ฮาร์วีย์และแมนดี้มาถึงอาคาร สกาย คอร์ปอเรชั่น ก่อนสิบโมงพนักงานต้อนรับเชิญพวกเขาไปยังสำนักงานที่แซ็คและคนอื่น ๆ เคยไปเมื่อวันก่อนอย่างสุภาพผู้รับผิดชอบสำนักงานยืนขึ้นทันทีหลังจากเห็นแมนดี้เขาเดินไปหาแมนดี้อย่างสุภาพนอบน้อมและยิ้มให้“คุณคงจะเป็นคุณนายซิมเมอร์ เชิญนั่งครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมาพบเราในวันนี้!”“คุณจะรับชาหรือกาแฟดีครับ?แมนดี้ตกใจคนที่อยู่ตรงหน้าสวมสูทและรองเท้าหนัง ผมของเขาหวีเซ็ตเนี๊ยบตรงข้อมือของเขาสวมนาฬิกา Rolex สีทองขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมองเขาอย่างไร เขาดูเหมือนเป็นผู้บริหารระหว่างนั่งรถผู้อาวุโสซิมเมอร์เคยบอกว่าชายผู้นี้โหดเหี้ยม และบอกให้เธอระวังตัวตลอดเวลาแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้อย่างไรกับพละกำลังของผู้ชาย เธอกลับไม่มั่นใจว่าจะพูดอะไรออกไปดีฮาร์วีย์นั่งลงข้างหลังเธอทำตัวสบาย ๆ และพูดว่า “ผมขอน้ำ ส่วนภรรยาของผมขอกาแฟเพื่อเพิ่มพลังให้เธอ”“มาเถอะครับ เชิญนั่ง ผมจะจัดการให้คุณทั้งสองเอง”ผู้รับผิดชอบยิ่งแสดงความสุภาพผิดปกติหลังจากพาทั้งสองคนไปที่ที่นั่งแล้ว เขาก็ไปชงกาแฟในห้องจัดเตรียมของว่างด้วยตัวเอง แล้วนำมาเสิร์ฟให้พวกเขาเมื่อเที
แมนดี้นิ่งไป สักพักเธอก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง“รองผู้จัดการคะ หมายความว่าตระกูลซิมเมอร์ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นเลยครับ บริษัทพิจารณาเพิ่มการลงทุนให้กับคุณด้วยซ้ำ!”“แต่ยังมีตกลงเพิ่มเติมที่ต้องการให้คุณเซ็นยินยอม อีกสามวันเราต้องรบกวนคุณมาที่นี่อีกครั้ง!”รองผู้อำนวยการนั้นสุภาพมาก ส่วนผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากรู้สึกถึงความเป็นมิตรของทุกคนแล้ว แมนดี้ก็ยิ้มออกมา“ขอบคุณทุกท่านที่ดูแลดิฉันอย่างดี”ฮาร์วีย์ยืนขึ้นและพูดว่า “ทำได้ดีมาก”ร่างกายของรองผู้อำนวยการนั้นสั่นสะท้านราวกับได้ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่เข้าไป สีหน้าของเขาแสดงถึงความรู้สึกยินดีอย่างเต็มเปี่ยม“ไม่! ไม่เลยครับ! ผมก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี!”รองผู้อำนวยการเกือบจะคุกเข่าอยู่ตรงนั้น น้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของเขา ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ชายผู้นี้เยินยอพวกเขา!***แมนดี้ยังคงสับสน มึนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะก้าวเดินออกมาจาก สกาย คอร์ปอเรชั่น แล้วก็ตาม เธอไม่คิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะราบรื่นขนาดนี้ผู้อาวุโสซิมเมอร์และคนอื่น ๆ รออยู่ข้างนอกเหมือนมดวิ่งพล่าน
ผู้อาวุโสซิมเมอร์จ้องไปที่แซ็คอย่างเย็นชาและขมวดคิ้วเข้าหากัน “คิดว่าฉันไม่ได้คิดในสิ่งที่แกพูดมาเมื่อกี้หรือไง?”“ฉันคิดมาตตลอด!”“แกรู้ไหมว่าถ้าไม่ใช่แมนดี้ เราคงไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราส่งคนอื่นไปแทนแมนดี้ แล้วพวกเขายกเลิกสัญญา?”“แซ็ค ฉันเข้าใจในสิ่งที่แกกังวล”“แต่คราวนี้เราจะต้องระวังมากกว่าเดิม!”“นี่เป็นเรื่องความเป็นความตายของตระกูลซิมเมอร์!”แซ็คอ้าปากค้าง แต่ไม่มีคำพูดใดออกมาปู่ของเขาพูดถูก นี่เป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรที่เขาต้องการได้ถึงอย่างนั้น… เขาต้องให้แมนดี้มีอำนาจทั้งหมดจริง ๆ เหรอ? โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยอย่างนั้นเหรอ?หากเป็นแบบนั้นจริง ๆ ที่ของเขาในตระกูลซิมเมอร์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?เขาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแมนดี้ แม้แต่ที่บัควู้ดงั้นหรือ?แซ็คก้มหัวลงต่ำ สีหน้าบูดเบี้ยวผู้อาวุโสซิมเมอร์มองไปที่แซ็คเพียงแวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินจากไปเขาเชื่อในความสามารถของแซ็คและเห็นคุณค่าในตัวของแซ็คมาก อันที่จริงแซ็คเป็นคนที่เขาอยากให้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลซิมเมอร์ในอนาคตทว่าในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื
เอ็มเพอเรอร์ คลับเฮาส์ ณ เมืองบัควู้ดเฉพาะบุคคลสำคัญและมีฐานะร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถใช้บริการคลับเฮาส์สุดพิเศษนี้ได้ที่นี่เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในหมู่ทายาทที่ร่ำรวยค่าเช่าห้องส่วนตัวเพียงคืนเดียวมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นดอลลาร์นี่คือที่ที่คนรวยใช้เงินของพวกเขาเสมือนน้ำโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ที่แห่งนี้คนจน ๆ ทำได้เพียงมองดูได้จากที่ไกล ๆ เท่านั้นในห้องส่วนตัว เบรนท์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะยาว เขายิ้มพลางเล่นโทรศัพท์ของเขา“ทุกคน คืนนี้ผมเป็นเจ้าภาพ ไม่มีใครสั่งเครื่องดื่มหรือเรียกผู้หญิงมาบริการเลย พวกคุณดูถูกผมงั้นเหรอ?”ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นพวกทายาทเศรษฐีอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบคน พวกเขามักจะไม่ถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ แต่ในตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนมีอาการตึงเครียดเหมือน ๆ กันเมื่อก่อนพวกเขามีความสุขที่จะได้เรียกใช้หญิงสาวมาปรนนิบัติแต่ในวันนี้ พวกเขาสั่งเฉพาะซุปใสและน้ำเปล่าเท่านั้น และไม่กล้าแตะต้องไวน์แดงฝรั่งเศสที่เสิร์ฟอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่มีใครกล้าพอที่จะเมินเฉยเบรนต์ คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่น “มิสเตอร์เบรนท์ ได้โปรดอย่าเยาะเย้ยพวกเราได้ไหม?”“คุณก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพว
“เจ้าชายยอร์กแหกกฎอะไร?”มีคนถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจไม่มีใครกล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าเรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าชายยอร์กนี่คือชายผู้ก่อตั้งบริษัทมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ และมีอำนาจสูงสุดเหนือใครในเซาท์ไลท์มาตั้งแต่สามปีที่แล้ว ในสายตาของพวกเขาเขาเป็นเหมือนพระเจ้าแม้ว่าเขาจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาล้มละลาย...แต่ใครจะกล้าแสดงความไม่พอใจต่อเขาล่ะ?พวกเขาเข้าใจสถานะของตัวเองดี พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น!เมื่อมองดูคนอื่น ๆ เบรนท์ รู้สึกรังเกียจขยะแขยงทุกคนคนพวกนี้ล้วนสูงส่งและแข็งแกร่งมาโดยตลอด กินและใช้ชีวิตด้วยความมั่งคั่งด้วยเงินของครอบครัวโดยไม่สนใจโลกแม้แต่นิด แต่ดูตอนี้สิ พวกเขาน่าละอายมากแค่ไหนเพียงแค่เจออุปสรรคแค่นี้!แน่นอนว่าเขาไม่สามารถแสดงความรังเกียจออกมาได้ เขาพูดต่อว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลซิมเมอร์เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบัควู้ด พกกคุณเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาไหม?”บางคนตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “พวกเขาเป็นเพียงตระกูลที่มีมูลค่าสองล้านดอลลาร์ แต่พวกเขายังกล้าที่จะย้ายมาและขยายธุรกิจของพวกเขาที่นี่อีก ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!”“ตระกูลเล็ก ๆ แบบนั้นคงจะโดนคนอื่น
เบรนท์มองไปที่แซ็คและตอบว่า “ผมจะฉลาดเหมือนคุณได้ยังไง? คุณอยู่ที่บัควู้ดแค่เพียงสองสามวัน แต่คุณกลับรู้วิธีใช้เครือข่ายของคุณได้เป็นอย่างดี”แซ็คโค้งตัวเล็กน้อยและพูดว่า “ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นตรงนี้ แม้ว่าคนอย่างผมรู้ว่าน้ำที่บัควู้ดมันลึกแค่ไหน เพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากคนที่แข็งแกร่งกว่า”“การใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลที่ได้รับการยกย่องอย่างซิลวาถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”“ต่อจากนี้ไป ผมยินดีทำทุกอย่างที่มิสเตอร์ซิลวาสั่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม!”เบรนท์เม้มริมฝีปากของเขา “คุณเป็นคนที่ขายตระกูลของตัวเองได้โดยไม่ลังเล แล้วผมจะเชื่อใจคุณได้ยังไง พวกเขาคือพี่น้องญาติสนิทของคุณ!”“มิสเตอร์ซิลวา นักธุรกิจอย่างเรามักจะไล่ตามผลกำไร” แซ็คยิ้มให้เบรนท์ที่เป็นยิ้มชั่วร้าย “มันเป็นเรื่องปกติของเรา!”“ถึงยังไงก็เถอะ คนที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลซิมเมอร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผม”“แล้วหลังจากที่แผนสำเร็จ คุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ จะมีผู้ชายที่ไหนบ้างที่ไม่ต้องการลูกสาวแสนสวยสองคนของคุณลุงไซม่อนของฉัน?”เบรนท์ยิ้มแล้วเอนหลังพิงโซฟา “จำไว้ ถ้าแผนล้มเหลวผมไม่มี
ตามคำสั่งของผู้อาวุโสซิมเมอร์ หนึ่งในซิมเมอร์คนหนึ่งยืนขึ้นอย่างหลงตัวเองและกั้นปิดทางทายาทเศรษฐีเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มที่แสนจะพึงพอใจ “ท่านสุภาพบุรุษ นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว คุณไม่ควรบุกรุกแบบนี้ที่นี่”“ซิมเมอร์? นี่คือตระกูลซิมเมอร์จากนิอัมมี่หรือเปล่า?”ทายาทเศรษฐีพูดขึ้นอย่างเย็นชาคนของซิมเมอร์คนนี้ยังไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติและยังคงยิ้มต่อไป “ใช่แล้ว! พวกเราคือซิมเมอร์จากนิอัมมี่ และเราอยู่ภายใต้ สกาย คอร์ปอเรชั่น หากคุณต้องการพบท่านประธานของเรา คุณต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า วันนี้ผมคิดว่า…”เพี้ยะ!ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ทายาทเศรษฐีก็ตบหน้าเขาอย่างแรง เขาชะงักในทันทีทายาทเศรษฐียังพูดต่อ “เป็นตระกูลบ้าอะไรเนี่ย! พวกคนนอกไร้ชื่อเสียงอย่างแก ยังกล้าเรียกตัวเองว่าตระกูลเศรษฐีใหม่ในบัควู้ดต่อหน้าเราอีกงั้นเหรอ? หา!”พววกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาหัวเราะเยาะเย้ยหยันแม้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกระบวนฟ้องล้มละลาย แต่ในอดีตก็เคยมีคนเกรงกลัวพวกเขาอยู่ไม่น้อยเห็นได้ชัดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาและเยาะเย้ยตระกูลซิมเมอร์ผู้อาวุโสซิมเมอร์เป็นคนที่รังแกผู้อ่อนแอกว่าและเก
สีหน้าของผู้อาวุโสซิมเมอร์เศร้าหมองลงทันทีเขาเป็นประธานบริษัทของตระกูลซิมเมอร์ ธุรกิจของเขามี สกาย คอร์ปอเรชั่น คอยสนับสนุนอยู่และเป็นพันธมิตรกับตระกูลซิลวา ไม่ต้องพูดถึงที่ตระกูลซิมเมอร์เคยร่วมมือกับไนลส์เวลล์ผู้มีชื่อเสียงด้วยไม่ว่าใครจะมองอย่างไร ก็เห็นได้ชัดว่าตระกูลซิมเมอร์มีสถานะที่สูงมากพอแต่ เครก ลองก็ยังเขวี้ยงแก้วต่อหน้าเขาอีก มันหมายความว่าอะไร?ผู้อาวุโสซิมเมอร์รู้สึกอึ้งเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึกและค่อย ๆ พูด “มิสเตอร์ลอง ใช่ไหม? พวกเราตระกูลซิมเมอร์ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างจริงใจเสมอ ถ้าคุณมาด้วยเจตนาที่ดี เราจะต้อนรับคุณด้วยความเมตตาและความเคารพอย่างสูง” “แต่จากที่เห็นการกระทำของคุณ เราคงจะต้องส่งตัวคุณออกไปเป็นการดีที่สุด จริงไหม?”“ส่งตัวพวกเราออกไป?” เครกหัวเราะเยาะ “พวกเรายังจบ ถ้าคุณไม่มีคำอธิบายที่ดีให้กับพวกเรา ผมรับรอง พวกเราไม่ยอมให้พวกคุณตระกูลซิมเมอร์อยู่รอดในเมืองบัควู้ดแน่!”“เราจะทำให้พวกคุณได้รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาที่มารุกรานคนอย่างพวกเรา!”คนอื่น ๆ หัวเราะตาม“ตระกูลที่ไม่มีความสำคัญอย่างพวกคุณ กล้าเรียกตัวเองว่าน่าเคารพเหรอ? คุณคิดว่าคุณมีที่ยื
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข