“ว่าไงนะส้ม! ลูกจะไปไหน” เป็นจริงดังคาด...คนเป็นพ่อถึงกับอุทานลั่นบ้าน แต่คนตัดสินใจเด็ดขาดแล้วอธิบายอย่างใจเย็น“ส้มได้ทุนไปเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษหลักสูตรสี่ปีค่ะ และนี่คือเอกสารที่คุณพ่อต้องเซ็นนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวต้องบังคับมือไม่ให้สั่นขณะยื่นเอกสารไปวางตรงหน้า“ทำไมลูกเพิ่งมาบอกพ่อตอนนี้ หืม” คนเป็นพ่อถามเสียงอ่อนระโหย ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยต้องจากลูกสาวนานขนาดนั้น“พอดีส้มเห็นคุณพ่อยุ่งๆ ก็เลยไม่อยากกวนใจน่ะค่ะ” “แล้วนี่จะต้องเดินทางเมื่อไหร่” ดวงตาอ่อนล้ามองอย่างยอมจำนนแกมรู้สึกผิด“ได้วีซ่าแล้ว พอยื่นเอกสารต่างๆ กับทางมหาวิทยาลัยเสร็จก็จะบินวันศุกร์นี้เลยค่ะ”“ยายส้ม!” วิศรุตร้องลั่นอีกครั้งอย่างตกใจ เหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด ลูกสาวสุดที่รักไม่ยอมให้เวลาเขาทำใจเลยด้วยซ้ำ “ทำไมทำแบบนี้กับพ่อ แล้วถ้าพ่อไม่ยอมเซ็นให้ล่ะ”“ส้มก็จะให้คนอื่นเซ็นให้แล้วหนีไปอยู่ดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว แม้นัยน์ตาร้อนผ่าวจนน้ำตาเจียนจะหยดก็ตาม แต่เธอจำต้องข่มอารมณ์ไว้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จำเป็นต้องไป“แปลว่าลูกไม่สนแม้ว่าพ่อจะห้ามงั้นสินะ” ดวงตาแห้งผากจ้องมองดวงหน้าหวานสวยที่ถอดเค้าอ
“นั่นรถใคร...ใครมาเหรอครับป้ารื่น” ชายหนุ่มร่างสูงก้าวลงจากรถ พลางหันมองตามรถคันหรูที่เพิ่งวิ่งสวนออกไป ฟิล์มรถทึบจนมองไม่เห็นผู้โดยสารด้านใน เห็นเพียงตัวหนังสือสกรีนชื่อโรงแรมหรูระดับห้าดาวเท่านั้น“รถของโรงแรมค่ะ มาส่ง เอ่อ...คุณส้ม” คำตอบนั้นทำให้คนฟังหันขวับอย่างรวดเร็ว“ส่งใครนะครับ”“คุณส้ม...ลูกสาวของคุณผู้ชายไงคะ”ปราบดารู้สึกเหมือนพื้นที่ยืนอยู่ยุบยวบลงไป แล้วตัวเขาก็ร่วงลงไปนอนอยู่ใต้หุบเหวลึกนั้น แน่นอนว่าเขาจำชื่อนั้นได้แม่นยำ แม้ไม่ต้องเอ่ยเพิ่มเติมด้วยซ้ำ“ส้ม...วิศรา”“มีอะไรเหรอคะปราบ” สาวสวยที่เพิ่งก้าวลงจากรถหันมาถามแฟนหนุ่มอย่างแปลกใจ ทำให้ปราบดาได้สติ“ไม่มีอะไรหรอก วันนี้คุณกลับไปก่อนละกันนะ ป้าครับ ผมรบกวนช่วยโทร. เรียกแท็กซี่ให้คุณพรีมทีนะครับ”“อ้าว! แล้วคุณจะไปไหนคะปราบ ก็ไหนว่าแค่เอารถมาเปลี่ยน” พรีมโรสถามอย่างงุนงง เพราะชายหนุ่มบอกเธอแค่ว่าจะไปเอารถกลับจากอู่หลังอาสาเอาไปเช็กสภาพให้ และจะเอากลับมาจอดที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเป็นรถของเขาแทน“ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระสำคัญต้องไปสะสาง ไว้วันหลังผมค่อยเล่าให้ฟังนะครับ” ขาดคำชายหนุ่มก็ผลุนผลันกระโจนขึ้นรถก่อนขับออกไปอย่าง
ช่องผู้โดยสารขาออกของสนามบินสุวรรณภูมิ“ของครบแล้วใช่ไหมลูก ไม่ลืมอะไรนะ” วิศรุตยังห่วงพะวงจนถึงนาทีสุดท้าย“ครบแล้วค่ะ” วิศราเองก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่น้อยที่ต้องจากพ่อ จากบ้านไปไกลเป็นเวลานานครั้งแรก“แล้วนี่เพื่อนที่ไปด้วยยังไม่มาอีกเหรอ”“น่าจะมาถึงแล้วนะคะ อ้าว มานั่นแล้วค่ะ”ไม่ทันขาดคำร่างสูงโปร่งก็เดินเข้ามาสมทบ พร้อมกับครอบครัวและเพื่อนสนิททั้งสอง ยุทธนายกมือไหว้บิดาของเพื่อนสนิทอย่างนอบน้อม“คุณพ่อคะ นี่ยุทธนา เพื่อนส้มที่มหาวิทยาลัยค่ะ เขาได้รับทุนไปเรียนต่อที่ลอนดอนพร้อมส้ม”คนเป็นพ่อหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้า แอบไม่ชอบใจนิดๆ แต่ก็ต้องจำใจรับไหว้“ไหว้พระเถอะพ่อหนุ่ม ดูแลตัวเองด้วยนะยายส้ม มีอะไรขาดเหลือก็โทร. มาเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ” วิศรุตเอ่ยเสียงเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว นึกห่วงและหวงลูกสาวที่ต้องเดินทางพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าที่ฐานะคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก ถ้าเขารู้อย่างนี้เสียแต่แรกจะไม่ยอมให้ลูกสาวสุดที่รักไปเด็ดขาด“โอ๊ย คุณคะ อย่าห่วงไปเลยค่ะ ลูกชายฉันรักใคร่ชอบพอกับแม่หนูส้มอยู่แล้ว เขาต้องดูแลลูกสาวคุณอย่างดี ไม่ปล่อยให้ลำบากแน่นอน จริงไหมอาตี๋” ลาวัลย์พยักพเยิดรับ
หลายวันผ่านไป บรรยากาศในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่ปราศจากวิศราช่างเงียบเหงาอย่างน่าใจหาย วิศรุตเงียบขรึมและพูดน้อยลง แต่ยังดีที่ภรรยายังคงดูแลและเอาใจใส่ไม่ห่าง ส่วนคนที่อาการหนักไม่แพ้กันคือนางรื่นรมย์ที่แอบน้ำตาซึมอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ที่ไม่มีใครสังเกตคือชายหนุ่มอีกคนของบ้านที่มักนั่งใจลอยเงียบๆ อยู่บ่อยครั้ง“ปราบ...” ปุริมาต้องเขย่าแขนน้องชายอีกครั้ง“ครับ...อ้อ พี่ปูเองเหรอครับ” คนใจลอยเพิ่งได้สติ ดวงตาสีเข้มมองคนเป็นพี่อย่างงุนงง“จ้ะ พี่เอง เป็นอะไรไป ใจลอยคิดถึงสาวที่ไหนกันน้องพี่ ดูสิ เรียกตั้งนานเพิ่งจะรู้สึกตัว”ปราบดาลูบท้ายทอยกลบเกลื่อนอาการครุ่นคิดหนัก“พี่ปูมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”“วุ้ย! ฟังพูดเข้า พี่ไม่มีอะไรจะใช้เธอหรอกจ้ะ แค่จะถามว่าเย็นนี้อยากทานอะไรหรือเปล่า พี่จะได้เตรียมให้”“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยหิวเลย เอ่อ ช่วงนี้งานมันยุ่งๆ เลยกินบ้างไม่กินบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเนือยๆ อันที่จริงคือกินไม่ลงต่างหาก แถมนอนก็ไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงหน้าหวานๆ ที่คอยหลอกหลอนกวนใจไม่ว่างเว้น สายตาเย็นชาที่มองสบตาเขาก่อนที่จะจากไปพร้อมผู้ชายคนนั้นทำให้ปราบดาเก็บไปฝันร้ายอยู่หลายคืน ไม
พอคล้อยหลังพี่สาว สีหน้าของชายหนุ่มก็เคร่งขรึมลงถนัดตา ยามที่จะเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง ดวงตาคมกริบก็เผลอมองเลยไปยังประตูห้องที่อยู่ถัดไป และแล้วความทรงจำต่างๆ ก็ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็วมันอาจไม่ใช่ความทรงจำที่สวยงามนักสำหรับเธอ แต่สำหรับเขากลับไม่อาจลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นได้ลง คืนแรกที่เธอเป็นของเขา ค่ำคืนที่แสนตราตรึง แม้เขาจะพร่ำบอกตัวเองว่าไม่ได้รักหญิงสาวคนนั้นกี่พันครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอารมณ์อยากเอาชนะเพียงชั่ววูบเท่านั้น แต่ทุกคราวที่อยู่คนเดียว ดวงหน้าสวยหวานก็มักแวบเข้ามาในสมอง ยายเด็กดื้อคนนั้นจะคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่านะ...คงไม่คิดหรอก ก็เธอเกลียดเขา อีกอย่างเธอมีคนที่คอยเยียวยาหัวใจไปด้วยนี่นา แค่คิดใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา ช่างเถอะ อีกไม่นานเขาคงลืมผู้หญิงใจดำคนนั้นได้ เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างได้จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ปราบดามองเบอร์แปลกที่ปรากฏบนหน้าจอนิ่ง ก่อนตัดสินใจรับสาย“คุณปราบหรือคะ นี่พรีมเองนะคะ พรีมโรส นางแบบปกที่คุณมาถ่ายภาพให้นิตยสารเพิร์ลวันก่อนไงคะ” เขารับคำไปอย่างเนือยๆ พลางนึกถึงแม่นางแบบสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่เขาเคยไปถ่ายภาพเพื่อใ
แล้วก็เป็นเธอที่หาเหตุผิดสัญญาไม่ยอมกลับมาหาพ่อ และที่ร้ายกว่านั้นคือเธอตั้งใจที่จะไม่กลับมาหาพ่ออีกแล้วด้วยซ้ำ หากไม่มีคนส่งข่าวว่าพ่อของเธอเข้าโรงพยาบาลและอาการโคม่า คนพวกนั้นดูแลพ่อเธอยังไง ถึงปล่อยปละละเลยจนท่านมีอาการหนักหนาถึงขนาดต้องนอนไอซียูได้ดวงตาคู่สวยหม่นเศร้า ได้แต่ถามตัวเองในใจว่า หากเธอรู้ว่าจะมีวันนี้ เธอยังคิดจะจากพ่อไปไกลหรือไม่ แต่ถ้าเธอไม่ไปแล้วพ่อเกิดรู้ว่าลูกสาวคนนี้ปกปิดความลับอะไรไว้บ้าง บางทีพ่อเธออาจจะอาการหนักกว่าที่เป็นหรือเปล่า แค่คิดก็เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจเสียแล้ววิศราคิดเพลินๆ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเบอร์โทร. คุ้นตาที่โชว์อยู่บนหน้าจอเล็กน้อยก่อนจะกดรับ“ผมเองนะ...” เสียงนุ่มหูราวกับหยดน้ำกลางทะเลทรายอันร้อนระอุทำให้หัวใจอันแห้งแล้งของคนฟังชุ่มฉ่ำขึ้น “ผมรู้ข่าวพ่อคุณแล้ว ท่านเป็นยังไงบ้าง”“ยังอยู่ในห้องไอซียูค่ะ เพิ่งผ่าตัดเสร็จเมื่อวาน เห็นหมอว่าการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี แต่ยังไม่ฟื้นค่ะ เลยยังเยี่ยมไม่ได้”“แล้วคุณล่ะเป็นยังไงบ้าง”ความห่วงใยที่ถ่ายทอดผ่านมาทางโทรศัพท์ทำให้หัวใจดวงน้อยอบอุ่นขึ้น“ฉันไม่เป็นไรค่ะ
ชีวิตเธอพังพินาศย่อยยับเพราะฝีมือพี่น้องคู่นั้นแท้ๆ คนพี่แย่งบิดาสุดที่รักไป ส่วนคนน้องพรากสิ่งมีค่าที่ผู้หญิงทุกคนหวงแหนและแต้มรอยราคีหมองให้แก่ชีวิตของเธอ สิ่งที่เขาทำกำลังกัดกร่อนชีวิตของเธอแม้ในยามที่หนีมาอยู่คนละซีกโลกตอนนี้คงสมใจคนพวกนั้นแล้ว นายปราบดาตัวร้ายนั่นคงอยู่ดีมีสุขในบ้านของเธอ หรือไม่ก็อาจควงสาวๆ ไปหาความสำราญตามประสาชายเจ้าชู้ไปวันๆ ผิดกับเธอที่ถูกฝันร้ายในคืนอัปยศนั่นคอยตามมาหลอกหลอนให้นอนผวาทุกค่ำคืน แม้ยามตื่นยังต้องหวั่นวิตกกลัวสิ่งที่จะตามมาจากผลของการกระทำของผู้ชายสารเลวคนนั้น “กูดมอร์นิงจ้าดาร์ลิง...”เสียงทักทายสดใสดังเข้ามาก่อนตัว ทว่าไม่มีการตอบรับจากคนถูกทักที่กำลังนั่งใจลอยมองเหม่อ สีหน้าเศร้าหมอง ทำให้เจ้าของเสียงที่โผล่หน้าเข้ามาแปลกใจ ยุทธนาเดินเข้าไปใกล้ โบกมือตรงหน้าคนใจลอยเรียกสติ แต่ก็ยังไม่เป็นผลจนชักเริ่มโมโห“ยายส้มจี๊ด!”เจ้าของชื่อ สะดุ้งนิดๆ แต่พอเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทจึงแอบหันไปปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนหันมายิ้มกลบเกลื่อน แต่ก็ช้าไปเมื่ออีกฝ่ายได้เห็นสีหน้าซีดเซียวถนัดตา“เป็นอะไรไปน่ะยายส้ม ร้องไห้ทำไม”“เปล่านี่ ไม่ได้ร้อง”ยุทธนาเหลือบมองต้นเหต
“หม่าม้ากลัวฉันกะแกอดอยากเลยส่งเสบียงมาให้เพียบเลย มีของโปรดแกด้วยนะยะ” คนพูดอดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงผู้เป็นแม่ที่ห่วงว่าเขาจะผอมหัวโตเพราะอาหารไม่ถูกปากจนต้องส่งของกินมาให้มากมาย แถมยังเผื่อแผ่มาให้แม่คนสวยหน้ายุ่งที่ครอบครัวเขาหมายตาไว้ในตำแหน่งศรีสะใภ้เอกด้วย “หมูแดดเดียว น้ำพริกนรกแตก กิมจิ แล้วนี่เด็ดกว่า แท่นแท้น...ปลาเค็มสูตรเด็ด หม่าม้าฉันตากเองกับมือเลยนะแก นี่ไง”“อุ๊บ!” เพียงแค่เปิดห่อของฝากทีเด็ดเท่านั้น กลิ่นฉุนกึกก็จู่โจมอย่างเฉียบพลันจนหญิงสาวรู้สึกคลื่นไส้ วิศรารีบปัดมือเพื่อนออกห่าง ก่อนพุ่งตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็วยุทธนาเกาหัวแกรกๆ เมื่อได้ยินเสียงอาเจียนโอ้กอ้ากของแม่เพื่อนสาว ก่อนตามเข้าไปช่วยลูบหลังไหล่ให้วิศราอย่างเป็นห่วงแกมสงสัย หลังจากอาเจียนจนแทบหมดไส้หมดพุง วิศราก็ถูกเพื่อนหนุ่มประคองออกมานอนพัก หน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงตาคู่งามมีน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมาคลอเบ้า“ค่อยยังชั่วขึ้นไหมแก” ความเงียบจนน่ากลัวของเพื่อนสาวทำให้ยุทธนาเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆ “ไปหาหมอหน่อยดีไหม อาการแกไม่น่าไว้ใจเลยอ่ะ แกไหวหรือเปล่า เดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาล”“ไม่!”หญิงสาวแผดเสียงลั่นอย่าง
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย