หลังจากได้ยินคำพูดของอาอิ คามิโนะ ไคลด์ ออสบอร์นก็เอนตัวลงบนที่นั่งอย่างสบาย ๆ ขณะเพลิดเพลินกับบริการจากสาวใช้แสนสวยสองคน“กับการที่ตระกูลตอร์เรสสนับสนุนเขามากขนาดนี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว“คุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แม้แต่ตระกูลไรท์เองก็ถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับตระกูลตอร์เรสเช่นกัน“แม้แต่ตระกูลบาวเออร์ก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้!“ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลตอร์เรสเขามีสิทธิ์ที่จะอวดความแข็งแกร่งของตัวเองในฟลัตเวลล์!”“ตระกูลไรท์?”การแสดงออกทางสีหน้าของอาอิเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ตระกูลของบิ๊กบอส?”ไคลด์เพียงแสดงรอยยิ้มจาง ๆ“ฟลัตเวลล์อาจดูเหมือนเป็นเพียงแค่ชายแดนของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้น แต่สายน้ำของที่นี่ไหลเชี่ยวหลากกว่าที่เราคิด“ฮาร์วีย์ปรากฏตัวทุกที่ ท้าทายทุกคนที่หาเรื่องเขา ฉันยังรู้มาอีกด้วยว่าเขาต่อสู้กับพวกอินเดียไปเมื่อเร็ว ๆ นี้“เดาว่าเขาอาจจะเป็นเบี้ยตัวหนึ่งของตระกูลตอร์เรส!”อาอิไม่สามารถมองไปทางอื่นได้ ทำได้แต่มองดูไคลด์ขณะที่เขาถูกเทพธิดาสองคนคอยปรนนิบัติด้วยความอิจฉา“เจ้าชายออสบอร์น คุณหมายถึง…?”ไคลด์เหลือบมองอาอิอย่างสนุกสนานที่ "ลองใช้สมองดู ปกต
"โอ้? นี่กำลังพูดถึงความงามขนาดไหนกัน”ไคลด์ ออสบอร์นดูเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของอาอิ คามิโนะเมื่อเช้านี้ อาอิได้เตรียมรูปภาพสองสามภาพไว้ในโทรศัพท์ของเขาเพื่อส่งให้ไคลด์ไคลด์มองโทรศัพท์ของเขาครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา“คนหนึ่งเป็นแม่บ้านที่เป็นผู้ใหญ่ และอีกคนเป็นสาวงามวัยมหาวิทยาลัยผู้ไร้เดียงสา น่าสนใจดีนี่ สองคนนี้น่าสนใจจริง ๆ…“การจะหาสองพี่น้องที่สวยแบบพวกเธอได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงั้นฉันจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้ว” ไคลด์โบกมือให้เลขาที่อยู่ไม่ไกลจากเขา“โทรหาผู้บัญชาการทอมป์สัน”***ขณะที่ไคลด์กำลังคุยโทรศัพท์ ฮาร์วีย์ ยอร์กก็ไม่สนใจเหตุการณ์นั้นอีกต่อไปหลังจากดูแลซีนเธียร์แล้ว เขาก็เรียกรถแท็กซี่ไปที่ใจกลางเมืองฟลัตเวลล์ขณะตรวจดูสัญญาอย่างสงสัยเขามาที่บูโดกันเก่าคร่ำคร่า ที่นี่เงียบราวกับสุสานบูโดกันแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าทศวรรษ โบเว่น ลีได้รับบูโดกันนี้สืบทอดมาจากพ่อของเขา ชื่อของสถานที่นั้นเรียกว่าหอฝึกยุทธชื่อนี้ดูหรูหรามาก เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้“คุณมาแล้ว คุณยอร์ก”ชายร่างสูงและแข็งแรงกำลังรออยู่ที่ทางเข้าอยู่พักหนึ่งแล้
“ในหอฝึกยุทธแห่งนี้มีนักเรียนประมาณร้อยคน “เคยมีตอนที่เรามีผู้สอนนักเรียนไม่พอด้วย…”มันเป็นเหตุผลที่เราจ้างอาจารย์สิบคนมาสอนพวกเขา“ผู้สอนทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้จากตระกูลที่มีชื่อเสียง“พวกเขาแต่ละคนจะดูแลดูแลนักเรียนสิบคน พวกเขายังทำงานได้ดีทีเดียว“คุณไม่จำเป็นต้องจัดการหอฝึกยุทธ หลังจากที่ที่นี่กลายเป็นของคุณแล้ว“เมื่อมีผู้สอนเหล่านี้อยู่ สิ่งที่คุณต้องทำคือเก็บเงินเท่านั้น”ดิลลอน ลีแสดงสีหน้าพึงพอใจ“คุณคงไม่รู้เพราะคุณไม่เคยเห็นบัญชีแยกประเภท คุณยอร์ก“หอฝึกยุทธสามารถหารายได้สิบห้าล้านดอลลาร์ต่อปีได้อย่างง่ายดาย”ฮาร์วีย์รู้สึกประหลาดใจ“หาเงินได้มากขนาดนั้นแค่เพราะเปิดสอนงั้นเหรอ?”ดิลลอนแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ“แน่นอนอยู่แล้ว หัวหน้าสาขาหลงเหมินแห่งฟลัตเวลล์เองก็สอนอยู่ที่นี่ การได้ฝึกฝนในสถานที่นี้ก็เหมือนกับได้เป็นศิษย์ภายนอกของหลงเหมิน ถ้าได้เรียนที่นี่ทุกคนจะมีหน้ามีตาขึ้นมาได้“ทายาทผู้มั่งคั่งหลายคนยอมจ่ายเงินเงินมากมายเพื่อให้ได้ลงทะเบียนเรียน..."แต่ตอนนี้…"ดิลลอนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหลังจากเห็นท่าทางสงบของฮาร์วีย์ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง
"ทุกคน! ผมต้องขอเวลาพวกคุณสักสองสามนาที!ดิลลอน ลีก้าวไปข้างหน้าและปรบมือ“กรุณาเงียบลงด้วย”อาจารย์ผู้สอนเพิกเฉยต่อดิลลอนโดยสิ้นเชิงและยังคงคอยเอาอกเอาใจทายาทผู้มั่งคั่งต่อไปบางคนถึงกับพูดถึงการสอนทายาทผู้มั่งคั่งในบ้านของพวกเขา ในขณะที่บางคนสัญญาว่าจะเป็นผู้คุ้มกันของพวกเขาภาพที่เห็นนั้นน่าอายมากดิลลอนกระแอมขึ้น“กรุณาเงียบลงด้วย ให้ผมได้แนะนำทุกคนให้รู้จักกับใครบางคน…”"ทำแบบนี้เพื่ออะไร?!"คนเดียวที่ไม่เอาใจทายาทผู้มั่งคั่งคือหญิงสาวที่มีใบหน้าเหลี่ยม นั่งอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมากเธอมีรูปร่างที่เพรียวบางและมีใบหน้าที่สวยงามราวกับภาพวาด แต่การแสดงออกถึงความเจ้ากี้เจ้าการก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ยากที่ใครจะกล้าสู้หน้าเธอเธอจ้องมองดิลลอนอย่างเย็นชาและอุทานว่า “คุณไม่เห็นหรือว่าทุกคนพยายามเข้าหานักเรียนของที่นี่อยู่!“ทำไมต้องมาขวางพวกเขาด้วย!“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าคุณไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรที่นี่!“หรือว่าคุณกำลังจะไม่เชื่อฟังคำสั่ง!“หัวหน้าสาขาลีบอกฉันก่อนหน้านี้แล้ว…“ถ้าฉันมีหน้าที่รับผิดชอบที่นี่! ดังนั้นการที่คุณมาอยู่ที่นี่คุณก็ต้องเชื่อฟังฉัน
ฮาร์วีย์ ยอร์กแสดงท่าทางที่ลึกซึ้งเมื่อเขาเหลือบมองดิลลอน ลี“นี่นายด้อยกว่าหอฝึกยุทธจริง ๆ เหรอ?”ดิลลอนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรในขณะนั้น“เลิกแหกปากได้แล้ว!เลย์น ไนส์เวลล์จ้องไปที่นาฬิกาบนผนังด้วยท่าทีหงุดหงิด“ไปทำความสะอาดสนามซะ! อย่าลืมทำความสะอาดอุปกรณ์ด้วย!“ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว!“จะยังทำอยู่ไหม! เพราะถ้าไม่ทำก็ใส่หัวออกไปซะ!”ครูฝึกคนอื่น ๆ มีท่าทางขี้เล่น แน่นอนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเหยียบย่ำดิลลอนอย่างที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดแม้ว่าพวกเขาจะมาจากโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ภายนอกเท่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าทายาทผู้มั่งคั่งพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องการเหยียบคนอย่างดิลลอนเพื่อแสดงสถานะของพวกเขา“พวกคุณกำลังล้ำเส้น!”ดิลลอนไม่สามารถระงับความรู้สึกของเขาได้อีกต่อไป ด้วยการสนับสนุนที่ยืนเคียงข้างเขา เขากำลังวางแผนที่จะใช้ไม้แข็ง...แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ฮาร์วีย์โบกมือและส่งสัญญาห้ามเขา"ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มากวาดพื้นกันเถอะ” ฮาร์วีย์พูดอย่างใจเย็นไม่ใช่ว่าฮาร์วีย์สนใจจะทำงานบ้านแต่เขาอยากจะเห็นว่
เลย์น ไนส์เวลล์แสดงท่าทางดุร้ายในขณะนี้ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงดูงดงาม เธอพูดจาหยาบคายมาก แต่ใบหน้าที่สวยงามของเธอจะทำให้ใคร ๆ อยากทำตามที่เธอสั่งดิลลอน ลีไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เขาถูกดูหมิ่นอย่างสิ้นเชิง เขาต้องการอธิบายสถานการณ์ แต่ไม่กล้าปริปากด้วยซ้ำ"อะไร? ขี้ข้าอย่างเขาจะไม่กวาดพื้นเหรอ?“คงจะพยายามขโมยสิ่งที่เราจะสอนให้กับนักเรียนสินะ! ที่เราไม่เปิดโปงเขาก็ถือว่าดีมากพอแล้ว…“แต่ในตอนที่เขาควรจะกวาดพื้นเขากลับยืนนิ่งอย่างกับนายแบบ!“เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร“เขาไม่รู้หรอกว่าก่อนจะมาขโมยบทเรียนอะไรก็ควรจะกวาดพื้นเสียก่อน?“ถ้าเรื่องง่าย ๆ แบบนั้นยังไม่มีปัญญาทำแล้วจะมาเรียนศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง“ดิลลอนก็ด้วย! เขาเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ชั้นนำของหลงเหมินแห่งฟลัตเวลล์ แต่เขาไม่มีปัญญาแม้แต่จะสอนให้ใครสักคนกวาดพื้น! ไม่แปลกใจแล้วที่หัวหน้าสาขาลีจะจ้างเราด้วยเงินเดือนที่สูงขนาดนั้น!”นักเรียนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ก็เอาแต่สบประมาทอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ผู้สอน“เธอไม่รู้เหรอว่าผิวของเรานุ่มและล้ำค่าแค่ไหน!”“เราต้องขึ้นไปที่นั่นด้วยเท้าเปล่า!”“
"อะไรกัน?!"ฝูงชนเงียบไปนักเรียนทุกคนตกใจมากแม้แต่เลย์น ไนส์เวลล์ และอาจารย์คนอื่น ๆ ก็ยังไม่เชื่อเลยฮาร์วีย์ ยอร์กทำอย่างกับตัวละครที่แข็งแกร่งในหนัง เขาตั้งใจปักไม้กวาดลงบนพื้นแบบนั้นช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ห้าวหาญเหล่านักเรียนเป็นเพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น…แม้ว่าอาจารย์จะมีประสบการณ์ แต่พวกเขาก็บอกได้เลยว่าฮาร์วีย์เองก็เหมือนกันอาจมีใครหลายคนสามารถปักไม้กวาดไว้กับพื้นได้แบบนั้น แต่การที่จะควบคุมว่ามันจะลงไปปักที่ไหนนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงกระนั้นฮาร์วีย์กลับทำได้อย่างแม่นยำแม้แต่หัวหน้าสาขาลีเองก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้ฮาร์วีย์มองไปที่เลย์นอย่างใจเย็นก่อนที่จะแสดงรอยยิ้มจาง ๆ“คุณยังคิดว่าผมมาที่นี่เพราะอยากจะขโมยบทเรียนที่คุณสอนพวกเด็ก ๆ อีกเหรอ?”“นี่มันหมายความว่ายังไง?”ใบหน้าของเลย์นมืดลงทันที เธอรู้สึกว่าความภาคภูมิใจของเธอถูกเหยียบย่ำ...แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงพูดด้วยสีหน้าอันน่าสยดสยอง"ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ! ศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องของวินัย ความมุ่งมั่น การจู่โจมที่ก้าวหน้าและเด็ดขาด!“นี่อาจดูน่าประทับใจ แต
ทุกคนแสดงท่าทีแปลก ๆ ขณะที่จ้องมองที่ฮาร์วีย์ ยอร์กพวกเขาทุกคนต่างอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าของคนใหม่ของหอฝึกยุทธแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเขามีอำนาจพอที่จะควบคุมบูโดกันได้หรือไม่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้สอนก็เป็นพวกที่ค่อนข้างจะรับมือได้ยากฮาร์วีย์มองไปรอบ ๆ ตัวอย่างนึกสงสัย เขาสามารถบอกได้ว่าผู้คนที่นี่มีเจตนาแอบแฝง แต่เขาไม่คิดจะใส่ใจ“คุณยอร์ก นี่คืออาจารย์ไนส์เวลล์ อาจารย์ลี อาจารย์แจ็คสัน...ดิลลอน ลี แนะนำทุกคนให้ฮาร์วีย์รู้จักอย่างกระตือรือร้น“อาจารย์เหล่านี้เป็นทหารผ่านศึกและชนชั้นสูงของหอฝึกยุทธ ผมทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการสรรหาพวกเขาให้มาสอนที่นี่”"สวัสดี ผมฮาร์วีย์”ฮาร์วีย์ทักทายทุกคนอย่างสุภาพ"เรามาทำงานร่วมกันเถอะ"ทันทีที่ฮาร์วีย์พูดจบ ชายที่แข็งแกร่งและร่างกายเป็นล่ำเป็นสันก็เยาะเย้ยอย่างเย็นชา“ทำไมเราถึงต้องทำงานร่วมกับคุณด้วย?“ถ้าไม่มีพวกเรา ที่นี่ก็จะต้องถูกปิดตัวลงภายในสองเดือน!”อาจารย์คนอื่น ๆ หัวเราะอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินคำพูดของชายร่างกำยำ ฮาร์วีย์ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยในสายตาของพวกเขา ฮาร์วีย์ก็ดีแต่อวดเก่งไปวันๆเท่านั้น เขาไม่มีปัญ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข