คำพูดของแมนดี้นั้นมันได้ปลุกเสียงหัวเราะจากเหล่าลูกน้องที่อยู่เบื้องหลังของแฟรงค์ คอสเทลโลเป็นอย่างมาก “แมนดี้ นี่เธอมองว่าตัวเองเป็นอาหารจานอร่อยจริง ๆ เหรอ? นี่เธอกล้าที่จะข่มขู่คุณคอสเทลโลจริง ๆ เหรอเนี่ย?” “ทุกวันนี้มีคนที่กล้าบ้าดีเดือดขนาดนี้อยู่จริง ๆ เหรอ? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่!” “เธอยังไม่เห็นเลยว่าคุณคอสเทลโลนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง! ถ้าเธอรู้ เธอก็คงจะรีบขอคุกเข่าลงบัดเดี๋ยวนี้!” “คุณคอสเทลโล คุณมีน้ำใจกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้ว ถ้าเป็นผมนะ ผมจะจัดการเธอให้เกือบถึงตายและเก็บทรมานเธอเอาไว้ให้เธอร้องขอชีวิตเล่น ๆ แก้เบื่อ!” ลูกน้องทุกคนของเขาดูโหดเหี้ยมกว่าคนปกติทั่วไป เหมือนว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ในสถานการณ์เช่นนี้มาอย่างโชกโชน แฟรงค์ยกมือห้ามและเดินเข้าไปหาแมนดี้ จากนั้นเขาก็ยกคางของเธอขึ้นด้วยมือขวาและยิ้ม “แม่สาวน้อย ฉันไม่เคยเจอใครที่กล้าดูถูกเหยียดหยามฉันมาหลายปีแล้ว!” “เธอกำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตอันยืนยาวของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” “นายคงรู้เกี่ยวกับการขอแต่งงานของเจ้าชายยอร์กเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่ไหม?” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แมนดี้จำเป็
แบร์รี่ได้มาถึงหลังจากนั้นไม่นานนัก เขาและแฟรงก์สบตากัน พวกเขาขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ไทสันผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลคนใหม่ในบัควู้ด เขาไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้ มีข่าวลือที่กล่าวว่ามีบุคคลสำคัญสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง แม้แต่หัวหน้าแก๊งและบรรพบุรุษของพวกเขาก็ยังกลัวไทสันกันหมด เมื่อชายอย่างเช่นเขากำลังเดินทางมาหาพวกเขาทั้งสอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว “บางทีพวกเราควรที่จะขอคำแนะนำจากท่านยอร์ก” แบร์รี่พูดอย่างสุขุม ใบหน้าของแฟรงก์นั้นมืดมนราวกับช่วงเวลากลางคืน เขารู้ดีว่าเวย์น ยอร์กจะตอบสนองอย่างไร เวย์นมักจะสนใจแต่ผลลัพธ์ เขาไม่สนใจเรื่องกระบวนการ ถ้าแฟรงค์ขอความช่วยเหลือจากเวย์น มันคงเท่ากับเป็นโทษประหารชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ แฟรงค์ไม่แน่ใจว่าเวย์นจะสามารถเผชิญหน้ากับไทสันได้หรือไม่ ขณะที่ทั้งสองยังคงคิดว่าจะทำอะไรต่อไป ไทสันก็ได้มาถึงในเวลาต่อมา ฮาร์วีย์ก็อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยเช่นกัน แฟรงค์ได้พบกับฮาร์วีย์เป็นครั้งที่สอง 'ผู้ชายคนนี้มาจากไหนนะ?' 'เขากล้าดียังไงถึงได้มาเดินนำหน้าไทสัน?' 'หรือว่าบางทีเขาอาจจะเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของไทสันก็ได้?'
แฟรงค์รู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่สามารถบรรยายได้จากฮาร์วีย์มันกำลังกดเขาให้จมลง ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เขาคุกเข่าต่อหน้าเวย์น ยอร์ก 'ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีออร่าที่แข็งแกร่งกว่าเวยน์?' “ช่วยบอกฉันที” ฮาร์วีย์พูดขึ้นอย่างเย็นชา “แบร์รี่ วอเตอร์ นายกำลังวางแผนจะทำอะไรกับภรรยาของฉัน?” แฟรงค์ตัวสั่น จากนั้นจึงเล่าความจริงให้ฮาร์วีย์ฟัง “เขาบอกว่าเขาต้องการรู้และลิ้มรสว่าผู้หญิงของเจ้าชายยอร์กจะมีรสชาติอย่างไร” “และ…และเขายังบอกอีกด้วยว่าพวกตระกูลเซอร์เรย์สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง และไม่มีใครที่กล้าจะแตะต้องตัวเขา!” แบร์รี่เริ่มเหงื่อออกอย่างมากกับคำพูดของแฟรงค์ อันที่จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไม แบร์รี่รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ทำอะไรผิดไปโดยไม่รู้ตัว “แน่ใจนะว่านี่เป็นความคิดของเขา” ไทสันถามขึ้นในทันใด “แน่นอน ผมมั่นใจครับพี่ไทสัน! ผู้ชายคนนี้จ่ายเงินค่าจ้างให้ผมเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่มีทางช่วยเขาอย่างแน่นอน ด้วยสัตย์จริงครับพี่!” ฮาร์วีย์จ้องมองไปที่แฟรงก์ด้วยสายตาที่เยือกเย็น “นายก็น่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เสียงคร่ำครวญสยองขวัญดังก้องไปทุกหนทุกแห่ง แบร์รี่ทรุดลงพร้อมกับเข่าที่กระแทกพื้นเสียงดัง เขาตัวสั่นอย่างหยุดไม่ได้ “ผมจะพูด! ผมจะบอกคุณทุกอย่าง!” “พวกตระกูลเซอร์เรย์ไม่ใช่คนที่สนับสนุนเรา! พวกมันไม่มีอำนาจที่มากพอ” “ตระกูลยอร์กอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ จะพูดให้ถูกก็คือเวย์น ยอร์ก!” "เขา?" ฮาร์วีย์หัวเราะคิกคัก เขาอยากรู้ว่าใครกันที่กล้าตั้งเป้าไปที่แมนดี้ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเป็นเวย์น “คราวที่แล้วฉันคงดูอ่อนโยนไปหน่อย” ฮาร์วีย์พูดอย่างใจเย็น “โทรหาเขาซิ บอกเขาว่าชีวิตของเขาจะกลายเป็นขุมนรกหากเขาไม่มาปรากฏตัวในอีกสิบนาทีข้างหน้านี้” แบร์รี่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เขารีบโทรออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เวลาจะผ่านไปสิบนาที รถเข็นก็ปรากฏขึ้นที่จุดเกิดเหตุ เวย์นถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มตัวขณะนั่งบนรถเข็น ทว่าราศีของเขาไม่สามารถเทียบได้กับบุคคลทั่วไป “เวย์น” ฮาร์วีย์ขยับตัวอย่างช้า ๆ และไม่ยอมหันหลังไปมองเวย์น “จำที่ฉันพูดครั้งสุดท้ายได้ไหม?” "อือ" เวย์นยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเมลิสซา ลีโอถอนตัวเพราะความล้มเหลวของเธอ เขาไปร้องขอการให้อภัยจากฮาร์วีย์ที่เดอะ การ์เ
เมื่อแมนดี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แบร์รี่ก็ถือว่าเธอยังคงเดือดดาลด้วยความโกรธอยู่ จากนั้นเขาก็รีบถามอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเขาค่อนข้างลังเลว่า “ถ้าคุณยังไม่พอใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ เราสามารถจัดหาวัสดุทั้งหมดให้คุณฟรี ๆ เลย!” “ได้โปรดยอมรับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงคำขอโทษของพวกเราไว้ด้วยเถอะ!” เมื่อเห็นการกระทำของแบร์รี่ซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ ก็ปฏิบัติตาม พวกเขาต่างก็คร่ำครวญทีละคน พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฟรงค์ คอสเทลโล และด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่หนึ่งในสี่นายใหญ่แห่งตระกูลยอร์ก เวย์น ยอร์ก เขายังต้องแขนพิการเลย หากพวกเขาไม่ยอมแพ้ในตอนนี้ ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะรนหาที่ตายเท่านั้น! ในส่วนของเธอ แมนดี้คิดว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นบ้าเสียสติไปแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาข่มขู่เธอสารพัด แต่วันนี้พวกเขามาหาเธอและคุกเข่าต่อหน้าของเธอ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมกลับหากเธอไม่ตอบรับวัสดุจากพวกเขา ในขณะนั้น ฮาร์วีย์ก็เดินออกมาพร้อมกับกินซาลาเปาไปด้วย แบร์รี่และคนของเขาตัวสั่นหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นฮาร์วีย์ เหงื่อไหลโชกเสื้อผ้าของพวกเขา "นายท่านยอร์ก นี่เป
แมนดี้นั้นเป็นคนอ่อนโยนมากเกินไป ในที่สุดเธอก็ยอมและพยักหน้าตอบรับ แบร์รี่และคนอื่น ๆ ต่างก็ขอบคุณเธออย่างล้นเหลือและจากไปหลังจากนั้นไม่นาน ไม่นานนักก็มีคนจากไซต์ก่อสร้างโทรมาหาเธอ วัสดุถูกส่งไปยังไซต์ และโครงการที่หยุดไปนานแล้วในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แมนดี้ยังมีข้อสงสัย แต่ว่าในท้ายที่สุดเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อเรื่องต่าง ๆ เริ่มดำเนินไปในทางที่ดี … ณ สกาย คอร์ปอเรชั่น ฮาร์วีย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ของประธานกรรมการบริหาร เขากำลังศึกษาภาพสองภาพตรงหน้าเขา ภาพแรกนั้นชัดเจนราวกับเวลากลางวัน โดยแสดงให้เห็นเงาของเวย์นและสตีเฟ่น ยอร์ก พวกเขาอยู่ที่ชายหาด ดูเหมือนกับว่ากำลังรอใครสักคนอยู่ เมื่อมองดูใกล้ ๆ มือซ้ายของเวย์นนั้นถูกตัดออกไปแล้ว รูปถ่ายต้องถ่ายในวันเดียวกับที่เวย์นยิงปืนครั้งนั้น รูปที่สองค่อนข้างเบลอไปหน่อย ดูเหมือนจะอยู่ที่สนามบิน และมีชายคนหนึ่งที่ฮาร์วีย์เองก็ไม่รู้จัก เขาจ้องดูรูปนั้นอยู่นาน แล้วถามอย่างใจเย็นว่า “คุณกำลังจะบอกว่ารูปพวกนี้อยู่บนโต๊ะผมตั้งแต่เช้าเหรอ?” "ถูกต้องค่ะ" อีวอนน์ ซาเวียร์พยักหน้า “ฉันไปขอให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดดู แต
สตีเฟ่นยิ้ม “ลูกพี่ลูกน้องที่รัก ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมคุณไม่ทำใจสบาย ๆ สักสองสามวันล่ะ? บางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่สามารถรีบร้อนได้” คริสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างช้า ๆ “สตีเฟ่น นายก็รู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม” “ถ้าเราล้มเหลว ทั้งนายและฉันจะต้องลำบากเป็นอย่างมาก” "แน่นอน" สตีเฟ่นยิ้มอีกครั้ง “ในกรณีนี้ ฉันจะส่งคนไปเชิญพวกซาเวียร์” "ดี" “ฉันจะจัดการทุกอย่าง นายแค่ต้องแสดงตัวเท่านั้น” สตีเฟ่นหัวเราะคิกคัก คริสไม่ได้พูดอะไรอีก และออกจากสนามบินไปอย่างสุขุมท่ามกลางฝูงชนมากมาย แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่ทรงพลังอำนาจมาก แต่เขาก็รู้ว่าถ้าหากเขาล้มเหลวในภารกิจ เขาจะจบไม่สวยแน่ ๆ … ณ ทะเลสาบสีมรกตในบัควู้ด ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลซาเวียร์ ตระกูลซาเวียร์ไม่ใช่ตระกูลดั้งเดิมของบัควู้ด พวกเขามาจากโวลซิ่ง หลังจากที่เชลดอน ซาเวียร์กลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเซาท์ไลท์ ครอบครัวของเขาก็อพยพจากโวลซิ่งมาที่นี่ แต่เชลดอนเป็นคนสุขุม นั่นเป็นสาเหตุที่ตระกูลซาเวียร์ไม่ได้โด่งดังมากนักในเซาท์ไลท์ ผู้คนที่มาชุมนุมกันที่สถานที่พบปะของตระกูลซาเวียร์อันเงียบสงบในวัน
อดัมยิ้มเมื่อเห็นอีวอนน์ “อีวอนน์ มาทันเวลาพอดีเลย! ทุกคนกำลังพูดถึงเธออยู่” “ในที่สุด สาวน้อยก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่พร้อมจะมีครอบครัว!” “นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่ชายหนุ่มรูปงามส่งการ์ดคำเชิญดูตัวมาให้เธอ!” ขณะที่เขาพูด อดัมก็ถ่ายรูปสองสามภาพแล้ววางมันลงบนโต๊ะน้ำชา “มา มา มา มาดูนี่สิ! นี่คือเจ้าชายแห่งตระกูลลีโอ คริส ลีโอ นี่คือชายจากตระกูลดังอย่างตระกูลเซอร์เรย์ ลุค เซอร์เรย์ นี่คือชายที่รูปงามแห่งตระกูลร็อบบินส์ ออสการ์ ร็อบบินส์ คนนี้คือชายที่เพรียบพร้อมแห่งตระกูลคลาวด์ เดคแลน คลาวด์ และนี่คือชายจากตระกูลที่มั่งคั่งฟินน์ เยตส์…” “พวกเขาทั้งหมดเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและมีความสามารถมากมาย ไม่ว่าเธอจะเลือกใครก็จะเป็นการดีสำหรับตระกูลของเรา” อย่างไรก็ตาม อีวอนน์ไม่ได้ละสายตาจากภาพถ่ายนั้นเลย เธอกลับมุ่งหน้าไปหาเชลดอนและพูดขึ้นว่า “คุณปู่ คุณควรรู้เอาไว้ว่าหนูจะไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้น” เชลดอนถอนหายใจออกมา “ทำไมปู่จะไม่เข้าใจความรู้สึกของหลานรักล่ะ? แต่หลาย ๆ ตระกูลที่อยากจะมาขอหลานแต่งงาน แม้แต่คนอย่างปู่เองก็ยากที่จะสามารถปฏิเสธทุกคนได้” “เราได้ทำให้ตระกูลอื่น ๆ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข