ด้วยคำพูดของฮาร์วีย์ ทุกคนต่างพากันมองเขาด้วยความรังเกียจโดยเฉพาะลิเลียนที่ตอนนี้หน้าหม่นมืดคล้ำเหมือนกลางคืนเธอรู้และเข้าใจคนแบบแม่ของเธอดีย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ลิเลียนแต่งงานกับไซม่อน เขาเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยาน ถึงอย่างนั้นคุณย่าเยตส์ก็ยังอยากจะบีบคอลิเลียนให้ตายเพราะคนที่เธอเลือกตอนนี้สามีของแมนดี้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย ไม่มีทางที่จะทำให้คุณย่าเยตส์อยากจะเจอครอบครัวเธออีกคุณย่าเยตส์ถอนหายใจออกมา จากนั้นเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะสบตาครอบครัวของแมนดี้เลยคีธจ้องไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังกลับและเดินจากไปเช่นกันแมนดี้เป็นคนมีความสามารถมากในสายตาของเยตส์ พวกเขาจึงยอมรับเธอเป็นญาติคนหนึ่งแต่เมื่อเธอแต่งงานกับผู้ชายอย่างฮาร์วีย์ ทุกคนต้องคิดใหม่ว่าพวกเขาควรยอมรับเธอไหม“ไม่เป็นไรนะพี่เขย คุณย่าเยทส์มักจะอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ อีกสักพักก็จะดีขึ้น” ซีนเธียร์พยายามปลอบฮาร์วีย์ลิเลียนกัดฟันและตะคอกใสว่า “ซินเธียร์ ทำไมลูกถึงยังไปปลอบไอ้ขยะนี่อีก?!”“เขาพูดอะไรแบบนี้กับคุณย่าเยตส์ก็เท่ากับตัวเขาสกปรกน่าขยะแขยง!”“สิ่งที่คุณย่าเยตส์เกลียดที่สุดคือผู้ชายน่ารังเกียจ!”
หลังจากนั้นไม่นานไซม่อนก็ยืนขึ้นตัวสั่นแล้วเอามือโอบลิเลียน“ที่รัก อย่าร้องไห้สิ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในเป็นอะไร ถ้าเป็นอะไรดี ๆ ล่ะ?!”“ดีงั้นเหรอ? มันจะดีได้ยังไง?!”สีหน้าของลิเลียนซีดเผือด“ฉันแค่หวังว่ามันจะเป็นคริสตัลหรือของโบราณ! ถ้ามันเป็นของธรรมดา…”ลิเลียนเหมือนจะเป็นลมอีกครั้งขณะที่เธอพูด..เธอมีโอกาสที่จะคืนดีกับคุณย่าเยตส์หลังจากหลายปีผ่านมา ถ้าฮาร์วีย์ไอ้ขยะนี่ทำให้เธอต้องพลาดโอกาสนี้ไปจริง ๆ เธออาจจะโกรธจนตายก็ได้!หลังจากนั้นไม่นานงานเลี้ยงวันเกิดก็กำลังจะเริ่มขึ้นแขกวีไอพีส่วนใหญ่ที่ควรเข้าร่วมในวันนี้ยังไม่มาถึงคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตของเซาท์ไลท์และเป็นคนจากภาครัฐของบัควู้ดคีธเป็นผู้บัญชาการลำดับสามของเซาท์ไลท์และมีสถานะที่สูงมากในหน่วยงานรัฐ แต่คนกุมอำนาจและไม่ได้ด้อยด้อยกว่าใครเขาต้องทักทายทุกคนด้วยตัวเองเมื่อคนอื่น ๆ แสดงความเคารพเขาต่อหน้าในงานเลี้ยงคุณย่าเยตส์ยืนรออยู่ที่หน้าประตู เธอได้ยินมาว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเซาท์ไลท์ก็เข้าร่วมด้วยลูกหลานของตระกูลเยตส์ติดตามอย่างใกล้ชิด แม้แต่แมนดี้และครอบครัวของเธอก็ยังถูกธัญญ่าลากออกมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังนินทา ชายหลายคนในเครื่องแบบก็เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงอย่างสง่างามชายหนุ่มที่เดินนำพวกเขา เขาดูเหมือนคนอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี แต่ดูมีสง่าราศรีของชนชั้นสูงเขาคือ ฟินน์ เยตส์ ลูกชายของคีธและลูกพี่ลูกน้องของแมนดี้ เขาเป็นร้อยตำรวจเอกที่สถานีตำรวจบัควู้ด และมีอำนาจในบัควู้ดเขาเข้าไปในห้องโถงอย่างอารมณ์ดี ตามด้วยคนของเขา“คุณย่า คุณพ่อ ผมขอแนะนำ นี่คือรองสารวัตรเกร็ก ฟินช์ผู้บัญชาการลำดับสองของสถานีตำรวจบัควู้ด และนี่คือเควิน คอลฟิลด์ ผู้บัญชาการลำดับสาม…”ฟินน์แนะนำเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจบัควู้ดอีกเจ็ดถึงแปดตำแหน่งที่สูงกว่า คนเหล่านี้มีตำแหน่งสูงกว่าเขาหนึ่งหรือสองระดับแต่สารวัตรใหญ่ไม่มาด้วยพวกคนตำแหน่งสูงเหล่านี้ต่างก็เคารพฟินน์มากทุกคนมอบของขวัญและอวยพรคุณย่าเยตส์“เราขออวยพรให้คุณย่าเยตส์โชคดีและมีชีวิตยืนยาวราว!”“ยินดีต้อนรับทุกคน! ฉันต้องขอบคุณทุกคนที่ดูแลลูกชายของฉันในช่วงเวลาปฏิบัติงาน!”คีธยิ้มให้และโบกมือทักทายคุณย่าเยตส์ยังเผยรอยยิ้มกว้างถึงหูให้พวกเขาเห็นสำหรับฟินน์ที่เชิญคนที่มีตำแหน่งสูงในสถานีตำรวจมาได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงใ
ความจริงก็คือ ไซม่อนและลิเลียนมีระดับที่ต่ำที่สุดในบรรดาทุกคนในตระกูลเยตส์ พูดง่าย ๆ ก็คือคีธ เยตส์เป็นถึงผู้บัญชาการลำดับสามของเซาท์ไลท์ เขามีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีอำนาจมากมายในมือ ลูกชายของเขาก็กำลังจะเข้ารับตำแหน่งรองสารวัตรของสถานีตำรวจบัควู้ด ชายหนุ่มที่อายุยังน้อยและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง สำหรับธัญญ่า เยตส์ เธอกำลังสร้างธุรกิจของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่เธอก็จะได้รับผลกำไรเป็นเงินหลายพันดอลล่าร์ต่อปี ในทางกลับกันเลย์ตัน ลูฟ เขาก็เป็นถึงรองประธานของธนาคาร บัควู้ด เขาเองก็มีอำนาจมหาศาลในมือและยังมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน อันที่จริงแล้วผู้คนมากมายต่างก็มาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่บ่อย ๆ เมื่อเทียบกับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ทั้งไซม่อนและลิเลียนแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย พวกเขาเป็นเพียงตัวตลกของตระกูลเท่านั้น แมนดี้ ซิมเมอร์ เธอเคยสร้างความประทับใจอันดีงามมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องมาพังไม่เป็นท่าเพียงเพราะฮาร์วีย์ ยอร์ก ตอนนี้ ไซม่อนและลิเลียนนั้นดูตกต่ำจนยากที่จะเชื่อ ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกของประตูห้องโถง ชายวัยกลางคนสามสี่คนเ
ฝูงชนในงานเริ่มส่งเสียงเอะอะหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้และเริ่มซุบซิบกันอย่างเมามันลำพังตัวตนของฟินน์ เยตส์นั้นก็น่าทึ่งมากพออยู่แล้ว แล้วคนที่เขาถึงขั้นกล่าวยกย่องด้วยตัวเองขนาดนี้จะเก่งกาจมากขนาดไหนกัน?แขกในงานเริ่มสับสนพรางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ตระกูลเยตส์ไม่ได้พูดว่าฟินน์เป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากที่สุดในรุ่นของเขาหรอกหรือ? มีพี่เขยอีกคนที่มีความสามารถพอ ๆ กันอีกด้วยหรือเนี่ย?”“จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลานสาวของตระกูลเยตส์จะแต่งงานกับคนธรรมดา ๆ เล่า จริงไหม? ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องเลือกผู้ชายที่มั่งคั่งและมีอำนาจอยู่แล้ว ถูกไหม?”สายตาของฝูงชนต่างก็หันไปรอบ ๆ ในที่สุดก็หยุดลงที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนต่างก็พากันตัวสั่นเทา“ผู้ชายคนนี้ กิริยาท่าทางของเขา…!”เหล่าซิมเมอร์ที่อยู่ในฝูงชน ทุกคนเริ่มดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องซุบซิบต่าง ๆ นา ๆ พวกเขาชำเลืองมองและหัวเราะกันเบา ๆควินน์ ซิมเมอร์ เธอเอามือปิดปากตัวเองพรางหัวเราะ “คุณปู่ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมตระกูลเยตส์จึงมองไปที่แมนดี้และครอบครัวของเธอ!”“ฮาร์วีย์ มันคงคุยโวโอ้อวดไว้น่ะสิ!”“พวกเ
ในขณะนี้ใบหน้าของแมนดี้ ซิมเมอร์นั้นซีดเผือดจนไร้ซึ่งสีสัน เธอไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะแพร่กระจายไปไกลมากขนาดนี้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของฟินน์อย่างไร และเมื่อในที่สุดเธอก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และกำลังจะแก้ไขสถารกานณ์ตรงหน้า แต่ทว่าฮาร์วีย์กลับมาขัดจังหวะของเธอ “น้องชาย ฉันนี่แหละคือเจ้าชายยอร์กตัวจริง” สำหรับฮาร์วีย์คงไม่เป็นไรถ้าตระกูลเยตส์จะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา อีกทั้งเขายังแอบสังเกตุดูปฏิกิริยาของพวกเขาด้วย ฟุ่ววววว! ฝูงชนต่างหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะและเสียงดัง 'ชายคนนี้คือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ หรือ?' 'เขาเป็นคนที่ควบคุมตระกูลยอร์กและเป็นผู้ก่อสร้างบริษัทที่มีมูลค่าหนึ่งล้านดอลลาร์ด้วยตัวเขาเอง!' 'ตระกูลเยตส์กำลังจะร่ำรวยมหาศาลแล้ว!' ในหัวของฟินน์นั้นมันว่างเปล่าไม่มีความคิดอื่นใดหลงเหลืออยุ่ในขณะนี้ “โอ้ พี่เขยสุดเจ๋ง! ตระกูลเยตส์อยู่ในมือคุณแล้ว! ในอนาคตพวกเราคงต้องขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากคุณ!” ในดวงตาของคีธนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง หากชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ ตระกูลเยตส์คงพิจารณาทบทวนตำแหน่งของพวกเขาใหม่ อีกทั้งพวก
ผัวะ! ภายใต้สายตาของฝูงชนในงานที่กำลังตกตะลึงมึนงง คุณย่าเยตส์เหวี่ยงไม้เท้าฟาดหลังของฮาร์วีย์ หลังจากที่ตีเขา เธอก็ถ่มน้ำลายออกมาพร้อม ๆ กับท่าทางสุดเย็นชา “การรู้ข้อจำกัดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ! แกไม่สําเหนียกถึงตัวตนของตัวเองบ้างเลยเหรอ?” จากนั้นเธอก็ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่ไซม่อนและลิเลียน “จงช่วยสั่งสอนลูกเขยตัวดีของพวกเธอไว้ด้วยนะ! เขาไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเมื่อใดควรพูดและเมื่อใดไม่ควรพูด?” “ถ้าพวกเธอไม่รู้วิธีสอนเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็พาเขาออกไปจากที่นี่แล้วรีบไสหัวออกไป!” “งานเลี้ยงวันเกิดของฉันควรจะเป็นงานเลี้ยงที่มีความสุขสนุกสนาน ไม่ใช่ละครสัตว์ที่จะมีตัวตลกออกมาทำตัวเป็นเฉกเช่นคนวิกลจริตได้!” คำพูดของเธอหนักแน่น ไซม่อนและลิเลียน ทั้งสองต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะลงและนิ่งเงียบ ลิเลียนน้ำตาไหลอาบหน้า นี่คือครอบครัวของเธอ! เธอใฝ่ฝันที่จะกลับมาหาครอบครัวของเธอด้วยความสง่างาม ทว่าเมื่อเธอกลับมา เธอกลับต้องมาพบเจอกับความน่าอับอายมากขนาดนี้! ในตอนนี้เธอแทบต้องการที่จะแขวนคอตัวเอง น่าอับอายสิ้นดี! เธอจะกลับมาเชิดหน้าชูตาต่อหน้าตระกูลเยต
น่าอับอายแค่ไหน! ก่อนหน้านี้ ลิเลียนคิดว่าเธอใช้ชีวิตที่น่าอับอายใตระกูลซิมเมอร์มามากพอแล้ว เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถอับอายได้มากกว่านั้น จนกระทั่งที่เธอกำลังรู้สึกในวันนี้! แม้แต่ไซม่อนเองก็กัดฟันกรอด พวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะใกล้ชิดกับตระกูลเยตส์ให้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใกล้ชิดเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเหล่าตระกูลเยสต์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้บ้าง แต่ในท้ายที่สุดมันเกิดอะไรขึ้น? นอกจากจะอับอายขายขี้หน้าสุด ๆ แล้ว พวกเขายังได้อะไรอีกไหม? "ออกไป! พวกคุณทำให้ตระกูลเยตส์ต้องมาอับอายขายขี้หน้า!” ฟินน์ตะโกนอย่างอดไม่ได้ “แค่นี้มันก็อุกอาจมากพอแล้ว!” “พวกคุณสามารถทำให้ตัวเองอับอายได้ทุกอย่างตามที่พวกคุณต้องการเลย แต่อย่ามาลากคุณพ่อและคุณย่าของฉันมาเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย!” “พวกคุณทุกคนคงจะไม่มียางอายแล้ว แต่ทั้งตระกูลจะมาเสื่อมเสียเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!” ฟินน์พูดอย่างขมขื่นและไม่พอใจที่ครอบครัวของไซม่อนไม่เป็นไปตามที่เขาเคยคาดหวังไว้ ไซม่อนและลิเลียนไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงก้มศีรษะลงขณะพยายามถอยออกจากห้องโถงของงาน แมนดี้และซีนเธียร
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข