งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะเงียบลงทันที ทุกคนมองไปที่ทางเข้าโดยสัญชาตญาณ“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”“มีคนพังประตูชาริตี้ การ์เด้นหรือเปล่า?”“ล้อเล่นใช่ไหม! ผู้ชายคนนั้นไม่รู้เหรอว่าเจฟฟ์ บาวเออร์เป็นเจ้าภาพงานนี้”“ถ้างานการกุศลครั้งนี้ต้องพังไม่เป็นท่าเพียงอย่างเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ถ้ามาทำให้อารมณ์ของนายน้อยบาวเออร์ต้องขุ่นมัวนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย!”ในขณะที่ฝูงชนกำลังตกตะลึงด้วยความตระหนก…เจฟฟ์ก็หันไปมองที่ประตูอย่างนึกสงสัยมีเสียงดังโครมครามที่ทางเข้าอีกครั้งประตูที่ถูกปิดเอาไว้ก็ถูกกระแทกอีกรอบบอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลบาวเออร์ถูกส่งให้กระเด็นกระดอนไปด้วยเช่นกันรถโตโยต้า พราโด้ซึ่งกำลังทำลายประตูทางเข้าเคลื่อนตัวเข้าสู่ชาริตี้ การ์เด้นอย่างอาจหาญ โดดเด่นและดุดันเหล่าสาวสวยกรีดร้องด้วยความกลัว พวกเธอไม่อาจทนดูเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้ได้รอยยิ้มอันอบอุ่นของแคลร์หายไปทันที“มีคนกล้ามาหาเรื่องนายน้อยบาวเออร์ได้ยังไง!”"เขาเป็นใคร?!"“แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”ลูกน้องที่เจฟฟ์ไว้ใจสองสามคนเดินไปข้างหน้าอย่างเดือดดาลโดยมีอาวุธปืนอย
ขณะที่เขายิ้มให้ฮาร์วีย์ เจฟฟ์ก็ส่งสัญญาณมืออย่างเงียบ ๆบอดี้การ์ดของตระกูลบาวเออร์จำนวนหลายสิบคนเข้ารุมล้อมสถานที่ทั้งหมด พวกเขาดูอาฆาตมาดร้ายอย่างที่สุดเจฟฟ์เป็นคนมีประสบการณ์ เขารู้ว่าฮาร์วีย์จะต้องมาฆ่าเขาที่นี่แน่ นั่นเป็นเหตุผลที่เจฟฟ์เตรียมตัวสำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นนี้ไว้แล้วปัง ปัง ปัง!เขาไม่รอให้ฮาร์วีย์ได้เอ่ยปากพูด บอดี้การ์ดเหนี่ยวไกปืนทันที กระสุนลอยไปทั่วบริเวณไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ไฟฮาร์วีย์ถอยหลังอย่างใจเย็นและหลบกระสุนที่เข้าพุ่งมาได้อย่างทันท่วงที เขาควงปืนในมือก่อนที่จะเหนี่ยวไกปืน“อ๊าก!”พรึ่บ!เสียงกรีดร้องดังไปทั่วบริเวณ ในเวลาเพียงนาทีเดียว บอดี้การ์ดทุกคนก็นอนจมกองเลือด แน่นิ่ง ร่างกายของพวกเขากระตุกและทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ฮาร์วีย์ตรวจพบสไนเปอร์ที่ซุ่มยิงอยู่บนที่สูงสองสามคนอย่างง่ายดายก่อนที่พวกเขาจะทันได้เปิดฉากยิง พวกเขาก็ถูกกระสุนของฮาร์วีย์ตัดโอกาสลงไปเสียก่อนเมื่อพลซุ่มยิงล้มลง คนที่แฝงตัวไว้อย่างแนบเนียนทั่วทั้งงานเลี้ยงต่างก็ถูกจัดการจนสิ้นไม่มีใครคาดคิดว่าฮาร์วีย์จะสามารถจัดการกับคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ด้วยตัวเองเพียงลำพังบอดี้กา
เมื่อเห็นพลซุ่มยิงและบอดี้การ์ดที่ถูกวางตัวไว้อย่างดีถูกยิงตายอย่างง่ายดายขนาดนั้น รอยยิ้มของเจฟฟ์ก็แข็งทื่อทันทีเขารู้อยู่แล้วว่าถ้าหากเขาลักพาตัวแมนดี้มา เขาจะต้องเดือดร้อนดังนั้นเขาจึงมอบหมายให้แก๊งค์สคิปแจ็คทำงาน และใช้มือปืนทั้งหมดที่เขามีมาเพื่อการนี้เขาอยากให้ฮาร์วีย์รู้จักใครบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเองแต่จากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าความสามารถของฮาร์วีย์จะสูงเกินกว่าระดับที่เขาจินตนาการเอาไว้“เจฟฟ์ บาวเออร์”ฮาร์วีย์ปลดเซฟตี้ของปืนออกอย่างใจเย็น“ฉันจะถามนายอีกครั้งว่าภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?”“นายคือฮาร์วีย์ใช่ไหม!"นี่นายคิดจะทำอะไร?"แคลร์ค่อนข้างหวั่นเกรงเมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของฮาร์วีย์ แต่เธอก็ยังกัดฟันก้าวขึ้นมาออกหน้า“นายรู้ไหมว่าที่นี่คือที่แบบไหน“ที่นี่คือชาริตี้ การ์เด้น!“พวกเราเป็นคนจากวงสังคมชั้นสูงกำลังจัดงานเพื่อการกุศลกันอยู่!“ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีไอ้บ้านนอกหน้าโง่ที่ไหนเข้ามา!“นายไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่และไม่อาจทำตามอำเภอใจได้ด้วย!"ออกไปซะ! เลิกอวดเก่งได้แล้ว!“ไม่อย่างนั้น นายไม่มีปัญญารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่!”เพียะ!
เจฟฟ์ดูมั่นใจ เขายังมีท่าทีที่ดูสบาย ๆ อยู่เลย...เขาทำราวกับว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อนุภรรยาของเขาพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างหลังเจฟฟ์ขณะยกมือขึ้นปิดใบหน้าเจฟฟ์ค่อยๆ ขยับปืนที่จอดอยู่บนศีรษะของเขาให้ห่างออกไปด้วยปลายนิ้ว จากนั้นก็มองดูฮาร์วีย์ด้วยแววตาตั้งคำถาม“ยอร์ก“นายมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาและทำร้ายบอดี้การ์ดของฉันไปไม่น้อย แถมยังทำร้ายผู้หญิงของฉันถึงสองคนอีกด้วย!“ฉันต้องยอมรับเลยว่านายค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว แต่นายไม่คิดว่าตัวเองจะอวดดีเกินไปหน่อยเหรอ“ถ้าเป็นวันอื่น ฉันคงสู้กับนายจนตายกันไปข้าง“แต่นี่เป็นงานการกุศล ที่นี่มีแต่แขกผู้ทรงเกียรติทั้งนั้น“ตอนนี้ฉันไม่อาจยอมให้แขกของฉันตกอยู่ในอันตรายเพราะความใจร้อนของฉันได้หรอกใช่ไหมล่ะ?”เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณหลังจากที่เจฟฟ์พูด'หัวหน้าทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลบาวเออร์ก็ต้องแบบนี้แหละ! แน่นอนว่าเขาจะปกป้องความปลอดภัยของแขกของเขาแน่! คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำได้แบบเขาหรอก!'ในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็จ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความเกลียดชัง ราวกับอยากจะฉีกร่างของผู้บุกรุกออกเป็นชิ้นๆเจฟฟ์เผยร
“แม้ว่านายน้อยบาวเออร์จะได้เล่นสนุกกับผู้หญิงของนายทุกคน แต่นายก็ต้องโทษผู้หญิงพวกนั้นสิ!”"ใช่แล้ว! นายจะมาเรียกร้องอะไรจากนายน้อยบาวเออร์ได้ยังไง!”“นายจะฆ่าทุกคนที่นี่เพื่อผู้หญิงแบบนั้นน่ะหรอ!”ฝูงชนตกอยู่ในความโกลาหล ทำท่าทางราวกับว่าฮาร์วีย์กำลังหาเหาใส่หัวเพียะ!ฮาร์วีย์เพิกเฉยต่อพวกเขาและเหวี่ยงหลังฝ่ามือไปบนใบหน้าของเจฟฟ์อย่างเด็ดเดี่ยว“นายเป็นพวกเศรษฐีเสเพล“นายคิดว่าตัวเองจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการนั้นเหรอ? นั่นมันมากเกินไปหน่อยแล้ว“นายไม่เห็นแล้วว่าใครเป็นคนคุมที่นี่“ฉันต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจว่านายจะอยู่หรือตาย“ทำไมฉันต้องเอาหลักฐานมาแสดงให้ดูด้วย“นายควรจะคิดให้ดีว่านายจะส่งเธอมาให้ฉันแต่โดยดี หรือจะบอกฉันว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่”ฮาร์วีย์ตบหน้าเจฟฟ์อีกครั้ง“ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าฉันพลั้งมือทำอะไรไปก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน“แต่ถ้าฉันเผลอทำอะไรลงไปแล้วล่ะก็ ฉันจะชดเชยความสูญเสียของตระกูลนายให้เอง”“ฮึ!”เจฟฟ์คำรามขณะที่สะดุด เขาเกือบจะละทิ้งความเยือกเย็นที่เคยมีไปจนสิ้นรอยฝ่ามือสีแดงชาดสองรอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก เขาอยู
เจฟฟ์มองฮาร์วีย์ด้วยสายตาเย้ยหยัน“สุภาษิตว่าไว้ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว!“ต่อให้ฉันจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉันได้ แต่ดูจากท่าทีหยิ่งยโสของนายแล้ว นายก็คงใช้ข้ออ้างอื่นทำให้ฉันเสียชื่อเสียงได้อยู่ดีนั่นแหละถูกไหม“แต่เชื่อฉันเถอะ เพราะหากฉันตาย ไม่นานนายก็ต้องตายตามฉันไป!“และไม่ใช่แค่นายหรอกนะ ตระกูลของนายและเพื่อนของนายก็ต้องชดใช้ด้วยเช่นกัน!“บรรพบุรุษของนายที่อยู่ในหลุมจะถูกขุดขึ้นมาเผาจนเหลือแต่ซาก!”เพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงหลังฝ่ามือไปบนใบหน้าของเจฟฟ์อีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายเซถลาไปข้างหลัง“นายกำลังขู่ฉันเหรอ?” ฮาร์วีย์หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา“คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง“แล้วอีกอย่าง นายคิดว่าฉันไม่มีหลักฐานจริง ๆ เหรอ?“มีบอดี้การ์ดจากกองบังคับคดีของหลงเหมินอยู่กับภรรยาของฉัน“แล้วเป็นเพราะพวกเขาไม่กล้าสู้กลับ พวกเขาจึงทำได้แต่นอนพิการอยู่แบบนั้นก่อนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างไร้สติ!“จนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังไม่พบร่างของภรรยาฉันเลย!”สายตาของฮาร์วีย์เยือกเย็นลงสองสามองศาทันที“เมื่อเช้านี้บอดี้การ์ดของนายออกไปเดินเตร่ไปทั่ว”“นายจะบอกฉันว่ามันเป็นแค่เหตุบังเอิญครั้งใหญ
ขณะที่ฮาร์วีย์ง่วนอยู่กับการตบเจฟฟ์อย่างไม่ลดละ...บอดี้การ์ดของตระกูลบาวเออร์ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญขณะที่เขาปลดเซฟตี้ปืนออก“แก ไอ้สารเลว!” เขาตะโกนอย่างดุเดือดขณะชี้ไปที่ฮาร์วีย์“แกกล้าพูดแบบนั้นกับนายน้อยได้ยังไง! อะไรทำให้นายกล้าขนาดนั้น!“แกไม่เพียงแต่ใส่ร้ายนายน้อยบาวเออร์ในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ แต่ยังทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าทุกคนด้วย!“การที่เขาไม่ทำอะไรแก ก็ถือว่านายน้อยบาวเออร์ใจกว้างมากพอแล้ว!“แต่ฉันจะไม่ยอมให้แกทำแบบนี้ต่อหน้าเขาอีก ไม่ว่ายังไงก็ตาม!”ไม่แปลกที่เหล่าบอดี้การ์ดจะรู้สึกโกรธแค้นฮาร์วีย์เช่นนี้เขาโบกปืนไปรอบ ๆ อย่างองอาจ“แน่จริงก็เข้ามาหาฉันสิ!”“ไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่านายให้ตายเลย!”ฮาร์วีย์ยิ้มให้บอดี้การ์ดปัง!เขาขยับปืนที่อยู่บนหัวของเจฟฟ์อย่างรวดเร็วแล้วเหนี่ยวไกปืน“อ๊าก!”บอดี้การ์ดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มตัวลงนอนกับพื้นและยกมือขึ้นกุมบริเวณที่บาดเจ็บเอาไว้อาวุธปืนของเขาถูกกระสุนปืนของฮาร์วีย์พังจนย่อยยับ เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องนอนตัวสั่นบนพื้น ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษเขาไม่คิดเลยว่าฮาร์วีย์จะกล้าลงมืออย่างไม่ลังเล
เจฟฟ์ดูคล้ายจะหวาดกลัว แต่แววตาที่นิ่งแต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันไม่เคยจางหายไป“ฉันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้“และฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน“แต่ถ้านายจะอยากโยนความผิดในเรื่องนั้นให้ฉันขนาดนั้นล่ะก็ ยิงฉันเสียเลยสิ!“วันนี้ฉันคงไม่มีทางทำให้นายพอใจได้หรอก ฉันก็เป็นแค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น!”เจฟฟ์หยิบแก้วไวน์ลาไฟต์ปีหนึ่งเก้าแปดสองหนึ่งแก้วจากบนโต๊ะขึ้นมาจิบอึกใหญ่จากนั้นเขาก็กางแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า“ฉันเชื่อว่าโลกนี้ยุติธรรม“ทุกคนที่นี่จะต้องนำความยุติธรรมมาให้ฉันอย่างแน่นอน!”เมื่อได้ยินคำพูดของเจฟฟ์ สีหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอลุกขึ้นยืนกัดฟัน“ถ้านายกล้าแตะต้องนายน้อยบาวเออร์แม้แต่ปลายนิ้วล่ะก็…”“ไม่ใช่แค่ตระกูลบาวเออร์เท่านั้น แต่ตระกูลออสบอร์นก็จะสู้กับนายให้ตายไปข้างนึงเหมือนกัน!” เธออุทานอย่างเย็นชา“นายน่าจะรู้ว่าสิบตระกูลอันดับแรกและห้าตระกูลลึกลับมีความหมายว่าอะไร!“นายแน่ใจเหรอว่าต้องการให้ตัวเอง วงศ์ตระกูล และมิตรสหายของนายต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะความเย่อหยิ่งของตัวเอง“อีกอย่าง ฉันก็มั่นใจว่านายไม่มีทางอ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข