตัวไป จึงได้เดินตามหาจนมาพบร่างสูงใหญ่ที่ริมสระว่ายน้ำหลังบ้านนั่นเอง“ปราบ! ปราบจ๊ะ!”ต้องเรียกถึงสองครั้งเจ้าของชื่อ
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย