ตลอดทั้งวันที่เหลือหมดไปกับการทำงานอย่างหนัก กระทั่งดวงตะวันพ้นขอบฟ้าไปแล้ว ร่างบอบบางในชุดทะมัดทะแมงที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างคอกม้าอยู่ตามลำพัง ก็ไม่ยอมหยุดมือลงเสียที “นังหนูโว้ย! รถจะออกแล้ว รีบๆ ขึ้นมาสักที พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ!” เดือดร้อนบุญส่งที่ต้องตะโกนเรียก เมื่อคนอื่นๆ ขึ้นรถกันหมดแล้ว เหลือก็แต่นังหนูเจ้าปัญหาที่ยังคงทำหูทวนลมไม่สนใจใคร “ไปกันก่อนได้เลย ฉันยังทำงานไม่เสร็จ!” เสียงหวานตอบรับกลับไปเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้มลงกลับไปทำงานที่ค้างคาของตัวเองต่อ ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวมีปัญหา เธอแค่ไม่อยากให้ใครมาดูถูก! “แต่นี่มันรถเที่ยวสุดท้ายแล้วนะคะคุณเรย์ พอเท่านี้ก่อนเถอะนะคะ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ นายไม่ว่าหรอกค่ะ” ไม่ว่าน้อยน่ะสิ! คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้ว เธอรู้จักนิสัยใจคอของหมอนั่นดีกว่าใคร ซึ่งเธอยอมเหนื่อยจนตัวตาย เสียยังจะดีเสียกว่าให้เขามาพูดจาดูถูกให้ได้ยินอีก ซึ่งเธอเชื่อว่าเขาพูดแน่ๆ เผลอๆ ตอนนี้เขาอาจจะกำลังคิดหาคำพูดร้ายๆ ไว้มาตวาดใส่กันอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้! “คุณเรย์…” “รีบไปขึ้นรถเถ
“ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้ว ว่าบทสรุปของคนที่กล้าลองดีกับผมจะต้องเจอกับอะไร!” คนใจร้ายถอนริมฝีปากออกเพื่อพ่นประโยคนี้ใส่หน้ากัน ก่อนที่เขาจะล็อกใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยสองมือ เพื่อบังคับให้มันแหงนรับจูบหนักๆ ของเขาอีกครั้ง และอีกครั้ง เนิ่นนานจนแข้งขาของเธออ่อนแรง แต่กระนั้นคนบ้าอำนาจก็ไม่คิดที่จะหยุด คราแรกเขาต้องการเพียงแค่จะสั่งสอน แต่หลังจากนั้นความหอมหวานที่ได้รับ ก็ทำลายทุกความตั้งใจที่เคยมีไปจนหมด “ยังจะอวดเก่งกับผมอยู่อีกไหม!”เขาถามประชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ก่อนจะซุกใบหน้าเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นเพื่อสะกลั้นอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปไกลมากกว่าที่เป็นอยู่ แน่นอนว่ากลิ่นกายหอมๆ ของเธอปลุกเร้าอารมณ์เขาเป็นบ้า ไหนจะเสียงร้องไห้กระซิกๆ นี่อีก! “ฮึก!” “พูด!” เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรมากไปกว่านี้หญิงสาวจึงยอมพยักหน้ารับก่อนจะปลดปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ สุดท้ายก็กลายเป็นกล้าตะวันเสียเอง ที่ต้องอุ้มเอาก้อนกลมๆ ที่จนถึงนาทีนี้ ก็ยังร้องไห้ไม่เลิกออกมาจากคอกม้า ชายหนุ่มส่งคนตัวหอมให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่เขาจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้
เมื่อตกลงกันแล้ว หลังเลิกงานทั้งสองสาวก็แยกย้ายกลับบ้านไปอาบน้ำ ก่อนที่หนึ่งทุ่มตรงเด็กสาวจะขับรถพ่วงของที่บ้านมารับอีกคนถึงหน้าบ้าน ทิ้งไว้แต่อีกคนให้เฝ้าบ้านให้ และคอยโทรไปรายงานเป็นระยะๆ หากว่ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เชกเช่นเรื่องที่กำลังเป็นอยู่… “นายหญิงของมึงหายไปไหน!” คนถูกถามถึงกลับใบ้แดกไปชั่วขณะ ก็ไหนคุณเรย์บอกว่าคืนนี้นายมีธุระต้องเข้าเมืองไง แล้วไหงคนที่ต้องเข้าเมืองถึงได้มาเยือนหน้าดุอยู่ตรงหน้าแบบนี้ได้ งานเข้ามึงแล้วไอ้เจ งานหยาบซะด้วย! “ผมไม่ระ…” “คิดให้ดีก่อนตอบ กูยังไม่อยากรับสมัครพนักงานใหม่เร็วๆ นี้…” นั่นเองคนที่มีความผิดติดตัวก็พรั่งพรูทุกสิ่งที่รู้ออกมาจากหมด แสงสีที่ได้เจอทำให้อินทุอรสนุกจนลืมเวลา หลังจากช่วยคะน้าขายผักจนหมด เธอกับอีกฝ่ายก็พามาเดินเล่นเที่ยวชมงาน ก่อนที่คนข้างกายของเธอจะชะงัก เมื่อพบว่ามีใครบางคนเดินมาขวางทาง ใครบางคนที่ตอนนี้แทบไม่ได้สนใจ ‘เด็กลับๆ’ ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะความสนใจทั้งหมดที่มีมันพุ่งเป้าไปที่อีกคน “สวัสดีครับคุณเรย์” คำทักทายที่ได้ยินทำให้เจ้า
ทว่าหญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ที่มันกำลังอัดแน่นอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ส่วนเขาจะไม่พอใจกันด้วยเรื่องใดนั้นก็สุดที่จะคาดเดาได้ตอนนี้ เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็เหมือนว่ามันจะไม่เคยเป็นที่พอใจของเขาเลยสักครั้ง เว้นเสียก็แต่เรื่องบนเตียง ที่เขามักจะเอ่ยปากชมให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าหัวไว แน่นอนว่าความสัมพันธ์ลับๆ นี้มันคงไม่มีวันเกิดขึ้น และกินเวลายาวนานมาขนาดนี้แน่ หากเพียงแต่ว่า ‘เขา’ ไม่บังเอิญเป็น ‘แขก’ คนแรกของเธอในค่ำคืนนั้น คืนที่มันได้เปลี่ยนเด็กสาววัยสิบเจ็ดผู้อ่อนต่อโลก ให้กลายเป็นผู้หญิงกลางคืนไปอย่างไม่มีทางเลือก หนี้สองแสนที่พ่อและแม่สร้างไว้ทำให้เธอไม่มีทางเลือกมากนัก สุดท้ายจึงไปขอคำแนะนำจากเพื่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็แนะนำกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า ‘งาน’ ที่จะทำให้เธอได้เงินสองแสนมาครอบครองในคืนเดียวนั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความสาว แน่นอนว่ามีเสี่ยแก่ๆ หลายคนทีเดียวที่ยอมจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น เพื่อแลกกับการได้เปิดซิงสาวรุ่นลูก เธอต่างจากคนพวกนั้นตรงที่ว่า ‘ลูกค้า’ รายแรกในชีวิตหาได้ใช่ตาแก่ตัณหากลับที่ไหนแต่กลับเป็
“มัวเหม่ออะไรอยู่คะน้า รีบๆ ขยับเข้าสิ!” เสียงตวาดที่ดังขึ้น ฉุดรั้งคนที่เผลอคิดไปถึงจุดเริ่มต้นของตัวเองกับคนตรงหน้าให้ได้สติ ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งคร่อมทับอยู่บนตักแกร่ง ไม่รู้กระทั่งว่าเขา ‘สอดใส่’ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็พบเข้ากับความคับแน่น อันเกิดจากการเติมเต็มช่องว่างระหว่างกันไปแล้ว “อื้อ ไหนว่าไม่ชอบจูบกับคนแปลกหน้าไงคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ยามเมื่อริมฝีปากถูกบดจูบอย่างยั่วเย้า เมื่อเธอค่อยๆ ขยับ “ปีกว่า แถมยังเอากันจนเตียงพังไปสามหลังแล้ว ยังจะถามหาความสนิทอะไรอีก” คนได้ฟังยิ้มรับ ก่อนจะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวหลังจากค่ำคืนนั้นขึ้นมา เธอพอรู้มาจากคนอื่นๆ อยู่บ้าง ว่าคุณกิตไม่ชอบกินใครซ้ำ เลยตั้งใจว่าจะเลิกรักเขาให้ได้ แต่ก็ดูเหมือนยิ่งพยายามทำแบบนั้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งวนเวียนมาให้เห็นมากเท่านั้น สุดท้ายก็กลายเป็นเธอเองที่ถูกลูกน้องเขามาดักฉุดพาไปส่งผู้เป็นนายที่กระท่อมท้ายไร่ ก่อนที่ข้อเสนอบางอย่างที่ถูกยื่นมาให้ “ฉันจะพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน ฉันติดใจเธอ ยังอยากที่จะ ‘ได้’อีก ที่สำคัญ…คือจากนี้ไปอีกสองปีคน
วันเกิดของกล้าตะวันปีนี้ พิเศษมากกว่าปีก่อนๆ เพราะแม่ของเขาอยากจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับคนงานภายในไร่ไปพร้อมกัน เพราะอย่างนั้นทุกคนถึงได้รับอนุญาตให้มาร่วมงานได้ ไม่เว้นแม้แต่อินทุอร ที่เพิ่งจะกลับมาจากเยี่ยมบิดาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คราแรกเธอตั้งใจว่าจะไม่มา เพราะไม่ชอบหน้าเจ้าของวันเกิด แต่ก็ทนรำคาญต่อเสียงรบเร้าของคะน้าไม่ไหว สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น “มาไงละนั่นนังหนู” คำถามของตาเฒ่าคู่ปรับตลอดกาลที่ดังขึ้น ทำให้เธอต้องละสายตาจากภาพของชายหญิงที่กำลังยืนส่งยิ้มให้กันและกันอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเปลี่ยนใจ เดินมาหาอีกฝ่ายแทน “เดินมาสิคะ! ว่าแต่ลุงเถอะ กำลังดื่มอะไรอยู่” “ไอ้เนี่ยน่ะเร๊อะ! เขาเรียกของดีประจำท้องถิ่นโว้ย อยากจะลองสักหน่อยไหมละ!” แม้ไม่อยากจะไว้ใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ แต่พอหันไปมองดูรอบๆ แล้วพบว่าคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ตรงนี้ ต่างก็พากันดื่มสิ่งที่ถูกยื่นมาให้ด้วยกันทั้งนั้น เธอจึงค่อยๆ วางความกังวลลง ทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับพร้อมทั้งกระดกแก้วที่ถูกส่งมาให้เข้าปากรวดเดียวหมด ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชอบใจของใครหลายๆ คน “อร่อยจังเลย
“ไอ้บ้ากาม ไอ้ลามก นายคิดว่าฉันจะมักมากมั่วผู้ชายไม่เลือกอย่างนั่งแหวนรึไง!”คนถูกด่าก้มลงจูบหนักๆ ที่เรียวปากสวยแทนคำขอโทษที่ไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา ก่อนที่เขาจะก้มลงมากระซิบบอกเบาๆ ที่ข้างหู ไปพร้อมกับแรงขยับที่ค่อยๆ เริ่มขึ้นยามเมื่อเห็นชัดแล้วว่ามีแรงด่าเขาได้แบบนี้ เธอคงไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ เป็นเขาเสียมากกว่า ที่กำลังถูกความคับแคบบีบรัดจนแทนหายใจไม่ออก “อ่าส์…คุณอย่าพูดไม่เพราะ!” เสียงเข้มว่าพร้อมๆ กับแรงขยับโยก ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซ้ำยังไม่คิดที่จะออมแรงแม้แต่น้อย แม้ว่าอินทุอรจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาเคยหลับนอนด้วย แต่ก็ต้องยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเธอเป็นคนแรกและคนเดียวทำให้เขาเกิดความรู้สึกสุขล้นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่ความรู้สึกเหล่านั้นมันจะค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นความหวงแหนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้!” “เพราะมันไม่น่ารัก อ่าส์ คุณแน่นดีจัง!” ไม่เพียงแต่ความแน่นเท่านั้นที่กำลังบีบรัดเขาให้ค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ แต่เป็นเสียงครางหวานๆ นั่น ด้วยที่มันปลุกเร้าทุกๆ ความรู้สึกให้ค่อยๆ ตื่นตัว “อื้อ กล้า…เบาหน่อย ฉันจุก!”
“ฉันไม่แต่งงานกับนายนะ!” อินทุอรเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นหลังจากมีโอกาสอยู่กับกล้าตะวันตามลำพัง ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีวันยอมให้งานแต่งบ้าๆ นั่นเกิดขึ้น ด้วยรู้ดีว่าชีวิตคู่ระหว่างเธอกับคนตรงหน้า คงไม่มีวันลงเอยอย่างสงบสุขเหมือนเช่นคู่อื่นๆ แน่นอน “ไปบอกแม่เอาเองสิ” เสียงเข้มตอบรับ ก่อนจะเบือนหน้าหนีกันทันทีที่พูดจบ “นายสิที่ต้องไปบอก นายเป็นลูกของท่านนะ!” “เป็นลูกแล้วไง สุดท้ายแม่ก็รักคุณมากกว่าอยู่ดี” เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่งงานเชียวนะ แต่งงาน! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย! ในเมื่อขอร้องดีๆ แล้วเขาไม่ยอมช่วย เธอจะหาทางจัดการกับปัญหานี้ด้วยตัวเองก็ได้ ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีวันยอมให้งานแต่งงานบ้าๆ นั่นเกิดขึ้นแน่ ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่เพราะเธอไม่อยากให้เขาต้องมาทนแต่งงานกับเธอเพียงเพราะต้องการที่จะรับผิดชอบยิ่งเขาทำแบบนั้นมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นเท่านั้น อีกอย่างความสัมพันธ์ที่มันไม่ได้เริ่มจากความรักนั้น สักวันก็คงต้องจบลงอยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน เพราะรู้แบบนั้นเลยคิดเ
“ไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มีวันปล่อย ไม่ว่าเธอหรือลูก ไม่มีวัน!” แต่สุดท้ายความหวังที่มีก็ต้องพังลงไม่เป็นท่า เพราะอีกคนไม่ยอมปล่อยกันตามคำขอ ไหนจะสายตาเอาเรื่องที่เขากำลังใช้มองกันอีก “ทำไมคะ!” “เพราะฉันรักเธอ!” สิ้นคำสารภาพรัก บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสงัดลงแทบจะทันที “คุณกิต…รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา!” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และหากเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมา ในส่วนของเธอแค่ตกใจเท่านั้น ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำรักที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเขามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง แล้ววันนี้จะอยู่ๆ ก็พูดออกมา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมารักเธอได้! “รู้สิ ฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ฉันรักเธอ” “แต่คู่หมั้นของคุณ…” “เรื่องของฉันกับน้องแหววจบแล้ว จากนี้ไปจะมีแค่เรื่องของเรา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะน้า ฉันสัญญาว่าจะรัก และดูแลคะน้ากับลูกให้ดีที่สุด” คนถูกถามชั่งใจอยู่นานเพราะยังคงตั้งตัวไม่ติดกับคำสารภาพรัก ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะพ
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร
“ถึงจะช่วยเอาคืนให้ไม่ได้ เพราะกำลังท้องอยู่ แต่คะน้าจะช่วยเป็นพยานให้ค่ะ ว่าคุณเรย์ของคะน้าไม่ได้ทำ ถึงต่อให้ทำก็ไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มก่อนแน่!” คนได้ฟังรู้สึกซึ้งใจอยู่ไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงเชื่อละครฉากใหญ่ ที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นจงใจสร้างขึ้น เธอยังมีคะน้า มีเจ แล้วก็มีลุงบุญส่งที่เชื่อว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอที่มันจะทำให้เธอมีกำลังใจขึ้น “ขอบคุณมากนะคะน้าที่เชื่อใจฉัน ว่าแต่เธอเถอะ ไปอยู่ที่นู้น พวกเขาดีกับเธอรึเปล่า” ที่ถามก็เพราะเธอเป็นห่วง ลองถ้าคนพวกนั้นไม่ดีกับแม่คะน้าของเธอดูสิ แม่จะตามไปด่าให้อายเลย! “ทุกคนดีกับคะน้ามากค่ะ โดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง คุณเรย์ไม่ต้องห่วงนะคะ” ได้ยินแบบนี้เธอก็ค่อยเบาใจหน่อย เพราะถ้าทางนั้นไม่ดีกับคนของเธอ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมยกคะน้าให้ “ฉันดีใจด้วยนะ” “คุณเรย์อย่าคิดมากนะคะ นายก็แค่ยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้น แต่คะน้าเชื่อนะคะ ว่าคนแบบนั้นสักวันจะต้องแพ้ภัยตัวเอง!” ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ เธอก็ได้แต่หวังว่านา
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ต้องผิดหวัง ขอโทษที่ฉันตอแหลไม่เก่งเหมือนแม่นี่ แต่จะว่าไปแล้ว ดูๆ ไปก็เหมาะสมกันดี หญิงร้ายชายโง่!” กล้าตะวันไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปนอกจากหันกลับไปหาคนเจ็บอีกครั้ง แน่นอนว่าการที่อีกฝ่ายต้องมาเจอกับอะไรเช่นนั้นในไร่ของเขานั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบอย่างเสียไม่ได้ “พอจะเดินไหวไหมครับคุณนุช เดี๋ยวผมพาไปทำแผลที่สำนักงานนะครับ”คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะทิ้งตัวซบลงที่อกแกร่งของคนที่เธออยากจะได้มาครอบครองแทบขาดใจ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที “มันจะมีสักครั้งไหม ที่นายคิดอยากจะปกป้องฉัน! เหมือนที่ชอบทำกับคนอื่น…” คำถามนี้เองที่มันหยุดอีกคนเอาไว้ ก่อนที่ในนาทีถัดมา คำตอบของเขา มันจะค่อยๆ ฆ่าเธอให้ตายลงอย่างช้าๆ “คุณคงไม่อยากรู้คำตอบหรอก…” นี่สินะ…คือคำตอบ! หลังจากสองคนนั้นพากันขับรถออกไป อินทุอรก็ถูกพามานั่งสงบสติอารมณ์ที่ห้องรับแขก โดยมีคุณจิตตรียังขนาบข้างไม่ห่าง “ถ้าเรย์บอกว่าไม่ได้ทำ คุณแม่จะเชื่อเรย์ไหมคะ” คนทั้งโลกจะไม่เชื่อเธอยังไงก็ได้ เธอไม่สน แต่ถ้
เมื่อตั้งสติได้คะน้าก็ถูกพามาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับสองสามีภรรยา หลังจากนั้นไม่นานคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุดถึงปรากฏตัวขึ้น แค่เพียงเขาขยับทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอขยับกายหนี ด้วยกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรบ้าๆ เหมือนที่ชอบทำ“แกน่ะหยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไม่เห็นรึไงว่าทำให้น้องกลัว!” คำตวาดของผู้เป็นแม่ที่นานๆ ครั้งจะได้ยินเป็นบุญหูนั้น ทำเอากิตติคุณไม่กล้าที่จะเดินต่อ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น “เอาล่ะ เมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มคุยกันเลยดีกว่า หนูต้องการอะไรพูดมาได้เลย ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!” หนนี้เป็นพ่อของเขาที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าบ้านนี้นอกจากแม่แล้วก็มีแต่พ่อนี่แหละที่ออกคำสั่งกับเขาได้ “หนูไม่ต้องการอะไรค่ะ นอกจากคำสัญญาจากปากของลูกชายท่าน ว่านับจากนี้เขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเราสองคนแม่ลูกอีก” เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เธอต้องการจากคนอย่างเขา และคิดว่ามันคงไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงอะไร หากเขาจะยอมทำให้กัน “ผมไม่ยอม! ในท้องนั่นก็ลูกผม หลานพ่อ! จะให้ไม่เข้าไปยุ่งได้ไง ผมไม่ยอม! ขอใหม่! แล้วก็ช่วยตั้งสต