ลาริซาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากนัก เธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย...แต่เธอตกใจเป็นอย่างมากเธอกระตุกอยู่บนพื้นขณะที่กุมบาดแผลเอาไว้ และไม่ยอมตอบสนองต่อเสียงที่เรียกเธอเลยซีนเธียร์กลัวมากจนเธอเริ่มตัวสั่นเธอเป็นคนเหนี่ยวไกปืนแต่ไม่คิดว่าอาวุธปืนนั้นจะยิงกระสุนจริงออกไปหากไม่ใช่เพราะแรงถีบของปืน ลาริซาคงตายไปแล้ว!หัวใจของซีนเธียร์ยังคงเต้นตึกตัก หลังจากเกิดเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ เธอก็รู้แค่ว่าเธอต้องโทรหาฮาร์วีย์หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ฮาร์วีย์ก็ขับรถมาที่นี่โดยเร็วที่สุดเมืองภาพยนตร์ของฟลัตเวลล์เป็นสถานที่ที่คับแน่นไปด้วยร้านอาหารและความบันเทิงซีนเธียร์ยังคงตัวสั่นขณะที่เธอนั่งทรุดตัวอยู่บนม้านั่ง เธอถือขวดน้ำเอาไว้ แต่ไม่ได้ยกขึ้นจิบเลยตำรวจท้องที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้แล้ว เจ้าของสถานที่สำหรับเกมไขปริศนาฆาตกรรมถูกจับกุมทันทีเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของซีนเธียร์และคนอื่น ๆ ต้องอยู่ที่นี่ต่อเพื่อให้การกับตำรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนจ้องมองมาที่ซีนเธียร์จากระยะไกลพวกเขารู้ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้จากไปไหน“เธ
“ลาริซ่า!”"เธอเป็นยังไงบ้าง?!"“ลูกสาวของแม่!”หญิงวัยกลางคนซึ่งสวมชุดแบบดั้งเดิมมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับใครหลายๆคนเธอเข้าหาลาริซาอย่างรีบร้อนก่อนจะสวมกอดชุดใหญ่รุ่นพี่มิลเลอร์ยืนขึ้นทันทีและคำนับต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเรียกเธอว่าคุณนายลีซีนเธียร์ไม่ได้มาจากฟลัตเวลล์ เธอจึงไม่รู้ว่าคุณนายลีคือใครนักศึกษามหาวิทยาลัยเริ่มพึมพำกัน“นั่นคือแม่ของลาริซา!”“ได้ยินมาว่าเธอเป็นคนของพันธมิตรทางธุรกิจของฟลัตเวลล์! เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยใหม่ของฟลัตเวลล์! เธอรวยมาก!”“พ่อของเธอยิ่งกว่านั้นอีก! ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นบุคคลสำคัญของหลงเหมิน!”“ตระกูลเธอร่ำรวยมาก! ลาริซาบอกว่าเธอจะเป็นคนจ่ายค่าเกมนี้ แต่ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน”เหล่านักศึกษาต่างแสดงความชื่นชม ตระกูลของลาริซาถือว่าพิเศษเป็นอย่างมาก ตลอดชีวิตนี้เธอไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าอะไรอีกเพราะเธอมีทุกอย่างแล้วนักศึกษาที่ไม่ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยแบบนี้ แม้แต่นักศึกษาชนชั้นกลางบางคนก็ไม่มีอะไรเทียบกับลาริซาได้ทุกคนอิจฉาเธอเพราะเหตุนี้ในขณะนี้ คุณนายลีชี้ไปที่รุ่นพี่มิลเลอร์ และกรีดร้องใส่เขา ก่อน
คุณนายลีจ้องมองซีนเธียร์อย่างอาฆาตแค้น“เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าทำไมฉันถึงตบเธอ!“ฉันได้รู้ทุกอย่างแล้ว นางสารเลว!“แกนี่เองที่เป็นคนยิงลูกสาวฉัน!“แกอิจฉาเธอสินะ! ถึงได้ทำให้เธอกลัวแบบนี้!”“คุณก็รู้นี่ว่าปืนลั่น!”“ถ้าฉันจะตบเธอแล้วมันจะทำไม! ฉันก็ตบเธอแทนลูกสาวของฉันไง!”คุณนายลีเหวี่ยงฝ่ามืออีกครั้งเพียะ!แต่ทว่าคราวนี้ซีนเธียร์เตรียมที่จะสกัดฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้“มีเหตุผลสักหน่อยเถอะเถอะค่ะคุณนาย!“เรามาเพื่อเล่นเกมกัน!“ลาริซาเป็นคนเลือกบทนี้เอง!“ฉันก็แค่เล่นตามบท!“ขอโทษที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น…“แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน! ฉันก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน!”ซีนเธียร์มีสีหน้าสิ้นหวัง“ถ้าฉันรู้ว่าในปืนมีกระสุนฉันจะเหนี่ยวไกทำไม“ฉันเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ แต่คุณจะโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ฉันไม่ได้!“ช่วยมีเหตุผลหน่อยเถอะค่ะ! ถึงฉันจะเข้าใจว่าคุณโกรธก็เถอะ!”ซีนเธียร์พยายามอธิบายสถานการณ์ของเธออย่างเต็มที่การแสดงออกของคุณนายลีกลายเป็นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง“มันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่แกเป็นคนเหนี่ยวไกปืนนี้ นังสารเลว!“แกทำร้ายลูกสาวฉัน!“นั่นคงเพราะว่าแกอิจฉา
นักเรียนสองสามคนต้องการหยุดการต่อสู้ก่อนก่อนจะเห็นสีหน้าอาฆาตของคุณนายลี พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทนมองดูซีนเธียร์ ซิมเมอร์ถูกทรมาน“นางเด็กสารเลว! ลูกสาวของฉันคงจะซื้อของพวกนี้ให้แกใช่ไหม!“แก่แย่งทุกอย่างไปจากลูกสาวฉัน ยังพยายามฆ่าเธอเพราะความอิจฉาอีก?!“คนอย่างแกมันสมควรตาย!”คุณนายลีเริ่มเหนื่อยหลังจากตบซีนเธียร์อีกนับสิบครั้ง เธอคว้ากระเป๋าถือแอร์เมส ของซีนเธียร์ด้วยสายตาเย็นชาหลังจากนั้นเธอคิดว่าคนอย่างซีนเธียร์ไม่สมควรได้รับสิ่งนี้กระเป๋าถือใบนี้แค่ค่าขนส่งอย่างเดียวก็ราคาปาไปหลายพันดอลลาร์แล้ว!คุณนายลีเชื่อว่าซีนเธียร์น่าจะได้สิ่งนี้จากลาริซา ลีหลังจากนั้นเธอก็โกรธมากขึ้นเธอหยิบทุกอย่างออกจากกระเป๋าถือของซีนเธียร์แล้วโยนให้คนที่เดินผ่านไปมา“แล็ปท็อปเครื่องนี้เป็นของเธอแล้ว!“นี่กระเป๋าเงิน!“นี่ก็ถือว่าฉันช่วยนางสารเลวนี่แล้วนะ!”คุณนายลีมอบทุกสิ่งที่ซีนเธียร์มีให้กับคนอื่นก่อนที่จะเก็บกระเป๋าถือแอร์เมสไว้กับตัวเองนั่นก็เพราะมันเป็นสินค้าราคาแพง และเธอก็ไม่ต้องการจะมอบสิ่งนี้ให้ใครทั้งนั้นซีนเธียร์โกรธมากเมื่อเห็นภาพนั้น“อย่าแตะต้องของของฉัน!
คุณนายลีก้าวไปข้างหน้าและเตะซีนเธียร์ ซิมเมอร์ลงไปที่พื้นขณะที่เธอส่งเสียงกรีดร้อง“กล้าดียังไงถึงตอบโต้ นางสารเลวเอ๊ย!“ไปตายซะ!“นางคนไร้การศึกษา!“ถ้าไม่มีใครสอนมารยาทกับแกฉันจะเป็นคนสอนให้เอง!“ฉันจะสอนให้แกรู้จักเคารพผู้อาวุโส!คุณนายลีเดือดดาลด้วยความโกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นใบหน้างดงามของซีนเธียร์ เธออยากจะเหยียบหน้าเด็กสาวคนนี้ด้วยรองเท้าส้นสูงเสียจริง"ตายซะ! ตายซะ! ไปตายซะ นางสารเลว!”ซีนเธียร์ถูกเตะอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อเธอกระแทกพื้น แต่เธอก็เอามือโอบรอบศีรษะเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บตรงส่วนนั้นแต่ถึงอย่างนั้น แขนของซีนเธียร์ก็เต็มไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำ“นี่ยังคิดจะป้องกันอีกเหรอ!“ถ้าวันนี้ฉันทำให้เธอชดใช้ไม่ได้…“ฉันขอยอมตายเสียดีกว่า!จากนั้นคุณนายลีชี้ไปที่เพื่อนชายสองสามคนที่อยู่รอบตัวเธอด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา“ฉีกเสื้อผ้าของเธอออกแล้วถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก!”ดวงตาของสหายชายเป็นประกาย ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าสมเพชบนใบหน้าพวกเขาไม่เคยได้สัมผัสเด็กสาวไร้เดียงสาเช่นซีนเธียร์เลยแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือ
“มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น!” นักศึกษาอดไม่ได้ที่จะอุทาน“ซีนเธียร์ ซิมเมอร์เองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน แต่คุณนายลีกับทำร้ายเธอแค่เพราะเธอไม่รู้จะไปลงกับใคร!”จากนั้นนักศึกษาคนหนึ่งก็อธิบายสถานการณ์ทั้งหมด...รวมทั้งการที่คุณนายลีหมายมั่นจะถ่ายรูปร่างกายอันเปลือยเปล่าของซีนเธียร์อีกด้วยนักศึกษาเหล่านั้นไม่รู้ว่าฮาร์วีย์ ยอร์กคือใคร แต่พวกเขาเชื่อว่าชายหนุ่มจะต้องช่วยซีนเธียร์ให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนหลังจากเห็นความโกรธบนใบหน้าของเขาฮาร์วีย์ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง หลังจากได้ยินคำอธิบายของนักศึกษาเหล่านั้น“แกไม่รู้ว่าคุณนายลีเป็นใคร? แล้วกล้าดียังไงไปวิจารณ์เธอแบบนั้น?ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองนักศึกษาที่ชอบธรรมด้วยสายตาที่เย็นชา“อยากตายหรือไง!“ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับคุณนายลี เธอจะฉีกเสื้อผ้าแกทิ้งทั้งหมดด้วยอีกคน!”คนอื่น ๆ หัวเราะอย่างเย็นชาขณะมองดูนักศึกษาเหล่านั้นพวกเขาตื่นเต้นที่ได้เห็นเหตุการณ์ หากเหล่านักศึกษาถูกเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อนนักศึกษาต่างกระตุกตาอย่างรุนแรงก่อนที่จะวิ่งตามฮาร์วีย์เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล” ฮาร์วีย์พูดขณะยืนอยู่หน้านักศึกษา“ถ้ามีฉัน
ฮาร์วีย์ ยอร์กเพิกเฉยต่อผู้หญิงคนนั้นโดยสิ้นเชิง และรีบหาอุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างเพื่อรักษาซีนเธียร์ ซิมเมอร์โชคยังดีที่ซีนเธียร์ได้รับบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น ฮาร์วีย์เคยจัดการกับอาการบาดเจ็บเหล่านี้มาก่อนเมื่อครั้งอยู่ในสนามรบ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายสำหรับเขาสิบนาทีต่อมา รถตำรวจหลายสิบคันที่มีเสียงไซเรนดังวิ่งมาจอดที่ด้านนอกของเมืองภาพยนตร์กัปตันทีมและวิเวียน ฮอลล์ เพื่อนที่สนิทที่สุดของแมนดี้ ซิมเมอร์ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย มีสายตาเย็นชา ขณะที่เธอก้าวลงจากรถโดยมีทีมอยู่ข้างหลังเธอบอดี้การ์ดสองคนพยายามขวางเธอไว้ก่อนจะถูกเตะลงพื้นหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็รีบเข้าไปในห้องพยาบาลวิเวียนมีท่าทางแปลก ๆ เมื่อเห็นฮาร์วีย์“คุณคือคนที่โทรมาใช่ไหมคะ คุณยอร์ก”คนอื่น ๆ ในห้องมีสีหน้าเป็นไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากเข้ามาที่นี่ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงไม่มีใครเชื่อว่าชายหนุ่มที่ดูเปราะบางและไร้อำนาจจะสามารถเรียกตำรวจมาที่นี่ได้มากมายขนาดนี้“โทรศัพท์ แล็ปท็อป กระเป๋าสตางค์ เงิน และเครื่องสำอางของซีนเธียร์ถูกขโมย…
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!"คุณกำลังจะทำอะไร?!“พวกคุณมีหมายค้นหรือเปล่า!“กล้าดียังไงมาจับประชาชนที่นี่แถมยังมาดูกล้องวงจรปิดของเราอีก!“ใครมันเป็นคนทำเรื่องบ้าพวกนี้!”เสียงฝีเท้ารีบร้อนดังมาจากด้านนอกก่อนที่คนแปดคนจะเดินเข้ามาบุคคลที่เป็นผู้นำกลุ่มคือรุ่นพี่มิลเลอร์เองท่าทางแสดงความเคารพของเขาถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาชี้ไปที่วิเวียน ฮอลล์และคนอื่น ๆ“สมองพวกคุณมีปัญหาเหรอ!” “ไม่รู้หรอกว่าที่นี่มันที่ไหน!”“หากไม่มีหมายค้นเธอไม่มีสิทธ์รับการอนุญาตจากเรา ตำรวจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งย่ามที่นี่!“ผมจะให้เวลาสามนาที! ปล่อยคนพวกนั้นมาให้หมด!“เสร็จแล้วก็จากไปซะ!“เพราะถ้าไม่อย่างนั้น แค่ผมยกหูโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวพวกคุณทุกคนจะต้องถูกไล่ออก!”อันที่จริงแล้ว รุ่นพี่มิลเลอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำกิจกรรมการเล่นเกมนี้เท่านั้น เขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเมืองภาพยนตร์อีกด้วย ในขณะนั้นเขาทำท่าทางราวกับตัวเองเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ไปแล้วแม้จะอยู่ต่อหน้าตำรวจ แต่เขาก็ยังคงมีท่าทีดุร้าย ราวกับเขามีอำนาจเหนือกว่าเพียะ!ฮาร์วีย์ ยอร์กเดินไปข้างหน้าอย่างใจเ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข