@บ้านกิตติธนปกรณ์ประภาวินท์บึ่งรถกลับมาบ้านด้วยความเร็วเพื่อถามไถ่ผู้เป็นแม่ให้รู้เรื่องถึงสาเหตุ เขายืนทำใจปปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงแม้จะรู้สึกโกรธ เสียใจ และผิดหวังมากแค่ไหนแต่ท่านก็คือแม่บังเกิดเกล้า อีกทั้งตอนนี้ท่านก็ยังเป็นผู้ป่วยติดเตียงเพราะเกิดอุบัติเหตุผลัดตกบันไดเมื่อสองปีก่อนจึงไม่อยากเอาอารมณ์เข้าว่ากลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจของท่าน เมื่ออารมณ์นิ่งพอแล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน“อ้าว! พี่ปราณทำไมกลับมาเร็วจัง” เท้าใหญ่ที่กำลังก้าวขึ้นบันใดพลันหยุดชะงักเมื่อเสียงทุ้มของโปรดน้องชายที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวดังขึ้นจากด้านข้าง ก่อนจะเห็นร่างเจ้าของเสียงเดินเข้ามาหา“มีธุระด่วนจะคุยกับแม่” เขาหันไปตอบน้องชายเพียงแค่นั้น แล้วส่าวเท้าเดินต่อไม่สนใจเสียงน้องชายที่ดังตามหลังมาสักนิดตอนนี้จิตใจของเขาจดจ่อกับเรื่องของสาวคนรักมากกว่ามือหนายกขึ้นจับลูกบิดประตูห้องผู้เป็นแม่ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ก่อนเปิดเข้าไปช้า ๆ ยืนมองท่านที่ริมประตูเงียบ ๆ นานนับนาที แล้วเดินเข้าไปหยุดข้างเตียงพร้อมกับบอกกล่าวพยาบาลที่คอยดูแล “คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่ตามลำพัง”“ค่ะ” พยาบาลวัยกลางคนพยักหน้ารับอ
พอเก็บคำพูดของสามีมาคิดมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เธอไม่เคยถามไถ่ว่าทุกคนต้องการอะไร มีความสุขกับสิ่งที่เธอทำให้ไหม คิดถึงแต่เกียรติยศชื่อเสียงทุกอย่างต้องดีที่สุดจนมองข้ามอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะความรู้สึกคนในครอบครัว ที่นึกเสียใจและรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ก็คงเป็นเรื่องของบุตรชายคนโตอย่างประภาวินท์วารีเด็กสาวที่เธอคิดว่าไม่มีอะไรเหมาะสมกับบุตรชายสักนิดทมาคบกับบุตรชายก็เพราะหวังปอกลอกเงินทองแท้จริงแล้วเด็กสาวเป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง รักบุตรชายด้วยใจจริงยอมหายไปจากชีวิตคนที่รักเพราะไม่อยากดึงเขาลงไปตกต่ำด้วยเป็นเธอเองที่มองผิดไป รู้แล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่ภายนอกที่สวยงามแต่เป็นเนื้อในต่างหาก รวยที่สุด สวยที่สุด เก่งที่สุดไม่ได้หมายความว่าดีที่สุด และเป็นเธอเองที่พรากสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบุตรชายไป เธอพรากความสุขบุตรชายเป็นคนทำร้ายลูก ๆ เองกับมือ“มะ..แม่ขอโทษที่ทำร้ายลูก แม่ขอโทษ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าแม่ทำผิด” น้ำตาแห่งความเสียใจ และสำนึกผิดหลั่งออกจากดวงตาเศร้าหมองไม่ขาดสาย หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด หรือในตอนนี้ถ้าสามารถแก้ไขอะไรได้เธอก็พร้อมจะทำ “แม่ขอโทษจริง ๆ”“ไม
“เอิ่ม..”ไวน์รู้สึกลำบากใจไม่น้อยกับคำขอของชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาท้ายทอยพลางเสสายตามองซ้ายแลขวาราวกับจะหาตัวช่วย แต่ดูท่าวินาทีนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้เลย เธอหลับตาลงพร่ำขอโทษเพื่อนสาวในใจที่ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ว่าจะไม่ปริปากพูดเรื่องนี้กับใครอีก ก่อนลืมตาขึ้นมาพูดกับร่างสูงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจังใบหน้าเคร่งเครียด “งั้นฉันขอถามคุณก่อน”“ครับถามมาได้เลย”“คุณรู้แล้วว่าน้องปริมเป็นลูกคุณ คุณและครอบครัวคุณจะไม่พรากเธอจากอกวารีใช่ไหมคะ” “จะไม่มีใครพรากลูกไปจากอกวารีทั้งนั้นครับ หากเป็นไปได้ผมอยากจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับเธออีกครั้ง” “ก่อนที่คุณคิดจะสร้างครอบครัวกับวารีอีกครั้ง ฉันว่าคุณควรกลับไปเคลียร์กับแม่ตัวเองก่อนไหมคะ”“ผมกลับไปถามความจริงจากปากแม่และเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อก่อนท่านอาจจะร้ายแต่ตอนนี้ท่านสำนึกแล้วยังให้ผมพาวารีไปพบด้วย ท่านอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา”“คำพูดแม่คุณเชื่อได้แค่ไหนกันคะ” ถึงแม้ชายหนุ่มจะยืนยันเสียงหนักแน่น สีหน้าและสายตาไม่มีแววล้อเล่นสักนิดแต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี รู้ ๆ กันอยู่ว่าแม่ของเขาร้ายกาจขนาดไหนกลัวเพื่อนสาวจะพบจุดจบ
หลังจากออกจากโรงพยาบาลประภาวินท์ก็โทรเรียกน้องชายออกมานั่งดื่มที่ร้านเหล้าปรับทุกข์ และขอคำปรึกษา“เฮ้อ” ประภากรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อพี่ชายเล่าทุกอย่างจบเป็นเขาก็เสียหลักเหมือนกันถ้าเจอปัญหาแบบนี้ มองผู้เป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกเห็นใจ เอื้อมมือไปตบบ่าเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ “ถ้าพี่ยังรักเธออยู่ก็รีบไปปรับความเข้าใจ และงอนง้อเธอซะอย่าปล่อยให้ทุกอย่างมันสายไป”“รักสิ..ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันไม่รักเขา แต่ฉันทำร้ายเขาไม่ใช่น้อย ๆ จะเอาหน้าไหนไปสู้ว่ะ” ประภาวินท์ก็คิดเช่นเดียวกับน้องชายเพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่มีความกล้าพอรู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง ว่าจบก็ยกน้ำสีอำพันในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วจัดการชงใหม่อีกแก้ว“ทำหน้าด้าน ๆ เข้าไว้” ประภากรณ์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับคำตอบ คนตรงหน้าในตอนนี้เหมือนไม่ใช่พี่ชายคนที่เข้มแข้ง ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ ของเขาเลย บางครั้งก็นึกสงสัยว่าอนุภาพของความรักมันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอสามารถทำให้คนเสียศูนย์ได้เขาไม่เคยมีความรักมาก่อนจึงไม่เข้าใจเท่าไร เวลาอยากก็ซื้อกินเอาไม่ชอบมีพันธะหรือภาระผูกมัดกับใคร“ช้า ๆ หมาคาบไปแดก หรือเขาหอบลูกหนีไปอีกไม่รู้ด้วยนะ” เขายก
ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเธอคงเหนื่อยมากสินะกับการที่ต้องเลี้ยงลูก ต้องแบกรับภาระทุกอย่างคนเดียวเพียงคิดก็รู้สึกจุก และเจ็บในอก สุดท้ายน้ำสีใสที่เอ่อคลอดวงตาก็หยดเผาะลงบนแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องรีบยกมือขึ้นปาดออก เงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่สะกดกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่วารีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา“คุณปราณ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจอาการงัวเงียหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อปรือตาขึ้นมาเจอกับใบหน้าหล่อเหลา ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความเร็วทำท่าจะเปล่งเสียงถาม แต่ก็ต้องชะงักอัตโนมัติเมื่อเห็นนัยน์ตาแดงก่ำสีหน้าหม่นหมองของเขา ชวนให้รู้สึกสงสารจับใจ ประภาวินท์เองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามองสบดวงตากลมโตนิ่ง ๆ นานนับนาทีแล้วจึงพูดขึ้น “ผมทำคุณตื่นเหรอ”“คุณมาทำไมอีก” วารีไม่ตอบคำถามชายหนุ่มแต่ตั้งคำถามกับเขาแทนพร้อมกับแย่งโทรศัพท์จากมือหนาคืน “สิ่งที่คุณอยากรู้คุณก็รู้ไปแล้วนิ”“ใช่ผมรู้ทุกอย่างจากปากแม่แล้วว่าเพราะอะไรคุณถึงไปจากผม” ประภาวินท์ตอบเสียงแผ่วแทบจะขาดหายพร้อมกับก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเครือ “และรู้ด้
ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบสองหนุ่มสาวสวมกอดกันแนบแน่นเหมือนกำลังปลอบประโลมซึ่งกันและกัน ความรักที่ทั้งสองคนมีต่อกันยังลึกซึ่งเหมือนเดิมแม้อาจะมีบางเหตุการณ์ทำให้สั่นคลอนไปบ้าง ระยะเวลาสี่ปีที่ห่างหายกันไปไม่สามารถตัดสายใยความผูกพันธ์ของทั้งสองให้ขาดได้ผ่านไปเนินนานหลายนาทีร่างสูงจึงผละกอดออกหลังจากได้ระบายความในใจออกมาจนรู้สึกดีขึ้น ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง แล้วยื่นมือไปประคองใบหน้าเรียวใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาออกจากพวงแก้มนวลอย่างแผ่วเบา จ้องลึกเข้าไปในแววตาเศร้าสื่อความในใจ “คุณคือสิ่งที่เหมาะสม และดีที่สุดในชีวิตผมแล้ววารี” “...” วารีมองสบแววตาทอประกายนิ่ง ๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใด ๆ ออกมา คำพูดชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิดต่อให้เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา หรือรักกันมากแค่ไหนแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเรื่องระหว่างเขากับเธอมันไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ยังไงก็ไม่มีทางรักกันได้อยู่ดี“ผมรักคุณนะ..เรากลับมาสร้างครอบครัวด้วยกันอีกครั้งได้ไหมครับ” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยอีกครั้งเมื่ออีกคนเอาแต่นิ่งเงียบทำหน้าตาย นึกหวั่นขึ้นมาจับใจกับคำตอบที่จะได้รับ
เช้าวันใหม่“มอนิ่งค่ะคนเก่งของแม่” วารีทักทายบุตรสาวที่ปรือตาขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกวันที่เคยทำเมื่อบุตรสาวตื่นนอน“มอนิ่งค่ะคุณแม่” เด็กน้อยคลี่ยิ้มทักทายกลับผู้เป็นแม่จนตาหยีพลางยกมือขึ้นขยี้ตาไล่อาการงัวเงีย ก่อนพยุงกายลุกขี้นนั่งอ้าแขนให้ผู้เป็นแม่อุ้มไปล้างหน้าล้างตาด้วยสีหน้าท่าทางออดอ้อน “คุณแม่อุ้มน้องปริมไปล้างหน้า แปรงฟันหน่อยนะคะ”“เดี๋ยวนี้ช่างออดช่างอ้อนนะตัวแสบ” คนเป็นแม่ส่ายหน้าพลางระบายยิ้มน้อย ๆ มองบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ยื่นมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความมันเขี้ยว ก่อนสอดมือทั้งสองเข้าไปใต้รักแร้ยกร่างเล็กขึ้นอุ้มพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ รอบุตรสาวล้างหน้าแปรงฟันจนเสร็จสรรพจึงอุ้มกลับมาที่เตียง“ดูสิวันนี้พี่พยาบาลคนสวยมีอะไรมาให้หนูทาน” หลังจากจัดแจงให้บุตรสาวนั่งเอนเขนกกับเตียงเรียบร้อยแล้ววารีก็หยิบถ้วยข้าวต้มที่พยาบาลเอาเข้ามาให้ก่อนหน้านี้มาเปิดฝาออกยื่นไปตรงหน้าบุตรสาวพร้อมกับทำตาโต “ว้าว! ข้าวต้มกุ้งของโปรดใครน่า”“ของโปรดน้องปริมค่ะคุณแม่” เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นแม่ยิ้มตามไปด้วย ยกมือขึ้นบีบพวงแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี
ประภาวินท์ระบายยิ้มบาง ๆ กับคำตอบที่ได้รับจากปากแม่ของลูกไม่ว่าเธอจะตอบเพราะอยู่ต่อหน้าบุตรสาวหรือด้วยเหตุผลอะไรก็ดี แต่ทำให้เขาชื่นใจไม่น้อยรู้แล้วว่าจะทำยังไงให้เธอยอมใจอ่อนเริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้ง ลูกคือสายใยที่จะเชื่อมใจของเขาและเธอให้กลับมาแนบแน่นดั่งเดิม“น้องปริมรักพ่อไหมครับ” เขาไม่ปล่อยโอกาสในการงอนง้อแม่ของลูกหลุดลอยปรายตามองเสี้ยวหน้าสวยอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนเปล่งเสียงถามบุตรสาว “รักค่ะ น้องปริมรักพ่อกับแม่ที่สุดในโลกเลย” เด็กน้อยตอบเสียงดังฟังชัดพลางกางแขนออกเป็นวงกลมบอกถึงความรักที่ตนเองมีต่อพ่อกับแม่ตามประสาเด็ก ๆ ท่าทางแสนสดใสของบุตรสาวเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี ทั้งสองมองหน้าหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว ภายในห้องอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักของสามสองพ่อแม่ลูก ก่อนชายหนุ่มจะยื่นมือไปโยกศีรษะเล็กทุยอย่างเอ็นดู ขณะที่สายตาชำเลืองมองใบหน้าสวยอย่างมีเลศนัยพร้อมกับยกยิ้มกรุ่มกริ่มมุมปาก “แล้วแม่ละครับรักพ่อไหม”คนถูกถามหันมองเจ้าของคำพูดเจ้าเล่ห์ดังขวับสายตาฉายแววตำหนิเล็กน้อยทำไมเธอจะไม่รู้ทันความคิดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คงจะใช้ลูกเป็นตัวเชื่อมทำให้เธอใจอ่อนสิ
“มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล
ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้
“ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา
หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย
วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข
“รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส
วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย