เคทีไม่ได้รับโทรศัพท์ทันที เธอยิ้มให้ฮาร์วีย์เพื่อแสดงความขอโทษก่อนจะหลบไปด้านข้างถนนครู่หนึ่งฮาร์วีย์ดูออกเลยว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจเมื่อเคทีวางสายโทรศัพท์แล้ว เธอก็ยิ้มจาง ๆ ในขณะเดินไปหาฮาร์วีย์“อะไร? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” ฮาร์วีย์ถามอย่างไม่ใส่ใจ“คุณเป็นหัวหน้าแก๊งทะเลใต้ ไม่มีใครกล้ามาต่อกรกับคุณที่นี่หรอก"เคทีส่งยิ้มให้ฮาร์วีย์อย่างขมขื่น“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหมคุณยอร์ก แก๊งทะเลใต้อาจมีอำนาจนิดหน่อยในฮ่องกงและลาสเวกัส...“แต่ในทะเลใต้นี่กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง“นอกเหนือจากเลขาและลูกน้องที่ฉันไว้ใจอีกสองสามคน ฉันก็ไม่ได้พาใครมากับฉันด้วย“ฉันคิดว่าฉันสามารถกลับออกไปได้หลังจากจัดการเรื่องอาการบาดเจ็บของคุณปู่เรียบร้อยแล้ว...“แต่อะไร ๆ ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป"“คุณอยากให้ผมช่วยอะไรไหม?” ฮาร์วีย์ถาม“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวค่ะ เป็นเรื่องที่จัดการได้ไม่ยากเลย แค่มีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง"เคทีนวดขมับไปมา“มีเรื่องบางอย่างที่คุณยังไม่รู้ค่ะคุณยอร์ก ตระกูลคอบบ์เป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่สามตระกูลของทะเลใต้ แต่มีหลายฝ่ายที่แยกเราออกจากกัน“บ้านหลักเป็น
"เอาล่ะ คืนนี้เราจะเจอกันที่ไหนล่ะ?” เคทีถาม“สองทุ่มที่มารีน่า เบย์ คลับเฮาส์" คนที่โทรศัพท์อยู่นั้นพูดคุยอย่างเจ้ากี้เจ้าการ“ช่วยไปถึงที่นั่นตรงเวลาด้วยนะคะ!”เคทียิ้มจาง ๆ“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไปถึงที่นั่นตรงเวลาแน่นอน"หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วเคทีก็เหลือบมองฮาร์วีย์“คนที่โทรมาคือลาร่า จอห์นสัน เธอเป็นสาวสังคมแห่งทะเลใต้และทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ฉันค่ะ“เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับโลกใต้ดินทั้งสองด้าน“ฉันก็เลยขอให้เธอพาฉันไปพบกับลูกหนี้คนนั้นค่ะ"“ใครคือลูกหนี้ของคุณ?” ฮาร์วีย์ถาม“บริษัทขนส่งบริเวณท่าเรือ ซีอีโอชื่อแวนซ์ ทอฟท์ค่ะ“ว่ากันว่าเขามีภูมิหลังอยู่ในสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่ดื้อดึงอย่างมาก"“สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้เหรอ?”ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว“ทะเลใต้นั้นแตกต่างจากประเทศ H มีกลุ่มนักศิลปะการต่อสู้อยู่ไม่มากนัก ถ้าพวกเขาอยากจะฝึกฝนวิชายุทธ์ พวกเขาก็จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งนั้น"“สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ เป็นสาขาหนึ่งของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งทะเลใต้
ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนเหล่านี้เขาไม่อยากจะสร้างปัญหาเมื่ออยู่ในประเทศอื่น แต่ก็ยังมีคนโง่เง่ามาคอยยั่วยุเขาอยู่เรื่อยไป“ฉันไม่มีเวลาเล่นกับแกที่สนามบิน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะปล่อยแกไปนะ!“แกคิดว่าแกมีสิทธิ์มาตบหน้าฉันเพียงเพราะแกนั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นวีไอพีเหรอ?!“จะบอกอะไรให้นะ! แกตายแน่ที่มาเจอกันฉันวันนี้!”ผู้หญิงสาวสวยคนนี้ทำหน้าหยิ่งยะโสราวกับเธอเป็นราชินีแห่งโลกใบนี้ชายที่ดูใจร้ายคนนั้นหรี่ตามองแล้วตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แกคือคนที่ทำร้ายผู้หญิงของฉันเหรอ?!“รอยฝ่ามือสีแดงสดยังติดอยู่บนหน้าเธอ! ฉันต้องใจสลายอย่างมากเลยนะ!“แกจะรับผิดชอบในเรื่องนี้ยังไง?!”ชายคนนั้นจุดซิการ์แล้วพ่นควันออกมาช่างเป็นภาพที่ดูจองหองเสียเหลือเกิน!ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนต่างลนลานเมื่อเห็นว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นคนพวกนี้มีท่าทีที่กำลังขมขู่คนอื่นอยู่ฮาร์วีย์มองคนพวกนั้นอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า "ออกไปจากที่นี่ซะในขณะที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่"“โอ้? แกกำลังไล่ฉันอยู่เหรอ?!”ชายคนนั้นยิ้มให้เขา“แกกล้าดียังไงมาตบผู้หญิงของฉันแล้วไล่ฉันออกไป! ฉันคงต้องอับอายถ้าไม่ได้หักแขนหัก
ควีนนี่รู้ดีว่าฮาร์วีย์ชอบอะไร เธอได้เตรียมชาดำโบราณไว้ให้เขาแล้วในขณะที่กลิ่นหอมจาง ๆ ของชาลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ฮาร์วีย์ก็ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่ออาบน้ำ เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมากหลังจากเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้วเคทีมองเขาด้วยความสงสัยอยู่พักหนึ่งแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา“ถ้าคุณยังวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังฉันอยู่อย่างนั้น ฉันก็จะกลืนกินคุณเข้าสักวันไม่ช้าก็เร็ว!”ฮาร์วีย์ทำหน้ามุ่ยหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น“ไม่มีทาง! ผมปฏิบัติต่อคุณเหมือนเป็นน้องสาวของผมนะ แต่คุณยังฝืนตัวเองกับผมอีกเหรอ?”“กล้าดียังไง!“เชอะ!”เคทีทำเสียงเยาะเย้ย“ใคร ๆ ก็อยากทึ้งร่างฉันกันทั้งนั้น“ฉันไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลย ฉันมีคุณอยู่ในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...“แล้วคุณจะต้องเสียใจถ้าฉันเปลี่ยนใจ!”ฮาร์วีย์พูดไม่ออก'เพราะอะไรเธอจึงหยิบยกเรื่องที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ขึ้นมาพูดล่ะ…?'เมื่อบรรยากาศเริ่มร้อนระอุขึ้นมาโทรศัพท์ของเคทีก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเธอขมวดคิ้วเมื่อรับสาย เป็นสายของลาร่าอีกแล้วลาร่าคอยรบเร้าเธอไม่ยอมหยุด นอกจากจะรบเร้าให้เธอไปทานอาหารค่ำให้ตรงเวลาแล้ว เธอยังเรียกร้องให้เคทีไปคนเดี
"จริง ถ้าดูจากรายได้ของเรตต์แล้ว เขาคงไม่สนใจเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์มากนักหรอก“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องจัดการกับแวนซ์ก่อน"เคทีดึงโทรศัพท์ของเธอออกมาก่อนจะส่งเอกสารบางอย่างให้ฮาร์วีย์ดู“ฉันส่งคนไปทำการสืบสวนชายคนนี้แล้วค่ะ“นอกจากความสำเร็จของเขาแล้ว เขายังหมกมุ่นอยู่กับการพนัน เหล้ายาปลาปิ้ง และผู้หญิง“ว่ากันว่างานอดิเรกที่เขาโปรดปรานมากที่สุดก็คือการหาประโยชน์จากนักท่องเที่ยวผู้หญิงแถว ๆ นี้“พวกผู้หญิงจากประเทศหมู่เกาะ อเมริกา และอินเดียล้วนกระตุ้นความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี...“แม้แต่ผู้หญิงจากประเทศ H ก็ไม่เว้น"เคทีเหลือบมองฮาร์วีย์ เมื่อเห็นว่าสีหน้าเขายังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เธอก็พูดต่อไป“ฉันได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรนักมาเที่ยวที่แบล็คเบิร์น ซิตี้ แล้วหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกหลอก...”“จากนั้นเธอก็กระโดดลงทะเลไปอย่างไม่ลังเลแล้วก็เสียชีวิต“ตอนนั้นเป็นข่าวใหญ่โตเลยล่ะค่ะ ครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นเรียกร้องขอคำชี้แจงจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้“ท้ายที่สุดแล้วเรตต์ก็สามารถปิดปากเรื่องทั้งหมดได้"สายตาของเคทีดูเย็น
"ไม่เลวนี่! ไม่เลวเลย!”“สมกับเป็นผู้หญิงที่มีความโดดเด่นจริง ๆ!”แวนซ์หยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คออกมาไว้ตรงหน้าเขา ในนั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายของเคทีมากมายเขาคลิกดูรูปภาพไปเรื่อย ๆ พร้อมกับมีความรู้สึกหื่นกระหายอย่างควบคุมไม่อยู่“ผมได้ยินมาว่าคุณคอบบ์ไปเรียนที่ต่างประเทศ เธอยังไม่เคยเป็นของเล่นของใครด้วย ไม่เลวนี่! ผมชอบเธอจัง!”“ผมเพิ่งเจอกับความโชคร้ายมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ สาวบริสุทธิ์คนนี้คือสิ่งที่ผมต้องการ!”“ผมชอบเธอ! ผมชอบเธอจังเลย!”แวนซ์เปิดขวดไวน์แล้วจิบไวน์แดงขวดนั้น พร้อมกับกระดิกลิ้นไปมาด้วยสีหน้าหื่นกระหายลาร่ายิ้มอย่างเขินอายแล้วยื่นยาเม็ดสีน้ำเงินสองสามเม็ดให้กับแวนซ์“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะซีอีโอทอฟท์ คุณหาสิ่งนี้ได้ที่อินเดียเท่านั้น! หลังจากกินเข้าไปแล้วคุณก็จะเป็นคนที่อยู่ยงคงกระพัน" เธอกระซิบบอกแวนซ์ปล่อยหัวเราะออกมา แล้วหยิกแก้มของลาร่าเล่นพร้อมกับยิ้ม“ช่างรอบคอบจริง ๆ เลย!”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะให้ค่าตอบแทนในจำนวนที่คุณพอใจ!”เอี๊ยด!ในเวลานั้นประตูห้องถูกผลักให้เปิดออก เสียงไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แต่ก็ส่งเสียงรบกวนให้ทุกคนหันมามองได้แวนซ์หยุดพูดด้วยเช่นกัน
แวนซ์ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาทันที แต่เขากลับวางขาลงบนโต๊ะก่อนจะทำท่าทำทางส่งสัญญาณให้สาว ๆ ที่ห้อมล้อมเขาอยู่บีบนวดให้เขาจิบไวน์แดงแล้วมองดูเคทีและฮาร์วีย์อย่างสงสัยบอดี้การ์ดสองสามคนยืนกอดอกในขณะกวาดตามองเคทีและฮาร์วีย์ โดยพยายามหาเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนนี้กล้าอวดเบ่งต่อหน้าแวนซ์“แก...ไอ้สารเลว!”ก่อนที่แวนซ์จะทันได้พูดอะไร ชายหนุ่มผมยาวก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วชี้หน้าฮาร์วีย์อย่างหยาบคายและเดือดดาล“ซีอีโอทอฟท์บอกให้คุณมาคนเดียวไง แล้วทำไมถึงพาผู้ชายมาด้วยล่ะ?!” เขาตะโกนถามด้วยน้ำเสียงวางอำนาจแทนเจ้านาย“พาผู้ชายคนนี้ออกไปจากที่นี่!“ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษพวกเราในเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปล่ะ!”เพื่อน ๆ ของชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับลุกขึ้นยืนและขยับนิ้ว เพื่อเตรียมตัวจัดการกับฮาร์วีย์ถ้าเขาไม่ยอมออกไปฮาร์วีย์เหลือบมองพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจก่อนส่งยิ้มจาง ๆ ให้“ดูเหมือนว่าทุกคนที่นี่จะไม่ได้คิดที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจกับคุณเลยนะ“ถ้าจ้างผมก็คุ้มค่าแน่นอนใช่ไหมล่ะ?“เสร็จจากนี่เราก็ควรให้แวนซ์คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคุณดีไหม?”เคทีทำเสียงเยาะเย้ยด้วยความรู้สึกหงุดหงิด“
แวนซ์หรี่ตามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เขาทำท่าราวกับว่ากำลังมองดูคนตายอยู่ก่อนที่เคทีจะทันได้ตอบอะไร ฮาร์วีย์ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์จะหักแขนหักขาผมจริง ๆ เหรอ?”'เขาพูดอย่างนั้นหมายความว่ายังไง?'ลาน่าและสาวสวยคนอื่น ๆ จ้องดูเขาด้วยสีหน้าเหยียดหยามหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น'ไอ้ผู้ชายคนนี้ช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ'เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน?'เขาคงอยากจะตายล่ะสิท่าถึงได้ไปอวดเบ่งต่อหน้าแวนซ์อย่างนั้น'“ถ้าตายก็อย่ามาโทษเรานะไอ้หนู!”ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา เขายกขวดเบียร์ที่อยู่ในมือแล้วชี้ไปที่ฮาร์วีย์“จับมันไว้!” เขาออกคำสั่งบอดี้การ์ดสามคนหัวเราะแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้า เตรียมตัวที่จะหักแขนหักขาของฮาร์วีย์ทันทีที่พวกเขาเข้าไปใกล้...ก็รู้สึกถึงอันตรายได้ในทันทีก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบโต้อะไร ฮาร์วีย์ก็เหวี่ยงฝ่ามือไปข้างหน้าแล้วคนที่อยู่หน้าสุดไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อหลบหลีกการโจมตีได้เร็วพอเพียะ!บอดี้การ์ดคนนั้นถูกตบลอยกระเด็นไป แล้วภาพที่เขาเห็นก็มีแต่ความดำมืด เขาหล่นกระแทกกับกำแพงก่อนจะหมดสติไปในเวลาเดียวกันฮาร์วีย์ก็เหวี่