เป็นเวลากว่าห้าวันแล้ว!ชายในห้องทำงาน ได้รับความรู้สึกหนาวเย็นอย่างมากอย่างที่เขาคาดไว้ไมเคิลไม่ได้ไร้เดียงสา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหลงทางเช่นกัน ดอสแอบสะกดรอยคามและจับตาดูไมเคิลตลอดเวลา เขาเฝ้าดูและพบคนขับแท็กซี่ที่พาเจนมาที่หางโจว หลังจากนั้นเขาก็หยุดไมเคิล ลูเธอร์ เดินตามความคิดแบบเดียวกันกับฌอนฌอนดึงริมฝีปากของเขาเป็นรอยยิ้มที่น่าขัน…ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดมีส่วนร่วมในเหตุการณ์บางคนตั้งใจและคนอื่น ๆ แค่บังเอิญ ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ลงเอยด้วยการเป็นลูกแกะบูชายัญในสงครามที่พวกเขาต่อสู้ เธอจึงถูกโยนเข้าไปในกรงเหล็กนั้นในตอนนี้ดูเถิด เธอสามารถหลอกทุกคนได้แบบเงียบ ๆ “เก่งจัง ที่รัก” เขายิ้มให้ตัวเองอย่างขมขื่นก๊อก ก๊อก"เข้ามา"“ฉันเองค่ะ นายท่าน” ผู้มาเยือนคืออโลร่านั่นเองเสียงกรอบแกรบจากระยะไกลเดินเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ และมีเงาดำค่อย ๆ เคลื่นตัวมาที่เธอ ดวงตาของอโลร่ากระตุกและเธอไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะมาที่นี่เธอรู้อยู่แล้ว ว่านี่จะไม่ใช่การประชุมที่สงบสุข เธอยังลังเลสงสัยว่าควรจะบอกความจริงกับเขาดีหรือไม่ในท้ายที่สุดเจนก็เหมือนคนที่เธอเคยเป็นมา
นั่นเป็นคำพูดที่ต่อสู้กันอย่างชัดเจน แต่ฌอนเพียงแค่ยืนอยู่บนสุดของบันได ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องไปบนใบหน้าที่เย้ยหยันของผู้มาเยือน เขาไม่ได้พูดตอบกลับแม้แต่คำเดียวความเงียบขยายออกไปอย่างน่าขนลุกราวกับความสงบก่อนที่จะเกิดพายุลูกใหญ่พ่อบ้านโอ้คส์รู้สึกอยากจะวิ่งหนีด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เท้าของเขารู้สึกหนักมากราวกับว่าพวกมันถูกตอกลงกับพื้น เขาไม่สามารถยกพวกมันขึ้นได้เลยเขาตำหนิ ไฮด์ โซรอส ผู้มาเยือนอย่างลับ ๆ เขาหยาบคายขนาดนี้ได้ยังไง? ยิ่งในช่วงเวลาที่อ่อนไหวเช่นนี้ด้วย พ่อบ้านโอ้คส์เป็นพ่อบ้านมาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นใครตั้งใจที่จะต่อสู้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้“ทำไมนายถึงอยากหัวเราะเยาะฉัน? บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรมยังคงยืนอยู่ และสจ๊วตก็มีพลังอำนาจเหมือนเช่นเคย ถ้าเราย่ำเท้าแม้แต่นิด ทั้งเมืองเอสก็จะสั่นสะท้าน”ไฮด์เพียงแต่หัวเราะเยาะเขามากยิ่งขึ้น “ใช่แล้ว สจ๊วตยังคงเป็นผู้นำ ไม่ต้องถึงขนาดย่ำเท้า เพียงแค่สจ๊วตจามเมืองเอสนี้ด็สั่นสะเทือนแล้ว” เขาโค้งริมฝีปากของเขาอย่างกล้าหาญ “แต่คุณชาย ฌอน สจ๊วต นายไม่สามารถควบคุมภรรยาของนายได้! ฮ่า ๆ ๆ ขอให้ฉันหัวเราะสักห
สามปีต่อมามีโฮมสเตย์ที่ค่อนข้างไม่เป็นทางการอยู่ริมฝั่งของเอ๋อไห่ แทนที่จะเป็นโฮมสเตย์จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงบังกะโลเล็ก ๆ สามชั้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับโฮมสเตย์อื่น ๆ รอบ ๆ แล้วมันเล็กมากแม้ว่ามันจะตั้งอยู่ริมฝั่งเอ๋อไห่ แต่ทำเลก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โฮมสเตย์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปอย่างน้อยหลายร้อยเมตรผู้หญิงคนหนึ่งสวมท่อนบนและกางเกงขายาวผ้าฝ้ายทรงหลวมที่หาได้ทั่วไปในสถานที่แห่งนี้กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โยกไม้ไผ่แบบดั้งเดิมที่ระเบียง เก้าอี้โยกไปมาพร้อม ๆ กับตัวของผู้หญิงทีโยกไปด้วย เก้าอี้ทรงสี่เหลี่ยมข้างเก้าอี้โยกนั้นมีหม้อชาผู่เอ๋อร์สีเขียวแต้มด้วยสีทองและถ้วยน้ำชาที่ถูกดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่ง บ่อยครั้งที่จะมีนกน้ำบินผ่านผิวน้ำของทะเลสาบเอ๋อไห่ เพื่อล่ากุ้งแม่น้ำตัวเล็ก ๆ ที่เป็นอาหารพิเศษของที่นี่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจนดูน่าสัมผัส ราวกับว่าคุณสามารถเอื้อมมือไปจับเมฆสีขาวปุยได้สักกำมือ มีต้นไม้เก่าแก่ล้มอยู่ริมตลิ่ง ระดับน้ำในทะเลสาบจะต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่ ๆ เพราะในตอนนี้ยังสามารถมองเห็นตอไม้เก่าแก่ในน้ำ และมีนกแก้วตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ที่นั่น อาจจะเป็นเพราะหนีออกจากบ้านของใครบางคน
โจโจ้หยิบถ้วยชาขึ้นมาจากเก้าอี้ทรงสี่เหลี่ยมทันที เธอยื่นถ้วยพร้อมจานรองให้ผู้หญิงคนนั้น เมื่อผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นผมของเธอดูยาวอย่างน่าประหลาดเกือบที่จะถึงเอวของเธอ และมัดด้วยยางมัดผม เธอรับถ้วยจากโจโจ้แล้วเปิดฝาออกจิบชาก่อนจะใส่ฝากลับเข้าไปที่เดิม“ไปเอาสัญญา และตามฉันมาโจโจ้” จากนั้นหญิงสาวก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน เธอก้าวอย่างเชื่องช้า“ฉันมาแล้ว นายท่าน” โจโจ้วิ่งราวกับสายลมไปที่เคาน์เตอร์ และนำซองหนังออกมา ก่อนที่จะวิ่งกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น หลังจากนั้นเธอก็เดินตามนายจ้างไปทีละก้าว ผู้หญิงคนนั้นเดินช้ามากโจโจ้ก็เลยเดินช้าด้วย โดยปกติคนปกติจะใช้เวลาสองหรือสามนาทีในการเดินจากระเบียงไปยังชั้นสอง แต่ทั้งสองคนใช้เวลาอย่างน้อยสองเท่า อย่างไรก็ตามโจโจ้ไม่ได้ขอให้ผู้หญิงคนนั้นเดินเร็วขึ้นเลยเมื่อพวกเขามาถึงชั้นสอง พวกเขาก็สามารถได้ยินทั้งคู่โต้เถียงกันอย่างดุเดิอดจากทางเดินผู้หญิงคนนั้นหยุดเดิน การมองที่ไร้กังวลเลือนหายไปจากใบหน้าของเธออย่างช้า ๆ และถูกแทนที่ด้วยสายตาที่เย็นชา โจโจ้ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่แขกของพวกเขาทะเลาะกันที่โฮมสเตย์ เจ้านายที่แสนขี้เกียจของเธอแทบจะไม่มีอารมณ์ที
ไม่มีคำใดที่จะอธิบายถึงความตกใจที่เอลิออร์รู้สึกได้ในขณะนี้ เขาได้ยินเพื่อนของเขาพึมพำอย่างงุนงงในหู “ถ้าฉันไม่ทำโทรศัพท์หล่น…” และ “ถ้าฉันไม่ได้ขยับลิ้นชักตอนไปหยิบ…” ด้วยเหตุนี้เอลิออร์ก็คิดออกแล้ว เพื่อนของเขาขยับลิ้นชัก เมื่อเขาพยายามจะหยิบโทรศัพท์ แต่นั่นทำให้เขาค้นพบความลับนี้ซึ่งซ่อนอยู่มานานหลายปี“ถ้าเพียง แต่ฉันไม่วางโทรศัพท์…“ถ้าเพียง แต่ฉันไม่ได้หยิบมันขึ้นมา…”เอลิออร์กำหมัดแน่น ฟังคำพูดซ้ำซากที่น่าหดหู่ของเพื่อนของเขา ที่เอาแต่พูด “อาจจะ” และ“ อาจจะ” ตอนนี้ฌอนเป็นเหมือนชายวัยกลางคนที่ภรรยาของเขาหอบผ้าหอบผ่อนหนีเขาไป เขาดูเหมือนคนแก่ที่หมดสิ้นทุกอย่าง เอลิออร์อยากจะตบหน้าเขาจริง ๆ และบอกให้เพื่อนสนิทของเขาพูดจาดี ๆ แต่…เขาพาตัวเองไปทำเช่นนั้นไม่ได้!“ถ้า…ถ้าฉันสังเกตเห็นก่อนหน้านี้!” ชายผู้เต็มไปด้วยการปฏิเสธ และความหดหู่ หวาดกลัว วิ่งหนีจากความจริง และลงเอยด้วยการส่งเสียงบ่งบอกถึงความเสียใจที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเขา!ถ้าเขาสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ ตอนจบของเรื่องนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่?เขาจะมีภรรยาที่สวยงามและลูก ๆ ที่น่ารักกับเขาหรือไม่?เอลิออร์มองชายตรงหน้า พ
รถจี๊ปเดินทางไปตามท้องถนนบนภูเขา ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในรถ หลังจากเปิดหน้าต่างแล้วสายลมก็พัดพาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในตัวรถ"นี่ไง?" รถค่อย ๆ มาหยุด บนเบาะหลังของรถมีชายคนหนึ่งสวมชุดลำลอง คิ้วที่ดูดีของเขาขมวดลงเล็กน้อย เขาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ และพึมพำในใจว่า "ที่นี่ไม่ไกลไปหน่อยหรอ?"เอ๋อไห่ใหญ่โตมีโฮมสเตย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นริมทะเลสาบ อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ชอบที่จะอยู่ในเขตเมืองเก่าริมเอ๋อไห่ แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างไม่เต็มใจเพราะเมืองเก่านั้นแออัดมาก ๆ ตรงกันข้ามสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลเล็กน้อยจากเมืองเป็นเพราะเหตุนี้ โฮมสเตย์ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเชิงพาณิชย์และอากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองมาก“ผมแน่ใจว่าถูกต้องครับนายท่าน นี่คือสถานที่ในโพสต์นั้น” ผู้ช่วยที่มีผมเกรียนมากับชายในชุดลำลอง “นี่คือโฮมสเตย์ เมมโมรีโฮมสเตย์ โฮมสเตย์แห่งความทรงจำอย่างนั้นหรือ”“ขับรถเข้าไปที่นั่น”"ครับ นายท่าน"เครื่องยนต์ของรถได้รับขับเคลื่อนอีกครั้ง เพื่อขับไปยังโฮมสเตย์ที่ชื่อ เมมโมรีโฮมสเตย์ในโฮมสเตย์โจโจ้ได้เห็นรถที่ใกล้เข้ามาสักพักแล้ว เธอก็ตื่นเต้นร่าเริงพลางเอ่ยขึ้นด้วย
มีสายตาแปลก ๆ ในสายตาของผู้ชายที่มีเสน่ห์คนนี้ เขายิ้มอย่างไม่ค่อยน่าไว้วางใจนัก และพยักหน้า “มีห้องว่างไหมครับ?”"มี มี มี มี!" ใครก็ตามที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจโฮมสเตย์มักจะได้พบเจอผู้คนมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกของโจโจ้ที่ได้พบกับชายหนุ่มรูปหล่อที่มีออร่าที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์เช่นนี้ชายคนนั้นเดินตามโจโจ้เข้าไปในล็อบบี้ เขาสังเกตเห็นหน้าต่างที่สว่างสดใส และโต๊ะทำงานที่สะอาดสะอ้านทันทีที่เข้ามาในล็อบบี้ ในขณะที่เขายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ เขาสามารถมองเห็นวิวของลานภายใน และทะเลสาบเอ๋อไห่ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยผ่านประตูกระจกอย่างไรก็ตามแนวการมองเห็นของชายคนนั้น ก็หยุดลงที่เก้าอี้เอนกายแถบไม้ไผ่บนระเบียงของลาน หลอดไฟดับลงในหัวของเขาในชั่วพริบตา“คุณผู้ชายคะ เรามีข้อตกลงการเข้าพักที่โฮมสเตย์ของเรา ลองดูสิว่าคุณรับได้ไหม?” โจโจ้มอบข้อตกลง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายของเธอถึงสร้างข้อตกลงแปลก ๆ เช่นนี้ แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอเริ่มทำงานที่นี่แขกทุกคนต้องยอมรับข้อตกลงนี้ก่อนจึงจะสามารถเข้าพักที่นี่ได้ชายคนนั้นรับข้อตกลงด้วยนิ้วเรียวของเขา เขาดูสับสนเล
การจ้องมองของไมเคิลไม่ละสายตาจากผู้หญิงตรงหน้าเขาเลยเขาสามารถมองเห็นความสับสน และงุนงงในรูม่านตาที่สดใสเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน เขาหัวเราะเบา ๆ ในใจ…ใช่ผู้หญิงคนนี้จะจำเขาได้อย่างไร?เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การดำรงอยู่ของเขาช่างน่าอึดอัดอย่างแท้จริงในสายตาของครอบครัวสจ๊วตที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวย เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรส การได้รับตำแหน่งลูกนอกสมรสของครอบครัวที่ร่ำรวยไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจเท่าไหร่นักดังนั้นการดำรงอยู่ของเขาจึงถูกกำหนดให้ดูอึดอัดและขัดแย้งมีใครอยากเป็นลูกนอกสมรสของครอบครัวที่ร่ำรวยไหม?โลกต้องการสายเลือดของครอบครัวสจ๊วต แต่เขาไม่สามารถรอวันที่เขาจะปล่อยให้เลือดทั้งหมดของเขาสะอาดได้!ผู้หญิงคนนี้ไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเขา เขาไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเธอ แม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นเขาก็จะดำรงอยู่แค่ในฐานะ ‘ไมเคิล ลูเธอร์’ ที่น่าอับอายซึ่งใคร ๆ ก็ต่าวซุบซิบนินทากันอย่างไรก็ตามในความทรงจำของเขาผู้หญิงคนนี้มีอยู่จริงตอนที่เขายังเด็กมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีพ่อ ต่อมาแม่ของเขาได้พาเขาไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ แม่ของเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ข้างอาคาร แม่ของเขาชี้ไปที่รถที่ขับผ่
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค