ในเวลาไม่ถึงนาที พวกอันธพาลก็ทรุดจมลงพื้นพวกมันหลายคนแขนขาหัก และมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความกลัวอย่างสุดขีดพวกเขาทรมานและกลัวคน ๆ นี้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาไม่กล้าต่อกรกับคนอย่างฮาร์วีย์ “เฝ้าดูรถของฉัน ถ้ารถฉันมีแม้แต่รอยขีดข่วน พวกนายได้ตายแน่” ฮาร์วีย์เตือน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังในโรงงาน…ฮาร์วีย์ก้าวเข้าไปในโกดังของโรงงาน ใบหน้าของเขายังคงเย็นชา“นายเป็นใคร?! นายไม่รู้หรือว่านี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว?! ไสหัวไปซะ!”พวกชาวต่างชาติผมบลอนด์ตาสีฟ้าโผล่ออกมาจากเงามืด หนึ่งในนั้นถือมีดทหารเอาไว้ พวกมันมองฮาร์วีย์“นายเป็นคนของนายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์ใช่ไหม?”“นายเป็นคนพาเมียฉันมาใช่ไหม?”พวกเขาชะงักเมื่อได้ยินฮาร์วีย์เอ่ยชื่อ “นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์”เอ็ดเวิร์ด ชายผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ด้านหน้า มองฮาร์วีย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า“เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นายมาที่นี่ แต่เราไม่คิดว่านายจะมาด้วยตัวเอง”“นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์สั่งให้พวกเราทำยังไงก็ได้ให้นายมาที่นี่และฆ่านายซะ ตอนนี้นายอยู่ที่นี่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาตามหา!”“จับตัวมัน!”วินาทีถัดมา พวกเขาก็กระโจน
“นายหมายถึงพวกต่างชาติหรือเปล่า? ฉันส่งพวกมันไปลงนรกแล้ว” ฮาร์วีย์ตอบอย่างเย็นชาเขาสังเกตเห็นแมนดี้ผูกติดกับเก้าอี้อยู่ที่มุมห้อง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแมนดี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ มันยังไม่สายเกินไป“อย่าเข้ามาใกล้! คิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าเธองั้นเหรอ!” แซ็คร้องลั่นออกมา เขาหยิบมีดบนโต๊ะเตรียมพุ่งเข้าไปหาแมนดี้“อ๊าาาา—!”เสียงกรีดร้องที่ฟังดูเหมือนหมูที่กำลังจะถูกเชือดดังก้องออกมา แซ็คกลิ้งลงกับพื้นร้องคร่ำครวญ“ฉันคิดมาตลอดว่าแกเป็นแค่แมลงตัวหนึ่ง และฉันก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าแก”“แต่ครั้งนี้มันก็พิสูจน์แล้วว่าฉันไม่ควรเมตตาอีกต่อไป ถ้าแกไม่ตาย ก็จะกลับมาแว้งกัดฉันอีก” ฮาร์วีย์พูดพร้อมเหยียบมีดเล่มนั้นร่างกายของแซ็คสั่นสะท้าน เขาคิดว่าเขาฆ่าฮาร์วีย์ได้หลังจากผ่านการฝึกฝนการต่อสู้จากดินแดนต้องห้ามหลังภูเขาของตระกูลฌองเขาไม่คิดเลยว่าใบหน้าของเขาจะถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าของฮาร์วีย์แบบนี้“ฮาร์วีย์ ยอร์ก! แกฆ่าฉันไม่ได้!”“แกควรรู้เกี่ยวกับตระกูลฌองแห่งมอร์ดู! ฉันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนั้น! ถ้านายกล้าฆ่าฉัน! ตระกูลฌองจะไม่มีวันปล่อยแกให้หลุดมือเด็ดขาด!” แซ็คกรีดร้องออกมาครั้งล่าสุดท
“ฉันไม่รู้ว่าดินแดนต้องห้ามหลังภูเขาคืออะไร แต่ฉันรู้ว่าจะไม่มีใครสามารถหยุดฉันได้ถ้าฉันอยากจะฆ่าใครซักคน” ฮาร์วีย์ตอบกลับไปเขาออกแรงกดที่เท้ามากขึ้น นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของแซ็คบิดเบี้ยวหัวของแซ็คแทบจะจมลงไปที่พื้น เขารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด และอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเขาไม่คิดมาก่อนว่าฮาร์วีย์จะคิดฆ่าเขาโดยไม่ลังเล และไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะเหยียบเขาจนตาย!จู่ ๆ หัวคิ้วของฮาร์วีย์ก็ขมวดขึ้นเขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและหลบไปด้านข้างทันทีหลังจากนั้น เขาก็เหวี่ยงกำปั้นของเขาไปข้าง ๆ ตูม!กำปั้นของเขากระแทกเข้ากับไม้เท้าที่ซึ่งเจาะทะลุกำแพงจนสั่นสะเทือน“นายใหญ่! นายใหญ่ นั่นใช่ท่านใช่ไหม? ช่วยผมด้วย!"แซ็คเปิดปากตะโกนขอความช่วยเหลือ ราวกับว่าเขาเห็นเชือกเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ฮาร์วีย์เหล่มองไปที่ทางเข้าโกดังเห็นชายชราสวมชุดสูทเดินเข้ามา แขนเสื้อของเขาพับขึ้นอย่างเรียบร้อยผมของเขาขาวราวหิมะ แต่เขาดูเต็มไปด้วยอำนาจ“นักรบโบราณ จากตระกูลฌองแห่งมอร์ดูงั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์พึมพำเมื่อครั้งที่ฮาร์วีย์อยู่ในกองทัพ เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกลุ
“เหลือไม่กี่คนจากที่เราพามาจากอเมริกา”พ่อบ้านเหงื่อซึมออกมากหากปราศจากกองกำลังอันแข็งแกร่ง ตระกูลเยตส์แห่งอเมริกาจะสูญเสียกองกำลังหลักในบัควู้ดแน่นอนว่านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์เข้าใจเรื่องนี้ดี เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “รู้หรือเปล่าว่าเป้าหมายของพวกมันคืออะไร?”พ่อบ้านตอบด้วยอาการสั่น “ผมคิดว่าพวกมันอยากจะต่อต้านท่านครับ”สีหน้านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์เปลี่ยนไป เขาเป็นที่ชอบโอ้อวด แต่ไม่ใช่คนโง่ไม่ว่าคนของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ถ้าเจอคนมากกว่าและบัควู้ดไม่ใช่ถิ่นของเขานายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์ถอนหายใจ“เราไม่ได้พาคนมามากพอ และแชมป์มวยสองคนก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลเยตส์แห่งอเมริกาก็ไม่เคยจะกลัวใคร”หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์ก็สั่งออกมา “เก็บของ เราจะไปจากบัควู้ด เราจะกลับไปที่เท็กซัสเพื่อรวบรวมคนของเรา มันไม่จบแค่นี้แน่!”“เราจะขึ้นเครื่องบิน…”“ไม่ พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เราจะลงเรือไปฮ่องกง แล้วไปที่อเมริกา”นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์มีประสบการณ์มามากมายในสายงานนี้คนในบัควู้ดอาจไม่คิดว่านา
“เกิดอะไรขึ้น? ขับรถไม่เป็นหรือไงฮะ?! ฉันจะฆ่าแก!”พ่อบ้านกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธสีหน้าของนายใหญ่เยตส์นั้นดูแย่มาก คนขับเบรกกะทันหันแบบนี้ อาจมีบางอย่างผิดปกติคนขับคนนี้ไม่รู้หรือไงกำลังทำให้คนกลัว?คนขับตอบกลับด้วยท่าทางที่หวาดกลัว “นายท่าน มีคนขวางหน้ารถ”“อะไรนะ? ใครจะกล้าขวางทางฉัน?”นายใหญ่เยตส์เปิดกระจกรถและมองดูมีคนสองสามคนเดินออกมาจากด้านหลังสิ่งกีดขวาง และคนที่เป็นหัวโจกของกลุ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮาร์วีย์“นาย นายแพ้แล้วยังต้องการอะไรอีก?”นายใหญ่เยตส์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเป็นฮาร์วีย์ตอนนี้เขากลัวเจ้าชายยอร์กมากที่สุด ไม่ใช่ฮาร์วีย์“ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว งั้นคุณควรจะอยู่ที่บัควู้ดตลอดไป ทำไมคุณถึงกลับออกไปล่ะ?” ฮาร์วีย์ถามอย่างใจเย็นพลางพับแขนเสื้อของเขา“ไม่มีมารยาท! จัดการพวกมันซะ!”นายใหญ่เยตส์จ้องมองอย่างเย็นชา เขาไม่รู้ว่าไอ้ลูกเขยคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังจะไปไหน แต่นั่นก็จะมาหยุดเขาไม่ได้พวกบอดี้การ์ดของตระกูลเยตส์รีบพุ่งไปข้างหน้าทันทีไทสันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์โบกมือ นักเลงตามท้องถนนก็ปรากฏตัวขึ้นรอบตัวเขาตุบ พลัก ปัก!พวกบอ
เหงื่อเย็นไหลอาบหน้าของนายใหญ่เยตส์ ในเวลาแบบนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทีอย่างไรออกมาไพ่ที่เขามีตอนนี้เป็นเรื่องตลกต่อหน้าชายคนนี้สิ่งที่เขาพูดออกไปทำให้ตัวเองมีแต่อับอายเท่านั้นทันทีที่พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังได้ยินว่าจริง ๆ แล้ว ฮาร์วีย์เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนและเจ้าชายยอร์ก พ่อบ้านก็ส่งเสียงขออ้อนวอนและคุกเข่าลงกับพื้นอย่างคลุ้มคลั่งในทันทีเขาวางแผนลักพาตัวภรรยาของหัวหน้าผู้ฝึกสอน! นี่เป็นความผิดที่เขาไม่สามารถหลบหนีได้“หัวหน้า…หัวหน้าผู้ฝึกสอน! ผมตาบอดที่มองไม่เห็นความถูกต้อง! ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะทำทุกอย่างที่คุณสั่ง และปฏิบัติต่อคุณอย่างดี!”นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์มีสีหน้าหวาดกลัว เขารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี เขายอมแพ้โดยทันทีที่เขารู้ถึงตัวตนของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์หัวเราะเยาะ“นายใหญ่เยตส์ คุณเก่งกาจมากที่เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทุกคนทั่วอเมริกา ทำไมคุณถึงยอมแพ้ง่าย ๆ ล่ะ?”“ฉันจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย…”“โอกาสอะไร?”นายใหญ่เยตส์รู้สึกดีใจ เขาคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ในหัวของเขาใบหน้าของฮาร์วีย์เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเสียดสี“ฉันได้ยินมาว่านอกจากศิลปะแห่งกา
“นี่คือการโจมตีสายฟ้าทั้งห้างั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออกเขายืนยันอีกครั้งว่านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์...เป็นคนงี่เง่าจริง ๆนายใหญ่เยตส์ชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่งงงวยของฮาร์วีย์ เขาโวยวาย “เป็นไปไม่ได้! คุณต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกโจมตีด้วยสายฟ้าฟาดทั้งห้าสิ!”“ฉันจะทำอีกครั้ง!”“รับไป!”ฮาร์วีย์ถอนหายใจแล้วยกมือขวาขึ้นเหวี่ยงออกไปเพียะ!นั่นทำให้ใบหน้าของนายใหญ่เยตส์สะบัดหันไปอีกทางจนล้มลงกับพื้น นายใหญ่เยตส์ลุกขึ้น จากนั้นรีบวิ่งพุ่งไปข้างหน้าแล้วเหวี่ยงมืออีกครั้ง“แปลง!”เพียะ!ฮาร์วีย์ฟาดมือออกไปอีกครั้งจนทำให้นายใหญ่เยตส์หมุนไปมา ร่างกายของเขากระตุก“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”“ท่าสังหาร! รับไป!”เพียะ!ฮาร์วีย์ตบไปอีกครั้ง คราวนี้ศีรษะของนายใหญ่เยตส์กระแทกกับพื้นหนักกว่าเดิม แววตาของเขาเป็นสีดำมืดหม่น ปากบวมเจ่อนายใหญ่เยตส์พยายามยกศีรษะขึ้น เขามองฮาร์วีย์แล้วพูด “คุณ… คุณมันเล่นทีเผล่อ”“ฉันประมาทเกินไป ฉันไม่ได้หลบ…”“หัวหน้าผู้ฝึกสอน คุณมันไร้ศีลธรรม!”“ฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับคุณ!”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออก เขาได้ความมั่นใจนี้มาจาก
กลับมาที่เดอะการ์เด้น เรสซิเด้น เสียงพูดคุยดังมาจากด้านในซีนเธียร์และพ่อแม่ของเธอกลับมาจากเลือกหามหาวิทยาลัยซีนเธียร์หยิบชุดสูทออกมาทันทีเมื่อฮาร์วีย์ผลักประตูออกมา “พี่เขย รีบแต่งตัวซะสิ! อาจารย์ที่รับผิดชอบการลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูจะสัมภาษณ์ฉัน!”“แต่งตัวให้เรียบร้อยสิ!”ฮาร์วีย์ทักทายลิเลียนและไซม่อน แล้วถามด้วยความสงสัย “คุณแม่เลือกมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูหลังจากที่ออกไปหามาหลายที่เหรอครับ?”“ใช่ แต่เกณฑ์การสมัครมหาวิทยาลัยนั้นสูงมาก ตอนไปสมัครก็บอกว่าจะส่งครูมาสัมภาษณ์”“พี่เขย ในช่วงนี้พี่สาวของฉันยุ่งมาก เธอไม่สนใจฉันเลย! ฉันจะพี่เขยช่วยจัดการเรื่องนี้!”ฮาร์วีย์หัวเราะ เขาไม่ปฏิเสธซีนเธียร์ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของเธอในที่สุดพวกเขาก็ให้ฮาร์วีย์เป็นคนติดต่อกับครูที่ดูแลการลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูไม่นานหลังจากนั้น ฮาร์วีย์ไปที่โรงแรมที่เขาและครูนัดพบกัน“หืม? เป็นคุณนั่นเอง?! ฮาร์วีย์?!”คุณครูเดินไปข้างหน้ามองฮาร์วีย์ด้วยท่าทางสับสนฮาร์วีย์มองใกล้ ๆ แล้วนึกขึ้นได้คุณครูคนสวยที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นครูผู้ช่วยในช่วงเวลาที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย เธอคือซาช
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข