อีวอนน์ไม่แยแส “ฮาร์วีย์จัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง เขาไม่ต้องให้ใครมาช่วยหรอก”“ไม่ต้องอย่างนั้นเหรอ?!“เธอบ้าไปแล้ว!“ฮาร์วีย์เป็นแค่คนบ้านนอก! เขาจะจัดการอะไรได้?“รอดูเถอะ! เขาจะถูกตีจนตายแน่นอน!”เฮเซลโกรธมาก เธอลืมไปนานแล้วว่าตระกูลของเธอและฮาร์วีย์รู้จักกันมาหลายชั่วอายุคนได้อย่างไรแม้ว่าฮาร์วีย์จะถูกทำร้ายจนตายในตอนนี้มันก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีวอนน์ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่มองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความกังวลเล็กน้อยเธอไม่เข้าใจว่าฮาร์วีย์กำลังพยายามจะทำอะไร เขาจะสามารถช่วยแม่ของเธอได้ด้วยการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม ๆ ในไซฟูโดเหรอ?อีวอนน์เชื่อใจฮาร์วีย์เสมอมา แต่เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการกระทำในตอนนี้ของเขาเช่นกัน“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกคุณกำลังทำผิดกฎหมายกลางวันแสก ๆ เลยนะ!”ผู้ตรวจการหยิบปืนด้ามสั้นออกมาจากเอวและกำลังจะยิงขู่ อย่างไรก็ตามฮาร์วีย์คว้าปืนนั้นในขณะที่ผู้ตรวจการกำลังจะหยิบมันออกมา“ไป!”พวกอันธพาลกลุ่มหนึ่งรีบออกมาในเวลานี้โดยต้องการทำร้ายฮาร์วีย์จนตายในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้าและเล็งปืนไปที่หน้าผากของไมค์เขาปลดล็อคตัวล็อกปืนด้วย“บอกให้พว
หัวหน้าใหญ่คนหนึ่งจากท้องถนนของมอร์ดูกำลังยืนอยู่พร้อมแก้มที่แดงและบวม ใบหน้าของเขาน่าเกลียดและบิดเบี้ยวเด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์จากเหตุการณ์นี้ช่างหยิ่งยโสและอหังการ!พวกเขาไม่ได้เห็นผู้ชายแบบนี้มานานแล้วเขาประมาทแม้กระทั่งเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ทรงพลังอย่างไมค์ เทย์เลอร์ นี่คือผู้ชายที่แท้จริง!เมื่อคนธรรมดาเจอสถานการณ์เช่นนี้ คนที่แข็งแกร่งกว่าจะพูดสิ่งดี ๆ และใช้ผู้หนุนหลังเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเขาเป็นหลักคนที่อ่อนแอกว่าส่วนใหญ่จะคุกเข่าและร้องขอความเมตตาทันทีดังนั้น ผู้ชายแบบนี้จึงหายากมากบนโลกนี้!แม้ว่าเฮเซลจะตกใจเช่นกัน แต่ลึก ๆ ในใจของเธอค่อนข้างจะไม่พอใจเธอรู้สึกว่าแกรี่เพียงคนเดียวควรเป็นคนที่สามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงเช่นนี้ได้คนบ้านนอกอย่างฮาร์วีย์มีสิทธิ์อะไรมาทำตัวเสแสร้งและขโมยซีน?“ฮาร์วีย์! ถ้านายยังทำตัวแบบนี้ นายจะมีปัญหากับไมค์และตำรวจของมอร์ดู!“นายจะรับผลที่ตามมาได้เหรอ?“ฉันขอเตือนนายนะ! ครั้งนี้อย่าเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องล่ะ! พวกเราจะไม่ช่วยนายแล้ว!”อีวอนน์มองเฮเซลที่กระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างต่อเนื่องและขู่ว่า “หุบปากซะ!”ตาของเฮเ
หยิ่ง!จองหอง!บ้าคลั่ง!โหดเหี้ยม!ใจเย็น!ความคิดต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจของไมค์ การหายใจของเขาเร็วขึ้นและหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้ายั่วยุฮาร์วีย์ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเขารู้สึกเสียใจมากหากสาวกทั้งสามพันคนของไซฟูโดลงมือจริง ๆ เขาเชื่อว่าเขาจะมีหลายวิธีในการจัดการฮาร์วีย์แต่เขากลับถูกฮาร์วีย์จับเป็นตัวประกันด้วยปืนที่จ่อหน้าผากของเขา เขาไม่สามารถใช้ทักษะใด ๆ ของเขาหรือแสดงพลังใด ๆ ได้เลย เขาอารมณ์เสียจนแทบจะกระอักเลือดหากเขา ซึ่งเป็นราชาแห่งท้องถนนของมอร์ดู ต้องตายด้วยน้ำมือของใครก็ไม่รู้ เขาคงจะไม่สบายใจแม้ว่าเขาจะกลายเป็นผีก็ตามฮาร์วีย์ถอนหายใจและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมเป็นคนใจร้อน ผมจะให้เวลาคุณอีกสามวินาที หากคุณปฏิเสธที่จะปล่อยคุณสมิธ ผมจะไม่เก็บคุณไว้แล้วนะ”อีวอนน์ตกใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอเข้าใจว่าฮาร์วีย์มาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตของแม่เธอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้วิธีรุนแรงเช่นนี้มุมตาของไมค์กระตุก ในขณะนี้เขาเกือบจะลืมความเจ็บปวดของเขาได้ปล่อยเธอไปเหรอ?เรื่องแม่ของอีวอนน์จะส่งผลต่อแผนของเทอร์รี่ ถ้าไมค์ปล่อยเธอไปจ
ภายในสถานีตำรวจกลางมอร์ดูในห้องสอบสวนฮาร์วีย์ดูรายงานข่าวทางโทรทัศน์อย่างเมินเฉยเนื้อหาของข่าวรายงานถึงเหตุการณ์ลักพาตัวที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายไซฟูโดองค์กรที่ดูภายนอกบริสุทธิ์และซื่อตรงกลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวหญิงสาวจากตระกูลโด่งดังอย่างตระกูลสมิธซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของมอร์ดู!ยังไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของใคร แต่ตึกของไซฟูโดถูกเจ้าหน้าที่อายัดเอาไว้แล้วผู้บงการอย่างไมค์ก็ถูกโยนเข้าคุกเช่นกันขณะที่ฮาร์วีย์ดูการรายงานข่าว เขาก็จิบชาอย่างสบาย ๆเขาส่งยิ้มให้โอทิส ไคซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ “เรื่องนี้ผมก็จะปล่อยให้คุณจัดการอีกเหมือนเคยนะ หัวหน้าผู้ตรวจการไค”โอทิสหัวเราะอย่างขมขื่นแทนคำตอบ "เปล่าเลย คุณได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องและช่วยเหลือนายหญิงสมิธ“ไม่รวมสิ่งที่คุณทำไปก่อนหน้านี้ ผมต้องขอชื่นชมคุณจริง ๆ“แต่ถ้าคราวหน้าคุณจะทำอะไรแบบนี้อีก คุณยอร์ก คนช่วยบอกผมล่วงหน้าก่อนได้หรือเปล่า ผมจะได้มีเวลาคิดทบทวนสักหน่อย”“เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ฮาร์วีย์พูดอย่างใจเย็น “คุณคิดว่าถ้าผมต้องบอกคุณล่วงหน้า ผมจะไปช่วยเธอทัน
“การกระทำที่ดูเหมือนบ้าบิ่นของคุณช่วยรับประกันความปลอดภัยของนายหญิงสมิธได้อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน ศัตรูของคุณก็จะเล่นงานคุณได้น้อยลงหนึ่งวิธีด้วย“การเรียกเรื่องนี้ว่าแผนชั้นยอดคงไม่เกินจริงไปหรอก ใช่ไหม?”ฮาร์วีย์ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบออกไปตรง ๆ “คุณเป็นคนดีจริง ๆ”“อีกอย่าง ผมสงสัยว่าคุณมีเป้าหมายอื่นในใจ…” โอทิสยังคงพูดต่อไป"โอ้?"ฮาร์วีย์อยากรู้ว่าโอทิสเดาไปถึงไหน“คุณยอร์ก ผมคิดว่าคุณจงใจสร้างความสับสนให้กับผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้”“หากเหตุการณ์นี้ทำให้ศัตรูเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของคุณ พวกเขาจะเปิดเผยช่องโหว่ของพวกเขาตอนที่พวกเขาจัดการกับคน ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ได้”“อย่างน้อยจากมุมมองของคุณ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นไปตามแผนที่คุณวางแผนไว้ ผมเข้าใจถูกไหม?"ใบหน้าของโอทิสเต็มไปด้วยความปลื้มปิติอย่างสุดซึ้ง ราวกับว่าเขามองทะลุแผนการของฮาร์วีย์เป็นอีกครั้งที่ฮาร์วีย์ยิ้มโดยให้โอทิสโดยไม่ให้คำตอบอะไร“ผู้บัญชาการสูงสุดของสถานีตำรวจกลางมอร์ดูเป็นไปอย่างที่คิดเลย! คุณตาแหลมดีทีเดียว คุณต้องเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส
แกรี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและได้แต่เงียบจริงอยู่ที่เขาโทรหาคริสตัน ญาติของเขา นอกจากนี้เขายังกล่าวต่อสาธารณชนว่าเขาจะให้ความช่วยเหลือฮาร์วีย์แต่เขาไม่คิดเลยว่าฮาร์วีย์จะออกมาจากการถูกคุมตัวได้เร็วขนาดนี้ขณะนี้แกรี่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากำลังวิเคราะห์ฮาร์วีย์ อย่างพยายามคิดว่าฮาร์วีย์มีกลวิธีอย่างไร“คุณเป็นยังไงบ้าง ซีอีโอยอร์ก?”อีวอนน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป ตอนนี้มิเชลล์มองฮาร์วีย์ได้ความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง“โถ่ ฮาร์วีย์ ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจนายผิดไป! วันนี้ฉันขอขอบคุณนายจากใจจริงจากทุกสิ่งที่นายทำ”ฮาร์วีย์พยักหน้าและยิ้ม“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ และเพราะสถานการณ์ใหญ่โตมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าสร้างปัญหาให้คุณป้าได้อีก”“ผมสัญญาว่าคุณป้าจะกลับไปหาตระกูลสมิธได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก”เมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ มิเชลก็ตัวแข็งคือและเงียบไปอย่างไรก็ตาม เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ติดตามเฮเซลมาด้วยก็ระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ“พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ฮาร์วีย์?” หนึ่งในนั้นกรีดร้องอย่างเดือดดาล“นายน้อยดันเคนเป็นคนช่วยชีวิตนายไว้ แต่แต่นายกลั
เฮเซลเห็นอีวอนน์ถอยออกไปจึงสรุปเอาเองว่าเป็นเพราะอีวอนน์รำคาญฮาร์วีย์ ไม่คิดได้เช่นนั้น เฮเซลจึงส่งสายตาไปยังฮาร์วีย์ด้วยความเหยียดหยามและเยาะเย้ยถากถาง "ได้ยินหรือเปล่า นายยอร์ก"นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย!นายน้อยดันเคนจะไม่ยื่นมือมาช่วยนายอีกต่อไปแล้ว!“ให้ฉันเตือนอะไรนายสักอย่างนะ ครอบครัวมาโลนต้องเผชิญกับปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพราะนาย!“เก็บข้าวของของนายให้เรียบร้อยและออกจากมอร์ดูไปเดี๋ยวนี้! อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าครอบครัวฉันอีก!“ทำไมพ่อถึงเรียกญาติที่น่าสมเพชอย่างนายมาจากบัควู้ดด้วย! ฮึ ตอนนี้ฉันได้แต่เสียใจ! “ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายพยายามเข้าหาฉัน คนที่อยู่ในโลกที่เหนือกว่าคน!”เฮเซลกรีดร้องด้วยความไม่เชื่อ ความขยะแขยงอย่างที่สุดเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของเธอกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่ติดตามเธอมาต่างก็จ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามและความเย้ยหยันฮาร์วีย์หรี่ตา เขาพร้อมที่จะตบหน้าแกรี่เสียเต็มประดาแล้วทันใดนั้นโทรศัพท์ของเฮเซลก็ดังขึ้นเธอรับสายสั้น ๆ ในไม่ช้าเธอก็ดูดีใจ“นายน้อยดันเคน คุณรู้ข่าวหรือยัง!“ชายที่ร่ำรวยที่สุดในกังนัม จาเดน สมิธกำลัง
เมื่อเห็นท่าทางของแกรี่แล้ว เฮเซลและเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ใบหน้าของพวกเธอขึ้นสีแดงก่ำพวกเธอหันกลับมามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าเหยียดหยามส่งท้ายเป็นการเตือน“ฉันต้องขอเตือนนายไว้เลยนะ ฮาร์วีย์ ยอร์ก อย่ามายุ่งกับพวกเรา!”“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ให้นายไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วยหรอก!”ฮาร์วีย์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขานึกอยากจะตบหน้าแกรี่สักฉาด แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็คิดได้ว่าเทอร์รี่ สมิธต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลังจากข่าวเรื่องการช่วยเหลือมิเชลแพร่ออกไป เขาคงจะง่วนอยู่กับการหารือเรื่องแผนการระหว่างเขากับอีวอนน์ เขาไม่อาจเสียเวลาไปกับคนโง่อย่างแกรี่ได้…ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในรถโตโยต้า อัลฟาร์ดอีวอนน์ส่งมิเชลซึ่งเป็นแม่ของเธอยังโรงแรมห้าดาวชั้นสูง ฮันเดลและคนอื่น ๆ อยู่ข้าง ๆ มิเชลล์เพื่อความปลอดภัยของเธอในขณะเดียวกันฮาร์วีย์และอีวอนน์นั่งรออยู่ในรถอีวอนน์ไขว้ขาเรียวสวยของเธอแล้วเหยียดร่างกาย“คุณทำให้ฉันกลัวเกือบตาย ซีอีโอยอร์ก!“ทีหลังถ้าจะทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ช่วยเตือนกันก่อนนะคะ อย่างน้อยให้ฉันได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง!”“ตอนแรกผมก็คิดว่าจะกำ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข