“คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องจะโหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ รองหัวหน้าเบเน็ตต์”ฮาร์วีย์พยักหน้า“หากเรายอมรับเงื่อนไขเหล่านั้น นักศิลปะการต่อสู้ในประเทศ H ทั้งหมดจะไม่เหลือศักดิ์ศรีอยู่เลย“เราจะยืนเชิดหน้าในอนาคตได้ยังไง?“พวกเขาถึงขนาดนำผู้บังคับบัญชาเข้ามาเก็บไฟล์และเอกสารทั้งหมดของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้…“เราจะดำเนินงานด้วยตัวเราเองได้ยังไงในอนาคต?“นอกจากนี้ถ้าผมมอบทุกสิ่งอย่างที่ได้เรียนรู้มาให้พวกเขาจริง ๆ พวกเขาก็จะนำไปใช้ต่อสู้กับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ได้ หลังจากนั้นพวกเขาจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์ไปจนหมดสิ้น“คุณเป็นคนฉลาดนะรองหัวหน้าเบเน็ตต์ คุณไม่เห็นหรือว่าสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่กำลังพยายามทำลายพวกเราอยู่”ฮาร์วีย์ค่อย ๆ เปิดเผยความเสี่ยงของข้อเรียกร้องเหล่านั้นอย่างใจเย็นมีเงื่อนไขถึงสามข้อที่พุ่งไปที่ฮาร์วีย์โดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่เป็นเพียงการทดสอบเท่านั้นเองถ้าประเทศ H ยอมจำนน สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็จะมีหนทางที่จะทำให้ประเทศเราทำแบบเดียวกันนั้นอีกครั้ง“คุณกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่ฮาร์วีย์?”เด
สีหน้าของโคลตันดูเย็นชาในขณะที่เขาอุทานว่า “นี่ไม่ยุติธรรมเลย!“ผมจะยอมรับมันได้ยังไง!”“ผมเข้าใจคุณอย่างถ่องแท้ แต่แล้วยังไงล่ะ!”เดนหัวเราะอย่างเย็นชา“สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่กำลังมีอำนาจอยู่ในขณะนี้ ในเมื่อพวกเขามีโอกาสที่จะกระทำการอะไรที่ไม่ยุติธรรม แล้วคุณจะทำยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ?“คุณวางแผนที่จะยุติเรื่องนี้ด้วยการพาคนกลุ่มหนึ่งไปท้าทายสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ในบูโดกันของพวกเขาน่ะเหรอ?"ตื่นทีเถอะ! คุณคิดว่าคุณเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างนั้นเหรอ?“คุณคิดว่าคุณอยู่ยงคงกระพันใช่ไหม?“นอกจากนี้หัวหน้าผู้ฝึกสอนยังสามารถบดขยี้ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดห้าประเทศเท่านั้น สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย!“ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นก็คงไม่มีหัวหน้าผู้ฝึกสอนในประเทศของเราหรอก!“คุณคิดว่าเราจะแค่โชว์ผลงานออกมาแบบไหนก็ได้ เพราะเรามีหัวหน้าผู้ฝึกสอนในประเทศของเรางั้นเหรอ?“น่าขันอะไรอย่างนี้!“นอกจากนี้เขายังเป็นคนในราชสำนักด้วย!“เรากำลังพยายามแก้ไขโลกใต้ดิน!“ราชสำนักไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจในเรื่องนี้! คุณไม่เข้าใจเหรอ?“เราไม่สามารถต่อกรกับพว
“ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร”ฮาร์วีย์มีสีหน้าเคร่งขรึม“ผมรู้แค่ว่าไม่มีใครมีสิทธิ์มาบังคับให้เราคุกเข่าได้!”“เราจะไม่คุกเข่า!“นี่คือความภาคภูมิใจของประเทศที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานถึงห้าพันปี!”“ประวัติศาสตร์ยาวนานถึงห้าพันปีเหรอ?”เดนหัวเราะอีกครั้ง และกวาดตามองฮาร์วีย์“ผมบอกคุณทุกอย่างที่ผมอยากจะพูดแล้ว หัวหน้าตอร์เรสควรตัดสินใจว่าเราควรทำยังไงต่อไป“แต่ยังไงก็ตามถ้าคุณสามารถทำอย่างที่พูดได้จริงโดยไม่ยอมแพ้ไปซะก่อน ผมก็จะยุติความขัดแย้งระหว่างเราทันที แล้วผมจะยอมถูพื้นในหอฝึกยุทธ์ให้คุณด้วย!“แต่ถ้าคุณยอมคุกเข่า ผมจะตอบแทนคุณอย่างสาสมที่ทำให้ขาของลูกสาวและลูกเขยของผมต้องพิการ…”เดนออกไปพร้อมกับคนของเขาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะไล่หลังเขาไปฮาร์วีย์มองดูอย่างสงสัยในขณะที่เดนเดินจากไปเขาปิดประตูแล้วยิ้มให้โคลตัน“คุณอยู่ในตำแหน่งนี้มาสักพักหนึ่งแล้วนะหัวหน้าตอร์เรส ผมแน่ใจว่าคุณต้องได้เห็นอะไร ๆ แล้ว“นี่ไม่มีอะไรเลย”"ไม่มีอะไรจริง ๆ เหรอ?"โคลตันถอนหายใจ สีหน้าของเขาดูแย่มาก“เรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้นฮาร์วีย์“คำพูดของเดนฟังดูรุนแรงไปหน่อย แต่เขาก็พูดถูก“ประเทศข
“คุณกำลังบอกว่าคุณอยากให้สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งทะเลใต้และตะวันออกไกลถอนตัวออกไปเหรอ?”โคลตันตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็ถอนหายใจ“ฟังดูเป็นแผนที่ดีแต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?“ประเทศในแถบทะเลใต้กลัวเรื่องความแข็งแกร่งของประเทศเรา เราจะเล่นงานพวกมันให้หมด“ประเทศทางตะวันออกไกลก็มีความสัมพันธ์กับอเมริกาด้วย…”“พวกเขาจะบีบบังคับให้ประเทศทางตะวันออกไกลต่อต้านเรา เพื่อปกป้องตำแหน่งของพวกเขาในฐานะตำรวจของสหประชาชาติ“พูดง่าย ๆ ก็คือแผนนี้ยากที่จะทำได้สำเร็จ”โดยปกติแล้วโคลตันไม่เคยคิดถึงแผนการนี้มาก่อน แต่เขาเชื่อว่าต่อให้ทำไปก็ไม่มีทางสำเร็จ“เรายังไม่สามารถจัดการกับชาติตะวันออกไกลได้ แต่สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งทะเลใต้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”ฮาร์วีย์ยิ้ม“ผมรู้จักดีน คอบบ์ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา“ด้วยสถานะของเขาในประเทศของเรานี้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาในการที่เขาจะโน้มน้าวประเทศของตัวเอง“ถ้าผมใช้โอกาสนี้ทำให้ให้ประเทศทางตะวันออกไกลกลับมา…“แผนของเราจะประสบความสำเร็จ“เรายังมีโอกาส”โคลตันมีกำลังใจมากขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาเด้งตัวขึ้นมาทันทีก่อนจะหัวเราะออกมา“นายช่า
ในขณะที่ฮาร์วีย์กำลังคิดหาวิธีจัดการกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่อยู่นั้น...ภายในลานบ้านของตระกูลออสบอร์นไคลด์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไกลออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งสำหรับเขาแล้วภูเขาศักดิ์สิทธิ์หรือทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์มีดีแค่เพียงทางสัญญลักษณ์เท่านั้น ที่เหลือนอกนั้นก็ไม่ก่อประโยชน์อะไรเลยแต่ถ้าเขาต้องการขึ้นสู่อำนาจในฐานะหัวหน้าตระกูลออสบอร์นแล้วล่ะก็ เขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยใส่ใจในประเทศชาติหรือประชาชนของเขาเลยเขาต้องการเพียงอำนาจ...อำนาจโดยสมบูรณ์ท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นลูกหลานของทั้งตระกูลออสบอร์นและราชวงศ์ของอินเดีย“เจ้าชายออสบอร์น…”ประตูที่อยู่ทางด้านหลังของเขาถูกผลักให้เปิดออกชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดเป็นคนอินเดียและยังมีอายุน้อยกันด้วยพวกเขาคือคนวรรณะพราหมณ์ ซึ่งเป็นประชาชนที่มีอำนาจมากที่สุดในอินเดียที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาทั้งหมดได้รับการอบรมจากชนชั้นสูงมาตั้งแต่เด็กพวกเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังดีเด่นเป็นพิเศษอีกด้วยแต่ถึงกระนั้นค
"ดี!"ไคลด์ยิ้ม“ในที่สุดพวกเขาก็ตอบแทนผลประโยชน์ที่ฉันมอบให้พวกเขาไป“ในที่สุดการทำงานหนักของฉันก็สัมฤทธิ์ผล!“แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอหรอก สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ของอเมริกาและยุโรปเหนือยังไม่ได้เข้าร่วมขบวนการกับเราเลย“ประเทศ H จะต้องเสร็จแน่ ๆ ถ้าพวกนั้นเข้ามาร่วมด้วย! ศิลปะการต่อสู้ของประเทศนั้นจะต้องล่มสลาย!“เอเซอร์ ไปนิวยอร์กเพื่อดูว่าคุณจะสามารถโน้มน้าวให้สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาเข้าร่วมกับเราได้ไหม“แอสเชน ไปที่ดินแดนพระอาทิตย์ฯ จะได้พูดคุยกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ของยุโรปเหนือเกี่ยวกับเรื่องนี้“ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันอยากให้ฮาร์วีย์ตายอย่างสยดสยอง!”"รับทราบ!"คนหนุ่มสาวกลุ่มนั้นต่างโค้งคำนับก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจไคลด์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาข้าง ๆ เขา และหมุนวนไปรอบ ๆ…ไม่กี่วันต่อมาทุกอย่างก็ดูสงบเงียบในขณะที่ฮาร์วีย์กำลังคิดว่าเขาควรจะไปทะเลใต้เพื่อช่วยดีนหรือไม่นั้น...ก็มีโทรศัพท์อีกสายหนึ่งโทรหาเขาเป็นสายของแฮโรลด์ บาวเออร์นายน้อยคนที่เจ็ดของตระกูลบาวเออร์ เขาโทรมาเชิญฮาร์วีย์ให้ไปพบกันที่บ้านพักคนชราของตระกูลบาวเออร์ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจแฮโรลด์มากนัก แต่สุ
ฮาร์วีย์มีท่าทีไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เขามาอยู่ที่ฟลัตเวลล์นานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบกับซามูเอลเลยแต่ยังไงก็ตามแฮโรลด์โทรหาฮาร์วีย์ก็เพราะจุดประสงค์นี้เท่านั้นฮาร์วีย์หรี่ตาในขณะที่จ้องมองไปที่วิลล่าหลังนั้น จากนั้นก็มีคนสองสามคนปรากฏตัวขึ้นหนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่นายน้อยของหลงเหมินและตระกูลบาวเออร์รอคอยมานาน เขาก็คือซามูเอล บาวเออร์ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว“ท่านหัวหน้าของหลงเหมินป่วยจริง ๆ เหรอ?”“เขามีภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่ใคร ๆ คิด เขาจะไม่ตายจากอาการป่วยนี้หรอก" แฮโรลด์ตอบอย่างใจเย็น“มีข่าวลือว่าเขากำลังจะตายในไม่ช้าแพร่กระจายออกไป เพราะเขาต้องการพิจารณาว่านายน้อยในตระกูลคนไหนที่ดูเหมาะสมจะรับตำแหน่งต่อจากเขา"“นี่เป็นข่าวลวงเหรอ?” ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆใบหน้าของแฮโรลด์ดูซีดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น“นี่เป็นเรื่องปกติของตระกูลใหญ่ ๆ อย่างตระกูลของพวกเราใช่ไหม?“มีเพียงผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงเท่านั้นที่สามารถเก็บเรื่องความตายให้เป็นความลับได้ นี่คือมาตราฐาน“นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงมีผู้คนบอกว่าตระกูลใหญ่ ๆ มักจะดูไร้อารมณ์"ฮาร
"ผม…"“...ขอปฏิเสธ" ฮาร์วีย์ตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง“ผมคงเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนไปแล้วถ้าผมอยากจะเป็น ทำไมผมจะต้องรอมาจนถึงเดี๋ยวนี้ด้วยล่ะ?“นอกจากนี้คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงและเงินทอง"ซามูเอลไม่แปลกใจนักหลังได้ยินการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาของฮาร์วีย์“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ทำได้เพียงส่งข่าวกลับไปหาบิ๊กบอสและกาวิน" เขาตอบ“ฉันแน่ใจว่าพวกเขาต้องรู้สึกผิดหวัง"ฮาร์วีย์ยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกซามูเอลถอนหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด“แล้วนายมีแผนจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงล่ะ?“ท้ายที่สุดแล้วการโต้เถียงกันไปมากับกลุ่มคนจากอินเดียและประเทศในแถบหมู่เกาะต่าง ๆ ก็ไม่ใช่สไตล์ของเรานะ"“เราจะจัดการกับเรื่องนี้แบบเดียวกับที่พวกเขากำลังวางแผนจะจัดการกับผมนั่นแหละ" ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็น“พวกเขาทุ่มความพยายามอย่างมากในการรวมกลุ่มสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้เข้าด้วยกัน“ในเมื่อพวกเขามั่นใจว่าจะโค่นล้มผมด้วยวิธีนี้ได้...“ผมก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นสนุกกับพวกเขาสักหน่อย"ซามูเอลปล่อยหัวเราะออกมา“ถ้าอยากจะเล่นกับคนพวกนั้น นายก็ต้องเป็นนายน้อยของหลงเหมินอย่างเป็นทา
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข