รถจี๊ปเดินทางไปตามท้องถนนบนภูเขา ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในรถ หลังจากเปิดหน้าต่างแล้วสายลมก็พัดพาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในตัวรถ"นี่ไง?" รถค่อย ๆ มาหยุด บนเบาะหลังของรถมีชายคนหนึ่งสวมชุดลำลอง คิ้วที่ดูดีของเขาขมวดลงเล็กน้อย เขาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ และพึมพำในใจว่า "ที่นี่ไม่ไกลไปหน่อยหรอ?"เอ๋อไห่ใหญ่โตมีโฮมสเตย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นริมทะเลสาบ อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ชอบที่จะอยู่ในเขตเมืองเก่าริมเอ๋อไห่ แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างไม่เต็มใจเพราะเมืองเก่านั้นแออัดมาก ๆ ตรงกันข้ามสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลเล็กน้อยจากเมืองเป็นเพราะเหตุนี้ โฮมสเตย์ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเชิงพาณิชย์และอากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองมาก“ผมแน่ใจว่าถูกต้องครับนายท่าน นี่คือสถานที่ในโพสต์นั้น” ผู้ช่วยที่มีผมเกรียนมากับชายในชุดลำลอง “นี่คือโฮมสเตย์ เมมโมรีโฮมสเตย์ โฮมสเตย์แห่งความทรงจำอย่างนั้นหรือ”“ขับรถเข้าไปที่นั่น”"ครับ นายท่าน"เครื่องยนต์ของรถได้รับขับเคลื่อนอีกครั้ง เพื่อขับไปยังโฮมสเตย์ที่ชื่อ เมมโมรีโฮมสเตย์ในโฮมสเตย์โจโจ้ได้เห็นรถที่ใกล้เข้ามาสักพักแล้ว เธอก็ตื่นเต้นร่าเริงพลางเอ่ยขึ้นด้วย
มีสายตาแปลก ๆ ในสายตาของผู้ชายที่มีเสน่ห์คนนี้ เขายิ้มอย่างไม่ค่อยน่าไว้วางใจนัก และพยักหน้า “มีห้องว่างไหมครับ?”"มี มี มี มี!" ใครก็ตามที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจโฮมสเตย์มักจะได้พบเจอผู้คนมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกของโจโจ้ที่ได้พบกับชายหนุ่มรูปหล่อที่มีออร่าที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์เช่นนี้ชายคนนั้นเดินตามโจโจ้เข้าไปในล็อบบี้ เขาสังเกตเห็นหน้าต่างที่สว่างสดใส และโต๊ะทำงานที่สะอาดสะอ้านทันทีที่เข้ามาในล็อบบี้ ในขณะที่เขายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ เขาสามารถมองเห็นวิวของลานภายใน และทะเลสาบเอ๋อไห่ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยผ่านประตูกระจกอย่างไรก็ตามแนวการมองเห็นของชายคนนั้น ก็หยุดลงที่เก้าอี้เอนกายแถบไม้ไผ่บนระเบียงของลาน หลอดไฟดับลงในหัวของเขาในชั่วพริบตา“คุณผู้ชายคะ เรามีข้อตกลงการเข้าพักที่โฮมสเตย์ของเรา ลองดูสิว่าคุณรับได้ไหม?” โจโจ้มอบข้อตกลง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายของเธอถึงสร้างข้อตกลงแปลก ๆ เช่นนี้ แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอเริ่มทำงานที่นี่แขกทุกคนต้องยอมรับข้อตกลงนี้ก่อนจึงจะสามารถเข้าพักที่นี่ได้ชายคนนั้นรับข้อตกลงด้วยนิ้วเรียวของเขา เขาดูสับสนเล
การจ้องมองของไมเคิลไม่ละสายตาจากผู้หญิงตรงหน้าเขาเลยเขาสามารถมองเห็นความสับสน และงุนงงในรูม่านตาที่สดใสเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน เขาหัวเราะเบา ๆ ในใจ…ใช่ผู้หญิงคนนี้จะจำเขาได้อย่างไร?เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การดำรงอยู่ของเขาช่างน่าอึดอัดอย่างแท้จริงในสายตาของครอบครัวสจ๊วตที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวย เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรส การได้รับตำแหน่งลูกนอกสมรสของครอบครัวที่ร่ำรวยไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจเท่าไหร่นักดังนั้นการดำรงอยู่ของเขาจึงถูกกำหนดให้ดูอึดอัดและขัดแย้งมีใครอยากเป็นลูกนอกสมรสของครอบครัวที่ร่ำรวยไหม?โลกต้องการสายเลือดของครอบครัวสจ๊วต แต่เขาไม่สามารถรอวันที่เขาจะปล่อยให้เลือดทั้งหมดของเขาสะอาดได้!ผู้หญิงคนนี้ไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเขา เขาไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเธอ แม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นเขาก็จะดำรงอยู่แค่ในฐานะ ‘ไมเคิล ลูเธอร์’ ที่น่าอับอายซึ่งใคร ๆ ก็ต่าวซุบซิบนินทากันอย่างไรก็ตามในความทรงจำของเขาผู้หญิงคนนี้มีอยู่จริงตอนที่เขายังเด็กมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีพ่อ ต่อมาแม่ของเขาได้พาเขาไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ แม่ของเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ข้างอาคาร แม่ของเขาชี้ไปที่รถที่ขับผ่
"ฉันขอโทษ"ชายคนนั้นวางถ้วยน้ำชาลงอย่างสง่างามมันคืออะไร? ผู้หญิงคนนั้นมองเขาด้วยความงุนงง นั่นคือถ้วยของเธอ เธอไม่เคยเจอใครทำแบบนั้นมาก่อน ถ้วยชานั้นเป็นของใช้ส่วนตัว ของใช้ส่วนตัวเช่นนี้สามารถใช้ร่วมกับคนแปลกหน้าได้หรือไม่?ตอนนี้เธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อย "คุณลูเธอร์…ใช่ไหม? ฉันสามารถให้คุณยืมเก้าอี้เอนกายของฉันได้ แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีที่คุณลูเธอร์จะใช้ของใช้ส่วนตัวเช่นถ้วยชาของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน หรือว่าคุณมีนิสัยหรือรสนิยมที่ชอบดื่มถ้วยชาของคนแปลกหน้าใช่หรือไม่?”“อย่าโกรธสิ” ไมเคิลยกมือขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ และมองเธอด้วยรอยยิ้ม เขาปลอบโยนและพูดว่า “ตอนนี้ฉันกระหายน้ำและไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้ถ้วยนี้อยู่ ไม่เช่นนั้นฉันจะขออนุญาตจากคุณก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หากสิ่งนี้ทำให้คุณไม่สบายใจฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”คำพูดของเขาฟังดูจริงใจมากในตอนแรก แต่ถ้าใครตั้งใจฟังเขา ก็จะรู้ว่าผู้ชายไมเคิลคนนี้ไม่จริงใจกับคำขอโทษของเขาเลยเขาจะขออนุญาตฉันหรอ? นั่นหมายความว่าอย่างไร? เมื่อเขารู้ว่าถ้วยนี้เป็นของเธอ ทำไมเขาถึงต้องขออนุญาตเธอด้วยล่ะ? นี่เป็นการบอกนัย ๆ ว่า แ
เนื้อหาในแฟลชไดรฟ์ USB ถูกคัดลอกไปยังแล็ปท็อปข้างๆ เอลิออร์กำลังจะเปิดไฟล์ มีมือวางอยู่บนหลังมือของเขา “ขอเตือนก่อน ว่านายควรเตรียมจิตใจไว้ให้ดี”เอลิออร์ตะลึงไปชั่วขณะ การแสดงออกของเรย์ดูจริงจังมาก มันหายาก…มันแย่มากเลยหรอ?เอลิออร์เปิดไฟล์วิดีโอด้วยความรู้สึกสงสัยตอนแรกก็เฉย ๆ แต่ทันใดนั้นเอลิออร์ก็เบิกตากว้างและอุทานว่า “นี่มันอะไรกัน!” เขาชี้ไปที่วิดีโอที่กำลังเล่นอยู่“นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น” เรย์พูดอย่างไม่แยแสตอนที่เรย์ดูตอนแรกเขารับไม่ได้ เช่นเดียวกับเอลิออร์ในตอนนี้เขารับมันไม่ได้มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเอลิออร์ปิดปาก ในห้องที่เงียบสงบไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคนรู้สึกอย่างไร เมื่อพวกเขาดูวิดีโอที่มีหลายช็อตอย่างชัดเจนจนจบในที่สุดหน้าจอก็มืดสนิท หัวใจของเอลิออร์เต้นเร็วมาก ข้าง ๆ เขามีบุหรี่กำลังยื่นมา “สูบมันก่อน เอลิออร์”เอลิออร์เอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ที่เรย์ยื่นให้ทันที เขาจุดไฟและพ่นควันสีขาวออกมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้“ทำลายมันซะ”มือของเรย์สั่นขณะที่จับบุหรี่ จากนั้นเขาก็สูบมันอีกรอบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทิ้งก้นบุหรี่ล
เช้านี้อากาศดีมากเมื่อเขาตื่นขึ้นมาหลังจากอาบน้ำและสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเขาก็เดินออกจากห้องน้ำและกำลังจะดึงผ้าม่านออกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูสองครั้งไมเคิลปล่อยมือที่จับผ้าม่านแล้วเดินไปที่ประตูหลังเสียงคลิกเบา ๆ ประตูก็เปิดออกทั้งสองคนทั้งใน และนอกประตูตะลึงในเวลาเดียวกันไมเคิลชะงักไปชั่วขณะ ช่วงเวลาต่อมาดวงตาเจ้าเล่ห์ก็กระพริบและหายไป“อืมมม?” เสียงทุ้ม และต่ำของเขาดังออกมาจากลำคอ มันฟังดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูกเขาเพิ่งออกจากห้องอาบน้ำและสวมเสื้อคลุมอาบน้ำบาง ๆ ดูอิดโรยไปหมด เขาดูน่าหลงใหลทีเดียวด้านนอกประตูผู้หญิงคนนั้นเบือนสายตาหนีและพูดว่า “อาหารเช้าที่คุณสั่งมาแล้วค่ะ... คนอื่น ๆ ไม่ว่าง โจโจ้ยังคงหลับอยู่ นั่นคือเหตุผลที่ฉัน…” นั่นคือเหตุผลที่เธอส่งอาหารเช้าให้เขาเธออ้างว่าคนอื่นยุ่ง แต่จริง ๆแล้วมีเพียงไม่กี่คนในโฮมสเตย์โฮมสเตย์นั้นไม่ใหญ่นักจึงมีพนักงานไม่มากนักมีบุฟเฟ่ต์ในตอนเช้า แน่นอน ว่ามันประกอบด้วยรายการอาหารเช้าธรรมดา ๆ มันไม่มีอะไรเทียบได้กับโรงแรมระดับห้าดาว แขกคนอื่น ๆ จะลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง แต่ก็มีแขกบางคนที่ร้องขออาหารเช้าพิเศษและสั่งให้
มีรถบัสในทุกเมืองเล็ก ๆ เพื่อเดินทางจากเอ๋อไห่ไปยังเมืองโบราณต้าหลี่โดยเฉพาะซึ่งแตกต่างจากรถบัสขนาดใหญ่ในเมือง มีเพียงรถโดยสารขนาดเล็กที่มีที่นั่งเพียง12 ที่ในขณะนี้ หญิงสาว และไมเคิลอยู่ในรถกระบะเพื่อเดินทางไปยังเมืองโบราณต้าหลี่มีพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ตลอดสองข้างทาง ที่นี่ไม่มีอาคารสูงตระหง่านไมเคิลหมุนหน้าต่างลง "ฟังเพลงไหม?""แล้วแต่คุณ" หญิงสาวหรี่ตาของเธอด้วยท่าทางอิดโรย เธอพิงเบาะผู้โดยสารด้านหน้าอย่างรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน เธอไม่มีความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาไมเคิลหรี่ตาของเขา และชำเลืองมองไปที่เธอลมพัดเข้ามาจากทางหน้าต่างรถ ผมสีดำของเธอ ซึ่งยาวเท่ากับเอวของเธอ ทันใดนั้นก็ดูไม่เป็นที่พอใจในต่อสายตาลมทำให้ผมของเธอยุ่งเหยิง เส้นผมที่หน้าผากของเธอห้อยลงข้างหูของเธอ ชายหนุ่มยื่นปลายนิ้วเรียวออกแล้วโน้มตัวไปข้างหน้ามีสัมผัสเย็น ๆ ที่แก้มของผู้หญิง ดวงตาที่ง่วงเหงาของเธอเบิกโพลงและเธอดูระแวดระวังเล็กน้อย "คุณกำลังทำอะไร?"“ผมของคุณยุ่ง” เขายิ้มโดยไม่สนใจความกังวลในดวงตาของเธอ นิ้วเรียวของเขากวาดปอยผมที่หลุดออกอย่างรวดเร็วและเหน็บไว้ที่หลังใบหูของเธอเพี้ยะ!
ไมเคิลยิ้มเบา ๆมีเรื่องราวความลับเบื้องหลังชุดน้ำชานี้เขามองไปที่หลังมือด้วยหางตาของเขา รอยแดงจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมองเห็นได้เขาชำเลืองตาและยิ้มเยาะ เขาเห็นผู้ชายรูปร่างสูงและล่ำยืนอยู่ข้างรถกระบะ หลังของเขาหันไปทางถนน โดยหันหน้าไปทางประตูที่นั่งคนขับ เขาไม่รู้ว่าชายคนนั้นกำลังทำอะไรถ้ามีใครเดินผ่านเขาไปตอนนี้ พวกเขาจะเห็นแขนของชายคนนั้นสั่นเล็กน้อยไมเคิลลูบหลังมืออีกครั้ง คิ้วของเขาถูกถักเข้าด้วยกัน เขาไม่พอใจ จากนั้นเขากัดฟันและหยิกเนื้อที่หลังมืออย่างโหดเหี้ยม เขาบิดมัน 270 องศาด้วยพลังทั้งหมดของเขาก่อนที่จะวางไว้ใต้ดวงอาทิตย์ เฮ้! ตอนนี้เขามีความสุขมากขึ้นเขาปิดประตูรถอย่างมีความสุขและหันหลังเพื่อเดินกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น"คุณเสร็จแล้วหรอ?""ใช่"“คุณใช้เวลานานมาก”“ฉันไม่คุ้นเคยกับถนนที่นี่ ฉันเลี้ยวผิดเข้าตรอก”ทั้งสองคนเดินไปที่ถนนใหญ่“คุณต้องการเก้าอี้เอนกายแบบไหน?” หญิงสาวถามช้า ๆ“ฉันคิดว่าแบบที่คุณมีก็ไม่เลวเหมือนกัน”หญิงสาวพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้างั้นฉันจะพาคุณไปซื้อมันที่ร้านเดิม งานฝีมือของพวกเขามีทักษะที่สูงและมีมาหลายชั่วอายุคน สินค้าของพวกเขาม
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค