จี้ซือหานพาซูหว่านไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรมที่นี่เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง นั่งตรงนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านล่างทั้งหมดได้ดูเหมือนเขาจะจองเหมาทั้งร้าน ข้างในมีกลุ่มบริกรในชุดทักซิโด้ผูกโบว์ที่คอยดูแลเฉพาะพวกเขาเท่านั้นผู้จัดการชาวฝรั่งเศสผู้กระตือรือร้นใส่ชุดสูทผูกเน็คไทหลังจากทักทายต้อนรับพวกเขาพาไปนั่งลงที่ดาาดฟ้าเสร็จแล้วก็ก้มลงยื่นเมนูสุดหรูให้พวกเขาจี้ซือหานยื่นมือออกมารับแล้วส่งให้ซูหว่าน "หว่านหว่าน เธออยากกินอะไร?"ซูหว่านเปิดเมนูดูแล้วเห็นว่าเมนูเป็นภาษาฝรั่งเศษทั้งหมดสีหน้าเธอก็ดูลำบากเธออ่านไม่ออก ใบหน้าที่สวยงามของเธอปรากฏร่องรอยของความเขินอายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอยกมือที่ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาแตะผมสั้นที่ข้างหูตัวเองด้วยความเขินอายจี้ซือหานซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามรีบเหยียดนิ้วเรียวยาวของเขามาหยิบเมนูจากมือเธอไปเขาไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ดังนั้นเขาจึงอยากให้เธอสั่งเอง แต่เขาก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบจี้ซือหานรู้สึกผิด เขามองซูหว่านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขาหันหน้าไปสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักโดยจงใจภาษาอังกฤษกับผู้จัดการชาวฝรั่งเศสที่โน้มตัว
การรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนมื้อนี้จบลงท่ามกลางเสียงบรรเลงเชลโลเพลงแล้วเพลงเล่าตอนที่ซูหว่านลุกขึ้น ลมเย็นพัดผมสั้นของเธอ ผมที่ยุ่งเหยิงบังตาจี้ซือหานยื่นมือมาปัดผมออกให้เธอ แล้วหยิบเสื้อสูทขึ้นมาคลุมให้จากนั้นก็จูงมือเธออีกครั้ง แล้วพาเธอลงไปชั้นล่าง "หว่านหว่าน มีละเวที เธอ..."เขาก้มศีรษะลงและมองไปที่ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลังมองไปที่อาคารรัฐสภาที่อยู่ไกล ๆ เขาก็หยุดพูดเขาเผยิดหน้าให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง และก็มีคนเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรจึงรีบเดินไปที่ทำเนียบขาว"หว่านหว่าน งั้นเราไปที่รัฐสภากัน"ซูหว่านเพิ่งตั้งสติได้เธอส่ายหัวให้เขา "ไม่ต้องหรอก คุณได้เตรียมละครเวทีไว้แล้ว งั้นเราก้ไปดูละครเวทีกันเถอะ"เธอแค่ได้ยินเสิ่นหนานอี้บอกว่าอาคารรัฐสภาได้แรงบันดางใจมาจากการออกแบบของกรีกและโรมโบราณ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะมองดูนานหน่อยแต่เธอไม่คาดคิดว่าแค่เธอมองนานไปหน่อยแล้วจี้ซือหานจะพาเธอไปที่รัฐสภา นี่มันจะคำนึงถึงความรู้สึกของเธอมากเกินไปจี้ซือหานไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่จับมือเธอแล้วเดินไปทางรัฐสภา...ซูหว่านคิดว่าแค่ชมรอบนอกเท่านั้น แต่เข
จี้ซือหานอุ้มเธอกลับไปที่รถแล้วเดินไปที่ สถาบันจอห์น เอฟ. เคนเนดีเพื่อศิลปะการแสดงก่อนที่เขาจะพาเธอเข้าไป เขาก็หยุดและมองลงไปที่ซูหว่าน"หว่านหว่าน คุณชอบละครเพลงหรือชอบการแสดงดนตรี?"เขามัวแต่สนใจวางแผนกิจกรรมจนลืมถามเธอเกี่ยวกับความชอบของเธอจริง ๆ แล้ว ซูหว่านไม่ได้สนใจละครเพลงมากนัก ดังนั้นเธอจึงดูลังเลเล็กน้อยเธอลังเลเพียงสองวินาที จี้ซือหานก็อ่านความคิดเธอออกอย่างรวดเร็ว เขาเผยอหน้าให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาอีกครั้งบอดี้การ์ดไปที่ห้องแสดงดนตรีทันที และหลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไป ก็มีคนพาพวกเขาไปที่ห้องชุดประธานาธิบดีบนชั้นสามเวทีคอนเสิร์ตฮอลล์ตกแต่งด้วยไปป์ออร์แกนนับไม่ถ้วนซึ่งดูสวยงามและอลังการซูหว่านกำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองก้มหน้าชมการแสดงที่น่าตื่นตาบนเวที รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ...จี้ซือหานที่มองเธอตลอดเวลา พอเห็นรอยยิ้มนั้น สายตาของเขาก็มีความสุข"หว่านหว่าน ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้"หลังจากที่เธอกลับประเทศ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กลายเป็นความขมขื่นที่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเช่นนี้มานานแล้วเมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่า
ซูหว่านถูกผลักลงไปล้มลงกับพื้น เธอได้ยินเพียงเสียงเบรกกะทันหันเธอตื่นตระหนก รีบหันไปมองที่นอนอจี้ซือหานยู่บนพื้น...เขาส่งเสียงครางและมีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเขาอย่างช้า ๆ..."ท่านครับ"บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งลงจากรถและหน้าซีดด้วยความตกใจพวกเขารีบเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นจะพาไปโรงพยาบาลจี้ซือหานผลักบอดี้การ์ดออกไป ยืนขึ้นฝืนเดินไปหาซูหว่านโซเซเขาคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ ช่วยพยุงเธอลุกขึ้นจากพื้น และสำรวจร่างกายของเธอจนทั่วด้วยความเป็นห่วงมาก"หว่านหว่าน เธอเป็นไรไหม?"แววตาของเขาทั้งกังวล ตื่นตระหนกและเป็นห่วงทำให้หัวใจของซูหว่านสั่นสะท้านเธอจ้องมองชายตรงหน้าที่ถูกรถชน แต่กลับเป็นห่วงเธอก่อนอย่างเอ๋อ ๆความคิดที่ซับซ้อนที่อธิบายไม่ถูกเข้าครอบงำจิตใจของเธอ ทำให้เธอตกตะลึงจนไม่พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด จี้ซือหานก็คิดไปว่าเขาใช้แรงมากไปเลยทำให้เธอบาดเจ็บ เขาจึงรีบอุ้มเธอแล้วเดินไปที่รถอย่างรวดเร็วซูหว่านที่ถูกอุ้มขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อเธอเห็นเลือดบนริมฝีปากของเขาแล้วก็หน้าซีด"จี้ซือหาน คุณกระอักเลือด อวัยวะภายในน่าจะได้รับบาดเจ็บ รีบปล่อยฉันลง อย่าออกแรงอี
"โชคดีที่ปริมาณเลือดออกไม่มากและไม่รุนแรง เราจะให้ยารักษาก่อน หากเป็นหนักในภายหลังจะต้องเข้ารับการผ่าตัด"ผู้อํานวยการวางฟิล์มในมือลงแล้วมองไปที่จี้ซือหานซึ่งเอนตัวอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีเลือดไหลออกริมฝีปากของเขาแล้วโชคดีที่ห้ามเลือดได้ทันเวลาและไม่มีการติดเชื้อ มิฉะนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในโรงพยาบาลของเขา ตระกูลจี้คงจะต้องคิดบัญชีกับเขาแน่ซูหว่านซึ่งคอยดูแลอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อํานวยการก็ผ่อนคลายขึ้น"ต้องระวังเรื่องอะไรบ้างคะ ตอนนอนโรงพยาบาล""ต้องระวังเรื่องอาหาร ใส่ใจกับการพักผ่อน และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมาก"หลังจากที่ซูหว่านจดทุกอย่างไว้ในใจแล้ว เธอก็ถามหมอที่กำลังพันผ้าพันแผลที่แขนของจี้ซือหาน"แขนเขาเป็นยังไงบ้างคะ?""แค่แผลถลอกและมีเลือดออก กระดูกไม่หัก ไม่มีอะไรร้ายแรง"ซูหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้ง และมองไปที่จี้ซือหานที่กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีดำขลับหลังจากที่ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ สักพัก จี้ซือหานก็บีบฝ่ามือของเธอ"หว่านหว่าน ไม่ต้องกังวล หลังจากผล
จี้ซือหานต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองอาทิตย์ ซูหว่านคอยอยู่ดูแลข้างกายเขาตลอด กินกับเขา นอนกับเขา ราวกับได้กลับไปอยู่ในช่วงเวลาสมัยก่อนเพียงแต่เขาเป็นคนที่รักความสะอาดมาก ต่อให้หมอจะกำชับเอาไว้แล้วว่าห้ามขยับตัวมาก แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมเชื่อฟัง ยังคงอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอยู่ดีทุกครั้งหลังจากที่เขาเดินออกจากห้องน้ำ ก็จะผูกผ้าขนหนูไว้ผืนเดียว เผยให้เห็นหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแปดแพค เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าของเธออย่างไม่ปกปิดเมื่อซูหว่านเห็นเขาแบบนี้ ก็มักจะรู้สึกว่าที่เขาอาบน้ำบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะว่ารักความสะอาด แต่เขาแค่ใช้วิธีนี้ในการยั่วยวนเธอมากกว่า...โดยเฉพาะตอนกลางคืน เขาก็มักจะกอดและจูบเธออย่างบ้าคลั่งอย่างควบคุมไม่ได้ความรู้สึกที่พยายามจะควบคุมอารมณ์เพราะต้องการเคารบความต้องการของเธออย่างที่สุด ได้โจมตีจิตใจลึกๆ ในใจของซูหว่านทุกๆ ครั้งหนึ่งวันก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล เขาอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขากอดตัวซูหว่าน ให้ตัวของเธอพิงไปกับกำแพง แล้วกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ ถามว่า"หว่านหว่าน ให้ผมเถอะนะ หืม?"ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองไปยังสายตาที่ถูกความปรารถนาครอบงำจนแทบ
เมื่อหมอและบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรได้ในทันทีมิน่าท่านประธานคนนี้ถึงตอนค่ำก็ยังไม่ยอมเปิดประตู ที่แท้เพิ่งจะหายดีก็อดไม่ได้ที่จะเล่นเกมบนเตียงกับภรรยาตัวน้อยซะแล้วพวกเขาสิบกว่าคนถึงแม้สีหน้าจะทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น แต่ในใจของทุกคนต่างรู้ดี...ซูหว่านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่ามีคนเฝ้าอยู่หน้าประตูมากมายขนาดนี้ ใบหน้าขาวสะอาดก็แดงขึ้นมาในฉับพลันเธอรีบก้มหน้างุด ซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของจี้ซือหานอยู่อย่างนั้น...แต่จี้ซือหานกลับไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด เขาโอบตัวซูหว่านเดินผ่านคนพวกนั้นไปทางนอกโรงพยาบาลหน้าตาเฉยหลังจากที่ซูหว่านเข้าไปนั่งในรถแล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำก็ค่อยๆ แดงน้อยลงบ้าง แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลับยังพาพวกหมอเดินออกมาส่งอีกเมื่อเธอเห็นว่าจู่ๆ จี้ซือหานก็เปิดประตูรถออก ทำให้เธออายจนต้องรีบดึงเอาชุดสูทของเขามาคลุมหัวไว้ทันที...เมื่อจี้ซือหานเห็นดังนั้น ฉับพลันเขาก็รู้สึกว่าซูหว่านในโหมดนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน จนเขาอดไม่ได้ที่จะอยากมีอะไรกับเธออีกครั้งผู้อำนวยการโ
เมื่อเห็นจี้ซือหานแบบนี้ ซูหว่านก็รับรู้ถึงความไม่สบายใจของเขาได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่สบายใจเธอทำได้เพียงยื่นมือไปโอบกอดเขาไว้ ซุกหัวลงไปบนไหล่ของเขา แล้วตอบกลับอย่างเชื่อฟังว่า "ได้"เธอเป็นของเขา ตั้งแต่ที่เธอยอมรับในตัวเขา ก็เป็นของเขาแล้ว...หลังจากที่จี้ซือหานได้รับการตอบกลับอันอ่อนโยนของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดของเขาก็ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้นมาเขาจูบไปที่ข้างแก้มของเธอ ปรับเบาะที่นั่งในรถลงดวงตาดำขลับสดใสของซูหว่านเบิกกว้างขึ้นในทันที"จี้ซือหาน ร่างกายของคุณเพิ่งจะดีขึ้นเอง อย่าทำแบบนี้..."ชายหนุ่มก้มตัวลงมา ขบไปที่ติ่งหูของเธอเบาๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "หืม? ผมทำแบบไหนเหรอ?"ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จนมาถึงนอกเมืองนี้ ก็ผ่านไปอีกคืนหนึ่งแล้วชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวที่ยังนอนหลับอย่างสบายในอ้อมแขนเขาเอาไว้ หลังจากที่มองดูเธออย่างรักใคร่ลึกซึ้งไปสักพัก ก็หยิบกระดาษทิชชู่เปียกขึ้นมาหลายแผ่นช่วยเธอเช็ดเม็ดเหงื่อเปียกชื้นตามร่างกายอย่างอ่อนโยนจี้ซือหานยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตามีประกายแห่งความสุขเล็กๆ ทำให้คนที่ดูเย็นชาดุจหิมะอย่างเขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมาไม่น้อยห
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ