ฮาร์วีย์จ้องไปที่แบร์รี่ด้วยท่าทางที่เฉยเมย สักพักก็หันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ไทสันตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ฮาร์วีย์เคยเสียเวลาพูดคุยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? อีกทั้งเขายังจะเดินออกไปดื้อ ๆ แบบนั้นอีก “เจ้าชาย นี่…” ฮาร์วีย์ตอบกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ปล่อยมันไป” "ทำไม?" ไทสันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เขาไม่ได้ทำให้พี่สะใภ้ขุ่นเคืองหรอกเหรอครับ?” “เจ้าชายยอร์ก อย่ากังวลไปเลย แค่ปล่อยให้มันอยู่กับผม ผมจะจัดการกับมันและทำงานนี้ให้สำเร็จเอง” แต่ฮาร์วีย์กลับตอบว่า "นี่นายยังฉลาดไม่พออีกเหรอแม้ว่าจะติดตามฉันมานานแล้วก็ตาม" “นายไม่เห็นหรือว่าชายผู้นี้มันไร้ประโยชน์? มันจะไปมีความสามารถอะไรที่จะไปรับผิดชอบตลาดวัตถุดิบในบัควู้ดด้วยตัวของมันเอง? เห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง!” “ไม่ใช่ตระกูลเซอร์เรย์หรอกเหรอ?” ไทสันเอ่ยถามด้วยท่าทางงุนงง ฮาร์วีย์ส่ายหัวก่อนจะตอบว่า “มันยากที่จะบอกว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง” ตระกูลชนชั้นหนึ่งที่สำคัญ ๆ มีอยู่สี่ตระกูลคือ ตระกูลเซอร์เรย์, ตระกูลร็อบบินส์, ตระกูลเยตส์, และตระกูลคลาวด์ พวกเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันอย่างแน่นอน พวกเขาเพ
“ทำได้ดีมาก เจ้าขยะนั่นมันมาปรากฏตัวไหม?” เวย์นเอ่ยถามอย่างเย็นชา เสียงของเขาดูสั่นเครือเมื่อเขาพูดคำว่า "ขยะ" แต่คนรอบข้างก็ไม่ทันไม่ได้สังเกตอะไร แม้ว่าเวย์นต้องการที่จะโจมตีฮาร์วีย์ แต่เขาก็ไม่กล้าปล่อยให้ลูกน้องของเขารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฮาร์วีย์ ไม่ว่าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฮาร์วีย์ในแบบใด ผลลัพธ์มันก็น่าสยดสยองอยู่ดี “คุณกำลังพูดถึงเจ้าคนปัญญาอ่อนที่ไร้ประโยชน์นั่นน่ะเหรอ? ฮาร์วีย์ ยอร์ก เจ้าลูกเขยแมงดาที่เกาะภรรยากินนั่นน่ะเหรอ!” “มันมาปรากฏตัวตามที่คุณพูดจริง แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรกับผมเลย อีกทั้งผมยังคิดว่ามันไปขอให้ไทสัน วูดส์ปล่อยปล่อยตัวผมไป” “อย่างที่คุณคิด เขาน่าจะเป็นตัวแทนของคนสำคัญ ๆ” เวย์นพยักหน้า เขาเหยียดนิ้วออกและแตะเบา ๆ บนที่วางแขนของรถเข็น ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะและพูดว่า “ชายผู้นั้นดูมีน้ำใจมาก ถ้าหากเขาไม่ได้รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนายคือตระกูลเซอร์เรย์ เขาจะไม่มีทางทำอะไรแบบนี้” “ในกรณีนี้ก็เท่ากับส่งของขวัญให้เขา ปล่อยให้เขาและตระกูลเซอร์เรย์ต่อสู้กันอย่างไม่รู้จบ!” "ใช่!" ชายกลุ่มหนึ่งยืนกุมมือไว้ด้านหน้าพร้อมกับสีหน้าที่เคร
เช้าวันรุ่งขึ้น แมนดี้มาถึงสถานที่ก่อสร้างซิลเวอร์ นิมบัส เมาท์เทน รีสอร์ตในช่วงเวลาเช้าตรู่ตามปกติ อย่างไรก็ตาม แมนดี้ไม่รู้ว่าควรที่จะรู้สึกอย่างไรเมื่อมองไปที่สถานที่ก่อสร้างที่ว่างเปล่า ไม่ใช่แค่ไม่มีคนงานก่อสร้าง แม้แต่พนักงานสักคนก็ยังไม่มา เมื่อฮาร์วีย์บอกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในวันนี้ เธอก็แอบตั้งตารอคอยมันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในวันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวานทุกประการ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แมนดี้ก็ยิ้มเยาะกับตัวเอง 'แมนดี้ แมนดี้ เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันเนี่ย?' ถ้าฮาร์วีย์มีความสามารถมากขนาดนั้น เขาจะยังคงเป็นเพียงลูกเขยที่อาศัยอยู่ที่บ้านของภรรยาอยู่ได้อย่างไร? บางครั้งแมนดี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ฮาร์วีย์ทำได้อย่างไร? เขาทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์และดูถูกอย่างไม่ลดละจากตระกูลซิมเมอร์ได้อย่างไร? เมื่อแมนดี้ถอนหายใจอีกครั้ง รถตู้ก็เข้าจอดอยู่ข้างถนนอย่างเงียบ ๆ มีคนในรถกำลังสอดแนมแมนดี้ด้วยกล้องส่องทางไกล “พี่แฟรงค์ นั่นคือแมนดี้ ซิมเมอร์” “ไปและรีบไปพาเธอมา พนักงานคนอื่นยังไม่ได้มาทำงาน ถ้าคนเยอะจะรับมือยาก” แฟรงค์พูดอย่างมุ่งร้ายพร้อม ๆ กับคาบบุหรี่ไว้ในปาก ร
“เจ้าชายยอร์ก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ ผมจะจัดการกับมันให้เอง” ไทสันได้พูดขึ้น ฮาร์วีย์พยักหน้า มันไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องข้างทางแบบนี้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือปล่อยให้ไทสันจัดการกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ฮาร์วีย์นั้นตระหนักได้ดีว่าทุกอย่างดูเหมือนจะมีบางอย่างที่ผิดปกติ ราวกับว่ามีใครบางคนแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นเขาทำสงครามกับตระกูลเซอร์เรย์ หลังจากที่ไทสันจากไป ฮาร์วีย์ก็มองหาเรย์ ฮาท ด้วยตำแหน่งปัจจุบันของเรย์ในบัควู้ด เขาสามารถระบุที่อยู่ที่แน่นอนของที่พักอาศัยของแบร์รี่ วอเตอร์ได้อย่างง่ายดายด้วยการโทรเพียงครั้งเดียว เรย์ขับรถพาฮาร์วีย์ไปยังที่บ้านของแบร์รี่ ในเวลานี้ แบร์รี่ได้กลับบ้านมาแล้ว และเลขาฯ สาวสวยพร้อมขาที่เรียวยาวกำลังช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับเขาอยู่ “ท่านประธานกรรมการบริหารวอเตอร์คะ ใครบังอาจทำสิ่งนี้กับคุณ? มันช่างโหดร้ายมาก!” เลขาฯ สาวกล่าวอย่างใจเย็น “บอกฉันมา ฉันล่ะอยากจะไปตบมันแก้แค้นให้กับคุณ!” แบร์รี่หัวเราะและตีก้นของเลขาฯ สาวสวยด้วยมือของเขา “ผู้หญิงโง่ เธอนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย! นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความกล้าหาญ!” “
แบร์รี่รู้ดีว่าตามแผน แมนดี้น่าจะตกไปอยู่ในมือของแฟรงค์ คอสเทลโล อย่างไรก็ตาม เขากระชากหัวของฮาร์วีย์และเยาะเย้ย “ไอ้ขยะ! ถ้าการที่เมียของแกออกไปพบกับชู้ นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันเลยสักนิด ถ้าหล่อนถูกลักพาตัวไป แกก็ควรไปตามหาหล่อน! แล้วแกมาตามหาฉันทำไม?” เลขาฯ สาวขายาวของแบร์รี่ก็เดินตามออกมาด้วย เธอจ้องไปที่ฮาร์วีย์ด้วยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก "แกคือใคร? กล้าดียังไงมาทำร้ายท่านประธานกรรมการบริหารวอเตอร์! แกไม่รู้หรือว่าเขาสามารถเรียกตำรวจให้มาลากคอแกเข้าคุกได้ด้วยการโทรเพียงครั้งเดียว” “วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ฉันจะไม่มาเสียเวลาพูดคุยเรื่องไร้สาระกับแก” “ฉันจะถามอีกครั้ง” การแสดงออกของฮาร์วีย์เย็นชายิ่งขึ้น “แกส่งคนไปลักพาตัวภรรยาฉัน แมนดี้ ซิมเมอร์ไปใช่หรือเปล่า?” “ฮาร์วีย์ แกคงต้องแสดงหลักฐานในสิ่งที่แกพูด! ฉันเป็นนักธุรกิจที่จริงจังมาก ๆ คนหนึ่ง ฉันจะไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกน่า!” "ที่ฉันกำลังจะบอกแกก็คือ! ถ้าขืนแกมาดูถูกฉันอีกครั้งนะ ฉันจะฟ้องแกในข้อหาหมิ่นประมาท!” แบร์รี่ชี้นิ้วสาปแช่งกล่าวหาไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่รู้สึกผิด อันที่จริง เขาลืมกล่าวหาฮาร์วีย์
คำพูดของแมนดี้นั้นมันได้ปลุกเสียงหัวเราะจากเหล่าลูกน้องที่อยู่เบื้องหลังของแฟรงค์ คอสเทลโลเป็นอย่างมาก “แมนดี้ นี่เธอมองว่าตัวเองเป็นอาหารจานอร่อยจริง ๆ เหรอ? นี่เธอกล้าที่จะข่มขู่คุณคอสเทลโลจริง ๆ เหรอเนี่ย?” “ทุกวันนี้มีคนที่กล้าบ้าดีเดือดขนาดนี้อยู่จริง ๆ เหรอ? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่!” “เธอยังไม่เห็นเลยว่าคุณคอสเทลโลนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง! ถ้าเธอรู้ เธอก็คงจะรีบขอคุกเข่าลงบัดเดี๋ยวนี้!” “คุณคอสเทลโล คุณมีน้ำใจกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้ว ถ้าเป็นผมนะ ผมจะจัดการเธอให้เกือบถึงตายและเก็บทรมานเธอเอาไว้ให้เธอร้องขอชีวิตเล่น ๆ แก้เบื่อ!” ลูกน้องทุกคนของเขาดูโหดเหี้ยมกว่าคนปกติทั่วไป เหมือนว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ในสถานการณ์เช่นนี้มาอย่างโชกโชน แฟรงค์ยกมือห้ามและเดินเข้าไปหาแมนดี้ จากนั้นเขาก็ยกคางของเธอขึ้นด้วยมือขวาและยิ้ม “แม่สาวน้อย ฉันไม่เคยเจอใครที่กล้าดูถูกเหยียดหยามฉันมาหลายปีแล้ว!” “เธอกำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตอันยืนยาวของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” “นายคงรู้เกี่ยวกับการขอแต่งงานของเจ้าชายยอร์กเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่ไหม?” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แมนดี้จำเป็
แบร์รี่ได้มาถึงหลังจากนั้นไม่นานนัก เขาและแฟรงก์สบตากัน พวกเขาขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ไทสันผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลคนใหม่ในบัควู้ด เขาไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้ มีข่าวลือที่กล่าวว่ามีบุคคลสำคัญสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง แม้แต่หัวหน้าแก๊งและบรรพบุรุษของพวกเขาก็ยังกลัวไทสันกันหมด เมื่อชายอย่างเช่นเขากำลังเดินทางมาหาพวกเขาทั้งสอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว “บางทีพวกเราควรที่จะขอคำแนะนำจากท่านยอร์ก” แบร์รี่พูดอย่างสุขุม ใบหน้าของแฟรงก์นั้นมืดมนราวกับช่วงเวลากลางคืน เขารู้ดีว่าเวย์น ยอร์กจะตอบสนองอย่างไร เวย์นมักจะสนใจแต่ผลลัพธ์ เขาไม่สนใจเรื่องกระบวนการ ถ้าแฟรงค์ขอความช่วยเหลือจากเวย์น มันคงเท่ากับเป็นโทษประหารชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ แฟรงค์ไม่แน่ใจว่าเวย์นจะสามารถเผชิญหน้ากับไทสันได้หรือไม่ ขณะที่ทั้งสองยังคงคิดว่าจะทำอะไรต่อไป ไทสันก็ได้มาถึงในเวลาต่อมา ฮาร์วีย์ก็อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยเช่นกัน แฟรงค์ได้พบกับฮาร์วีย์เป็นครั้งที่สอง 'ผู้ชายคนนี้มาจากไหนนะ?' 'เขากล้าดียังไงถึงได้มาเดินนำหน้าไทสัน?' 'หรือว่าบางทีเขาอาจจะเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของไทสันก็ได้?'
แฟรงค์รู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่สามารถบรรยายได้จากฮาร์วีย์มันกำลังกดเขาให้จมลง ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เขาคุกเข่าต่อหน้าเวย์น ยอร์ก 'ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีออร่าที่แข็งแกร่งกว่าเวยน์?' “ช่วยบอกฉันที” ฮาร์วีย์พูดขึ้นอย่างเย็นชา “แบร์รี่ วอเตอร์ นายกำลังวางแผนจะทำอะไรกับภรรยาของฉัน?” แฟรงค์ตัวสั่น จากนั้นจึงเล่าความจริงให้ฮาร์วีย์ฟัง “เขาบอกว่าเขาต้องการรู้และลิ้มรสว่าผู้หญิงของเจ้าชายยอร์กจะมีรสชาติอย่างไร” “และ…และเขายังบอกอีกด้วยว่าพวกตระกูลเซอร์เรย์สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง และไม่มีใครที่กล้าจะแตะต้องตัวเขา!” แบร์รี่เริ่มเหงื่อออกอย่างมากกับคำพูดของแฟรงค์ อันที่จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไม แบร์รี่รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ทำอะไรผิดไปโดยไม่รู้ตัว “แน่ใจนะว่านี่เป็นความคิดของเขา” ไทสันถามขึ้นในทันใด “แน่นอน ผมมั่นใจครับพี่ไทสัน! ผู้ชายคนนี้จ่ายเงินค่าจ้างให้ผมเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่มีทางช่วยเขาอย่างแน่นอน ด้วยสัตย์จริงครับพี่!” ฮาร์วีย์จ้องมองไปที่แฟรงก์ด้วยสายตาที่เยือกเย็น “นายก็น่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข