ภายในงานประชุมวิชาการ โยเอลวางสายโทรศัพท์ เขามองไปที่ลุค เซอร์เรย์และพูดด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยว่า “ผู้นำตตระกูลของคุณคงจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ และฉันหวังว่าเมื่อนั้นคุณจะยังทำตัวดื้อรั้นเหมือนเช่นในตอนนี้” ลุคมองด้วยสายตาและท่าทางที่เย้ยหยัน ตระกูลเซอร์เรย์ไม่ได้เป็นเพียงตระกูลตระกูลชนชั้นหนึ่งในบัควู้ดเพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังมีสายสัมพันธ์อันดีงามกับตระกูลชนชั้นหนึ่งอีกสามตระกูลด้วย ใครจะไม่กลัวตระกูลที่มีอำนาจมากเช่นนี้? เขาจะรอจนกว่าผู้นำของตระกูลจะมาถึง จากนั้นเขาก็จะทำให้ฮาร์วีย์คุกเข่าและคลานมาแทบเท้าของเขา นอกจากนี้เขายังจะทำให้แน่ใจว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่โยเอลจะยังคงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งบัควู้ด! แขกในงานที่เฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่ห่าง ๆ พวกเขาต่างสบตากันไปมาและแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็น อีกทั้งเจมส์ เซอร์เรย์ผู้นำของตระกูลเซอร์เรย์ก็จะมาที่นี่ด้วยเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ดูเหมือนว่างานวันนี้จะถูกลิขิตให้เป็นวันแห่งการทะลวงท้องฟ้า! หลังจากที่โยเอลจัดการเรื่องก่อนหน้านี้เสร็จแล้ว เขาก็เดินไปหาฮาณ์วีย์ก่อนที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “มิสเต
"ผู้นำ! เขาเป็นคนทีตบผม อีกทั้งยังต้องการให้ผมคุกเข่าและขอโทษอีกด้วยซ้ำ!” “โยเอล เกรฮัมก็อยู่ข้างเขาด้วย!” “นี่มันคือการท้าทายชัด ๆ!” “เราต้องฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดและทำให้พวกเขาเสียใจที่พวกเขาเกิดมาในโลกใบนี้!” ทันทีที่ลุคเห็นเจมส์เดินเข้ามา เขาก็รีบวิ่งไปข้างหน้าและเริ่มตะโกนโหวกเหวกด้วยความไม่พอใจ เขาเป็นหลานชายสุดที่รักของเจมส์ ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะได้สวมมงกุฎเป็นเจ้าชายแห่งเซอร์เรย์ได้อย่างไร? ในอดีต เจมส์มักจะช่วยลุคลงโทษใครก็ตามตราบใดที่ลุคต้องการ เจมส์จ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตบหน้าลุค เขาตะโกนว่า “เจ้าโง่! ฉันสอนให้แกอ่อนน้อมถ่อมตนทุกวัน แต่แกมักจะสร้างแต่ปัญหาข้างนอกอยู่เสมอเลย!” “แกต้องการให้ตระกูลเซอร์เรย์ประสบพบเจอกับปัญหาใหญ่หรืออย่างไร?” ลุคไม่คาดคิดว่าเจมส์จะตบเขาทันทีที่เจมส์มาถึง ไม่ใช่เพียงแค่ลุคคนเดียว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าตระกูลเซอร์เรย์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และทำงานในอุตสาหกรรมการศึกษา ซึ่งทั้งสองธุรกิจมีผลกำไรที่สูงมาก ในบรรดาตระกูลชนชั้นหนึ่งท
“เจ้าชายเซอร์เรย์ของคุณยั่วยุฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทำให้ฉันรู้สึกไม่สะดวกสบาย คุณคิดว่าฉันก้าวข้ามไปผ่านไปง่าย ๆ ได้ไหม?” ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมยขณะที่สำรวจเจมส์ เซอร์เรย์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเขา เจมส์สูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เขารู้แล้วว่าฮาร์วีย์มาจากไหน แม้ว่าเขาจะกลัวฮาร์วีย์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นความกลัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจมส์ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “มิสเตอร์ยอร์ก ผมรู้ว่าคุณเป็นใครและใครอยู่เบื้องหลังคุณ” “พวกเราเซอร์เรย์ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนที่อยู่ข้างหลังคุณขุ่นเคือง เราต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้” “แต่ได้โปรด อย่าใช้ความโชคดีของคุณมากจนเกินงามไปเลย” ลุคจับที่แก้มและคำราม “คุณปู่! ถังขยะนี้จะไปสามารถมีสถานะอะไรได้บ้าง? เขาเป็นแค่ลูกเขยที่เกาะชายกระโปรงอาศัยอยู่กับภรรยาไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเราตระกูลเซอร์เรย์ต้องไปกลัวเขาด้วย?” “ทำไมตระกูลเซอร์เรย์จะต้องขอโทษด้วย? แม้ว่าคุณปู่จะยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้ แต่ตระกูลของเราไม่สามารถรับได้!” "หุบปาก!" เจมส์จ้องไปที่ลุค เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของวันนี้ แต่ลุคก็พยายามที่จะแทรกแซงและทำให้มันยิ่งแย่ลงไ
"คุณกำลังหมายถึงอะไร?" ฮาร์วีย์ถามอย่างไม่ใส่ใจ โยเอลกระซิบว่า “เด็กคนนั้น ลุค เขามีความสามารถไม่มาก แต่เขายังสามารถเป็นเจ้าชายของตระกูลเซอร์เรย์ได้ เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือเขามีพ่อทูนหัวที่ดี” "ใคร?" “ราชาแห่งท้องถนนในเซาท์ไลท์ จอห์น ก็อตติ” โยเอลพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อม ๆ กับสีหน้าอันเคร่งขรึม สถานะของจอห์นสูงมาก ๆ เขาเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งในท้องถนนของเซาท์ไลท์ ถึงแม้ว่าโยเอลจะเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดแห่งบัควู้ด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถกล้าที่จะยั่วยุจอห์น ก็อตติได้ ฮาร์วีย์หัวเราะ “คุณกำลังจะบอกว่าลุคจะไปขอให้จอห์นมาจัดการฉันเหรอ?” “น่าจะเป็นเช่นนั้น” โยเอลดูเคร่งเครียด “ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่งและทรงพลังมาก แต่ว่าตระกูลเซอร์เรย์นั้นรวยมากและจอห์นก็มีคนของเขามากมายมหาศาล ถ้าหากพวกเขารวมพลังเข้าด้วยกัน ผลกระทบจะยิ่งใหญ่มาก” “ยังไงก็ตาม โปรดระมัดวังตัวไว้ด้วยนะครับมิสเตอร์ยอร์ก” ฮาร์วีย์หันกลับมามองและเริ่มสำรวจไปที่โยเอลอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็พูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยว่า “คุณหวังว่าจะมีความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างลุคกับฉันหรือ? ทั้งสองฝ่ายจะย่อยยับ ใช่ไห
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว? คุณยังวางแผนที่จะหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่ออีกเหรอ?” แมนดี้มีความสุขที่เห็นว่าฮาร์วีย์เริ่มมีแรงกระตุ้น ถ้าสามีของเธอตั้งใจเรียนจริง ๆ เธอก็ยินดีที่จะจ่ายเงินให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ฮาร์วีย์ส่ายหัวพร้อมกับท่าทางเคร่งขรึมและพูดว่า “ไม่ใช่สำหรับผมหรอก แต่เป็นสำหรับซีนเธียร์” “เธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ใช่เหรอ? เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเร็ว ๆ นี้” “ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยในบัควู้ดนั้นไม่ค่อยดีนัก ผมเกรงว่าซีนเธียร์อาจจะต้องไปโวลซิ่ง, มอร์ดู, หรืออาจจะซานฟรานซิสโกสำหรับการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย” แมนดี้หัวเราะและพูดว่า “ฮาร์วีย์ คุณปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่จัดการเองเถอะ คุณเป็นแค่พี่เขยของเธอ คุณไม่ต้องกังวลมากนักหรอก” ฮาร์วีย์ถูขมับของเขา เขาไม่สามารถบอกแมนดี้ได้ว่าเขาได้เห็นด้านที่แท้จริงของผู้คนในระบอบการศึกษาของบัควู้ดที่งานประชุมวิชาการวันนี้ “ดูเหมือนว่าผมต้องเร่งเดินทางไปยังซานฟรานซิสโก ผมจะช่วยซีนเธียร์และไปดูมหาวิทยาลัยของที่นั่น” ฮาร์วีย์พึมพำออกมา ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาไม่ต้องรีบเดินทางไปยังซานฟรานซิสโก แต่ตอนนี้ดูเหมือ
หลังจากตัดสินใจที่จะไปซานฟรานซิสโกและช่วยซีนเธียร์หามหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อเข้าเรียน ฮาร์วีย์ก็ขอให้อีวอนน์เตรียมการเบื้องต้นสำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทสาขาในซานฟรานซิสโกต้องการคนในท้องถิ่นที่มีความสามารถพึ่งพาได้เพื่อรับผิดชอบการดำเนินงาน แมนดี้แปลกใจมากหลังจากที่ฮาร์วีย์บอกเธอว่าเขาจะไปซานฟรานซิสโก “คุณจะไปที่นั่นเพื่อช่วยซีนเธียร์ค้นหามหาวิทยาลัยดี ๆ จริงหรือ? แล้วคุณจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน?” “สามหรือไม่เกินห้าวัน ประมาณนั้น” ฮาร์วีย์คิดเรื่องนี้ในใจ หากผลออกมาดี เขาจะสามารถจัดการเรื่องในสาขานี้ได้ภายในหนึ่งถึงสองวัน จากนั้นเขาก็จะสามารถไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในซานฟรานซิสโกได้ อันที่จริง ลึกลงไปในหัวใจของฮาร์วีย์ เขาหวังว่าแมนดี้จะไปกับเขาด้วย น่าเสียดายที่ช่วงนี้แมนดี้ยุ่งมาก ๆ เธอจะมีเวลาไปกับเขาได้อย่างไร? แมนดี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณอยากไปก็ไปได้ แต่ในเมื่อคุณจะไปที่นั่นแล้วก็ได้โปรดช่วยทำอะไรให้ฉันสักอย่างนะ” "มันคืออะไร?" ฮาร์วีย์ไม่ได้พิจารณาด้วยซ้ำว่าจะตกลงหรือปฏิเสธ เนื่องจากเป็นคำขอของภรรยาสุดที่รัก เขา
ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงควินตันและควินนี่ ยอร์กเดินอยู่เคียงข้างกัน มันยังคงเป็นภาพที่โดดเด่นอย่างมากเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะอยู่มหานครนานาชาติระดับโลกเช่นนี้ก็ตามภายในโซนบอร์ดดิ้งทางขึ้นเครื่องของผู้โดยสารระดับวีไอพี ควินตันหยุดเดินและพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ฉันจัดการทุกอย่างที่ซานฟรานซิสโกไว้หมดแล้ว สิ่งที่เธอจะต้องทำคือแค่นั่งนิ่ง ๆ ก็พอ อย่าทำอะไรที่ไม่จำเป็น”ควินนี่ส่งรอยยิ้มที่สามารถพังตึกลงได้ให้กับเขา“กลัวเหรอ?”ควินตันไม่ได้ตอบกลับแต่รีบหันหลังทันทีพร้อมกับส่งสายตาน่าขนลุกกลับไปหลังจากที่เห็นหลังของเขาควินนี่ค่อย ๆ เอียงหัวของเธอพร้อมกับถอนหายใจและถาม “อุบายเล็ก ๆ พวกนี้จะมีประโยชน์จริง ๆ เหรอ?”“ถ้าพี่พลาดอีกครั้งล่ะก็ ฉันไม่คิดว่าคุณย่ายอร์กจะปล่อยไปง่าย ๆ แน่”...ณ ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกฮาร์วีย์รู้สึกเบื่อที่จะรอเมื่อเครื่องบินของควินนี่ได้มาถึงและลงจอดหลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฮาลซีย์ โลว์ก็ปรากฏตัวขึ้นเธอสูงประมาณ 5.5 ฟุต สัดส่วนร่างกายของเธอมีความเข้ากันดีกับใบหน้ารูปหัวใจของเธอหรือพูดได้ง่าย ๆ ว่ามาตรฐานความสวยของเธออยู่ท
เป็นอย่างที่คาดคิดว่าฮาลซีย์ผู้ที่เพิ่งกลับมาจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอจึงมีฝีปากที่น่าประทับใจถ้าเป็นคนอื่นคงโดนเธอด่าจนอับอายไปแล้วแต่ฮาร์วีย์ ผู้ที่รู้สึกชินกับคำพูดเหล่านี้แล้ว ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรเลยฮาร์วีย์จ้องมองไปที่ฮาลซีย์ผ่านกระจกมองหลังและถามเธอด้วยความสงสัย “ถ้าผมชอบการถูกเก็บไว้ล่ะครับ?”“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะจัดการนายด้วยตัวของฉันเอง” ฮาลซีย์ตอบกลับอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินฮาร์วีย์ยักไหล่ของเขา “คุณผู้หญิง คุณเรียนศิลปะการฆ่าจากต่างประเทศเหรอครับ? สิ่งแรกที่คุณคิดคือการฆ่าผมอย่างนั้นเหรอ? ที่นี่มันสหรัฐนะครับ!”“ไม่ต้องมาตีเนียนคุยกับฉัน อีกไม่นานฉันจะหาเงินก้อนใหญ่มาให้เพื่อให้นายเลิกยุ่งกับแมนดี้”“สบายใจเถอะ เงินก้อนนั้นคงมากพอที่นายจะใช้จนนายตายไปอย่างมีความสุข!”“ถ้านายยอมทิ้งแมนดี้ เราก็ตกลงกันเรื่องราคาได้นะ” ฮาลซีย์พูดอย่างเยือกเย็นต่อฮาร์วีย์พูดไม่ออก“คุณครับ ทำไมเอาแต่พูดเรื่องการหย่าของผมกับแมนดี้ล่ะ? คุณสงบและเป็นมิตรกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?”“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพ่อตากับแม่ยายของผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว”“การที่คนนอกอย่างคุณยังพูดเรื
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข