หลังจากปลอบใจเคทีเสร็จแล้ว ฮาร์วีย์กันหันไปหาอีเดนและคนอื่น ๆ ด้ายสายตาที่ดูสงบนิ่งในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเคทีถึงอยากให้เขาออกจากประเทศนี้ไปเธอรู้ว่าคนในตระกูลของเธอเป็นคนหัวแข็ง และกลัวว่าฮาร์วีย์จะตกอยู่ในอันตรายก็เพราะเธอ“ผู้ชายคนนี้มาจากไหน? กล้าดียังไงมาทำร้ายเราแบบนี้?!”วาเลรี่ได้สติเธอโซซัดโซเซล้มลงกับพื้นพร้อมกับเอามือกุมหน้าที่บาดเจ็บเอาไว้“ฉันจะฆ่าแก"ฉันอยากให้แกสองคนอยู่ในห้องขังไปตลอดชีวิตเลย! ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำให้แกจะต้องอยากตายแน่ ๆ!“แกเป็นผู้ชายของเคทีใช่ไหม?!”อีเดนคลานขึ้นมาจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขากัดฟันกรอด“แกสองคนเป็นคู่ต่อสู้ที่สวรรค์บันดาลให้เป็นคนไร้ยางอายและหยิ่งผยอง!”อีเดนอยากจะต่อสู้กลับแต่เขาทำได้เพียงจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความโกรธเกรี้ยว เขารู้สึกหวาดกลัวท่าทีที่ดูมีอำนาจและดุดันของฮาร์วีย์ ดังนั้นการจ้องมองจึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้“พอเถอะ! หยุดพูดคุยกับไอ้สารเลวนั่นได้แล้ว โทรเรียกตำรวจมาดีกว่า!”วาเลรี่กรีดร้องเหมือนคนบ้า แล้วสะบัดผมด้วยท่าทีหยิ่งผยอง “ฉันจะไม่หยุดจนกว่าไอ้สองคนนี่จะเข้าไปอยู่ในห้องขังไปตลอดชีวิ
ฮาร์วีย์เหลือบมองเคที เขาไม่คิดว่าเธอจะยอมรับเงื่อนไขที่เลวร้ายเช่นนี้เคทีถอนหายใจ“พวกเขาเอาชีวิตของคุณปู่มาต่อรองกับฉัน เขาบีบบังคับฉัน"ฮาร์วีย์พยักหน้า จากนั้นเขาก็จ้องมองอีเดนและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเขาไม่คิดว่าตระกูลคอบบ์จะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ถ้าฮาร์วีย์นั่งเครื่องบินกลับบ้านไป เคทีก็คงจะโดนบงการตามที่พวกเขาต้องการได้ทุกเรื่องดวงตาของอีเดนกระตุกหลังจากเห็นสีหน้าที่ดูเย็นชาของฮาร์วีย์“อะ-อะไรนะ? เธอทำให้ตระกูลของเราต้องเดือดร้อน! ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องชดใช้!“อีเดนและคนอื่น ๆ อาจต้องลำบากใจนิดหน่อย แต่เรื่องราวที่หมดนี้เป็นความผิดของเคทีตั้งแต่แรกเริ่ม!” ผู้อาวุโสที่ไว้เคราคนนั้นร้องบอกอย่างสิ้นหวัง“ตระกูลคอบบ์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!“ในที่สุดเราก็สามารถทำงานร่วมกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ได้ แล้วจากนั้นเธอก็กลับมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนพังพินาศ!“ฉันก็สงสารเธออยู่หรอกนะตอนที่เธอถูกทำร้ายน่ะ!“แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นล่ะ? แกปรากฎตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ทำร้ายคนของเรา!“ถ้าเธอเลือกผู้ชายอย่างแกแล้วชีวิตจะดีขึ้นได้ขนาดไหนกัน?!“ไอ้พว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฮาร์วีย์พร้อมกับคนอื่น ๆ ก็ไปยังห้องประชุมของตระกูลคอบบ์ที่อยู่ภายในวิลลว่าแห่งนั้นสถานที่ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ภูเขาและแม่น้ำ อาคารทั้งหมดสร้างขึ้นในสไตล์วินเทจวัฒนธรรมแบบต่าง ๆ ถูกผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว การออกแบบอย่างไร้ที่ติสะท้อนให้เห็นถึงความใฝ่ฝันของผู้สร้างได้เป็นอย่างดีน่าเสียดายที่ตระกูลคอบบ์ใกล้จะถึงกาลล่มสลายแล้วห้องประชุมนี้กว้างประมาณสามพันสองร้อยฟุต มีเก้าอี้ราคาแพงตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องโถงมีเก้าอี้ไม้วางเรียงกันเป็นแถวทั้งสองด้าน ช่างเป็นภาพที่ดูฟุ่มเฟือยอย่างมากฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ ยืนนิ่งในขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลังมีผู้คนจำนวนหกคนปรากฎตัวขึ้นจากทางด้านหลังห้องโถง หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงชราผมขาวก็เดินออกมาเธอเป็นคนตัวเล็ก หลังโค้งงอเล็กน้อย และมีไม้เท้าอยู่ในมือ เธอดูค่อนข้างผอมแห้ง แต่สายตาของเธอดูเฉียบคมมากเธอมีสีหน้าเย็นชาในขณะจ้องมองฮาร์วีย์ เขาขมวดคิ้วทันทีด้วยความรู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงอยู่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือคุณย่าคอบบ์ ซึ่งเป็นภรรยาของดีนนั่นเองหลังจากนั้นก็มีคนอีกหลายสิบคนปรากฏต
"เรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์หลักของเรา หนูกับพี่ชายเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก!“นั่นคือเหตุผลที่เราไปที่บ้านของเคที โดยหวังว่าเธอจะให้คำอธิบายกับเราได้ หรือแสดงความขอโทษต่อสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้...“แต่ตลอดเวลาที่เราให้บทเรียนกับเคทีนั้น เราได้ทำอะไรบุ่มบ่ามไปนิดหน่อยจนไม่ควบคุมอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม “แต่ทุกอย่างที่เราทำลงไปนั้นก็ทำเพื่อตระกูลของเราทั้งหมด!“แล้วเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ?! คู่หูที่แสนจะป่าเถื่อนของเธอได้ทำร้ายพวกเราทุกคนเพียงเพราะเขาต่อสู้ได้!“ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาได้ตบหน้าผู้อาวุโสของเราอย่างไม่ลังเล! เขาดูหมิ่นพวกเราเป็นอย่างมาก!”ผู้อาวุโสที่หน้าบวมเป่งสองคนนั้นลุกขึ้นยืนเพื่อโชว์ให้เห็นสิ่งที่ฮาร์วีย์ได้ทำกับเขาเคทีก้าวออกมาหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น“เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้นนะคะคุณย่าคอบบ์...”“นางสารเลว!”คุณย่าคอบบ์ไม่ให้โอกาสเคทีได้แก้ตัวอะไรเลย แล้วเหวี่ยงไม้เท้าฟาดไปที่ขาของเคที“ผ่านมาหลายปีแล้วแต่เธอก็ยังไม่ให้ความสนใจตระกูลของเราแม้แต่น้อย!“ตระกูลของเราต้องพบกับความสูญเสียอย่างมากเพราะแกหนีการแต่งงานกับราชวงศ์!“แล้วตอนน
"ส่วนกฎ...”“ไม่ว่าตระกูลของคุณจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน คุณก็ไม่สามารถประกาศกฎเกณฑ์อะไรในตอนนี้ได้ไม่ใช่เหรอ?”ฮาร์วีย์ไม่ได้ให้ความเคารพคุณย่าคอบบ์เลย“ผมขอบอกคุณแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...“ผมเป็นคนทำร้ายกาเอลเอง ผมเองที่เป็นคนหักแขนเขาด้วย“เคทีไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย“อีเดนถือโอกาสขู่ว่าจะจับเคทีแต่งงานกับกาเอล เขาต้องการขึ้นสู่อำนาจในตระกูลนี้ เพื่อที่เขาจะได้ไล่เคทีออกไป!”จากนั้นฮาร์วีย์ก็จ้องมองไปที่อีเดน“แกบอกเหตุผลกับฉันไม่ได้เลย ในสิ่งที่แกทำลงไปทุกอย่างนี้"ใบหน้าของอีเดนดูมืดมนลงทันที“แกหมายความว่ายังไง?!“แกคิดว่าคุณย่าคอบบ์จะเชื่อคำโกหกของคนอย่างแกเหรอ?“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อตระกูลคอบบ์!”เขาร้องตะโกนบอกอย่างมีความชอบธรรม โดยพยายามอย่างเหลือเกินที่จะซ่อนความตั้งใจที่แท้จริงเอาไว้“ฉันไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง!“ถ้าฉันเป็นอย่างนั้นก็ขอให้ถูกฟ้าผ่าเลย!”อีเดนเริ่มตื่นตระหนก เขาลงมือกับเคทีแบบนี้ก็ด้วยเหตุผลสองประการประการแรก...การปรากฏตัวของเคทีทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นทันทีที่เธอกลับมา เขากลัวว่าเธอจะได้ขึ้นสู่อำนาจเมื่อดีนกลับมามีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะสนับสนุนเธอได้
ฝูงชนต่างยิ้มเยาะเคทีกับฮาร์วีย์เมื่อได้ยินคำพูดของคุณย่าคอบบ์เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลคอบบ์ต่างจ้องมองฮาร์วีย์อย่างเย็นชาด้วยเหมือนกันพวกเขาอยากจะเห็นว่าผู้ชายของเคทีจะทำอะไรได้เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของคุณย่าคอบบ์ทุกคนคงจะมีความสุขถ้าฮาร์วีย์ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วเคทีก็คงถูกส่งตัวไปให้ตระกูลแพดโลว์ทันที“คุณต้องการได้รับสิทธิ์ในการจัดหาสินค้ากลับคืนมา หรือคุณต้องการจะบีบบังคับให้เคทีแต่งงานกับกาเอลกันแน่?”ฮาร์วีย์เหลือบมองฝูงชนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ในที่สุดเขาก็เข้าใจสถาการณ์ทั้งหมดแล้วเมื่อเช้านี้อีเดนไม่ได้มาหาเคทีตามจุดประสงค์ของเขาเอง แต่คุณย่าคอบบ์เป็นคนบงการในเรื่องทั้งหมดนี้“คุณย่าคอบบ์คะ ขอเวลาให้หนูคิดสักสองสามวันเถอะค่ะ หนูจะแก้ปัญหานี้ให้ดีที่สุด"เคทีสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับใครโดยไม่มีเหตุผลอย่างเด็ดขาด“สามวันเหรอ?”อีเดนรีบตัดบทเคทีทันที“แกก็รู้นี่ว่าสินค้าที่เราจัดหามานั้นกำลังจะหมดอายุไม่ใช่เหรอ?“เราจบสิ้นแล้ว!“เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะแก้ปัญหาได้หรือเปล่า!“คุณย่าคอบบ์ครับ! ถ้าเรื่องนี้ให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ผมก็จะเอาเธอ
เป็นธรรมดาที่ตระกูลคอบบ์ทั้งหมดต่างไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะมีอำนาจที่จะทำอย่างนั้นได้ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต่างเชื่อว่าพวกเขารู้แล้วว่าภูมิหลังของฮาร์วีย์เป็นยังไง'สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นแค่นักท่องเที่ยวจากประเทศ H เท่านั้นแหละ''คนแบบนั้นจะจัดการกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ได้ยังไง?''นอกจากนี้เขายังทำร้ายกาเอลซึ่งเป็นผู้มีความสามารถชั้นยอดขององค์กรแห่งนี้ด้วย!''เขาคงฝันไปล่ะสิที่คิดว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ตรงจุดนี้ได้!'“แกอยากจะจัดการกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้เหรอ?”วาเลรี่ทำเสียงเยาะเย้ย“แกไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรที่นี่เลย แต่ยังมีหน้ามาบอกว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เหรอ?”อีเดนจ้องมองฮาร์วีย์เช่นกัน“ถ้าแกสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ ฉันจะหมอบกราบเคทีเพื่อเป็นการขอโทษเลย ฉันยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำในวันนี้ล้วนมาจากแรงกระตุ้นและความเชื่อว่าจะเป็นจริง!“เฮ้ เฮ้! ไอ้เด็กคนนี้คุยโวมากเลย! เขาคิดว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เหรอ?“แต่ดูเขาสิ! เมื่อกี๊ฉันเห็นเขาจ้องมองขาของฉัน! เขาคิดว่าเขาจะทำอะไรได้เหรอ?“แม้แต่นายน้อยจากตระกูลโมเรโน่และต
"โอเค! ตกลงตามนั้น!”“ผมหวังว่าคุณคงจะไม่กลับคำพูดนะ"ฮาร์วีย์หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาอย่างใจเย็นก่อนจะกดหมายเลข“เขายังพยายามเสแสร้งอยู่อีกเหรอ? เราจะได้เห็นกันว่าเขาจะทำอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน!“เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวเหรอ? เขาคิดว่าเขาเป็นใครเหรอ? เจ้าชายแห่งราชวงศ์หรือนายน้อยจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้กันแน่?“ช่วงนี้ประเทศ H มีอำนาจมาก แต่เขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้นเอง! เขากล้าดียังไงมาทำอวดเก่งในประเทศของเรา?“ถ้าเขาสามารถแก้ไขวิกฤติของเราได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว ฉันจะนั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาเลย!”ทุกคนต่างทำเสียงเยาะเย้ยเมื่อเห็นฮาร์วีย์กดโทรศัพท์อย่างใจเย็นไม่มีใครคาดหวังว่าฮาร์วีย์จะทำอย่างนั้นได้จริง ๆหลังจากนั้นไม่นานฮาร์วีย์ก็โทรออกไปบี๊บ บี๊บ บี๊บ!“ใครโทรมาครับ?”เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง คน ๆ นั้นคือเทรย์“ผมเอง ฮาร์วีย์" ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็นผู้มีความสามารถชั้นยอดตัวสั่นเทาขึ้นมาทันทีเขายังให้ความเคารพอย่างมากแม้จะไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์ก็ตาม“คุณมีอะไรจะสั่งผมเ